สภาวิศวกร และสภาสถาปนิก จับมือแถลงการณ์ต่อโครงการ “รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา”

· ~ 1 min read

จากประเด็นที่พูดกันมากถึงการใช้คำสั่ง คสช. ตามมาตรา ม.44  ในการยกเว้นข้อบังคับมาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 รวมถึง มาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543  ทำให้โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา  อนุญาตให้วิศวกรและสถาปนิกจากประเทศจีนเข้ามาทำงานในโครงการนี้ได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในไทย  ซึ่งที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากในโลก Social

วันนี้ (21 มิ.ย.60) ทางสภาวิศวกร และสภาสถาปนิก จึงรีบจับมือกันแถลงการณ์ด่วน  เกี่ยวกับประเด็นนี้  ซึ่งทางทีมงาน yusabuy.com เห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ  จึงได้เข้าไปรับฟังด้วย  และสรุปข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันง่ายๆ  ดังนี้ครับ

ตามคำสั่ง คสช.ที่ 30/2560 ได้ระบุให้การรถไปแห่งประเทศไทยทำสัญญาจ้างรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวแทนจากจีนมาดำเนินการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีงานที่ได้รับการยกเว้น 3 ประเภท คือ

  • (1) งานออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา
  • (2) งานที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา
  • (3) งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกลรวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร

ม44-รถไฟความเร็วสูง

 

แต่ในส่วนของงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (construction) นั้นไม่ได้รับการยกเว้น  ผู้รับจ้างงานก่อสร้างจะต้องมีใบอนุญาตจากสภาวิศวกร หรือจากสภาสถาปนิก เพื่อจะทำงานก่อสร้างโครงการ  ซึ่งหากเป็นชาวต่างชาติ จะต้องขอรับใบอนุญาตระดับภาคีวิศวกรพิเศษ หรือระดับภาคีสถาปนิกพิเศษ  ซึ่งทางสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจะช่วยเร่งรัด ดำเนินการ  และอำนวยความสะดวกให้  เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าของโครงการ รถไฟความเร็วสูง  กรุงเทพฯ-นครราชสีมา 

รถไฟความเร็วสูง ม.44

 

แม้คำสั่ง คสช. ม.44 จะยกเว้นข้อบังคับมาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 ทำให้ไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ  แต่ในหลักการวัดผลของทั้งทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมยังคงอยู่   โดยวิศวกรของจีนที่เข้ามาทำงานในโครงการนี้  ยังคงต้องมีการอบรมและทดสอบความรู้ความชำนาญในวิชาชีพวิศวกรรม  ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกดำเนินการ  เพียงแต่ไม่ใช่ในรูปแบบของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน  โดยในแง่ของสาขาวิศวกรรม  การทดสอบนี้สามารถทำได้จาก มาตรา 8 (4) ตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542  ที่ระบุไว้ว่า สภาวิศวกรมีอำนาจและหน้าที่ในการรับรองความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม  ทั้งนี้รูปแบบของการทดสอบความรู้ของวิศวกรชาวจีนที่จะร่วมในโครงการ  กำลังอยู่ในระหว่างหารือและดำเนินการทั้งทางสภาวิศวกรของประเทศไทยและประเทศจีน  เพื่อให้เสร็จสิ้นภายใน 120 วัน

ซึ่งการจัดให้มีการทดสอบตามมาตรา 8 (4) จะทำให้วิศวกรชาวจีนสามารถประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรมในประเทศไทยได้เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่กำลังดำเนินการอยู่นี้เท่านั้น  ไม่สามารถประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในโครงการอื่นๆ ในประเทศไทยได้  เพราะถือว่าไม่มีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม  โดยจะมีการโครงการและระยะเวลาที่การทดสอบครั้งนี้มีผลให้ทำงานได้อยู่ด้วย

ทั้งนี้ถ้าหากเกิดเหตุผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดจากการออกแบบ คำนวณ ฯลฯ ที่เป็นผลต่อเนื่องให้เกิดความเสียหายอื่นใด  ทางวิศวกรจีนก็ยังจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและอาญาของไทยอยู่ดี  เนื่องจากทาง ม.44 ไม่ได้ระบุยกเว้นความรับผิดเอาไว้

นอกจากนี้อีกประเด็นหนึ่งที่พูดถึงกันมากก็เป็นเรื่องของการถ่ายโอนความรู้ทางเทคนิคต่างๆ ของจีนให้มาสู่คนไทย เพือให้เป็นประโยชน์ในอนาคต  ทางสภาวิศวกรและสภาสถาปนิก  ได้เห็นพ้องตรงกันว่าจะต้องมีตรงจุดนี้   ซึ่งทางภาครัฐได้มอบหมายให้ทางสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกไปหารือกันว่าจะมีข้อเสนออะไรบ้าง  ในเบื้องต้นมีข้อเสนอต่อภาครัฐ ดังนี้

  • จัดตั้งกรรมการถ่ายโอนเทคโนโลยี
  • ให้คณะกรรมการถ่ายโอนเทคโนโลยีกำหนดแผนงานระยะสั้น-กลาง-ยาว
  • กำหนดให้มีการจัดทำ Technology transfer progress report
  • กำหนดให้มี counterpart engineer / architect อยู่ในส่วนงานที่สำคัญ
  • ผลักดันสร้างองค์กรวิจัยพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี  ประกอบด้วย 3 หน่วยงาน คือ วิศวกรและสถาปนิกไทย / สมาคมวิชาชีพ / สถาบันการศึกษา  เพื่อที่จะนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นเทคโนโลยีของตัวเองในอนาคต

สภาวิศกร สภาสถาปนิก

 

ในเรื่องของการมีส่วนร่วมของคนไทยในทีมวิศวกรและสถาปนิก  เบื้องต้นคาดว่าจะได้เข้าร่วมในทีมงานมากกว่า 100 คน จากตำแหน่งในสัญญาทั้งหมด 251 ตำแหน่ง (แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันตัวเลขแน่นอน) ซึ่งทางสภาวิศกรก็ถือว่าเป็นตัวเลขจำนวนที่น่าพอใจ

สำหรับในส่วนของงานสถาปัตยกรรม  ที่มีสภาสถาปนิกเกี่ยวข้อโดยตรงในโครงการรถไฟความเร็วสูง  กรุงเทพฯ-นครราชสีมา นั้น หลักๆ จะเป็นในส่วนของการออกแบบตัวสถานี  และการออกแบบโรงซ่อมบำรุง  ซึ่งเบื้องต้นจะต้องหารือกับฝ่ายสถาปนิกจีนถึงเรื่องการให้คำแนะนำและอบรมต่างๆ  ในมิติที่เกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ตลอดจนมิติด้านศิลปวัฒนธรรม  ซึ่งอาคารที่ก่อสร้างในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา นี้จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมอาคารของไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ทางภาครัฐจะได้ให้สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกร่วมอยู่ในช่วงเวลาที่มีการร่างสัญญาด้วย

 

รถไฟความเร็วสูง สภาวิศกร สภาสถาปนิก

ข้อมูลเพิ่ม

แถลงการณ์ร่วมสภาวิศวกรและสภาสถาปนิก  กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2560 เรื่อง มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา

 

ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 30/2560 เรื่อง มาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2560 โดยข้อ 2 ของคำสั่งกำหนดให้การรถไฟแห่งประเทศไทยทำสัญญาจ้างรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นตัวแทนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีประสบการณ์ตรงด้านการพัฒนารถไฟความเร็วสูงที่ได้รับการรับรองคุณภาพและประสิทธิภาพจาก National Development and Reform Commission แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา ดังต่อไปนี้

(1) งานออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา

(2) งานที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา

(3) งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร

รัฐวิสาหกิจตามวรรคหนึ่งและบุคลากรของรัฐวิสาหกิจนั้นทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา  และนิติบุคคลหากต้องดำเนินการในลักษณะของการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมหรือวิชาชีพสถาปัตยกรรมให้ได้รับยกเว้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 และมาตรา 45 มาตรา 47และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพ ให้กระทรวงคมนาคมประสานให้สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจัดให้มีหลักสูตรฝึกอบรมและทดสอบแก่บุคลากรดังกล่าวตามความเหมาะสม นั้น

สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกขอเรียนชี้แจงดังนี้

  1. สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกได้มีความพยายามอย่างที่สุดในการแสดงหลักการและจุดยืนเพื่อให้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 โดยการกำหนดให้วิศวกรและสถาปนิกจีนที่ประสงค์จะเข้ามาประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมและประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมในโครงการดังกล่าว ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตฯ ระดับภาคีวิศวกรพิเศษ และระดับภาคีสถาปนิกพิเศษ โดยสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจะเร่งรัด ช่วยเหลือ สนับสนุน และอำนวยความสะดวกในเรื่องของระยะเวลาการยื่นคำขอรับใบอนุญาตฯระดับภาคีวิศวกรพิเศษ และระดับภาคีสถาปนิกพิเศษ เพื่อมิให้เกิดปัญหาและอุปสรรคของความล่าช้าในการเริ่มโครงการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว ทั้งนี้ โดยมิได้ ย่อหย่อนต่อมาตรฐานการทดสอบความรู้ความชำนาญ
  2. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 โดยอาศัยอำนาจตามความ ในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งย่อมมีผลผูกพันต่อสภาวิศวกรและสภาสถาปนิก      ที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งดังกล่าว
  1. สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจะร่วมกันผลักดันให้เกิดความร่วมมือในโครงการดังกล่าว เพื่อให้วิศวกรและสถาปนิกไทยได้รับการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นรูปธรรม และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาวิชาชีพภายในประเทศ
  2. สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจะเร่งจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมและทดสอบแก่วิศวกร และสถาปนิกจีนที่จะเข้ามาประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมและประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา ตามความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพของโครงการดังกล่าว

อนึ่ง สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจะประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อติดตามดูแลโครงการดังกล่าวให้ได้รับประโยชน์ต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยต่อไป

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

สภาวิศวกรและสภาสถาปนิก

21 มิถุนายน 2560

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก