ก่อนหน้านี้เราพรีวิวทำเล Whizdom Asoke – Sukhumvit คอนโดวิวสวนป่าเบญจกิติกันไปแล้ว มาวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกตัวโปรดักส์ของ วิสซ์ดอม อโศก – สุขุมวิท กัน บอกเลยว่าการออกแบบโครงการนี้ไม่ธรรมดา เน้น Design For All Well-Being ไม่ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ เช่น การใช้เครื่องปรับอากาศระบบ Water Cooling, ทาสีแบบ Non-Toxic อีกด้วยค่ะ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรตามไปดูกันเลย
พรีวิวทำเลอ่านได้ที่นี่ค่ะ >> พรีวิว Whizdom Asoke – Sukhumvit
WHIZDOM ASOKE – SUKHUMVIT
( วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท )
Quick Look
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit เรียกได้ว่าเด่นรอบด้าน ทั้งเรื่องทำเลที่หาโครงการอื่นมาเทียบได้ยากแล้ว ตัวคอนโดก็ยังเน้นเรื่องการออกแบบคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัยตามมาตรฐานของ MQDC อีกด้วย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Design For All Well-Being ค่ะ
——–>
เหมาะกับใคร ?? :
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit จะเหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดทำเลพรีเมี่ยมในตัวเมืองที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมีจุดขายที่แตกต่าง ทั้งใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า และได้วิวสวนเบญจกิติ หรือ ชอบโครงการอาคารเขียวที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม สุขภาพ และมีประกันโครงสร้างให้ถึง 30 ปีอีกด้วย ทั้งนี้ก็ต้องมีกำลังจ่ายที่สูงพอสมควรด้วยนะคะ เพราะราคาเฉลี่ย 300,000 บาท/ตร.ม. แพงใช้ได้เลย T^T
——–>
มาดูตำแหน่งรอบๆ ตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
ที่ตั้งของคอนโด วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท ขออธิบายไม่เยอะ เพราะมีพรีวิวทำเลไปแล้วนะคะ ในภาพรวมคือ ตั้งอยู่ในทำเลธุรกิจกลางเมืองอย่างโศก เป็นโซนออฟฟิศชั้นนำและยังเป็น 1 ในจุดตัดของรถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพฯ สองสาย อย่าง BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ด้วย การเดินทางไปยังสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ จบเพียง 1 – 4 สถานีเท่านั้น และที่สำคัญที่เป็นจุดขายของโครงการคืออยู่ตรงข้ามกับ สวนเบญจกิติ ทำให้ได้วิวสวนไปเต็มๆ และการีนตีวิวสวยไปอีกนานด้วย เพราะด้านหลังสวนที่เคยเป็นโรงงานยาสูบกำลังปรับปรุงให้กลายเป็น สวนป่าเบญจกิติ ที่มีขนาดถึง 450 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2563 ค่ะ เหมาะกับเป็นที่พักอาศัยในเมือง
สถานที่สำคัญใกล้ๆ แยกอโศก มีศูนย์การค้า Terminal 21 เป็น Hub ใหญ่ ด้านในมีร้านค้าร้านอาหารครบครัน นอกนั้นตลอดเส้นรัชดาฯ ก็จะเป็นอาคารสำนักงานตลอดแนว และมี ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อยู่ฝั่งตรงข้ามค่อนไปทางถนนพระราม 4 ค่ะ ส่วนสถานีใกล้ๆ อย่าง พร้อมพงษ์ จะเป็นย่านศูนย์การค้า Luxury Mall หรือ EmDistrict มี The Emquartier, Emporium, EmPhere ค่ะ
พรีวิวทำเลและศักยภาพ >> คลิกที่นี่
เปิดประตูดูโครงการ
สำนักงานขายของ Whizdom Asoke – Sukhumvit จะตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งโครงการเลยค่ะ เป็นอาคารสีดำสูง 2 ชั้น มีต้นไม้ สวนประดับ และบ่อน้ำพุเล็กๆ เพิ่มความร่มรื่นให้กับคนเดินผ่านไปมา
เห็นสไตล์ของคอนโดว่าจะคุมโทนสีดำประมาณนี้ ชั้น 2 ที่ยื่นออกมาจะเป็นห้องตัวอย่าง ได้กระจกสูงชนฝ้าเลย
โถงทางเข้าจะอยู่ตรงกลาง เดินเข้าได้จากทางเท้าด้านหน้าและจากที่จอดรถด้านหลัง
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นสวนป่าเบญจกิติ
ใครขับรถมาก็มีที่จอดรถด้านหลังสำนักงานขายค่ะ
ภายในสำนักงานขายจะเป็นโถงสูง ตกแต่งด้วยกระจกสีดำดูมันเงา ทันสมัย และมีโมเดลให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย
ส่วนห้องตัวอย่างนั้นมีให้ดูถึง 3 ห้อง ซึ่งจะอยู่ชั้น 2 ด้านบน ซึ่งเราจะพาไปดูกันในหัวข้อต่อๆ ไปค่ะ
EXTERIOR
คอนโด Whizdom Asoke – Sukhumvit จะเป็นคอนโดสูง 39 ชั้น และมีอาคารจอดรถ Automate Parking อยู่ด้านหลังสูงประมาณ 12 ชั้นของอาคารพักอาศัย ทำให้ห้องพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปเลยค่ะ ลองเทียบกับภาพจำลองรูปนี้และภาพบรรยากาศจริงดู
จะเห็นว่า Whizdom Asoke – Sukhumvit จะอยู่ตรงกลางระหว่าง C.T.I.Tower และ Lake Rajada Complex ดังนั้นห้องที่หันออกด้านข้างจะโดนบล็อควิวไปบ้างค่ะ
ด้านหน้าอาคารฝั่งซ้ายจะเรียบขนานไปกับถนน แต่ทางขวาจะ Set Back เข้าไป และเอียงขนานไปกับเส้นรอบรูปที่ดิน นอกจากจะทำให้ห้องฝั่งซ้ายได้วิวกว้างมากขึ้น ห้องทางขวาก็เบียงตัวหลุบมุมอาคาร Lake Rajada Complex เล็กน้อย ทำให้ได้วิวเพิ่มขึ้นหลายห้องด้วยค่ะ
ทางเข้าออกมีทางเดียวจากถนนรัชดาภิเษกด้านหน้า สามารถวนเข้ามารับส่งลูกบ้านแล้ววนออกไปได้ทันที แต่ถ้าจะจอดรถก็สามารถวนต่อเข้าไปได้ที่ด้านหลัง
สังเกตดีดีระหว่างชั้นจะมีฟินยื่นออกมาเพื่อบังแดดให้ห้องชั้นล่างด้วย เพราะด้านหน้าจะเป็นทิศตะวันตก ได้แดดแรงตอนบ่ายแก่ๆ ถึงตอนเย็นค่ะ โดยออกแบบฟินให้เหมือนเป็น Cliff หรือ หน้าผา เข้ากับสวนป่าเบญจกิติที่อยู่ตรงข้ามกัน
ส่วนฝั่งซ้ายจะเห็นว่ามีห้องกระจก 2 ชั้นต่อเนื่องกัน ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งของห้อง Duplex ค่ะ จะอยู่ตรงกันขึ้นไปตลอดแนว รับวิวสวนดีกว่าห้องแบบอื่นๆ
ชั้นที่เราเริ่มเห็นระเบียงใสๆ จะเป็นชั้น 32 เป็นห้องพักอาศัยที่มีระเบียงยาว เป็นห้องแบบ OWN THE RARE คือจะมีแปลนไม่ซ้ำกับห้องอื่นๆ ซึ่งเดี๋ยวจะเห็นกันชัดๆ ในแปลนห้องนะคะ พอชั้น 35 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง มีสระว่ายน้ำยาวตลอดแนว ได้วิวสวนเต็มที่
สุดยอดอาคารที่ชั้น 37 – 39 จะเป็นห้อง Ultra Penthouse ที่มีอยู่เพียง 5 ห้องเท่านั้น ซึ่ง 5 ห้องนี้จะมีโรงจอดรถเป็นของตัวเองด้วย เป็นที่จอดรถแบบ Conventional Parking ที่ชั้นใต้ดินค่ะ
ฝั่งทิศใต้จะเห็นชัดว่า อาคารพักอาศัยกับอาคารจอดรถชัดมากขึ้น ซึ่งที่จอดรถจะสูงเทียบเท่ากับชั้น 12 ของอาคารพักอาศัยค่ะ
ซูมดูที่ชั้นล่างจะเห็นผนังสีเทาชั้นล่างสุด จะเทียบเท่ากับชั้น Ground เป็นโรงจอดรถ (Garage) ของห้อง Penthouse ทั้ง 5 ห้องนั่นเอง มีความกว้างที่จอด 5 เมตร สามารถจอดรถ Super Car ได้ หรือ จอดรถเล็กได้ 2 คัน และจะมีลิฟต์ส่วนตัวแยกต่างหาก ขึ้นชั้นพักอาศัยได้เลย …. ส่วนผนังกระจกสีดำชั้น 1 – 2 จะเป็นพื้นที่ร้านค้าจำนวน 6 ร้านค่ะ
วนมาด้านหลังอาคารที่ติดกับซอยสุขุมวิท 16 จะเห็นอาคารจอดรถก่อน ซึ่งรั้วด้านหลังนี้มีประตูเข้าออกเฉพาะคนเดินเท่านั้น ออกมาหาของกินกันได้สบายค่ะ ช่วยร่นระยะทางไปถึง BTS อโศก ด้วย
มุมนี้จะเป็นทางเข้าลิฟต์จอดรถ ซึ่งจะมีห้องกระจกสีดำข้างๆ เป็นส่วนของ Private Residence Lounge สำหรับรอลิฟต์รถค่ะ
ด้านหลังอาคารที่ชั้น 32 ด้านหลังอาคารจะเป็น Garden Lounge และ BBQ Deck เป็นพื้นที่เปิดโล่งรับลมชมวิวเมืองกันได้เต็มที่
ด้านข้างฝั่งทิศเหนือก็จะมีรูปร่างหน้าตาประมาณนี้ค่ะ อาคารวางตัวเฉียงๆ ทำให้ให้ไม่ติดกับอาคารเพื่อนบ้านมากเกินไป
ฝั่งนี้มองเห็นสวนเหนืออาคารจอดรถที่ชั้น 11 – 12 ชัดเจน เป็นสวนที่ไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไหร่ เพราะด้านหน้าเจออาคารพักอาศัย ดานหลังติดอาคารจอดรถ จะมองเห็นแต่ตึกด้านข้างค่ะ
ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit จะมีด้านหน้าและด้านหลังติดถนนรัชดาภิเษก และซอยสุขุมวิท 16 กรอบที่ดินด้านข้างจะทำองศากับถนนรัชดาภิเษกเล็กน้อย ทำให้แปลนอาคารต้องขนานตามไปด้วย อาคารด้านหน้าก็จะร่นระยะลึกเข้าไปไม่เท่ากัน ทำให้รูปร่างอาคารน่าสนใจอย่างที่เห็นในโมเดล ซึ่งการร่นระยะและแปลนทิศใต้ทำมุมเฉียงๆ ทำให้เปิดมุมมองรับวิวมากขึ้น
ทิศที่เด่นสุดก็หนีไม่พ้นด้านหน้า หรือ ทิศตะวันตก ที่จะหันเข้าหาสวนป่าเบญจกิติซึ่งเป็นจุดขายของโครงการ (ใครมีเงินถึงควรซื้อฝั่งนี้ค่ะ) ด้านหลังหรือทิศตะวันออกจะหันเข้าซอยสุขุมวิท 16 มองเห็นวิวเมืองไปทางพร้อมพงษ์ แต่ห้องที่หันออกด้านข้างอย่างทิศเหนือและทิศใต้ จะเริ่มโดนบล็อควิวด้วยอาคารเพื่อนบ้าน ถ้าเป็นทิศเหนือจะเจอ อาคาร C.T.I. Tower สูง 32 ชั้น ที่บล็อควิวไปเกือบหมด ส่วนทิศใต้จะเจอตึก Lake Rajada Compelx สูง 38 ชั้น แต่ยังดีที่ทิศใต้เป็นนั้นอาคารทำองศาเล็กน้อยทำให้ยังพอหลบมุมไปได้บ้าง
ทั้งนี้การเลือกคอนโดใจกลางเมืองก็มักจะเจอปัญหานี้แหละค่ะ เลี่ยงได้ยาก ขอแค่ไม่ติดกันเกินไปจนอึดอัดก็พอแล้ว สรุปว่า ถ้าใครเงินถึงและชอบจุดขายของโครงการนี้จริงๆ ก็ไม่ควรพลาดห้องที่หันออกด้านหน้า (ทิศตะวันตก) หรือ ทิศใต้ ค่ะ ส่วนใครที่ไม่แคร์วิวแต่ชอบทำล ก็เลือกทิศเหนือ หรือ ทิศตะวันออกก็ไม่เสียหาย
เดินมาด้านหลังสำนักงานขายจะเห็นเพื่อนบ้านรั้วติดกันของ Whizdom Asoke – Sukhumvit มากขึ้น ทางทิศเหนือจะติดกับอาคาร C.T.I. Tower สูง 32 ชั้น
ด้านหลังเป็นอาคารจอดรถสูง 10 ชั้น
ทางทิศใต้จะติดกับ Lake Rajada Complex สูง 38 ชั้น
ด้านหลังเป็นอาคารจอดรถสูง 10 ชั้น เช่นกัน และมีบางส่วนที่จะติดกับบ้านส่วนบุคคลในซอยสุขุมวิท 16 ค่ะ
ส่วนด้านหลังโครงการจะติดกับซอยสุขุมวิท 16 วิวฝั่งนี้มองเข้าตัวเมืองพร้อมพงษ์ แต่ก็มีคอนโด Lake Avenue สูง 26 ชั้น บล็อควิวไปบางส่วนค่ะ ซึ่งทางโครงการเตรียมทางเดินเข้าออกซอยสุขุมวิท 16 ให้ด้วย
ซึ่งสะดวกมาก เพราะซอยสุขุมวิท 16 มีร้านอาหารเก๋ๆ อยู่หลายร้าน เพราะใกล้กับแหล่งทำงานค่ะ ยิ่งตอนกลางวันจะเห็นพนักงานเดินกันเพียบ
ส่วนถ้าเลี้ยวขวาก็จะลัดไปออกถนนพระราม 4 ได้ มีพี่วินมอเตอร์ไซต์ผ่านไปผ่านมาตลอดค่ะ
ทิศแดด
แม้คอนโด Whizdom Asoke – Sukhumvit จะอยู่ท่ามกลางอาคารสำนักงานก็จริง แต่อาคารเหล่านี้ก็ช่วยบังแดดช่วงที่ร้อนที่สุดของวันอย่างทิศใต้ไปได้พอสมควร ทำให้อาคารจะร้อนในช่วงบ่ายแก่จนถึงตอนเย็นๆ ทางทิศตะวันตกเท่านั้นค่ะ แต่ทางโครงการก็แก้โดยเลือกใช้กระจกตัดแสง และมี Fin ด้านหน้าให้เรียบร้อยแล้ว ด้านฝั่งทิศเหนือที่โดยปกติจะเป็นทิศที่เย็นสบายตลอดปี การอยู่ใกล้อาคารอื่นอาจจะกลายเป็นว่า เย็นสบายยิ่งกว่าเดิม หรือ แสงแดดเข้าห้องน้อยกว่าเดิมก็เป็นได้ อารมณ์ว่าตากผ้าจะแห้งช้าหน่อย หรือ ได้แสงแดดไม่พอในการปลูกต้นไม้ค่ะ
FACILITIES
เริ่มจากภาพนี้เป็น Drop-Off ด้านหน้าโถงต้อนรับ ซึ่งโถงชั้นล่างนี่จะสูงถึง 6.2 เมตร ทำให้ดูแกรนด์ ประกอบกับเสาที่ปิดผิวด้วยวัสดุมันเงาสีดำ ดูเรียบหรูค่ะ
หน้าอาคารจะปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มความร่มร่นให้กับพื้นที่ ขวามือเป็นส่วนของร้านค้า 6 ร้าน
Grand Lobby ชั้นล่างจะได้ฝ้าสูง 6.2 เมตร ตกแต่งด้วยโคมไฟสี่เหลี่ยมตรงกลางห้อง คล้ายกับที่ตกแต่งในสำนักงานขายเลยค่ะ
ส่วนโถงพักคอยลิฟต์รถจะอยู่ด้านใน เรียกว่า Whizdom Private Residence Lounge ก็ออกแบบหรูหราเช่นกัน
ชั้น 11 มีส่วนกลางเป็น Co-working space with E-Library ต่อเนื่องกับสวนที่ชั้น 11 เหนืออาคารจอดรถ
ชั้น 12 มี Business Lounge สามารถขึ้นบันไดต่อเนื่องจากชั้น 11 ขึ้นมาได้ จะเห็นว่าแบ่งโซนที่นั่งออกเป็นหลายจุด นั่งโซฟา โต๊ะแบบมีฉากกั้น ส่วนในสุดจะเป็น The Conference Room ทั้งนี้วิวที่เห็นไม่น่าใช่วิวสวนนะคะ น่าจะเห็นตึก C.T.I.Tower มากกว่า
Infinity edged Swimming pool with Jacuzzi and kid pool อยู่ที่ชั้น 35 ค่ะ สระว่ายน้ำยาวสะใจดี ส่วนข้างสระก็มีที่นั่งด้านข้าง
วิวสระว่ายน้ำที่ได้จะเห็นสวนป่าเบญจกิติไปเต็มๆ แบบนี้เลยค่ะ
Sky Fitness ที่ชั้น 36 ได้กระจกโค้งเข้ามุมซะด้วยเหมือนที่ห้องพักอาศัยค่ะ
Sky lounge ก็หรูหราไม่แพ้กัน
สำหรับจำนวนที่พักอาศัย 553 ยูนิต เมื่อเทียบกับลิฟต์โดยสายที่มีให้ 5 ตัวแล้ว คิดออกมาได้ 120 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว อยู่ในเกณฑ์ที๋โอเค ส่วนที่จอดรถนั้นมีทั้งแบบระบบ Automate Parking และแบบ Conventional Parking รวม 85% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
งานระบบ
นอกจากส่วนกลางพื้นฐานที่กล่าวมาแล้ว Whizdom Asoke – Sukhumvit ยังเป็นโครงการที่ออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานของ MQDC ด้วย โดยระบบในอาคารจะเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการใช้น้ำทั้งโครงการ โดยได้นำเกณฑ์การออกแบบจากสถาบันอาคารเขียว ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมาอ้างอิง เพื่อคุณภาพของโครงการตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย (TREES-NC) ของสถาบันอาคารเขียวไทยค่ะ
แปลนห้องดีไหม?
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit จะมีห้องให้เลือกอยู่หลายแบบ ทั้ง 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน ไปจนถึงห้อง Ultra Penthouse ขนาดตั้งแต่ 34 – 311 ตารางเมตร เหมาะกับอยู่คนเดียวไปจนถึงอยู่กันเป็นครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งบางห้องก็เป็นห้อง OWN THE RARE ที่มีแบบไม่ซ้ำกับห้องอื่นอีกด้วยค่ะ
ที่เหมือนกันคือ ทุกห้องออกแบบภายใต้มาตรฐานของ MQDC มีระยะต่างๆ กำหนดไว้ชัดเจน (SENSES & HAPPINES) เช่น ประตูห้องนอนห้ามตรงกับเตียง มีทางเดินรอบเตียง 60 – 70 ซม.เคลื่อนไหวสะดวก ห้องนอนทุกห้องวางเตียง King Size ได้ ห้องนอนต้องมีหน้าต่างเปิดได้อย่างน้อย 2 บาน เป็นต้น และห้องน้ำส่วนใหญ่จะอยู่ติดทางเดินในอาคาร เพื่อที่จะได้ต่อท่อออกจากสุขภัณฑ์ไปที่ผนังด้านหลังโดยตรง ทั้งซ่อมบำรุงได้จากทางเดินและลดปัญหาน้ำรั่วหรือท่ออุดตันค่ะ เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยมากๆ ที่หนึ่งเลยค่ะ
เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”
ห้องตัวอย่างที่มีให้ดูจะมี 3 แบบ คือ ห้องขนาด 35, 48, 76 ตารางเมตร ความสูงของฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร เหนือครัวและห้องน้ำที่มีงานระบบฝ้าจะสูง 2.7 เมตร พื้นฐานของห้องให้มาค่อนข้างดีเลย เพราะพื้นปูด้วยไม้ Cork รับแรงกระแทกได้มากกว่าพื้นทั่วไป ของตกหรือคนล้มจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ส่วนผนังห้องฉาบเรียบทาสีที่ไม่ก่อมลพิษ (Low-VOCs and Non Toxic) เพื่อสุขภาพที่ดีแทนการติดวอลเปเปอร์ ห้องน้ำและระเบียงปูกระเบื้องพอร์ตเลนคุณภาพแข็งแรงค่ะ
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จะแถมให้แบบ Fully Fitted คือได้ ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินที่ลึก 70 ซม. มากกว่าตู้มาตราฐานทั่วไป เก็บกระเป๋าเดินทางได้สบาย, เคาน์เตอร์ในห้องครัวแถม เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, ตู้เย็นบิวท์อิน, ประตูในห้องจะสูง 2.4 เมตร พร้อม Digital Door Lock สามารถควบคุมผ่านมือถือได้
ภายในห้องก็จะมีรีโมทสวิสต์ไฟ Home Intelligent ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทั้งห้อง ยกเว้นม่าน , ไฟประตูทางเข้าและห้องน้ำจะจับความเคลื่อนไหวเปิดอัตโนมัติ และปิดใน 2 นาทีถ้าไม่มีการใช้งานต่อ เครื่องปรับอากาศจะเป็นแบบฝังฝ้าระบบ (Water-Cooled Chiller System) ไม่มีท่อลม ไม่มีคอนเพรสเซอร์แอร์ ลดการสะสมของฝุ่นและการเกิดเชื้อรา และยังแถมเครื่องเครื่อง Energy Recovery Ventilation (ERV) ช่วยตรวจปริมาณคาร์บอนฯ ในห้องอัตโนมัติ แถมเฉพาะในห้อง Master Bedroom ด้วยค่ะ เป็นไปตามมาตรฐานของ MQDC เรื่อง HEALTH & WELLNESS
แบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของแพนทรี่ครัว ต่อด้วยโต๊ะรับประทานอาหารและโซนนั่งเล่นค่ะ
พื้นห้องจะใช้ไม้ Cork สีน้ำตาลเข้ม ผิวสัมผัสดี มีคุณสมบัติยืดหยุ่นกว่าวัสดุปูพื้นอื่นๆ ส่วนฝ้าจะฉาบเรียบ ได้แอร์ฝังฝ้าแต่หน้าตายังไม่ได้สรุป
เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นบิ้วท์อินมาให้แบบนี้เลย โต๊ะทานข้าวเหมาะกับขนาด 2 ที่นั่งแบบห้องตัวอย่างค่ะ
บานตู้จะเป็น Solid Surface ที่อัดเป็นชิ้นเดียวกับบานตู้ ทนรอยขีดขวดมากกว่าลามิเนตทั่วไป Top เคาน์เตอร์และ Backsplash ด้านหลังเป็นพอร์ซเลนลายหิน คุณภาพ Food Grade ไม่ซึมน้ำค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าใต้ตู้ได้ แต่ถ้าไม่ต้องการก็จะปิดเป็นตู้เก็บของให้ปกติ
ข้างๆ ประตูทางเข้าก็บิ้วท์อินตู้เก็บของให้ ทำเป็นมินิบาร์เล็กๆ ได้ ด้านข้างก็เป็นตู้เย็นที่ให้มาแบบนี้เลยค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ติดระเบียง รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ห้องนั่งเล่นสามารถวางเตียงขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้สบาย
บริเวณระเบียงจะเป็นทำเป็น Indoor หรือ กึ่ง-Outdoor ก็ได้ เพราะมีประตูกระจกให้ 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นประตูบานเฟี้ยมขนาดใหญ่ พับเก็บได้ ส่วนริมห้องจะเป็นระเบียงกระจกใส พร้อมประตูบานเลื่อนกระจกอีกชั้นนึง ทำให้พื้นที่ค่อนข้างยึดหยุ่นปรับเป็นพื้นที่ใช้สอยในห้องเพิ่มได้
หากจะใช้เป็นระเบียงก็ทำได้ เพราะปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนทำความสะอาดง่าย และมีช่องระบายน้ำให้เรียบร้อย ระเบียงกันตกเป็นกระจกใสไม่บดบังวิว และสูง 1.2 เมตร ซึ่งสูงกว่าระเบียงทั่วไปที่มักสูง 0.9 เมตรค่ะ
มองกลับเข้าไปในห้อง พื้นที่ห้องนี้จะค่อนข้างพอดีตัว ฝ้าบริเวณที่นั่งเล่นสูง 3 เมตร แต่เหนือครัวจะสูง 2.7 เมตร เพราะมีงานระบบค่ะ
ต่อกันที่ห้องนอนที่สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ ได้หน้าต่างสูงชนฝ้าและกว้างเต็มความกว้างของห้องเช่นกัน
มองกลับเข้าไปในห้องจะเห็นว่าพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ แต่งตัวกันสะดวก และยังใกล้กับห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าของโครงการนี้ลึก 70 ซม. มากกว่ามาตรฐานทั่วไปที่ลึก 60 ซม. มีการซอยชั้นวางของต่างๆ ให้เรียบร้อย และที่บานตู้ติดกระจกเงาให้เลยค่ะ
ภายในห้องน้ำก็จะแบ่งส่วนเปียก-แห้งกันเรียบร้อย พื้นและผนังห้องปูด้วยกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินสีน้ำตาล สุขภัณฑ์ต่างๆ ของ TOTO อุปกรณ์อย่างก๊อกน้ำเป็นของ GROHE
บริเวณอาบน้ำกั้นด้วยกระจกใสสีเทาสูงชนฝ้า มีทั้ง Rain Shower และ ฝักบัวธรรมดา พร้อมระบบน้ำร้อนน้ำเย็น
แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48 ตารางเมตร เปิดเข้ามาเจอกับแพนทรี่ ต่อด้วยโต๊ะทานอาหาร และที่นั่งเล่นด้านใน
ได้เคาน์เตอร์และตู้เก็บของอยู่ติดกันเข้ามุมเป็นรูปตัว L เอาโต๊ะกินข้าวมาต่อก็ยังเหลือที่ด้านข้างเดินสบายค่ะ
แพนทรี่ครัวจะใช้วัสดุคุณภาพเดียวกัน ปิดผิวด้วย Solid Surface สีน้ำตาลอ่อน ใกล้กับประตูทางเข้าจะเป็นที่เก็บรองเท้าและตู้เก็บของ อีกข้างเป็นตู้เย็นค่ะ
เก็บของได้เยอะสมใจเลยค่ะ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้ทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และเตาไมโครเวฟด้านล่าง ของ Kuppersbusch ยกเว้นเครื่องซักผ้า
อ่างล้างหน้ามีที่ปิด เพิ่มพื้นที่ใช้งานที่เคาน์เตอร์ได้ ก๊อกน้ำรูปตัว L ส่วนตามลิ้นชักก็มีช่องแบ่งช้อนส้อมให้เรียบร้อย
พื้นที่ห้องนั่งเล่นให้ความรู้สึกกว้างกว่าห้องที่แล้วเล็กน้อย สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบาย
ระเบียงเปิดปิดเป็น Indoor หรือ กึ่ง Out-Door ก็ได้ แต่บานเฟี้ยมจะไม่ได้พับได้เต็มที่นะคะ เพราะเป็นบานใหญ่พอสมควร จะเปิดกว้างได้สุดเท่าที่เห็น
มองกลับเข้าไปในห้องค่ะ จะเห็นกว่ามีประตูทางขวามืออยู่สองบาน บานที่อยู่ใกล้กับแพนทรี่จะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ ส่วนบานที่อยู่ข้างโซฟาจะเป็นทางเข้าห้องนอน
ซึ่งห้องน้ำในห้องนี้สามารถเข้าออกได้สองทาง ทำให้แขกไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ ภายในห้องน้ำก็ได้สัดส่วนมาตรฐาน ได้ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass ใสสีเทา สูงชนฝ้าเลย
ถ้าเข้าจากห้องนอนจะเห็นมุมนี้ค่ะ
กระจกเงาจะได้กว้างเต็มพื้นที่ มีที่แขวนผ้าให้
โถสุขภัณฑ์ไฟฟ้าของ TOTO และอ่างล้างหน้า อยู่ติดผนังฝั่งเดียวกัน เดินท่อออกผนังด้านหลังโดนตรงไปยังช่อง Shaft ติดโถงทางเดิน ทำให้บำรุงรักษาง่ายค่ะ
ที่อาบน้ำขนาดพอดีตัว มีทั้ง RainShower และฝักบัว พร้อมช่องวางของในผนังให้เรียบร้อยค่ะ อุปกรณ์ต่างๆ จะใช้ของ GROHE
จากห้องน้ำมองไปยังห้องนอน จะผ่านพื้นที่ Walk-in Closet ก่อนค่ะ คือถ้าห้องไหนมีพื้นที่มากพอก็ทำห้องแต่งตัวให้
ห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ได้ ปลายเตียงจะพอดีเป็นทางเดินแล้ว ถ้าจะติด TV ก็ควรแขวนผนังอย่างเดียวค่ะ
ฝั่งข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างมีพื้นที่เหลือพอสมควร สามารถบิ้วท์อินเป็นตู้หนังสือได้อีก หน้าต่างห้องจะสูงชนฝ้าเข้ามุมโค้งซะด้วยค่ะ และมีบานกระทุ้งระบายอากาศ 2 บาน
มองกลับเข้าไปในห้อง อีกฝั่งของเตียงก็ยังมีพื้นที่เหลือ สามารถวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกนะคะ
ห้องนี้ได้ตู้เสื้อผ้าค่อนข้างใหญ่ ได้วัสดุเดียวกับแพนทรี่ครัว เป็นบาน Solid Surface ด้านในมีไฟติดมาให้แบบนี้เลย
มาถึงห้องใหญ่แบบ 2 ห้องนอนกันบ้าง ลำดับการเข้าถึงของห้องนี้ก็ไม่ต่างกับสองห้องที่แล้วค่ะ เจอแพนทรี่ครัว พื้นที่กินข้าว ต่อด้วยห้องนั่งเล่น
ประตูจะมีความสูง 2.4 เมตร มาพร้อม Digital Door Lock ของ Yale ที่รองรับ Home Automation ในอนาคต สั่งเปิดปิดห้องผ่านมือถือได้
โต๊ะกินข้าวสามารถจัดได้ 4 ที่นั่ง เพราะห้องกว้างมากขึ้น
แพนทรี่ครัวบิ้วท์อินเป็นรูปตัว L เข้าผนัง
เก็บของได้เยอะค่ะ เพราะตู้ค่อนข้างลึก
ใต้อ่างล้างจานมีถังขยะในตัว แต่ห้องนี้ไม่มีที่วางเครื่องซักผ้านะคะ เพราะมีตู้เฉพาะแยกต่างหาก
ตู้เก็บรองเท้ายังอยู่เหมือนเดิม ส่วนลิ้นชักต่างๆ ก็มีช่องแบ่งให้สวยงาม
ห้องนี้ซูมให้ดู Backsplash ที่ทำจากพอร์ซเลนลายหิน คุณภาพ Food Grade มีคุณสมบัติไม่ซึมน้ำ และถ้าเป็นห้องใหญ่แบบนี้จะได้อ่างล้างจานแบบ 2 หลุมฝังใต้เคาน์เตอร์
ชุดเตาไฟฟ้าจะได้เป็น 4 หัว และเครื่องดูดควันเช่นเดิมของ Kuppersbusch คอนโดแพงๆ นิยมใช้กัน
พื้นที่นั่งเล่นจริงๆ จะกว้างกว่านี้อีกนะคะ เพราะห้องตัวอย่างเบิ้ลผนังตกแต่งออกมา สามารถวางโซฟาเบดได้สบายๆ
พื้นที่ระเบียงค่ะ กว้างประมาณ 90 ซม. ได้
มีปล๊กไฟพร้อมฝาครอบและท่อระบายน้ำทิ้งให้เรียบร้อย ฝนสาดเข้ามาก็ไม่ต้องกลัวค่ะ
มองกลับเข้าไปภายในห้อง จะรู้สึกได้ว่าห้องลึกกว่าเดิม
ทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอนทั้งสองห้องกว้าง 1.2 เมตร ซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก ขวามือเป็นห้องน้ำ ในสุดเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัวค่ะ
ภายในห้องนอนเล็ก ความยาวของเตียงเกือบกว้างเต็มห้องแต่ยังเหลือที่เดินได้อยู่ ติดหน้าต่างยังพอวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ
มองกลับไปทางเข้าห้องค่ะ มีตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีพื้นที่หน้าตู้พอสมควร
ห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ได้เหมือนห้องอื่นๆ ค่ะ และจริงๆ ต้องได้ Rain Shower ด้วย
ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ได้หน้าต่างกว้างและสูงเต็มความกว้างของห้อง ปลายเตียงเหมาะกับติดทีวีเช่นกัน
และได้หน้าต่างเข้ามุมโค้งค่ะ
มองกลับเข้าไปภายในห้องจะเห็นห้องน้ำในตัว และมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งด้านหน้า
บนฝ้าจะเห็นเครื่องปรับอากาศแบบฝังฝ้า และเครื่อง Energy Recovery Ventilation (ERV) ทางขวามือ ตรวจจับคาร์บอนไดออกไซต์อัตโนมัติ ถ้าเกินเกณฑ์ปริมาณที่กำหนดก็จะเอาออกซิเจนจากผ่านนอกเข้ามาหมุนเวียนให้เอง ส่วนที่ถืออยู่ในมือคือรีโมทควบคุมไฟภายในห้องค่ะ กดเปิดปิดไฟได้ทั้งห้อง ไม่ต้องมีสวิสต์ข้างผนังอีกต่อไป !! ทีนี้จะตกแต่งห้องยังไงก็ได้ค่ะ
ในห้องน้ำแบบ 2 ห้องนอนจะได้อ่างล้างหน้าแบบ His and Her
ฝั่งนึงเป็นโถสุขภัณฑ์ไฟฟ้าที่จะเปิดเองอัตโนมัติเมื่อเดินเข้าห้องพร้อมกับไฟ
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องอาบน้ำ มีทั้ง Rain Shower, ฝักบัว และอ่างอาบน้ำค่ะ
หน้าตาปุ่มกดเลือกเปิดฝักบัวหรือ Rain Shower หรือ จะเลือกเปิดพร้อมกันก็ได้ค่ะ แถมยังล็อคอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไปด้วย ส่วนอ่างอาบน้ำสีขาว ยี่ห้อ KASCH ค่ะ
จากห้องนอนใหญ่มองกลับออกไปยังห้องนั่งเล่นคะ่ จะเห็นว่าทางซ้ายมือมีตู้เก็บของด้วยนะ
จะเป็นตู้เก็บเครื่องซักผ้า มีปลั๊กเอาไว้ให้เรียบร้อย แต่ชั้นเก็บของมีให้แค่ด้านบนค่ะ จริงๆ น่าจะซอยลงมาให้ด้านด้านล่างด้วยนะ
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
วันที่เราเข้าไปรีวิวช่วงเดือนตุลาคม 2561 ราคาห้องขนาดเล็ก 28 ตารางเมตร เริ่มต้นที่ 9 ล้านบาทค่ะ หรือ เฉลี่ย 300,000 บาท/ตารางเมตรค่ะ
ค่าส่วนกลาง 95 บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 1,000 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน)
(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามารถในการผ่อน รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :
บนสมมติฐาน กู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี
1 Bedroom – Type A2R ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 56,317 บาท/เดือน
1 Bedroom – Type B2 ขนาด 48.30 ตร.ม. ราคา 14.1 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 80,209 บาท/เดือน
2 Bedroom – Type D4 ขนาด 76.72 ตร.ม. ราคา 22.8 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 129,700 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี
1 Bedroom – Type A2R ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 60,161 บาท/เดือน
1 Bedroom – Type B2 ขนาด 48.30 ตร.ม. ราคา 14.1 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 85,684 บาท/เดือน
2 Bedroom – Type D4 ขนาด 76.72 ตร.ม. ราคา22.8 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 138,553 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี
1 Bedroom – Type A2R ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 66,431 บาท/เดือน
1 Bedroom – Type B2 ขนาด 48.30 ตร.ม. ราคา 14.1 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 94,613 บาท/เดือน
2 Bedroom – Type D4 ขนาด 76.72 ตร.ม. ราคา22.8 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 152,992 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี
1 Bedroom – Type A2R ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 77,616 บาท/เดือน
1 Bedroom – Type B2 ขนาด 48.30 ตร.ม. ราคา 14.1 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 110,544 บาท/เดือน
2 Bedroom – Type D4 ขนาด 76.72 ตร.ม. ราคา22.8 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 178,751 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี/ ระยะเวลา 10 ปี
1 Bedroom – Type A2R ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคา 9.9 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 101,171 บาท/เดือน
1 Bedroom – Type B2 ขนาด 48.30 ตร.ม. ราคา 14.1 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 144,092 บาท/เดือน
2 Bedroom – Type D4 ขนาด 76.72 ตร.ม. ราคา22.8 ล้านบาท — ผ่อนประมาณ 233,000 บาท/เดือน
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit ตั้งอยู่บนทำเลสำนักงานย่านอโศก ติดถนนรัชดาภิเษก ห่างจากแยกอโศกมา 450 เมตร ซึ่งอยู่ในระยะเดินสบาย สามารถเดินไปยังรถไฟฟ้า BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ได้ทุกวัน หรือ เดินลัดออกซอยสุขุมวิท 16 ด้านหลังโครงการก็จะช่วยย่นระยะทางเหลือ 360 เมตรเท่านั้นค่ะ และภายในซอยสุขุมวิท 16 เองก็มีมอเตอร์ไซต์บริการ เรียกให้ลัดเลาะไปซอยต่างๆ ใกล้เคียงได้
ส่วนถนนหน้าโครงการเองจะเป็นถนนรัชดาภิเษกฝั่งไปถนนพระราม 4 แถวคลองเตย ถ้าจะขับรถไปยังสีลม สาทร ก็ไม่ไกลเลย และมีทางพิเศษเฉลิมมหานคร ใช้เลี่ยงรถติดออกนอกเมืองได้ ทั้งนี้ต้องเลือกเวลาเดินทางกันดีดี เพราะเป็นทำเลใจกลางเมืองที่รถติดเอามากๆ โดยเฉพาะเวลาเร่งด่วนค่ะ
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
โครงการใหญ่บริเวณนี้ หลักๆ คงจะเป็นสวนเบญจกิติที่อยู่ตรงข้ามโครงการ ที่กำลังเริ่มปรับปรุงพัฒนาโรงงานยาสูบเดิมให้เป็นสวนป่าที่มีขนาดกว่า 450 ไร่ เป็นสิ่งที่โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit ได้เป็นจุดเด่นไปเต็มๆ ค่ะ นอกนั้นจะเป็นพวกศูนย์การค้าใหญ่ๆ และ Mixed Use ที่มีชื่อเสียงเกิดใหม่รอบตัว ตั้งแต่ The PARQ โครงการมิกซ์ยูสของเสี่ยเจริญ TCC ASSET อยู่ข้างๆ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แถวสีลมก็มี One Bangkok และโครงการ Mixed Use ของโรงแรมดุสิตธานี ส่วนสถานีเพื่อนบ้านอย่างพร้อมพงษ์ก็กำลังเริ่มก่อสร้าง EmPhere ศูนย์การค้าตัวสุดท้ายในโครงการ EmDistrict ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นโซนกลางเมืองที่มีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
โครงการ Whizdom Asoke – Sukhumvit เป็นคอนโดสูง 39 ชั้น จำนวน 553 ยูนิต 6 ร้านค้า แยกที่จอดรถเป็น Automate Parking เป็นอีกอาคารด้านหลังสูงประมาณ 12 ชั้น ด้วยความที่อยู่ตรงข้ามกับสวนเบญจกิติ เลยออกแบบอาคารให้เหมือนเป็น Cliff (หน้าผา) ออกแบบฟินให้เป็นชั้นๆ ที่ด้านหน้าอาคารไล่ขึ้นไป ดูมีกิมมิกสวยงามและยังช่วยบังแดดให้กับหน้าต่างด้วย
นอกจากเรื่องสถาปัตยกรรมที่ดูสวยงามแล้ว โครงการนี้ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ตามมาตรฐานของ MQDC ค่ะ ทั้งปลูกสวนรอบโครงการช่วยลดมลภาวะทางเสียงอากาศ, เลือกใช้งานระบบที่ประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำและไฟฟ้าทั้งโครงการ, เลือกเครื่องปรับอากาศในห้องเป็นระบบทำความเย็นด้วยท่อน้ำเย็น ไม่มีท่อลม ลดปัญหาเชื้อรา, มีเครื่อง ERV ตรวจจับคาร์บอนฯ อัตโนมัติแถมให้ทุกห้องนอน ไปจนถึงการออกแบบท่อน้ำให้ต่อออกไปที่ผนังด้านหลัง สามารถซ่อมบำรุงจากทางเดินได้
ด้วยความที่แยกอาคารจอดรถออกไปด้านหลัง ทำให้อาคารพักอาศัยด้านหน้าเริ่มห้องพักตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป แต่จะมีอยู่ 2 ด้านที่เห็นสวนเบญจกิติเยอะหน่อย คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้ ทิศตะวันออกจะหันออกด้านหลังโครงการได้วิวในเมือง ส่วนทิศเหนือจะเจออาคารข้างๆ บล็อควิวไปพอสมควรค่ะ โครงการเลยจัดให้ห้องเล็กๆ หันออกทิศเหนือและทิศตะวันออก และจัดให้ห้องที่มีขนาดมากขึ้นหน่อยก็จะอยู่ทิศตะวันตกและทิศใต้ค่ะ
ห้องพักอาศัยของที่นี่จะมี 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน ไปจนถึงห้อง Ultra Penthouse ขนาด 34 – 311 ตารางเมตร บางห้องก็เป็นห้อง OWN THE RARE ที่มีแบบไม่ซ้ำกับห้องอื่น ที่เหมือนกันคือ ทุกห้องออกแบบภายใต้มาตรฐานของ MQDC มีระยะต่างๆ กำหนดไว้ชัดเจน เช่น ประตูห้องนอนห้ามตรงกับเตียง มีทางเดินรอบเตียง 60 – 70 ซม. เพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก ห้องนอนทุกห้องวางเตียง King Size ได้ ห้องนอนต้องมีหน้าต่างเปิดได้อย่างน้อย 2 บาน เป็นต้น ซึ่งเท่าที่เราเข้าไปสัมผัสมาก็รู้สึกว่าห้องค่อนข้างกว้าง เดินสบายจริง ห้องตกแต่งอาจจะมีผนังตกแต่งที่หนาหน่อย ห้องจริงจะโล่งกว่านี้ ประกอบกับฝ้าสูง 3 เมตรด้วย ทำให้ไม่อึดอัดค่ะ
วัสดุนั้นจัดว่าให้มาดีทีเดียว ได้เป็นพื้นไม้ Cork รับแรงกระแทกกว่าวัสดุอื่นๆ ห้องฉาบเรียบทาสี Non-Toxic ห้องน้ำปูกระเบื้องพอร์ซเลนแข็งแรง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted คือได้ ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินที่ลึก 70 ซม. มากกว่าตู้มาตราฐานทั่วไป, เคาน์เตอร์ในห้องครัวแถม เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, ตู้เย็นบิวท์อิน ของ Kuppersbusch สุขภัณฑ์ของ Toto ประตูในห้องจะสูง 2.4 เมตร พร้อม Digital Door Lock สามารถควบคุมผ่านมือถือได้ ที่ชอบคือ รีโมท Home Intelligent ที่ควบคุมเปิดปิดไฟได้ด้วยรีโมทเครื่องเดียว โดยไม่มีสวิตซ์ที่ผนังเลยค่ะ
ส่วนกลาง Whizdom Asoke – Sukhumvit จะแบ่งอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนแรกจะอยู่ชั้นล่างเป็นโถงต้อนรับฝ้าสูง 6.2 เมตร, ร้านค้า 6 ร้าน, Medical Center, Intelligent Locker, Private Residence Lounge ใกล้กับลิฟต์จอดรถ, ส่วนที่ชั้นใต้ดินจะมีที่จอดรถส่วนตัวของห้อง Ultra Penthouse จอดรถ Super Car ได้ค่ะ ส่วนที่สองจะอยู่ที่ชั้น 11 – 12 เป็นห้อง Co-Working Space with E-Library, Private Pod, The Conference Room, Amphitheater, Sunrise Garden, Mini Theater, The Exculsive Business Lounge สุดท้ายจะอยู่ที่ชั้น 35 – 36 Infinity Edged Pool ขนาด 5 x 26 เมตร แยก Jacuzzi และ Kid Pool และชั้น 36 มี Sky Lounge, Sky Fitness, Spa & Salon ส่วนตัวค่ะ
ลิฟต์โดยสายที่มีให้ 5 ตัวแล้ว เทียบกับจำนวนยูนิต 553 ยูนิตแล้ว เฉลี่ยออกมาได้ 110 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว อยู่ในเกณฑ์ที่โอเค ส่วนที่จอดรถนั้นมีทั้งแบบระบบ Automate Parking และแบบ Conventional Parking รวม 85% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
เจาะลึกรีวิวกันไปอย่างละเอียดยิบแล้ว ก็ขอสรุปจบท้ายคะแนนกันอีกสักรอบนะค้าาาา… เห็นด้วยหรือไม่ตรงไหน แชร์ไอเดียกันได้ค่ะ ^___^
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ (^_____^)
ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์ ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ
ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะคะ ^_____^
RELATED ARTICLE
