เกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียม
เป็นธรรมดาที่เว็บบล็อกรีวิวต่างๆไม่ว่าจะเป็นมือถือ ร้านอาหาร หรือรีวิวอะไรก็ตามแต่ เมื่อเขียนมาจนจบสุดท้ายก็จะต้องมีการให้คะแนนกันครับ เพื่อเป็นการสรุปภาพรวมให้กับคนอ่านได้เห็นภาพในเชิงคุณภาพคร่าวๆ ซึ่งการให้คะแนนของรีวิวที่เราทำขึ้นมาก็เช่นกัน แต่ละรีวิวจะประกอบด้วยคะแนน 6 ด้านใหญ่ๆ คือ
-
ทำเล
-
การเข้าถึง / การเดินทาง
-
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ
-
วัสดุ
-
สาธารณูปโภคในโครงการ
-
แปลนห้องและการจัดพื้นที่ใช้สอย
ในการเลือกซื้อให้ตรงใจตรงความต้องการก็จะต้องพิจารณาทุกๆข้อรวมกันครับ เพียงแต่บอกได้ยากว่าควรจะให้น้ำหนักข้อไหนมากที่สุด เพราะความต้องการคนเราไม่เหมือนกัน ในการให้คะแนนนั้นทุกหัวข้อ(ยกเว้นทำเล)จะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งได้ใช้ความคิดเห็นร่วมกันของทีมทำรีวิวสรุปออกมาเป็นคะแนนเลย แต่สำหรับเรื่องของ “ทำเล” นั้นจะเต็ม 25 คะแนน เพราะแน่นอนว่าเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์สักที่ และเราก็ยังใช้หลายปัจจัยที่นักประเมินราคาที่ดินเลือกใช้ในการสะท้อนมูลค่าของที่ดินในทำเลนั้นๆมาให้คะแนน เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงการเกิด bias ให้น้อยที่สุด
ตัวชี้วัดที่เราเลือกใช้เพื่อจะบอกว่าที่ดินแต่ละแปลงที่โครงการนั้นๆอยู่ มีศักยภาพในเชิงที่ตั้งขนาดไหน คือ วัดความใกล้-ไกลจากระบบรถไฟฟ้าสายที่คนโซนนั้นๆใช้, วัดความใกล้-ไกลจากศูนย์กลางความเจริญในโซนนั้นๆเอง รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งที่ติดถนนสำคัญ-ไม่สำคัญ หรือว่าอยู่ในซอยหรือไม่ “ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สะท้อนมูลค่าของทำเลนั้นๆ”ทั้งสิ้น
เล่ามาซะยาว สรุปว่าเกณฑ์การคะแนนในส่วนของทำเลจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แบบนี้ครับ
การวัดระยะในตารางจะวัดจากถนนจริงๆนะครับ ไม่ใช้การลากเส้นเชื่อม 2 จุดแล้ววัดเอา คือถ้าต้องไปกลับรถหรือวนรถไกลก็จะนับระยะทางเพิ่มไปด้วยนั่นเอง ซึ่งคะแนนทั้งหมดด้านบน หัวข้อละ 5 คะแนน (และความคิดเห็นของผู้รีวิวอีก 10) ก็จะถูกรวมกันเป็น 25 คะแนน โดยเราจะไม่หาร 2 เพื่อให้เท่ากับข้ออื่นนะครับ คนอ่านจะได้เห็นช่องว่างของคะแนนชัดเจนขึ้นว่าแต่ละโครงการมีข้อด้อยอะไรบ้าง และถูกตัดคะแนนเต็มไปจำนวนเท่าไหร่ …..
เล่าเรื่องของเกณฑ์การให้คะแนนทำเลในแง่ที่ตั้งจบไปแล้ว ที่เหลือก็ดูสรุปของหัวข้ออื่นสั้นๆนะครับ
การเข้าถึง / การเดินทาง
: พิจารณาความสะดวกในการเดินทางและการเข้าถึงโดยรถยนต์และรถสาธารณะเป็นหลักครับ ( ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าให้คะแนนไปแล้วในหัวข้อ “ทำเล” ) โดยเราดูใน “เชิงคุณภาพของการเข้าถึง” ประกอบด้วย บางทีโครงการอยู่ห่างจากถนนนิดเดียว แต่ทางเดินในซอยเดินลำบาก มีแต่แผงลอย ฟุตบาทไม่มี เดินเข้าออกต้องระวังรถเฉี่ยว แบบนี้คะแนนก็จะลดหลั่นกันไปครับ ไม่ได้ดูแค่ “ไปได้” แต่ดูด้วยว่า “ไปสะดวก ไปไม่ลำบากเกินไป” นอกจากนี้ก็ยังรวมถึงปัจจัยบางอย่างที่คนทั่วไปมักหลงลืม เช่น ต้องไปกลับรถไกลกว่าจะเข้าโครงการได้ เป็นต้น
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ
: หาของกินยากไหม มีร้านอาหารบ้างไหม มี 7-eleven, Lotus Express หรือ Mini Big C ไหม ตลอดจนร้านสะดวกซื้อต่างๆหรือไม่ หลายๆครั้งที่พบว่าคนซื้อคอนโดและบ้านจัดสรรลืมคิดเรื่องพวกนี้ไป ถึงเวลาเสาร์-อาทิตย์พออยากอยู่ที่ห้องหรืออยู่ที่บ้านหาอะไรกินใกล้ๆก็ลำบาก ต้องขับรถเข้าห้างอย่างเดียว เป็นแบบนี้บ่อยๆก็ไม่เวิร์คเหมือนกัน
วัสดุ
: พิจารณาเทียบกับระดับราคาว่าในช่วงราคาประมาณนี้ ได้วัสดุคุณภาพประมาณนี้ เหมาะสมหรือไม่ เช่น ถ้าโครงการราคาถูกมาก แต่ให้วัสดุคุณภาพกลางๆเกินความคาดหมายสำหรับมาตราฐานของราคานี้ ก็จะได้คะแนนดีครับ ไม่ได้เรียงลำดับว่าวัสดุเกรดแพงสุดได้ 10 วัสดุราคาถูกได้ 1 อะไรแบบนั้น
สาธารณูปโภคในโครงการ
: นอกจากความครบแล้วก็ยังต้องดูความพอเพียงด้วย
แปลนห้องและการจัดพื้นที่ใช้สอย
: ข้อนี้ก็ใช้ประสบการณ์จากสถาปนิกและอินทีเรียดีไซน์เนอร์ในทีมรีวิวมาช่วยกันแชร์ไอเดียว่าดีไม่ดีตรงไหน การจัดวางโดยรวมเป็นอย่างไร มีประสิทธิภาพในการใช้งานแค่ไหนซึ่งเราจะพยายามโฟกัสไปที่ “คุณภาพของ Planning + Space” เป็นหลักครับ เราไม่ได้บอกว่าคนออกแบบออกแบบไม่ดี แต่หลายๆครั้ง(ที่เราประสบกันมาเอง) พบว่ามันเป็นข้อจำกัดของโจทย์ที่ดีเวลล็อปเปอร์มอบหมายให้ทีมสถาปนิก ส่วนมากคนออกแบบก็ได้ทำอย่างดีที่สุดบนข้อจำกัดของโจทย์นั้นๆแล้วเหมือนกัน ส่วนเรื่องความสวยงามในการตกแต่งนั้นเราเพียงแต่เสนอไอเดียและมุมมองให้อ่านกัน แต่ไม่ได้คิดคะแนนรวมไปด้วยครับ เพราะเรื่องความงามพวกนี้เป็น “รสนิยมเฉพาะ” ของแต่ละคนจริงๆ มันให้คะแนนกันไม่ได้ ; )))
****** สำหรับคอนโดที่สร้างเสร็จแล้ว(หรือเกือบเสร็จอยู่รอมร่อ) การให้คะแนนจะเพิ่มหัวข้อเข้ามาอีก 2 หัวข้อ คือคุณภาพในการก่อสร้างสาธารณูปโภค และคุณภาพในการก่อสร้างตัวอาคารในภาพรวมครับ เพราะเราจะไม่ได้พิจารณาแค่บนกระดาษโบชัวร์ กับข้อมูลที่เราหาและวิเคราะห์มาได้เท่านั้น
[twitter-follow screen_name='yusabuy' show_count='yes']