สวัสดีครับ  รีวิวนี้พามาชมคอนโด The Room Sukhumvit69  ที่อยู่ตรงจุดบรรจบกันของถนนพระราม4 และสุขุมวิท ใกล้ๆกับ BTS พระโขนง โดยโครงการนี้เปิดขาย pre-sale ครั้งแรกไปเมื่อปีก่อนอยู่แป๊ปนึง  จากนั้นก็ปิดกั๊กมาเพิ่งมาเปิดขายรอบใหม่พร้อมเปิดสำนักงานขายที่โครงการไปพร้อมกัน  วันนี้อยู่สบายแวะเข้าไปเก็บรีวิวมาให้ชมกันอย่างละเอียดเช่นเคยครับ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน

The Room Sukhumvit 69 (The Room สุขุมวิท 69)

• เจ้าของโครงการ >>> Land and Houses (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์)
• ที่ตั้งโครงการ >>>  จุดบรรจบของถนนพระราม 4 กับสุขุมวิท  ติดไปรษณีย์พระโขนง
• ขนาดที่ดิน >>>  3-1-6 ไร่
• จำนวนชั้น >>> อาคารที่พักอาศัย 27 ชั้น  (อาคารจอดรถรวมอยู่ในตัวคอนโด)
• จำนวนอาคาร >>>  1 อาคาร
• ประเภทห้อง >>>  1 ห้องนอน  /  2 ห้องนอน
• ขนาดห้อง >>> 1 ห้องนอน 34.2-52.7 ตารางเมตร /  2 ห้องนอน 80.3-82.2 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>>  375  ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 70% รวมจอดรถซ้อนคันแล้ว
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  5.39 ล้านบาท (ห้อง 34.2 ตารางเมตร ชั้น 17 ณ วันที่ 2/3/2014)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยประมาณ  150,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.714204, 100.592773

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ถ้าหันหน้าเข้าหาที่ดินของโครงการจะเห็นด้านซ้ายมือเป็นที่ทำการไปรษณีย์พระโขนง(หมายเลข1) ซึ่งอยู่ตรงปากซอยสุขุมวิท 69 ใกล้ๆกับทางขึ้นลงรถไฟฟ้า BTS พระโขนงครับ  ส่วนทางฝั่งขวามือเป็นโปรเจคของ W Property (หมายเลข 2) ซึ่งทำเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ชื่อ W District ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยดี  ด้านล่างหน้าสุดเลยมี Max Valu อยู่ด้วย ในจากนั้นในโครงการก็มีส่วนที่เป็นคอนโดชื่อ Weltz Residences  ซึ่งโครงการนี้มีผลด้านมุมมองต่อคอนโด The Room ที่กำลังรีวิวนี้อย่างแน่นอนครับ  เพราะเล่นอยู่ติดๆกันซะขนาดนี้

ขยับออกไปอีกหน่อยตรงปากซอยสุขุมวิท69/1 จะมีธนาคารอยู่ 2 ที่คือทหารไทยและกสิกรไทย(หมายเลข 3) ซึ่งกสิกรไทยสาขาตรงนี้เดิมก็ตั้งอยู่ตรงที่ดินของ The Room นี่ก่อนจะขายทุบตึกย้ายขยับออกไปหน่อย  ถัดไปอีกหน่อยมีคอนโดอีก 2 โครงการที่สร้างเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว  คือ Wyne by Sansiri (หมายเลข 4)ซึ่งขายหมดปิดโครงการไปหลายเดือนแล้วเหมือนกัน  ถัดเข้าไปในซอยหน่อยก็จะเป็นคอนโด The Bloom สุขุมวิท71 (หมายเลข 5) ครับ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

พาไปเดินเล่นรอบๆก่อนเข้าสำนักงานขายครับ

ฟุตบาทช่วงทางเดินหน้าโครงการ

หน้าไปรษณีย์พระโขนงครับ  ถ้าลงรถไฟฟ้าแล้วเดินมาโครงการจะต้องผ่านตรงนี้

บริเวณปากซอยสุขุมวิท 69 มีพี่วินเสื้อส้ม กับ Family Mart

ยืนตรงสามแยกแล้วมองไปถนนพระราม 4

มุมนี้อยู่บนถนนพระราม 4 ก่อนจะเลี้ยวเข้าสุขุมวิทครับ  จะเห็นตัวที่ดินของโครงการอยู่ทางขวามือ  ติดๆกับไปรษณีย์พระโขนง

เวลาขับรถเลี้ยวจากพระราม 4 เข้ามาหน้าโครงการก็จะเห็นมุมนี้ครับ

Weltz Residences  ยืนตระง่านอยู่ข้างๆกับ The Room ตรงนี้มีผลในเรื่องวิวแน่นอน

ถ่ายให้ดูพื้นที่แนวที่ดินของทั้ง The Room และ Weltz Residences ที่ติดกัน

Wyne by Sansiri อยู่ตรงแยกสุขุมวิท 71 พอดี

คอนโด The Bloom Sukhumvit 71 สร้างเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ปีที่แล้วเช่นกัน

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เข้ามาที่สำนักงานขายกันเลยครับ

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ตัวที่ดินของโครงการนั้นทำมุมเฉียงๆกับแนวถนนสุขุมวิทโดยอยู่เลยจากตรงสามแยกไปนิดเดียว  ถ้าคนเชื่อเรื่องโชคลางหน่อยก็อาจจะดูเป็นกึ่งๆทางสามแพร่งได้  ถ้าไม่ซีเรียสตรงนี้ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร  เรียกว่าอยู่ที่ความเชื่อล้วนๆเลยครับ  บังคับกันไม่ได้ด้วยของแบบนี้นานาจิตตัง

ตรงทางเข้าโครงการนั้นอยู่ห่างจากบันได BTS พระโขนงประมาณ 150 เมตร  เดินมาสะดวกทีเดียว  ด้านทิศตะวันตกของโครงการนั้นติดกับที่ทำการไปรษณีย์พระโขนง  ส่วนทางทิศตะวันออกติดกับ W District และคอนโด Weltz Residences ครับ  อย่างที่บอกว่าตึกของ Weltz Residences นั้นมีผลต่อมุมมองจาก The Room อย่างแน่นอน

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้นวางตัวขนานกับแนวทิศเหนือ-ใต้  ด้านทิศใต้ที่มองไปทางสุขุมวิทขาเข้าจะเห็นวิวโล่งกว่าอีกฝั่งพอควร  แต่ก็จะร้อนกว่าเพราะหันหน้าเข้าทิศตะวันตกเต็มๆครับ  ด้านี้วางห้องไซส์เล็กๆเอาไว้หมด

ตำแหน่งอาคารสูงรอบๆที่มีผลต่อมุมมองจากตัวคอนโด

รูปนี้ทำกราฟิกให้เห็นคร่าวๆว่าอาคารรอบๆนั้นมีผลอะไรกับมุมมองจากตัวโครงการบ้างนะครับ  แน่นอนว่าตึกโดยรอบที่ส่งผลต่อมุมมองมากที่สุดก็จะเป็นคอนโด Weltz Residences ที่เปิดหน้าต่างห้องมาก็เจอกันเลย  ด้านนี้คงไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไหร่ครับ

ส่องโมเดล

มุมจากทางทิศตะวันตก(เฉียงเหนือนิดๆ)

มุมด้านหลัง

สวนทางด้านหน้าโครงการ

Facilities เหนือโพเดียมที่จอดรถ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

Facilities  ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นโพเดียมเหนือที่จอดรถ  โดยสระว่ายน้ำนั้นจะหันหน้าไปฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับ Waltz Residences และมีห้อง Facilities ต่างๆอยู่ล้อมรอบครับ

พื้นที่ส่วนกลางที่ได้มามีสระว่ายน้ำระบบโอโซนซึ่งจัดว่าเป็นอีกเกรดที่สูงกว่าระบบน้ำเกลือปกติ  แล้วก็มีฟิตเนส , stream room , ห้องประชุม , ห้องอ่านหนังสือ  โดยห้องต่างๆนี้ก็จะอยู่รวมกันที่ชั้น 6 รอบๆสระว่ายน้ำ  ด้านล่างชั้น 1-5 เป็นที่จอดรถ

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น  สัดส่วนลิฟต์โดยสาร 3 ตัวกับ 375 ยูนิต  เฉลี่ยออกมาได้ 125 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว  ถือว่าออกมาโอเคอยู่  ที่จอดรถ 70% นับรวมจอดซ้อนคันสำหรับคอนโดติดรถไฟฟ้าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดีทีเดียว  จากรูปหน้าตา Facilities ที่ออกมาก็ดูเรียบหรูดีทีเดียว  ภาพรวมดูดีครับ

มาดูหน้าตากัน  เริ่มจากสระว่ายน้ำก่อน  ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหนใช้ระบบโอโซนเท่าไหร่

บริเวณล็อบบี้  ใช้เพดานสูงเป็น Double Space วัสดุจากในภาพนั้นดูหรูทีเดียว

ในส่วนห้องอ่านหนังสือ (Sky Reading Lounge) ที่ชั้น 6

ในห้อง Stream Room

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Floor Plan คอนโด The Room Sukhumvit 69 ชั้น 1 

เริ่มที่ชั้น 1 กัน  ด้านหน้าจากถนนก่อนจะถึงตัวล็อบบี้นั้นมีระยะพอสมควร  จัดพื้นที่เป็นสวนและมีบ่อน้ำอยู่รอบๆล็อบบี้ทางด้านหน้า  ตรงนี้ยังไม่เห็นหน้าตาจริงเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง  ต้องส่องดูจากโมเดลรูปด้านบนครับ

Typical Floor Plan คอนโด The Room Sukhumvit 69 ชั้น 7-24 

แปลนนั้นเป็นรูปตัว L โดยที่ตรงมุมตัว L ด้านในนั้นเว้าเข้าไปหน่อยทำให้รูปทรงอาคารดูไม่เป็นก้อนตันๆมากนัก  ห้องแบบ 2 ห้องนอนนั้นจะอยู่ตรงมุมอาคารทั้งด้านนอกและด้านใน  ส่วนแบบ 1 ห้องนอนขนาด 34.xx ตารางเมตรก็จะต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันตกตรงๆ  ซึ่งรับรองได้ว่าตอนบ่ายร้อนชัวร์ๆครับ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนของคอนโด The Room สุขุมวิท 69 มีหลักๆอยู่ 3 แบบครับ  เป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด  34.20 ตารางเมตร  และ 44.60 ตารางเมตร  ส่วนแบบ 2 ห้องนอนไปเริ่มที่ 80.3 ตารางเมตร

แปลนห้องคอนโด The Room สุขุมวิท69

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34.20 ตารางเมตร

แปลนรวมๆนั้นจัดออกมาได้เป็นสัดเป็นส่วนดีครับ  เข้าห้องมาจะเจอสเปซส่วนพักผ่อนก่อนส่วน pantry ครัวสำหรับเตรียมอาหารเอาไปไว้ติดด้านนอก  สังเกตว่าจะเตรียมผนังเป็นช่องๆไว้สำหรับทำ built-in เพิ่มในส่วนของที่วางทีวี  ซึ่งถ้าทำออกมาแล้วก็น่าจะเรียบร้อยดี  ลองสังเกตการวางแนวผนังระหว่างห้องนอนกับสเปซด้านนอกจะเห็นว่าผนังไม่ได้ตรงกันเป็นแนวเส้นตรงเส้นเดียวเหมือนแปลนคอนโด 1 ห้องนอนทั่วๆไป  แต่ปูดเอาสเปซตรงส่วนพักผ่อนและส่วนนอนให้มีสัดส่วนมากกว่าสเปซส่วนเตรียมอาหารและส่วนห้องน้ำ

รวมๆแล้วก็จัดค่อนข้างโอเคดีทีเดียว  เพียงแต่พื้นที่ส่วนพักผ่อนนั้นดูจะได้แสงธรรมชาติจากด้านนอกน้อยไปหน่อย เพราะพื้นที่ที่แสงจะเข้ามาตรงส่วนเตรียมอาหารนั้นแคบกว่าเมื่อเทียบกับความกว้างของสเปซส่วนพักผ่อน  อาจจะช่วยเรื่องแสงได้นิดหน่อยตรงที่ห้องนอนมีช่องแสงสูงจากพื้นจรดฝ้ามาให้ด้วย

แปลนห้องคอนโด The Room สุขุมวิท69

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 44.60 ตารางเมตร

โดยตำแหน่งของการวางฟังก์ชั่นนั้นคล้ายๆกับแบบ 34.20 ตารางเมตร  จุดที่แตกต่างกันชัดๆหน่อยคือตรงบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารนั้นจะออกมาตั้งลอยตัวได้  ประมาณว่าทานอาหารแล้วยังนั่งสบตามองหน้ากันตรงๆได้อยู่  และกระจกช่องแสงระหว่างห้องนอนกับส่วนพักผ่อนก็ได้มาเป็นกระจกเข้ามุมรวมไปถึงกระจก tempered ที่เป็นฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำด้วย

แปลนห้องคอนโด The Room สุขุมวิท69 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 80.20 ตารางเมตร

ตำแหน่งของห้องแบบ 2 ห้องนอนนั้นจะอยู่ตรงมุมอาคารพอดี  ทำให้สามารถวางพื้นที่ส่วนครัวกับพื้นที่ห้องนอนและส่วนพักผ่อนให้ติดด้านนอกได้แสงธรรมชาติทั้ง 2 ฝั่ง  โดยส่วนครัวนั้นขนาดใหญ่มากทีเดียว  กั้นเป็นห้องมาให้เรียบร้อยทำให้ทำอาหารแบบต้ม ผัด แกง ทอด จัดเต็มได้มากกว่าแบบ 1 ห้องนอน ที่จะเป็น pantry ลอยๆตัวอยู่กั้นห้องไม่ได้

ส่วนฟังก์ชั่นห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องพักผ่อนก็ได้แสงธรรมชาติเข้ามาเต็มๆเนื่องจากใช้กระจกบานใหญ่สูงจรดฝ้าเพดาน (ถ้าเป็นแบบ 1 ห้องนอนไซส์ 34 ตารางเมตร  บานหน้าต่างจะไม่ยาวจรดพื้น)  รวมๆแล้วสเปซกว้างขวางน่าใช้งาน  พอลองเดินดูภายในแล้วแอบรู้สึกว่าสเปซในห้องนอนเล็กนั้นแคบไปนิดนึง  ถ้าลองลูกๆโตขึ้นต้องตั้งโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆอาจจะดูคับแคบได้  จริงๆถ้าพอจะแบ่งสัดส่วนของพื้นที่ส่วนอื่นๆที่กว้างสุดๆมาแชร์ตรงนี้ได้หน่อยก็น่าจะเป็นแปลนที่เนียนดีเดียวครับ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีให้ดูแบบ 1 ห้องนอน 34.20 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน 82.20 ตารางเมตร  ความสูงของสเปซระยะฝ้าเพดานในห้องทั่วๆไปสูง 2.70 เมตร  ส่วนห้องน้ำจะสูง 2.50 ครับ

ห้องตัวอย่างคอนโด The Room สุขุมวิท69 แบบ 1 ห้องนอน 34.20 ตารางเมตร

เข้ามาในห้องดูมุมรวมๆจากส่วนพักผ่อนครับ

สเปซบริเวณ pantry ครัว  ตอนที่แวะเข้าไปดูแสงแดดส่องเข้าห้องตรงๆพอดี  แสงจ้าไปหน่อยเลยไม่ค่อยเห็นดีเทลเท่าไหร่  ผมเลือกเวลาผิดไปนิดนึง ^^”

รูปนี้ถ่ายให้ดูเฟอร์นิเจอร์ Built-in ในส่วนที่เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆที่ติดกับโซฟาลอยตัวที่ได้มาด้วย  สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานเขียนหนังสือหรือรับประทานอาหารก็ได้  สังเกตดูขอบของโซฟาในห้องจะเห็นว่าฝั่งที่ติดกับโต๊ะรับประทานอาหารนั้นทำให้ที่พักแขนของโซฟามีความกว้างพอเป็นเบาะให้นั่งได้  เป็นการรวมเฟอร์นิเจอร์ 2 ชิ้นที่ให้มาเข้ามาใช้งานด้วยกัน  เวลารับประทานอาหารกัน 2 คนก็ต้องมีคนนึงที่นั่งตรงขอบที่พักแขนของโซฟานั่นแหละครับ  แรกๆอาจจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างกว่าจะชิน

ถ่ายย้อนกลับไปหน้าห้องครับ  พื้นที่ฝั่งขวาที่ทำเป็นตู้ Built-in ด้านบนนั้นเป็นส่วนตกแต่งไม่ได้มากับห้องครับ  ลองสังเกตตรงด้านข้างของประตูแถบสีเทาๆ  ตรงนั้นด้านบนจะเป็นช่องที่หย่อนจดมายจากภายนอกเข้ามาแล้วเปิดหยิบจากด้านในได้(หลักการเหมือนตู้จดหมายนั่นแหละ)  ส่วนด้านล่างเป็นช่่องระบายอากาศที่เปิด-ปิดได้  ตรงนี้แปลกใหม่ดี

พาเข้ามาดูภายในห้องนอนครับ  มุมนี้มองจากหน้าห้องน้ำในห้องนอนอีกที

มองกลับไปอีกทาง  ด้านซ้ายจะเห็นเป็นช่องกระจกติดตายสูงจรดฝ้าเพดาน  เพื่อช่วยเรื่องเอาแสงเข้าไปได้มากขึ้น  รวมถึงช่วยเรื่องความโปร่งด้วย  ส่วนด้านขวาก็เป็นประตูทางเข้าห้องน้ำครับ

ดูรวมๆกันอีกที  มุมนี้จะเห็นตู้เสื้อผ้าด้วย หน้าบานเป็นกระจก Reflective ใช้ส่องได้  แต่ก็ไม่ทึบ 100% สามารถมองทะลุเข้าไปได้เช่นกัน

ถ่ายให้ดูระยะขอบล่างของบานหน้าต่างครับ  ตรงนี้แบบ 1 ห้องนอนขนาด 34.20 นี้ขอบล่างกระจกจะสูงพอๆกับระดับขอบเตียง  แต่ถ้าเป็นแบบ 2 ห้องนอนจะได้กระจกเต็มบานจากพื้นจรดฝ้าเลย (เดี๋ยวมีรูปให้ดูในห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนครับ)

ห้องตัวอย่างคอนโด The Room Sukhumvit 69 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 82.20 ตารางเมตร 

เปิดเข้ามาในห้องดูมุมรวมๆกันครับ  ส่วนพักผ่อนนั้นกว้างขวางสบายๆ  พื้นที่เหลือๆ  (แต่ถ่ายรูปแล้วแสงย้อนเข้ามาอีกแล้ว – -:”)

ส่วนพื้นที่ครัวแยกเป็นสัดส่วนไปเลยและกั้นกระจกพร้อมประตูบานเลื่อนมาให้  ขนาดใหญ่พอใช้งานแบบเหลือๆครับ  ถัดออกไปด้านนอกจะเป็นส่วนระเบียงและมีพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ให้

มุมนี้ยืนจากห้องน้ำด้านนอก  และมองออกไปรวมๆทั้งส่วนที่เป็น pantry ส่วนรับประทานอาหาร และส่วนพักผ่อนครับ

เข้ามาดูในครัวบ้าง ได้พื้นที่มาเต็มๆ (อย่างว่าแหละห้องขนาดตั้ง 80 กว่าตารางเมตร)  มีกระจกเข้ามุมให้ด้วย

เข้ามาดูในห้องนอนใหญ่กันครับ  มองกลับออกไปจะเห็นทางเดินเข้ามา  มีส่วนที่เป็นตู้เสื้อผ้า built-in มาให้เรียบร้อย

ดูตรงพื้นที่ส่วนนอน  จะเห็นว่าได้กระจกบานสูงตั้งแต่พื้นจรดฝ้าเลย  ต่างกับแบบ 1 ห้องนอน (ถ้าดูในรูปแปลนกราฟิกที่ทำมาให้จะเห็นเตียงอยู่คนละด้านกับในห้องตัวอย่างนะครับ  เพราะแปลนที่ให้ลูกค้าดูกับห้องตัวอย่างนั้นจัดเฟอร์นิเจอร์หันหัวเตียงคนละด้านกัน)

ระยะข้างๆเตียงกว้างมากทีเดียว

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่มีกระจกสูงจรดฝ้ามองทะลุไปห้องนอนได้  ตรงนี้ถ้าจะติดม่านเปิด-ปิด อาจจะหาตำแหน่งยากหน่อย  เพราะบานกรอบอลูมิเนียมนั้นสูงชนเพดานเลย

เข้ามาดูในห้องนอนเล็กกันบ้างครับ  อย่างที่บอกไปว่าดูแล้วพื้นที่ห้องแน่นไปนิดนึงเมื่อเทียบกับพื้นที่ด้านนอกที่ทำไว้เหลือๆ โล่งๆ

ตรงระเบียงครับ  ราวกันตกเป็นกระจกมีราวจับอลูมิเนียม  ตรงนี้แบบ 1 ห้องนอนจะไม่มีนะครับ  เป็นราวแผงอลูมิเนียมธรรมดา(เดี๋ยวจะให้ดูรูปเพิ่มเติมในส่วนรีวิววัสดุ)

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมก็ให้มาโอเคครับ  เมื่อเทียบแบบ 1 ห้องนอนกับ 2 ห้องนอนก็จะเปลี่ยนวัสดุและรายละเอียดบางอย่างไป  เช่นระยะความสูงของกระจก , วัสดุราวระเบียง เป็นต้น  ผมติดใจอย่างเดียวที่พื้นห้องเป็นลามิเนตครับ  คิดว่าห้องในราคาระดับนี้น่าจะให้อย่าง Engineering Wood  มามากกว่า  พอดูราคาในภาพรวมแล้วได้ลามิเนตเลยดูด้อยลงไปหน่อย

อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง(Finishing Material)  เพื่อให้ส่องกันง่ายๆเช่นเคยครับ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

ครัวแบบ 1 ห้องนอน  ฝั่งด้านที่มีอ่างล้างจานครับ

อีกฝั่งตรงข้ามที่มีเตาไฟฟ้า

อ่างของ Teka หลุมเดียว แบบฝั่งใต้เคาท์เตอร์

เตาเซรามิคของ Teka เช่นกัน

ให้ดูผิววัสดุกันใกล้ๆ   Top เคาท์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์  สำหรับครัวแบบ 1 ห้องนอนก็จะเป็นโทนสีนี้ครับ

แบบ 2 ห้องนอน Top เคาท์เตอร์ครัวจะเป็นสีขาว  และแน่นอนว่าครัวขนาดใหญ่กว่ามากทีเดียว  และผิวของหน้าบานจะทำ Hi-gloss ต่างจากแบบ 1 ห้องนอนครับ

วัสดุห้องน้ำ

รอยต่อธรณีประตูห้องน้ำกับพื้นห้องด้านนอกครับ  ระดับนั้นเท่าๆกันเลย  ยกธรณีขึ้นมานิดเดียว  รูปนี้ดูจะเห็นโทนสีของกระเบื้องห้องน้ำกับโทนสีลามิเนตด้วย

มีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้

ผนังด้านที่ติดกระจกในห้องน้ำปูโมเสคมาให้ ตัวกระจกยกออกจากแนวผนังแล้วก็ซ่อนไฟไว้ข้างหลัง  ดูหรูหราดีทีเดียว  ถ้าเป็นแบบ 2 ห้องนอนก็จะได้กระจกบานใหญ่(ดูในรูปห้องตัวอย่างด้านบนนะครับ)

กระจกนิรภัย tempered glass ของ Christina

อ่างทรงโมเดิร์นเหลี่ยมๆของ Käsch  ก็อกน้ำก็เช่นกัน

ฝักบัว Käsch  ติดมาให้ระดับต่ำๆหน่อยประมาณหน้าอก  ด้านบนมี rain shower  แต่ผมก็รู้สึกว่าระดับมันแปลกไปอยู่ดี  เพราะถ้าไม่ใช้ rain shower จะแขวนฝักบัวติดผนังแล้วอาบก็ลำบากหน่อย

มีช่องเล็กๆ  ทำเป็นกระจกชั้นวางของ

ลวดลายกระเบื้องของห้องน้ำแบบ 2 ห้องนอนครับ  ถ้าเป็นแบบ 1 ห้องนอนจะขาวอย่างเดียว  ไม่มีลายในเนื้อกระเบื้อง

สุขภัณฑ์หน้าตาเหลี่ยมๆของ Käsch

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

Digital Door Lock ของ Yale ครับ

ช่องใส่จดหมายที่เสียบจากด้านนอก

โทนสีพื้นลามิเนตครับ  จริงๆโครงการราคาประมาณนี้น่าจะได้พวก Engineering Wood นะครับ

บัวพื้นสีขาว

ราวกันตกแบบ 1 ห้องนอนเป็น perforated metal

พอชะโงกลงไปดูจะเห็นพื้นที่ด้านล่างทำเป็นที่วางแอร์ไว้  ผมชอบดีไซน์ตรงนี้ครับเพราะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ดูไม่เกะกะดี  แต่ถ้าเป็นห้องชั้นล่างๆที่น่าจะพอเห็นพื้นที่ส่วนหรือสระว่ายน้ำบ้างน่าจะขวางทิศทางการมองมุมลงไปด้านล่างอยู่เหมือนกัน

แบบ 2 ห้องนอนราวกันตกจะเป็นกระจก laminated glass

แผงบังแอร์อลูมิเนียมเปิดปิดได้  เรียบร้อยดี

ระเบียงเผ็นฝ้าเรียบๆ  ขอบหน้าต่างด้านบนนั้นสูงไปจรดฝ้าเลย

บานกรอบอลูมิเนียมทำสีแบบ power coated  ให้ผิวสัมผัสดีครับ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นวันที่แวะเข้าไปทำรีวิว (2 มีนาคม 2557) แบบ 1 ห้องนอนนั้นเริ่มที่ 4.69 ล้านบาทที่ชั้น 7 ครับ  แบบ 2 ห้องนอนด้วยความที่พื้นที่ใหญ่มากเลยกระโดดไปเริ่มที่ 12.49 ล้านบาทกันเลย  ราคาโหดเอาเรื่องทีเดียว

ราคา ณ วันที่ 2 มีนาคม 2557 

ราคาเริ่มต้น :

1 bedroom  พื้นที่ 34.20  ตร.ม. ชั้น 7   ราคา 4,690,000 บาท เฉลี่ย 145,092 บาท/ตร.ม.

1 bedroom  พื้นที่ 34.20  ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 5,390,000 บาท เฉลี่ย 157,602 บาท/ตร.ม

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

1 Bedroom จอง 50,000 บาท

• ผ่อนผ่อนดาวน์

1 bedroom 20,000 บาท/เดือน 21 งวด (Balloon 2 งวด งวดละ 200,000 บาท)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง   50  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคนครับ  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  83% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  4.69  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 27,049 บาท/เดือน

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  5.39  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 31,086 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  83% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  4.69  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 28,588 บาท/เดือน

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  5.39  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 32,854 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  83% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  4.69  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 31,164 บาท/เดือน

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  5.39  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 35,815 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  83% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  4.69  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 35,861 บาท/เดือน

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  5.39  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 41,214 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  83% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  4.69  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 45,920 บาท/เดือน

1 bedroom   พื้นที่ 34.20 ตร.ม.  ราคาขาย  5.39  ล้านบาท  ผ่อนประมาณ 52,773 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางนั้นจัดว่าค่อนข้างสะดวกครับ  อย่างที่ทราบว่าตำแหน่งที่ตั้งโครงการนั้นอยู่ตรงที่ถนนพระราม 4 กับสุขุมวิทมาบรรจบกันก็เลยจะเข้าถึงได้จากหลายทาง  ถ้าจะใช้โครงข่ายทางด่วนก็ไปขึ้น-ลง  ตรงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ก็สะดวกดี  รวมๆแล้วเข้าถึงไม่ยากครับ  ถ้าขับรถมาจากทางพระราม4 เวลาเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิทให้พยายามอยู่เลนทางซ้ายสุด(ที่จะเลี้ยวขวาได้)  เพราะไม่งั้นพอเลี้ยวเข้าสุขุมวิทมาแล้วเดี๋ยวจะเปบี่ยนเลนเลี้ยวเข้าโครงการไม่ทัน

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ถ้าแบ่งช่วงของสุขุมวิทออกเป็นโซนๆ  ตรงบริเวณสถานีพระโขนงจะถือว่าเป็นจุดที่เริ่มจะหลุดออกมาจากใจกลางเมืองแล้ว  มูลค่าของทำเลเมื่อเทียบกับโซนทองหล่อ – เอกมัย  จึงดูแล้วต่างกันอยู่ทีเดียวแม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลกันมากก็ตาม  ในด้านโครงสร้างพื้นฐานโซนนี้ก็ถือว่ามีรองรับอยู่ครบแล้ว

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

ด้วยความที่ตัวที่ดินของโครงการนั้นวางตัวแบ่งเป็นทิศตะวันออกและตะวันตกชัดเจน  ทำให้พอวางแปลนออกมาแล้วจะมีด้านที่โดนแดดบ่ายเต็มๆชัดเจน(ซึ่งก็เป็นแบบ 1 ห้องนอนไซส์เล็กที่ต้องร้อนกันหน่อย)  ส่วนอีกด้านนึงที่ร่มกว่าก็จะโดนบังวิวจากคอนโด Weltz Residences อยู่พอควร  แต่ก็มีวิวสระว่ายน้ำมาชดเชย   ตัวคอนโดนั้นมีการใช้องค์ประกอบพวกระนาบเส้นตั้งเส้นนอนมาตกแต่งตัวอาคารทำให้เกิดแพนเทิร์นบนตัวอาคารที่น่าสนใจดีครับ  ส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวตึกดูไม่ทึบตันจนเกินไปก็คือครีบแนวตั้งที่ยื่นออกมาจากแนวผนังอาคารซึ่งจะทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น  โดยรวมๆแล้วผมชอบดีไซน์ของตัวคอนโดพอควรทีเดียว

ด้านการวางแปลนนั้นจัดมาได้ดี  แบบ 1 ห้องนอนมีลูกเล่นการรวบพื้นที่โดยเอาส่วนนึงของโซฟามาเป็นเบาะของเก้าอี้นั่งรับประทานอาหารในตัว  แต่คนที่นั้นตรงนั้นคงเมื่อยหลังหน่อยเพราะไม่มีพนักเก้าอี้  ส่วนแบบ 2 ห้องนอนด้วยขนาดที่ใหญ่มากทำให้สเปซการใช้สอยรวมๆนั้นออกมาโล่งๆสบายๆ(ก็แน่หล่ะ  เพราะราคาก็กระโดดไปเยอะทีเดียว)  ในเรื่องการวางสัดส่วนของสเปซในแปลนนั้นผมมองว่าห้องนอนเล็กนั้นได้พื้นที่มาน้อยและแคบไปหน่อยเพราะห้องอื่นนั้นใหญ่อลังการเหลือเกิน  ถ้าแชร์สัดส่วนพื้นที่มาให้ห้องนอนเล็กบ้างก็จะดีมากทีเดียว

ด้านวัสดุนั้นให้มาดีในภาพรวมครับ  คาใจแค่ตรงที่ได้พื้นเป็นลามิเนตเพราะด้วยระดับราคาแล้วผมว่าน่าจะได้อะไรมากกว่านี้ครับ  นอกนั้นวัสดุอื่นๆก็โอเค  วัสดุแบบ 2 ห้องนอนนั้นก็จะอัพเกรดขึ้นมาจากแบบ 1 ห้องนอนอยู่ในบางจุดก็เรียกว่าตามราคาที่เพิ่มขึ้นครับ  ด้านพื้นที่ส่วนกลางนั้นให้มาครบ  สัดส่วนการใช้ลิฟต์ที่ 125 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัวนั้นพอโอเคอยู่  ที่จอดรถ 70% กับโครงการติดๆกับรถไฟฟ้าก็ถือว่าใช้ได้ครับ

ด้านตัวเลือกอื่นๆ

โครงการบริเวณรอบๆและพื้นที่ใกล้เคียงนี้มีเปิดตัวไล่ๆกันช่วงปีที่แล้วหลายโครงการเลยครับ  ส่วนใหญ่ทางอยู่สบายก็ไล่ทำรีวิวไปให้แล้ว  มีทั้ง The Loft Ekkamai , Rhythm Sukhumvit 42 และ The Portrait Rama 4

นอกนั้นก็มีที่สร้างเสร็จขายหมดไปแล้วอย่าง Wyne by Sansiri  ส่วนในช่วงต้นซอยปรีดี พนงยงค์ ก็มี The Bloom Sukhumvit 71  หรือจะที่ไม่ห่างกันนักแต่อยู่คนละระดับราคา  คนละ segment การตลาดอย่าง Aspire Sukhumvit 48 ครับ

ว่างๆลองเข้าไปอ่านรีิวิวตัวอื่นๆดูเพิ่มเติมได้ครับ  ^^

อ่านรีวิว The Loft Ekkamai คลิกที่นี่

อ่านรีวิว Rhythm Sukhumvit 42 คลิกที่นี่

อ่านรีวิว The Portrait Rama 4 คลิกที่นี่

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยครับ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆครับ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นครับ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะครับ