รีวิวนี้จะพาไปชม Unio Ramkhamhaeng – Serithai กันอีกครั้ง จากครั้งที่แล้วที่ได้เคยรีวิวไปตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการ ตอนนี้ Unio ราคาก็มีการปรับตัวขึ้นกันเล็กน้อยแต่ก็ยังอยู่ในราคาจับต้องได้โดยเริ่มต้นที่ 1.2 ล้านบาท ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนเสรีไทย ห่างจากแยกนิด้า 1 กิโลเมตร  เป็นถนนที่ขนานกับถนนรามคำแหงซึ่งในอนาคตถนนรามคำแหงจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านด้วย

ครั้งนี้ได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพหน้าตาอาคารมาให้ได้เห็นกันชัดๆ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและสระว่ายน้ำ เดี๋ยวไปดูกันว่าจากโมเดลกลายมาเป็นตึกจริง พื้นที่จริงๆ จะสวยงามน่าอยู่แค่ไหน ซึ่งตอนนี้โครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย ก็ยังมีเปิดขายอยู่ สามารถเข้าไปชมโครงการได้ค่ะ

Unio Ramkhamhaeng – Serithai
(ยูนิโอ รามคำแหง – เสรีไทย)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด (พัฒนาในแบรนด์ของอนันดาฯ)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนเสรีไทย ระหว่างซอยเสรีไทย 10 และ 12
• ขนาดที่ดิน >>> 6-0-51 ไร่
• จำนวนชั้น >>> 8 ชั้น
• จำนวนอาคาร >>> 3 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • สตูดิโอ Type A ขนาด 22.82 ตารางเมตร
  • สตูดิโอ Type B ขนาด 26.40 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>> 700 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 209 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 29%, รถจักรยานยนต์จอดได้ 43 คัน
• ราคาขายเริ่มต้น >>> วันที่ 24 กันยายน 2561
  • 22.82 ตร.ม. ราคา 1.2 – 1.5 ล้านบาท
  • 26 ตร.ม. ราคา 1.4 – 1.9 ล้านบาท
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ย 58,000 – 63,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.776880, 100.662700
• เว็ปไซต์โครงการ >>> Unio Condo Ramkhamhaeng – Serithai
• เบอร์ติดต่อ >>> 02-316-2222

.

โครงการ Unio Ramkhamhaeng – Serithai นั้นตั้งอยู่บนถนนเสรีไทยหรือเรียกอีกชื่อว่าถนนสุขาภิบาล 2 ห่างจากแยกนิด้า 1 กิโลเมตร ตำแหน่งอยู่ระหว่างซอยเสรีไทย 10 และเสรีไทย 12 ซึ่งเป็นเส้นที่ขนานกับถนนรามคำแหงและในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี และโมโนเรลสายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง มาสร้างอยู่ใกล้ๆ ให้ใช้บริการกัน  ส่วนสายสีเหลืองอยู่บนถนนลาดพร้าวและตัดเข้าถนนศรีนครินทร์ค่ะ

มาดูตำแหน่งรอบๆ ตัวโครงการก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

เดี๋ยวจะของ wrap up คร่าวๆ เกี่ยวกับทำเลโครงการนี้นะคะ  เพราะว่ายังมีดีเทลของคอนโดที่น่าสนใจให้พูดถึงอีกเยอะเลย  ตัวคอนโด Unio รามคำแหง-เสรีไทยถ้าวิ่งขึ้นไปทางแยกลำสาลีจะเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการที่สุด  มี Tesco Lotus บางกะปิ, The Mall บางกะปิ, Makro รวมทั้งตลาดบางกะปิด้วย เป็นจุดที่สามารถไปซื้อของ จับจ่ายใช้สอยได้ แต่ก็ต้องขับรถ หรือนั่งรถประจำทางมา แต่ถ้าเบื่อๆ จะข้ามไปคลองแสนแสบไปถนนรามคำแหงซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่มีความหนาแน่นและมีร้านค้ากระจายอยู่ทั่ว ซึ่งจะมีความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารการกินไม่ต่างจากตรงบางกะปิ นอกจากนั้นยังมี Big C, HomePro อีกด้วย ในอนาคตบนถนนรามคำแหงมีรถไฟฟ้าสายสีส้มก็ยิ่งทำภาพรวมของทำเลมีมูลค่ามากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในละแวกโครงการยังมีสวนสาธารณะ อย่างสวนพฤกษชาติ คลองจั่น และสวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม  จะไปเปลี่ยนบรรยากาศเดินเล่นหรือออกกำลังกายก็ได้ คนที่ไปใช้สวนนี้ก็ค่อนข้างเยอะด้วยไม่เหงาแน่นอน แต่ก็ไม่ต้องกลัวเพราะว่าพื้นที่ใหญ่ความหนานแน่นของคนก็ไม่เยอะค่ะ สบายๆ

ทีนี้กลับดูในระยะใกล้ๆ ตัวโครงการกันบ้าง เริ่มที่ข้างๆ ก่อนเลยเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น (หมายเลข 1)  อีกด้านฝั่งซอยบุญวิเศษจะมีอู่ซ่อมรถยนต์อยู่ ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นที่เปล่า (หมายเลข 2) ต่อจากอู่ซ่อมรถยนต์เป็นปั๊มน้ำมัน Shell (หมายเลข 3) และปั๊มน้ำมัน Susco (หมายเลข 4)  ติดกับปั๊มน้ำ Shell คือศูนย์บริการรถยนต์ Subaru เสรีไทย  การที่มีปั๊มน้ำมันเยอะแบบนี้  น่าจะสะท้อนถึงว่าถนนเสรีไทยเป็นเส้นที่มีการจราจรผ่านในระดับที่มากเลยค่ะ

สำหรับด้านหลังโครงการจะเป็นที่ดินเปล่า ถัดจากที่ดินเปล่ามีคลองแสนแสบกั้นอยู่ก่อนจะข้ามไปเป็นถนนรามคำแหง ที่ดินที่ใกล้ๆ กับโครงการในอีกฝั่งคลองมี The Paseo Town รามคำแหง และศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยของฮอนด้า (หมายเลข 6)

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

บรรยากาศหน้าโครงการ ทางเท้ากว้างอยู่ในสภาพดี

ด้านหน้าโครงการมีจุดกลับรถพอดี ถ้ามาจากฝั่งตรงข้ามเวลาเลี้ยวเข้าโครงการได้แต่ก็ระวังๆ รถหน่อย

จากหน้าโครงการหันไปทางซ้ายเป็นฝั่งมุ่งหน้าไปแยกนิด้าค่ะ

เวลาขับมาที่โครงการจะมีบางมุมที่ป้ายโครงการโดนต้นไม้บังก็อาจจะต้องสังเกตดีๆ อย่าขับเร็วมาก

ถนนทางเข้าโครงการเป็นพื้นคอนกรีตผสมสี มีทางแยกซ้ายเลี้ยวไปด้านหน้าตึก A เป็นที่ตั้งสำนักงานขายและปรับเป็น 7 -11 ในภายหลัง ส่วนถ้าจะเข้าโครงการก็ขับตรงเข้าไปเลยค่ะ

บริเวณด้านหน้าตึก A มีที่จอดชั่วคราวสำหรับ Visitor มาสำนักงานขายก็จอดตรงนี้เช่นกัน

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ตัวที่ดินของโครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย จะยาวลึกเข้าไปจากถนนเสรีไทยซึ่งเป็นถนนกว้าง 6 เลน ไปกลับ มีซอยขนาบด้านข้างตัวโครงการ ส่วนด้านหลังเป็นที่ดินเปล่า มีคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น อยู่ข้างๆ โครงการ มีซอยกั้นระหว่างกัน สำหรับพื้นที่อื่นโดยรอบ Unio Ramkamhaeng – Serithai ส่วนใหญ่เป็นที่ดินเปล่า, บ้านเรือนและตึกแถวที่ไม่สูงนัก

Unio Ramkamhaeng – Serithai ประกอบไปด้วย 3 อาคาร สูง 8 ชั้น  อาคาร A มีแปลนเป็นรูปตัว L อยู่ด้านหน้าสุด ทำหน้าที่บังสายตาคนภายนอกและเป็นร้านค้า  อาคาร B และ C อยู่ถัดเข้ามาด้านใน มีแปลนเป็นเส้นตรงค่ะ  โดยอาคาร C จะมีแปลนอาคารที่สั้นกว่าจึงมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า  คอร์ทตรงกลางระหว่างอาคารจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางยาวไปตลอด ขนาดประมาณ 1 ไร่ จากพื้นที่โครงการทั้งหมด 6 ไร่

เมื่อดูจากแปลนหากเลือกอาคาร A, B จะได้ห้องที่หันออกนอกโครงการกับหันเข้าหาพื้นที่ส่วนกลาง แต่ถ้าเลือกอาคาร C ฝั่งที่หันออกด้านนอกโครงการจะโดนคอนโดที่อยู่ด้านข้างที่สูงเท่ากันบังวิวไปบางส่วนค่ะ

สำหรับการวนรถภายในโครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย  เมื่อเข้ามาแล้วจะวนตามเข็มนาฬิกาเดินรถทางเดียว โดยจะเริ่มผ่านตึก A ก่อน ตรงไปตึก B และวนกลับเข้าตึก C ค่ะ พื้นที่จอดรถในอาคารจะจอดที่ใต้อาคาร A B C  และมีพื้นที่จอดด้านนอกอาคารอีกบางส่วน

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวอาคารทั้ง 3 ของ Unio Ramkhamhaeng – Serithai จะวางตัวในทิศตะวันตกเฉียงเหนือกับตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นห้องพักส่วนใหญ่จะหันเข้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ  ห้องที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็จะร้อนน้อยว่าห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สังเกตโครงการนี้จะเห็นได้ว่าอาคารที่อยู่ไกลจากทางเข้า จะได้เข้าไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายและใกล้กว่า  เป็นการ trade-off กันไป  ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด

ถ้าเราสังเกตการลักษณะการวางแปลนของโครงการนี้  จะเห็นว่ามีห้องแค่ 2 ขนาด  โดยห้องที่ขนาดใหญ่กว่าจะวางหันหน้าเข้าหาพื้นที่ส่วนกลาง  ส่วนห้องขนาดเล็กจะหันออกด้านนอกด้านนอกโดยที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทิศทางของแดดเท่าไหร่ค่ะ  อย่างในส่วนของอาคาร A  ห้องใหญ่ด้านที่เห็นสวนส่วนกลางจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้  ก็จะร้อนหน่อย  ต่างกับอาคาร C ที่วางตำแหน่งห้องขนาดเดียวกันไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่หันหน้าเข้าคอร์ทกลางค่ะ  ก็จะได้วิวและร่ม  แต่ก็จะมีระยะที่ติดอาคารฝั่งตรงข้าม  ซึ่งตอนนี้คอนโดสร้างเสร็จแล้ว  สามารถไปดูวิวและมุมมองของแต่ละห้องได้จากอาคารจริงเลย ว่าโอเคกับ condition ในแต่ละจุดไหมนะคะ

หน้าตาอาคารจริง

หน้าตาอาคารของ Unio รามคำแหง – เสรีไทย เป็นโทนสีเทา – ดำ สไตล์ Modern

หน้าต่างแต่ละห้องเป็นบานกรอบสีดำ ราวกันตกระเบียงสีดำ กลมกลืนไปกับสีเทาเข้มของอาคาร ซึ่งลุคจะดูขรึมๆ หน่อยค่ะ  ต่างกับคาแรคเตอร์ของคอนโดแบรนด์ Unio ในหลายๆ ทำเลที่ผ่านมา

ทางเข้าโครงการแบ่งเป็น 2 ช่องทาง มีไม้กระดกแบบอัตโนมัติกั้นทั้งฝั่งเข้าและออก

ลูกบ้านใช้ระบบ KeyCard แตะเข้า

มีป้อมรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้า

หันกลับไปที่ทางเข้าโครงการ

ด้านข้างมีช่องทางสำหรับคนเดินที่กั้นด้วยไม้พุ่ม ปลูกไม้ใหญ่ตลอดแนวทางเดิน

หลังจากผ่านป้อมรักษาความปลอดภัยมาจะมีทางแยกซ้ายวนไปจอดรถใต้อาคาร ส่วนด้านขวาเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง

มีพื้นที่จอดรถด้านหลังตึก A อีกจุดใครมาก่อนได้ก่อน ที่จอดรถไม่ได้เป็นแบบประจำค่ะ

ทางเข้าที่จอดรถใต้ตึกเข้าได้ 2 ช่องทาง ทางเข้าจะอยู่ตึก A วิ่งยาวไปตามใต้อาคารและจะวนออกมาที่ตึก C ค่ะ

ลักษณะพื้นที่จอดรถใต้อาคาร เดินรถทางเดียวแบ่งจอดซ้ายขวา

ช่วงระหว่างตึก A กับ ตึก B จะไม่มีหลังคากำบังเชื่อมกัน ช่วงเวลาฝนตกก็ต้องมีฝ่าฝนกันบ้าง

เมื่อวิ่งจากตึก A ผ่านตึก B มาแล้วจะบังคับวนขวาไปตึก C

มุมนี้หันเข้าหาตึก C เป็นฝั่งที่รถวนออกมาจากตึก C

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย จะเป็นแนวยาวอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารพักอาศัย 3 อาคาร มีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่  แม้จะเป็นคอนโด low rise แต่ก็จัดฟังก์ชันให้มาค่อนข้างครบถ้วนค่ะ  การให้พื้นที่ส่วนกลางมาจัดเต็มในคอนโดที่ระดับราคาไม่สูงนักแบบนี้  ก็ช่วยให้โครงการมีจุดขายที่น่าสนใจได้มากขึ้นค่ะ  เราแบ่งโซนของส่วนกลางเป็น 4 โซน  จะได้เล่าให้ฟังกันได้แบบไม่งงนะคะ  เพราะรายละเอียดเยอะทีเดียว

(A) สวนสาธารณะ, สนามเด็กเล่น, Jogging Track  อยู่ตรงอาคาร A

(B) เป็นบ่อบัวและ Sunken Seat

(C) สระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 30 เมตร กว้าง 6 เมตร ลึก 1.2 เมตร  อยู่ระหว่างอาคาร B และ C

(D) อาคาร 2 ชั้น เหมือนเป็น Club House ส่วนกลาง  ที่ชั้นล่างทำเป็นโถงใต้ถุนอาคาร เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ ประชุม ทำการบ้านได้ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องฟิตเนส วางเครื่องเล่นได้ประมาณ 10 เครื่อง พร้อมชุดดัมเบลค่ะ

สำหรับทุกๆ อาคารจะมีโถงล็อบบี้, ห้องซักผ้า (Laundry) และห้องน้ำ อยู่ที่ชั้น 1 ของแต่ละอาคาร  โดยในส่วนของอาคาร A จะมีล็อบบี้ใหญ่สุด  และด้านหน้าสุดจะมี 7-Eleven ขนาดใหญ่ 1 ร้าน  เวลากลับมาที่คอนโดก็สามารถแวะซื้อของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้สะดวกดีค่ะ

การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางเข้าได้ 4 ทาง ตำแหน่งตามเส้นประสีแดง  สำหรับอาคาร B และอาคาร C ถ้าออกจากโถงลิฟต์แล้วสามารถเดินตรงเข้าพื้นที่ส่วนกลางได้เลย จะมีประตูเล็กเปิดเข้าออกได้ซึ่งจะไปโผล่แถวๆ สระว่ายน้ำและอาคารฟิตเนสค่ะ

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น  แต่ละอาคารจะมีลิฟต์ 2 ตัว อาคาร A และ B มี 252 ยูนิต เฉลี่ยออกมาได้ 126 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว  ส่วนอาคาร C มี 196 ยูนิต  ความหนาแน่นจะน้อยกว่าอยู่ที่ 98 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว   สัดส่วนก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะตึก C ถือว่าดีมากทีเดียว แต่ลิฟต์ที่นี่ไม่ได้ล็อคชั้นค่ะ  สำหรับที่จอดรถทั้งหมด 209 คัน หรือคิดเป็น 29% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ดูแล้วก็น้อยไปหน่อยเพราะว่าไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้าด้วยจึงต้องอาศัยรถประจำทางหรือรถยนต์ส่วนตัว  แต่โครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย ก็ชดเชยให้ด้วย facilities ในส่วนอื่นมาให้ในเกรดที่ดีทีเดียวเมื่อเทียบกับระดับราคาขายของคอนโด แล้วก็ยังอยู่ติดถนนใหญ่ด้วยค่ะ

.

พื้นที่ส่วนกลางเริ่มที่โซน A ก่อน เป็นสวน มีทางเดินเป็นพื้นคอนกรีตผสมสี ใช้สีน้ำตาลเน้นเป็นเส้นทางเดินหลักให้กับพื้นที่ส่วนกลาง

มีพื้นที่นั่งพักผ่อนลักษณะเป็น Curve ทำจากทรายล้างอายุการใช้งานจะค่อนข้างยาวนาน ทนแดดทนฝน แต่แม่บ้านต้องหมั่นขัดถูกบ่อยๆ เพื่อไม่ให้มีคราบตะไคร่ขึ้นค่ะ

เดินต่อมาอีกหน่อยเป็นส่วนพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก  แบ่งขอบเขตด้วยไม้พุ่ม  ป้องกันเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นเพลินแล้วออกมาที่ถนน  จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุค่ะ

พื้นที่ด้านในปูหญ้าเทียม

นอกจากพื้นที่สำหรับเด็กแล้ว มีอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งสำหรับผู้ใหญ่ไว้ให้ด้วย

ลักษณะพื้นที่สวนเป็นแนวยาวเรียบข้างไปกับตัวอาคาร

มีทั้งต้นไม้ระดับกลางเมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ 8 – 10 เมตร ก็ค่อนข้างให้ร่มเงาได้ดี ห้องทางซ้ายที่เห็นเป็นส่วน Office / นิติบุคคลโดยอยู่ใต้อาคาร A

ศาลากลางแจ้งทำเป็นระแนงเหล็กทาสีดำ ตัวระแนงที่ไม่ได้เป็นผนังทึบจึงช่วยให้เปิดมุมมองทะลุเห็นถึงกันได้

มีชานไม้ยกระดับขึ้นมาด้านบนมีม้านั่งและที่นั่งก้อนกลมๆ สีขาว ใช้นั่งเล่นได้ในช่วงเวลาที่แดดไม่แรงและฝนไม่ตกค่ะ

ผ่านศาลามาแล้วจะเข้าสู่โซน B ที่เป็นสระบัวและ Sunken Seat ที่ยังถ่ายทอดความรู้สึกถึงบ้านไทยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่สามารถนำต้นไม้ในบ้านเรามาประยุกต์เข้ากับการดีไซน์ลักษณะ Modern ได้ลงตัว รวมทั้งบัวจัดว่าเป็นพืชที่สามารถช่วยบำบัดน้ำเสียได้อีกด้วยนะคะ

พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดตั้งแต่โซนอาคาร A มาจนถึงโซนอาคาร B และ C  จะมีทางเดินสีน้ำตาลเชื่อมถึงกันหมด  ทำให้เข้าไปใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้สะดวกค่ะ

บริเวณของ Sunken Seat มองเข้าไปด้านในจะเป็นมุมมองลึก มีสองตึกขนาบข้าง  พื้นที่ส่วนกลางกับที่จอดรถที่ใต้อาคารจะกั้นด้วยแนวกำแพงทึบ  เพื่อช่วยป้องกันควันจากท่อไอเสียรถที่ขับเข้ามาจอดด้านใต้อาคาร  โดยจะปลูกต้นไม้ตามแนวกำแพงไว้เพื่อลดความแข็งทื่อของแนวกำแพงลงไปได้ค่ะ

ถ้าเดินต่อเข้าไปอีกจากตรงนี้เราจะเข้าสู่โซนระหว่างอาคาร B และ C  ห้องตรงนี้จะหันหน้าเข้าหากันนะคะ

หากมองกลับไป จะเห็นอาคาร A และ B เรียงต่อกันมา

กลับมาต่อกันที่โซนในสุด  มีสระว่ายน้ำและตัว Club House อยู่บริเวณนี้  สเปซตรงนี้จะแยกสเปซออกมาจากตรงสระบัวที่เราได้เดินผ่านมา  กั้นด้วยแนวต้นไม้และประตูรั้วเหล็กเปิดเข้าออก  ด้านข้างล้อมรอบด้วยแนวกำแพงต้นไม้ช่วยลดทอนความความแข็งของคอนกรีตสีเทา  และเพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยต้นไม้ใหญ่ในบริเวณสระค่ะ น่าใช้งานมากทีเดียว

เข้ามาถึงโซนสระว่ายน้ำ ทางเดินจะอยู่ชิดขอบกำแพง มีเก้าอี้ก้อนกลมสีขาวสำหรับนั่งพักชั่วคราว

สระว่ายน้ำเป็นระบบน้ำล้น ขอบสระทำเป็นขั้นบันไดเวลาน้ำในสระล้นออกมาก็จะไหลลงมาตามขั้นเหมือนเป็นน้ำตกเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ไม่ดูนิ่งจนเกินไป  มีเสียงน้ำไหลเล็กๆ ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย

เดินเข้าด้านในมีประตูเข้าออกจากอาคาร B เป็น Shortcut ทำให้ไม่ต้องเดินย้อนขึ้นไปเพื่อเข้าจากด้านหน้า

ติดกับสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่นั่งริมสระและอาคารฟิตเนส ส่วนอาคารด้านขวาเป็นอาคาร C มีทางเข้าออกเพื่อมาสระว่ายน้ำได้เช่นกัน

เวลานั่งริมสระจะได้วิวของสระว่ายน้ำทอดยาวออกไป

ตัวอาคารฟิตเนสสูง 2 ชั้น เลือกใช้โทนสีเทา ดำ เหมือนกับอาคารพักอาศัย ให้ความรู้สึกแบบ Modern ตอบรับกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ ดีไซน์ชั้นล่างให้เป็นโถงทำให้ได้พื้นที่เปิดโล่งใต้อาคารเพิ่ม ส่วนชั้นบนออกแบบกรอบสี่เหลี่ยมยื่นออกมาจากตัวอาคารเป็นกันสาดและช่วยตกแต่งอาคารไปในตัว รวมทั้งใช้กระจกเป็นผนังในด้านนี้ช่วยเปิดมุมมองให้ผู้เข้าไปใช้งานด้วย

ใต้อาคารเป็นพื้นที่สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการนั่งทำงานจากในห้องได้ออกมาสูดอากาศภายนอกบ้าง

ซึ่งที่นั่งใต้อาคารเหมือนมาได้มานั่งใต้ถุนบ้าน  มีลมพัดผ่านประกอบกับต้นไม้ที่ปลูกอยู่ล้อมรอบทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ไหวมาตามลม

พื้นที่ใช้งานมาพร้อมโต๊ะเก้าอี้และไฟส่องสว่าง การตกแต่งยังคงเน้นสีดำ น้ำตาล ขาว เนื่องจากเป็นพื้นที่ใต้อาคารตัวผนังเลยใช้สีขาวจะช่วยสะท้อนแสงที่ส่องเข้ามาทำให้ดูไม่มืดและไม่อึดอัด

สำหรับห้องน้ำในพื้นที่ส่วนกลางหลบมาอยู่ด้านข้าง หากต้องการใช้งานก็เดินตามทางเดินด้านข้างนี้

รวมทั้งที่ล้างตัวก่อนลงสระก็หลบอยู่ตรงนี้ด้วย ใช้ต้นไม้เป็นกำแพงแทนผนังคอนกรีตค่ะ

ห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุดเป็นส่วนเดียวกันกับอาคาร บริเวณนี้จะปลูกต้นไม้เป็นแนวยาวเพื่อบังสายตารวมทั้งดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เวลาใครที่ใช้ห้องน้ำก็คงอยากได้ความเป็นส่วนตัวกันหน่อย

ห้องน้ำนั้นก็จะแยกชายหญิงไปอย่างละห้อง

มองกลับไปทางที่เดินมาให้ได้เห็นภาพรวมกัน  จะเห็นว่าโซนนี้ปลูกต้นไม้และทำพื้นที่สีเขียวมาได้บรรยากาศสดชื่นมาก

กลับมาที่โถงใต้อาคารจะพาไปต่อห้องฟิตเนสที่ชั้น 2 ค่ะ

เดินเข้ามาสุดทางถ้ามองกลับไปทางเดินจะตรงมาจากสระว่ายน้ำ พื้นส่วนนี้ลดระดับลงมาต่ำกว่าช่วยให้แบ่งส่วนการใช้งานพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนได้มากขึ้น

ทางเข้าห้องฟิตเนสจะอยู่ด้านหลังอาคาร บริเวณนี้มีการจัดสวนและปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ด้วย  ช่วยสร้างความร่มรื่นและลดความร้อนจากคอนกรีตที่จะคายความร้อนออกมาค่ะ

เดินขึ้นมาชั้น 2 ที่หน้าห้องฟิตเนสก่อนจะเข้าไป  มองกลับไปเห็นทางเดินรถที่ใช้วนรอบโครงการบริเวณนี้เป็นด้านหลังโครงการจะติดกับที่ดินเปล่าอย่างที่เห็น

หน้าประตูทางเข้ามีติดกล้องวงจรปิด เข้าไปใช้งานด้วย Keycard Access คือลูกบ้านที่มี Keycard เท่านั้นถึงจะเข้าได้

เวลาเปิดจากด้านในใช้ระบบ Sensor จะออกก็เอามือไปปัดๆ บังๆ ให้ระบบ Sensor ตรวจจับได้ประตูก็จะเปิดค่ะ

ด้านในมีอุปกรณ์สำหรับ Cardio และชุดดัมเบล

อีกด้านเป็นที่วางลู่วิ่งมี 3 เครื่อง หันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ  วิวสวยเลยนะ

เวลาวิ่งบนลู่จะเห็นวิวสระว่ายน้ำ ออกกำลังกายได้เพลินๆ เห็นวิวแบบนี้ก็ช่วยให้ลืมเหนื่อยไปได้บ้าง และทำให้วิ่งได้นานขึ้นด้วยนะ

.

นอกจากพื้นที่ส่วนกลางด้านนอกของคอนโด Unio รามคำแหง – เสรีไทย แล้ว  ในแต่ละอาคารก็ยังมีล็อบบี้ส่วนกลางอยู่อีกด้วย  เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักคอยหรือจะลงมานั่งเล่นทำงานก็ได้

เรามาเริ่มที่อาคาร A ก่อนค่ะ ถ้ายังจำผังกันได้อาคารนี้เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดจากปากทางเข้าโครงการ ตึกนี้ตรงล็อบบี้จะใหญ่ที่สุด เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอโถง มีชุดโซฟา เก้าอี้ สำหรับนั่งพักคอยได้  การตกแต่งใช้โทนสีอ่อนกลางๆ  เน้นความเรียบง่าย  ดูสบายตา

ประตูกระจกสีดำเป็นทางเข้าไปโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปห้องพักอาศัย การตกแต่งเน้นสีอ่อนทำให้ดูกว้าง ใช้สีน้ำตาลเน้นเป็นโทนหลักในภาพรวม เพิ่มเติมสีดำ สีน้ำตาลเข้มเข้ามาเน้นเป็นบางจุด

มองกลับออกไปมีเก้าอี้นั่งและเคาน์เตอร์  ตรงนี้มีปลั๊กให้เอาโน้ตบุ๊คมานั่งเล่นทำงานได้ด้วย

โถงของอาคารนี้จะค่อนข้างกว้าง มีผนังกั้นแยกเป็นสองส่วน  ที่นั่งเยอะพอสมควร

มองกลับไปจะเห็นว่าที่ผนังด้านนึงใช้กระจกเต็มบานติดไว้ จากที่ฝ้าเพดานไม่ได้สูงเท่าไหร่การมีกระจกจึงช่วยให้บริเวณนี้ดูกว้างขึ้นและโปร่งขึ้น

เดินมาอีกฝั่งจะมีประตูที่สามารถเข้าออกระหว่างอาคารกับที่จอดรถใต้อาคารได้เลย  จริงๆ ตรงนี้นิติบุคคลซื้อเฟอร์นิเจอร์มาวางเพิ่มก็ยังได้นะคะ  มีที่โล่งพอประมาณ

มีห้องน้ำอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออกที่จอดรถ

การแบ่งโซนของพื้นที่ใช้วิธีการเปลี่ยนวัสดุและสีพื้น ไปในแนวเดียวกับฝ้าเพดาน ช่วยในการแบ่งสเปซโดยที่ไม่ต้องมีผนังอะไรมากั้น

บริเวณนี้มีโซฟายาว พร้อมเต้าเสียบปลั๊กอยู่หลายจุด สามารถมานั่งติวอ่านหนังสือ หรือทำงานได้เลยค่ะ

ติดกระจกบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เยอะดี

ด้านนี้ก็ใช้สูตรเดียวกันคือ ผนังกำแพงด้านนึงใช้กระจกติดเพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น ใช้วิธีเบสิกง่ายๆ แต่ก็ได้ผลดีทีเดียว

เปิดประตูเข้ามาด้านในโถงลิฟต์  แต่ละอาคารจะมีลิฟต์อยู่ 2 ตัว การตกแต่งก็ยังเป็นไปในทางเดียวกันกับพื้นที่ด้านนอก คือเน้นสีอ่อน ผิวสัมผัสไม้สีน้ำตาลช่วยให้ดูนุ่มนวล  การใช้โทนสีสว่างก็ช่วยให้เวลาอยู่ในห้องไม่ได้รู้สึกอึดอัดแม้ว่าฝ้าเพดานจะไม่ได้สูงมากก็ตาม

มีตู้จดหมายติดอยู่ด้านข้างเรียงเบอร์ตามหมายเลขห้อง

ขึ้นมาส่วนโถงลิฟต์บริเวณชั้นพักอาศัยจะไม่ได้ตกแต่งอะไร เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวทั้งหมด

หน้าโถงลิฟต์ก็จะโล่งๆ แบบนี้ มีหน้าต่างระบายอากาศที่ด้านข้าง

สีของวัสดุที่ใช้ตรงทางเดินเป็นสีโทนอ่อนหมดเลย ทั้งประตู ผนัง ก็ใช้สีขาว พื้นทางเดินเป็นกระเบื้องสีเทาน้ำตาลอ่อนๆ

.

สำหรับโถงส่วนกลางของอาคาร B  จะเข้าจากทางที่จอดรถอยู่ใต้อาคาร

การตกแต่งโทนสีเฟอร์นิเจอร์ใช้สีออกน้ำตาล เทา เหมือนกับอาคาร A แต่ขนาดพื้นที่เล็กกว่า บรรยากาศเหมาะสำหรับนั่งพักคอย

แต่ก็ยังมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ติดอยู่  ยังมีแสงเข้ามาได้  และก็เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศให้ถ่ายเทได้ค่ะ

มีห้องน้ำและ Laundry เตรียมไว้ให้ด้วยนะ แต่ว่าส่วน Laundry ทางโครงการ Unio รามคำแหง – เสรีไทย เตรียมระบบมาให้เท่านัั้น  เครื่องซักผ้าต้องเป็นทางลูกบ้านกับนิติบุคคลตกลงจัดหากันต่อไปค่ะ

ประตูทางเข้าออกโถงลิฟต์อาคาร B จะตรงกับทางเข้าพื้นที่ส่วนกลางบริเวณสระว่ายน้ำพอดี แค่เดินตัดผ่านที่จอดรถไปก็ถึงเลย

อาคาร C ลักษณะเหมือนกับอาคาร B ทางเข้าออกโถงลิฟต์อยู่ใต้อาคาร

ด้านในตกแต่งเหมือนกัน  เน้นโทนสีหลักเป็นสีน้ำตาลอ่อน ฝ้าเพดานเล่นระดับบางส่วนเพื่อเพิ่มความโปร่ง และสามารถติดโคมห้อยโดยที่ไม่รู้สึกต่ำเกินไป

ประตูทางเข้าโถงลิฟต์เพื่อขึ้นห้องพักอาศัยก็ต้องใช้ Keycard แตะเข้าไปเหมือนกันทุกอาคารค่ะ

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

คอนโด Unio Ramkhamhaeng – Serithai
อาคาร A

แปลนของอาคาร A วางตัวเป็นรูปตัว L เป็นอาคารที่อยู่ติดทางเข้าโครงการบนถนนเสรีไทย เมื่อเข้ามาก็เจอเลย  โดยชั้นล่างสุดบริเวณของสำนักงานขายจะเปลี่ยนเป็น 7-11 ร้านใหญ่ 1 ร้าน มีโถงล็อบบี้ที่มีขนาดใหญ่กว่าล็อบบี้อาคาร B และ C  ภายในมีห้องน้ำและห้องซักผ้า รวมทั้งห้องนิติบุคคล, ห้องเครื่องและงานระบบก็อยู่ที่ชั้นล่างค่ะ สามารถจะเข้าได้จากทางที่จอดรถ

แปลนชั้น 2 – 8 จะหน้าตาเหมือนกันทุกชั้น มีทั้งหมด 36 ห้องในแต่ละชั้นค่ะ  โดยห้อง Type A ขนาด 22.82 ตารางเมตร เป็นแปลนสีน้ำตาลเข้ม  หันออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนห้อง Type B ขนาด 26.40 แปลนเป็นสีน้ำตาลอ่อน  มีทั้งที่หันเข้าหาพื้นที่ส่วนกลางในโครงการ และหันออกถนนเสรีไทยค่ะ  

คอนโด Unio Ramkhamhaeng – Serithai
อาคาร B

อาคาร B จะวางตัวเป็นแนวเส้นตรง โถงล็อบบี้จะเข้าจากทางที่จอดรถอยู่ช่วงกลางอาคาร ภายในล็อบบี้จะมี โถงลิฟต์, ห้องซักผ้า และห้องน้ำ โดยขนาดจะเล็กกว่าโถงของอาคาร A บริเวณใกล้ๆ กับโถงมีทางเดินที่ตัดไปพื้นที่ส่วนกลางตรงสระว่ายน้ำได้

สำหรับการจัดแปลนชั้น ชั้น 2 – 8 จะเหมือนะอาคาร A ห้องขนาดเล็กหันออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนห้องใหญ่ขนาด 26.40 ตร.ม. จะหันเข้าในโครงการมองเห็นพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีจำนวนห้องทั้งหมด 36 ห้องต่อ 1 ชั้น

คอนโด Unio Ramkhamhaeng – Serithai
อาคาร C

อาคาร C จะสั้นกว่าเมื่อเทียบกับอาคารอื่น ส่วนการวางแปลนจะคล้ายกับอาคาร B ชั้นล่างสุดมีโถงล็อบบี้, โถงลิฟต์และห้องซักผ้า อยู่บริเวณกลางอาคารโดยจะเข้าจากทางที่จอดรถ และมีทางเดินตัดเข้าพื้นที่ส่วนกลางได้เลยเช่นกัน

สำหรับแปลนชั้น 2 – 8 ห้องใหญ่จะหันเข้าหาพื้นที่ส่วนกลาง ได้ทั้งวิวและทิศที่ไม่ร้อน ส่วนห้องเล็กจะหันออกนอกโครงการค่ะ อาคารนี้จะมี 28 ห้องต่อ 1 ชั้น ซึ่งจะน้อยกว่าอาคาร A และ B ค่ะ

แปลนห้องดีไหม?

คอนโด Unio รามคำแหง-เสรีไทย นี้จับกลุ่มเป้าหมายสำหรับคนที่หาคอนโดราคาประหยัดห้องจึงออกมาไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับคนอยู่อาศัย 1-2 คน  อาจจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานใหม่ๆ ที่ยังมีงบประมาณไม่มากนัก พออีกหน่อยเติบโตขึ้นก็สามารถขยับขยายเพิ่มเติมและเก็บไว้เป็นทรัพย์สินในอนาคตได้ค่ะ  ห้องในโครงการจึงออกมาเป็นห้อง Studio ทั้งหมด มีขนาด 22.82 และ 26.40 ตร.ม. ให้ราคาจับต้องได้ง่าย

• Studio Type A ขนาด 22.82 ตารางเมตร
• Studio Type B ขนาด 26.40 ตารางเมตร

ห้องที่ให้มาจะเป็นห้องเปล่ามีเคาน์เตอร์ครัวให้ ส่วนอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชันอีกที การวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่างก็น่าจะเป็นไอเดียให้ไปแต่งต่อกันได้ค่ะ

แปลนห้องคอนโด ยูนิโอ รามคำแหง – เสรีไทย

Type A ขนาด 22.82 ตารางเมตร

แปลนห้อง Type A หน้าตาห้องจะเกือบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดห้องถือว่าไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็ยังสามารถจัดฟังก์ชันให้พื้นฐานให้ครบ  ส่วนครัวกับห้องน้ำจะถูกดันไปไว้ด้านข้างอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้ส่วนพักผ่อนและห้องนอนได้สเปซรวมกัน  ถือว่าแยกสัดส่วนได้ดี โครงการไม่ได้กั้นประตูบานเลื่อนกระจกมาให้  แต่ก็มีแนวผนังที่สามารถทำเองเพิ่มเติมได้ค่ะ

สำหรับเวลาจะจัดเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องก็แนะนำให้เลือกขนาดที่ไม่ใหญ่มากเพราะว่าเวลาเอาเข้าไปใส่ในห้องจริงจะได้ไม่อึดอัดนะคะ  หรือจะเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้งานได้ก็จะยิ่งดี  อย่างเช่น  โซฟานอกจากจะใช้นั่งเล่นดูทีวีแล้ว  ก็ยังใช้นั่งรับประทานอาหารไปได้ด้วยในตัว  เป็นการออกแบบสเปซที่ compact มาก  จนสามารถทำราคาขายให้จับต้องได้ง่ายแม้มีงบประมาณไม่มากนัก

แปลนห้องคอนโด ยูนิโอ รามคำแหง – เสรีไทย

Type B ขนาด 26.40 ตารางเมตร

ห้อง Type B ความกว้างของหน้าห้องเท่ากันกับ Type A แต่ได้ความลึกที่มากกว่า ทำให้พอห้องมีระยะความลึกมากขึ้น  จึงขยับวางตำแหน่งของห้องน้ำได้ลงตัว  ช่วยให้พื้นที่บริเวณส่วนนั่งเล่นพักผ่อนมีพื้นที่กว้างขึ้น ระยะนั่งดูทีวีมากขึ้น จึงสามารถวางทีวีได้จอใหญ่ขึ้นด้วย  ตรงพื้นที่ระหว่างโซฟาและเตียงก็จะสามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ เพิ่มขึ้นได้อีกค่ะ  เมื่อเข้าห้องมาจะดูโปร่งกว่าห้อง Type A  ซึ่งก็เป็นไปตามระดับราคาหล่ะนะ

พื้นที่ส่วนนอนนั้นขนาดไม่ต่างกันมากนัก  สามารถวางตู้, โต๊ะ และเตียง ได้แบบ compact พอดี  เหลือทางเดินปลายเตียงและด้านข้างนิดหน่อย  แต่ถ้าอยู่คนเดียวแล้วตั้งเตียงแค่ 3.5 ฟุต  ก็จะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อยค่ะ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีให้ดูทั้ง 2 แบบ ห้องที่ได้จริงจะได้เป็นห้องเปล่า มีสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องปรับอากาศเป็นโปรโมชั่นนะคะ  ความสูงภายในห้องโดยทั่วไปจะสูง 2.6 เมตร ห้องครัวและห้องน้ำฝ้าสูง 2.4 เมตร  เอาจริงๆ คอนโดใน segment ราคาประหยัด  แล้วให้ฝ้า 2.6 เมตร  ก็ถือว่าใช้ได้นะคะ

ห้องตัวอย่างคอนโด Unio รามคำแหง – เสรีไทย

แบบ Type A ขนาด 22.82 ตารางเมตร

การจัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง ส่วนนั่งพักผ่อนและทานข้าวจะอยู่ด้านหน้าติดประตูเลย  ถ้าอยากให้ห้องเป็นสัดส่วนก็สามารถกั้นด้วยบานเลื่อนกระจกได้ค่ะ ห้องจะดูไม่แคบด้วย

ห้องน้ำและส่วนครัวหลบออกไปด้านข้าง ถ้าอยากได้ครัวปิดก็กั้นประตูเพิ่มเองได้

พื้นที่ห้องนอนวางเตียง 5 ฟุต ได้เต็มพอดีเหลือที่ติดหน้าต่างสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆ ได้ 1 ตัว  ยังสามารถเดินรอบเตียงเวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สะดวกอยู่ค่ะ

มองกลับส่วนพักผ่อน ห้องขนาดนี้เหมาะสำหรับแค่ 1-2 คนเท่านั้นค่ะ

จะเห็นว่าห้องน้ำหลบไปอยู่ด้านข้าง ต้องมองจากมุมนี้ถึงจะเห็น  ก็ถือว่าวางแปลนได้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวค่ะ

ทางเดินเข้าส่วนครัวไม่มีประตูกั้นปิด  ถ้าใครชอบทำอาหารแบบจริงจังหน่อย  ก็สามารถกั้นแนวประตูเพิ่มได้ค่ะ

เวลาทำอาหารเปิดประตูระเบียงเพื่อช่วยระบายอากาศได้ค่ะ

ระเบียงด้านนอกวางเครื่องซักผ้าได้ แต่เวลาตากผ้าก็ต้องหาอุปกรณ์ที่แขวนผ้าแบบยึดผนังมาติด  ช่วยประหยัดพื้นที่ได้  ไม่งั้นพื้นที่จะไม่พอค่ะ

ให้เคาน์เตอร์ครัวมาด้วย  ถ้าอยากให้มิดชิดกว่าเดิมสำหรับคนที่ชอบทำครัวหนักๆ ก็ติดประตูบานเลื่อนเพิ่มได้

ห้องน้ำกระเบื้องเป็นโทนสีขาว ชุดสุขภัณฑ์ให้มาครบ

ไม่มีฉากกั้นระหว่างส่วนเปียกกับแห้งให้  ต้องติดเพิ่มเองค่ะ

.

ห้องตัวอย่างคอนโด Unio รามคำแหง – เสรีไทย

แบบ Type B ขนาด 26.40 ตารางเมตร

.

การวางแปลนสำหรับห้องนี้จะค่อนข้างโล่งกว่า  ตามขนาดพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น  โดยสามารถกั้นประตูบานเลื่อนในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอนแยกกันได้เช่นกันค่ะ

ครัวจะหลบไปด้านข้างเช่นกัน

ห้อง Type นี้ เราจะสามารถวางโซฟาได้ใหญ่ขึ้น

จะเห็นว่าวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งแต่ก็นังเหลือพิ้นที่วางโต๊ะเล็กได้อีก 1 ตัว หรือจะปรับให้โซฟาเป็นขนาดเล็กกว่านี้แล้ววางโต๊ะกินข้าวเพิ่มแทนก็ได้

เวลาอยู่จริง  แนะนำให้ทำชั้นแขวน Built-in ตามผนังเพิ่มเติมสำหรับเก็บของนะ  ห้องจะได้ไม่รก

ทางเดินเข้าส่วนครัวไม่มีประตูให้ แต่ก็สามารถติดเพิ่มเติมเองได้ถ้าต้องการทำอาหารจริงจัง พวกต้ม ผัด แกง ทอด บ่อยๆ กลิ่นจะได้ไม่เข้ามารบกวนส่วนอื่นค่ะ

จากครัวมีประตูเปิดออกไประเบียงเพื่อซักผ้า ตากผ้า  พื้นที่ยืนทำครัวก็ไม่แคบมากนะคะ  ยังสามารถใช้งานได้จริงอยู่

คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนผนังไว้ด้านบน ลมเป่าเข้าหากำแพง

ตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าอยู่ตรงนอกระเบียง แนะนำให้ใช้ที่แขวนผ้าแบบยึดผนังมาติดก็ช่วยให้ประหยัดพื้นที่มากขึ้นค่ะ

ห้องน้ำอยู่บริเวณเดียวกับครัว

วัสดุที่ใช้เป็นกระเบื้องสีขาว  เน้นให้ดูสะอาดตา  สามารถติดกระจกฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มได้ค่ะ

เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”

โครงการ Unio Ramkhamhaeng – Serithai  จะให้ห้องเปล่าค่ะ ห้องฉาบเรียบทาสีขาว, พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม., ผนังเป็น Precast ดังนั้นไม่สามารถทุบผนังเชื่อมห้องได้, ฝ้าฉาบเรียบสีขาว, โคมไฟซาลาเปา,  สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และถ้าเป็นโปรโมชันก็จะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว (ไม่มี hob hood) และแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องปรับอากาศ

อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร (pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Material)  เช่นเคยค่ะ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

เคาน์เตอร์ครัวและชั้นเก็บของติดผนังเป็นตู้สีน้ำตาลเข้ม ปิดผิวลามิเนตลายไม้ค่ะ

ตู้เปิดได้ 2  บานเก็บของได้พอสมควร มีลิ้นชัก 1 ลิ้นชัก แต่ที่วางไมโครเวฟวางอยู่ที่ช่องด้านบนอาจจะลำบากเล็กน้อยสำหรับคนตัวเล็ก

ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีช่องวางตู้เย็นได้พอดี

ตู้ใต้อ่างล้างจานจะไว้ใส่ถังขยะ และวางของได้อีก

อ่างล้างจานค่อนข้างลึกล้างหม้อ, กระทะได้สะดวก ใช้ของ Teka หรือเทียบเท่า ท็อปเคาน์เตอร์ครัวทำจากหินสังเคราะห์สีดำค่ะ

ก๊อกน้ำยี่ห้อเดียวกัน Teka เป็นทรงสูงดีไซน์ขอบเป็นลักษณะเหลี่ยมดู Modern

ผนังครัวปูกระเบื้องสีขาว หากมีคราบมันจากการทำครัวจะช่วยให้กำจัดคราบได้ง่าย

วัสดุห้องน้ำ

อ่างล้างหน้า ทรงสี่เหลี่ยม สีขาว ทำจากเซรามิค ยี่ห้อ American Standard

ก๊อกน้ำเป็นแบบก้านโยกของ American Standard

ด้านหน้ากระจกมีขอบที่สามารถวางของพวกที่เป็นขวด อย่างยาสีฟัน โฟมล้างหน้าได้

ราวแขวนผ้าให้มาพร้อม

มีกระจกติดมาให้ด้วย แต่ขนาดจะเล็กกว่าห้องตัวอย่างค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นสีขาว Cotto หรือเทียบเท่า

ผนังปูกระเบื้องสีขาว ขนาด 30×30 ซม.  ฝักบัว American Standard

มีที่วางสบู่ติดผนังให้ สำหรับวางสบู่ก้อนได้ 1 ก้อน

พื้นบริเวณอาบน้ำจะลดระดับลงไปประมาณ 2 ซม. ปูกระเบื้อง 30 x 30 ซม. สีน้ำตาลอ่อน

พื้นระหว่างห้องน้ำกับพื้นที่ด้านนอก มีธรณีประตูที่ลดระดับลงไปเพื่อป้องกันน้ำไหลออกมาเวลาล้างห้องน้ำจะได้ไม่เลอะออกมาพื้นที่ครัวค่ะ

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

พื้นโถงทางเดินปูกระเบื้องสีเทาอ่อนระดับต่ำกว่าพื้นห้องประมาณ 2 ซม.

พื้นภายในห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตและติดบัวเชิงผนังสำเร็จรูป สีน้ำตาลอ่อน

ฝ้าเพดานเป็นฉาบเรียบ ติดโคมซาลาเปาให้ห้องละ 1 ดวง

ตัวสวิตซ์ไฟเป็นสีขาว ยี่ห้อ Bticino หรือเทียบเท่า

กรอบหน้าต่างและประตูใช้อะลูมิเนียมสีดำ กระจกตัดแสง

ประตูออกระเบียงยกสูงจากพื้นประมาณ 5 ซม. ระเบียงปูด้วยกระเบื้อง ขนาด 30×30 ซม.

ประตูบานเลื่อนระหว่างครัวกับระเบียง

ประตูเข้าห้องขนาดบาน 90 ซม.  สีขาว

ราวระเบียงทำจากเหล็กกล่อง ทาสีดำ มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าได้ 1 เครื่อง

คอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวน หันเข้าในระเบียง เพดานติดโคมซาลาเปาให้ 1 ดวง

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาหลังจากที่ตึกเสร็จแล้ว (24 กันยายน 2561)  สำหรับห้องขนาด 22.82 ตร.ม. อยู่ในช่วงราคา 1.2-1.5 ล้านบาท และห้องขนาด 26 ตร.ม. ราคา 1.4 -1.9 ล้านบาท แต่ละชั้นที่สูงขึ้นราคาจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 100,000 บาท/ชั้น

ราคา ณ วันที่ 24 กันยายน 2561

ราคาเริ่มต้น :

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคา 1.2 – 1.5 ล้านบาท เฉลี่ย 58,000 บาท/ตร.ม.

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคา 1.4 – 1.9 ล้านบาท เฉลี่ย 63,000 บาท/ตร.ม.

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

Studio Type A จอง 5,000 บาท / ทำสัญญา 23,500 – 41,440 บาท แล้วแต่ห้อง

Studio Type B จอง 10,000 บาท / ทำสัญญา 22,610 – 46,580 บาท  แล้วแต่ห้อง

• ผ่อนดาวน์

เป็นโครงการที่อาคารสร้างเสร็จแล้วไม่มีผ่อนดาวน์

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี ณ วันโอน)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ (ชำระฝ่ายละครึ่ง)
ค่าประกันและติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า
ค่าธรรมเนียมในการจดจำนอง 1% (กรณีผู้ซื้อขอสินเชื่อกับธนาคาร)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคนครับ  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 7,585 บาท/เดือน

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคาขาย 1.4 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 8,849 บาท/ตร.ม.

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 8,102 บาท/เดือน

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคาขาย 1.4 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 9,453 บาท/ตร.ม.

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 8,947 บาท/เดือน

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคาขาย 1.4 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 10,438 บาท/ตร.ม.

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 10,453 บาท/เดือน

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคาขาย 1.4 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 12,196  บาท/ตร.ม.

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

Studio Type A พื้นที่ 22.82 ตร.ม. ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 13,626 บาท/เดือน

Studio Type B พื้นที่ 26.40 ตร.ม. ราคาขาย 1.4 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 15,897 บาท/ตร.ม.

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางไปยัง Unio รามคำแหง-เสรีไทย อยู่ไม่ไกลจากแยกนิด้า ฝั่งถนนเสรีไทย สามารถขับรถเองหรือใช้รถโดยสารประจำทางก็ได้  ตัวโครงการติดถนนใหญ่มีรถเมล์และสองแถวผ่านหน้าโครงการด้วยค่ะ   บริเวณด้านหน้ามีทางเท้าตลอดเส้นทาง แต่บริเวณรอบข้างไม่ค่อยมีอะไรที่คึกคักมากนักส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์กระจายตัวเป็นช่วงๆ ค่ะ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ในอนาคตที่จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี วิ่งบนถนนรามคำแหง โดยมีสถานีศรีบูรพา อยู่บริเวณแยกบ้านม้าเป็นสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุด ห่างออกไปประมาณ 1.6 กิโลเมตรค่ะ  ส่วนถนนลาดพร้าวนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง วิ่งผ่านถนนลาดพร้าวแล้วเลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ไปทางบางกะปิ โดยสถานีที่ใกล้โครงการมากทีสุดคือ สถานีบางกะปิและสถานีแยกลำสาลี สำหรับราคาประหยัดแบบนี้  ระยะห่างของรถไฟฟ้าก็ยังไม่ถือว่าไกลเกินไปนะคะ  และเมื่อรถไฟฟ้ามาถึง  ทำเลก็จะเติบโตขึ้นในภาพรวม  แม้ว่ารถไฟฟ้าจะไม่ได้ผ่านหน้าโครงการเลยก็ตาม

ลักษณะการเติบโตของพื้นที่ตอนนี้ยังเป็นไปแบบเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวานัก  โครงการอสังหาฯ ย่านนี้ก็มักจะเน้นการจับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่รอบโครงการ เช่น โซนบางกะปิ, รามคำแหง, นวมินทร์  เป็นคนละกลุ่มกับที่ซื้อคอนโดในเมือง  เพราะฉะนั้นจึงไม่เหมาะกับกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไรนะคะ  เหมาะกับการผู้ end user ที่ซื้ออยู่เองมากกว่า  แล้วถ้าในอนาคตมีกำลังขยับขยายมากขึ้น  ก็สามารถขายเปลี่ยนมือเพื่อเอา Capital Gain ได้ค่ะ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

คอนโด Unio รามคำแหง-เสรีไทย มีทั้งหมด 3 อาคาร สูง 8 ชั้น วางตัวอาคารตามรูปทรงของที่ดิน  พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ตรงคอร์ทกลาง  ตัวคอนโดตกแต่งหน้าตาเรียบๆ สไตล์ Modern ตัวอาคารจึงมีโทนสีเป็นหลัก  ได้ mood & tone ที่ดูเท่ดี  ข้อดีอีกอย่างของการใช้ตัวตึกสีเทานั้นคือดูระยะยาวแล้วไม่เก่าง่าย  ภายในโครงการจัดงาน landscape บริเวณส่วนกลางมาได้ดีมากทีเดียว  ซึ่งก็ช่วยส่งเสริมบรรยากาศในการอยู่อาศัยของคอนโดได้ดีค่ะ

อาคาร A มีแปลนเป็นรูปตัว L  ส่วนอาคาร B และ C มีแปลนเป็นรูปตัว I  โดยที่ตัวตึก B กับ C นั้นจะวางทำมุมเฉียงหากัน  มีห้องบางห้องตรงมุมระหว่างอาคาร B กับ C ที่ระยะจะใกล้กันมาก  ในขณะที่ห้องตรงปลายอาคารฝั่งใกล้ฟิตเนสนั้นจะอยู่ห่างกันมากหน่อย  การวางตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำจะวางระหว่างตึก B และ C ที่ท้ายโครงการ  ส่วนบริเวณตึก A จะอยู่ห่างจากฟิตเนสและสระว่ายน้ำมากหน่อยแต่ก็ได้พื้นที่ที่โล่งกว่าเน้นสวนไว้ให้เดินเล่นพักผ่อนแทนรวมทั้งยังได้โถงใต้อาคารขนาดใหญ่กว่าอีก 2 ตึกด้วย  ก็ต้อง Trade off กันไปว่าใครจะชอบแบบไหนมากกว่า  เพราะแต่ละตึกก็มีจุดเด่นต่างกันไปค่ะ

ด้านการวางแปลนนั้น ยูนิโอ รามคำแหง-เสรีไทย เป็นแบบห้องสตูดิโอทั้งหมด  โดยห้องมี 2 ขนาด ขนาดเล็กกว่า คือ 22.82 ตร.ม. จะหันหน้าออกด้านนอกโครงการ ส่วนที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย คือ 26.40 ตร.ม. จะหันหน้าเข้าหาคอร์ทในโครงการเป็นหลักค่ะ  ให้เห็นว่าที่นี่เน้นขายวิวของส่วนกลางเป็นหลักเลย  การวางแปลนห้องนั้นถึงแม้ขนาดจะไม่ใหญ่แต่ก็สามารถจัดแปลนในรูปแบบ compact ได้ลงตัวดี  ใช้สเปซต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า  วางตำแหน่งของห้องน้ำ, ห้องครัว และระเบียง ไว้ชิดฝั่งหนึ่งของห้อง เปิดพื้นที่อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนนั่งเล่นกับพื้นที่ห้องนอน  แม้จะไม่ได้กั้นผนังแบ่งพื้นที่ออกจากกันอย่างชัดเจนแต่การวางแปลนทำให้การใช้สอยพื้นที่เป็นสัดส่วนด้วยตัวเองอยู่แล้ว  สามารถกั้นห้องเพิ่มเติมเองได้ตามแนวผนังที่วางเอาไว้ให้ค่ะ  ในภาพรวมก็ถือว่าโครงการพยายามใช้พื้นที่ที่จำกัดได้คุ้มค่าดีนะคะ

ราคาโครงการนี้ไม่สูงมากนัก  วัสดุ standard พื้นฐานของห้องมีพื้นลามิเนต 8 มม., ผนังฉาบเรียบทาสี, เคาน์เตอร์ครัวมี Top หินสังเคราะห์สีดำ ชุดสุขภัณฑ์ห้องน้ำครบถ้วนแต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำ, โคใไฟซาลาเปาในโซนการใช้งานโซนละ 1 ดวง  และแถมเครื่องปรับอากาศ, ทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ มาให้ด้วยเป็นแพคเกจ  ก็ถือว่าให้มาดีพอสมควรเลยค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นเป็นจุดที่ต้องชมแล้วก็ให้เครดิตมากๆ อีกจุดค่ะ  เพราะว่าสิ่งที่ให้มานั้นช่วยสร้างบรรยากาศในการอยู่อาศัยได้ดีทีเดียว  ต้องบอกว่าทำเสร็จออกมาจริงๆ แล้วดูดีกว่าตอนที่เห็นในแปลนนะคะ  ในโครงการมีสวนสาธารณะที่ปลูกต้นไม้สีเขียวไว้เยอะ  มีต้นไม้ใหญ่ที่จะโตได้อีกในอนาคตเพื่อให้ร่มเงา, มุมสนามเด็กเล่น, ทางวิ่งออกกำลังกาย, บ่อบัว และ Sunken Seat, สระว่ายน้ำระบบเกลือ 30×6 เมตร ลึก 1.2 เมตร  ที่แยกเป็นสัดส่วน  มีแนวพุ่มไม้บังสายตาให้, มีล็อบบี้และห้องซักผ้าที่ชั้น 1 ทุกอาคาร  สำหรับอาคาร A จะมีร้านค้าอยู่ด้านหน้า เป็น 7-Eleven  รวมทั้งโถงใต้อาคาร A ที่ขนาดใหญ่กว่าโถงอาคาร B, C มาก  สามารถมานั่งทำงานได้ถ้าไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้อง  เพราะมีปลั๊กต่างๆ เตรียมเอาไว้ให้พร้อมค่ะ

ด้านสัดส่วนการใช้ลิฟต์อาคาร A, B อยู่ที่ 126 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว อาคาร C มีสัดส่วนลิฟต์ 98 ยูนิต ถือว่าสัดส่วนโอเคและไม่ได้หนาแน่นไปค่ะ  ที่จอดรถไม่รวมซ้อนคันจอดได้ 209 คัน หรือ 29% จอดจักรยานยนต์ได้ 43 คัน ถือว่าสัดส่วนที่จอดรถไม่เยอะ แต่รับได้กับคอนโดราคาล้านกว่าๆ และติดถนนใหญ่ค่ะ

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ