เย้ๆ วันนี้ Yusabuy ได้โอกาสไปดู “OPEN HOUSE“Co-Living Space โซนใหม่บนชั้น 6 ของศูนย์การค้า Central Embassy ที่จะมาเป็นแหล่งพบปะเรียนรู้ สังสรรค์ กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง โดยงานนี้เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมมือกับ Klein Dytham architecture (KDa) บริษัทออกแบบชั้นแนวหน้าจากญี่ปุ่น (ผู้ออกแบบโครงการ Daikanyama T-Site และ Ginza Place) มาช่วยออกแบบกันเลยทีเดียว คอนเซ็ปต์การออกแบบจะเน้นไปที่ ความโปร่งสบาย ใกล้ธรรมชาติ และใช้งานได้จริงค่ะ
OPEN HOUSE แห่งนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 8 โซนหลักๆ ได้แก่
- Eating Deck – ซุ้มร้านอาหาร กึ่ง Self-Service
- Eat by the Park – ร้านอาหาร Full Service
- Open House Bookshop by Hardcover – ร้านหนังสือ, ชั้นหนังสือ, ที่อ่านหนังสือ
- Co-Thinking Space – สำหรับประชุมโปรเจ็คต่างๆ
- Art Tower – แกลลอรี่แสดงงานศิลปะ
- Design Shop – สินค้านักออกแบบชาวไทย
- Open Playground – สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กๆ
- Diplomat Screens Embassy by AIS – โรงหนัง
เรียกได้ว่า อ่านหนังสือไป ประชุมไป ลูกก็วิ่งเล่นกันไป พอเที่ยงก็กินข้าวตามร้านต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย และยังเครียดที่โรงหนังได้อีกด้วย… O_o
Design
OPEN HOUSE อยู่ที่ชั้น 6 ของ Central Embassy ซึ่งเป็นชั้นที่มีความสูงฝ้าสูงสุดในศูนย์การค้าแล้วค่ะ พออยู่ชั้นบนสุดแบบนี้จึงได้แสงธรรมชาติจาก Skylight ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งมากขึ้น
สีภายในทาสีขาว ดูสะอาดตา วัสดุตกแต่งทำจากไม้ฉลุในลวดลายต่างๆ และใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมเป็นพวกร้านค้าต่างๆ ส่วนฝ้าเป็นลวดลายใบไม้ที่เพ้นท์มือโดยศิลปินไทย
หลายร้านก็ตกแต่งด้วยต้นไม้ในร่ม เพิ่มความเขียวให้พื้นที่ด้วย
Eating Deck
จากนั้นพาทัวร์โซนแรกค่ะ โซน Eaing Deck เป็นแนวกึ่งบริการตนเอง (semi-service) ที่มีหลายร้านหลายสไตล์ ทั้งอาหารจานหลัก จานรอง ของหวาน หรือเมนูสำหรับเด็กๆ โดยเราจะไล่กันไปทีละร้านเลยค่ะ
Bao and Buns (เบา แอนด์ บันส์) ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น เมนูอาหารจีนแบบง่ายๆ เช่น เบอร์เกอร์ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน, ข้าวผัดหมูทอด และบะหมี่เนื้อตุ๋นเส้นใหญ่
Broccoli Revolution Embassy (บรอกโคลี่ เรฟโวลูชั่น สาขา เอ็มบาสซี) ร้านอาหารมังสวิรัติ เน้นเมนูสุขภาพและอาหารแนวออร์แกนิค
Egg My God (เอ้ก มาย ก็อด) ร้านอาหารเมนูไข่ ที่มีความสร้างสรรค์ ทำหน้าตาอาหารออกมาได้แปลกตา เด็กๆ น่าจะชื่นชอบค่ะ
Mövenpick Ice–Cream (โมเวนพิค ไอศกรีม) ไอศกรีมพรีเมี่ยมจากสวิตเซอร์แลนด์
Muteki by Mugendai (มูเทกิ บาย มูเก็นได) ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม
PARIS MIKI (ปารีส มิกกิ) คาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศสที่นำเสนอขนมหวานรสชาติกลมกล่อมนุ่มละมุนลิ้น
The Casks (เดอะ แคส) ไวน์ เบียร์ เเละค๊อกเทลบาร์ ในเครือเดียวกับ Water Library Group ที่ได้คัดสรรไวน์ชั้นเลิศมาจากทั่วโลก ร้านนี้ช่วยคลายเคลียดได้เป็นอย่างดี 555+
The Meat Bar (เดอะ มีท บาร์) เน้นเนื้อและสเต็กคุณภาพดีกว่า 20 ชนิดจากทั่วโลก
The Raw Bar (เดอะ รอว์ บาร์) ร้านอาหารสไตล์ Seafood มีแต่เมนูจากทะเลสด เช่น กุ้งล็อบสเตอร์ (Live Maine Lobster), หอยนางรม (Oysters), หอยแมลงภู่ (Blue Mussels) และอีกมากมาย ไฮไลท์คือ Oyster Bar (บาร์หอยนางรม) ซึ่งนำเข้าจากฝรั่งเศส, อเมริกา, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น … เอ่อ อันนี้ ถ่ายรูปไปหิวไปค่ะ …
ซึ่งพอซื้ออาหารมาแล้วก็สามารถนำมานั่งทานได้ตามโต๊ะต่างๆ ที่จัดไว้โดยรอบ
Eat by the Park
ต่อกันด้วยโซนร้านอาหาร ที่บริการแบบ Full Service มีที่นั่งบริเวณ Open Balcony ริมหน้าต่าง เห็นวิวได้กรุงเทพฯ ร้านอาหารที่ให้บริการ ได้แก่
Lady Nara (เลดี้ นารา) เจ้าของร้านน่ารัก อาหารสไตล์ฟิวชั่นค่ะ แต่ตัวร้านยังไม่เสร็จดี
Rico (ริโก้) ร้านอาหารที่มีเมนูหลากหลาย โดยเอาแรงบันดาลใจจากสเปนและประเทศเพื่อนบ้าน ผสมผสานเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ได้อาหารเมนูแปลกใหม่น่าลอง
Peppina (เพ็พพิน่า) ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์นาโปเลียน ร้านนี้พร้อมแล้ว พร้อมโต๊ะบริการ ออกแบบร้านสวย
Open House Bookshop by Hardcover
และขณะที่เราอิ่มกันแล้วนั้น โซนอ่านหนังสือก็เหมาะมาก สำหรับการนอน เอ้ย อ่านหนังสือ …โซนนี้มีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัว “Celebration of Print Culture” คือจะมีทั้ง Book Tower และ Book Wall ที่หนอนหนังสือน่าจะชื่นชอบกัน
โซนอ่านหนังสือก็กั้นเป็นคอกไว้แบบนี้ มีโซฟานุ่มนิ่มให้นั่งอ่านกันเป็นเรื่องเป็นราว ..zZ
หนังสือและนิตยสารหายากก็มีให้อ่าน
บางชั้นหนังสือก็หลบเข้ามาอยู่ในห้องค่ะ
Co–Thinking Space
กินอิ่มนอนหลับแล้ว ก็ยังมีโซน Co-Thinking Space สามารถมาประชุม คุยงานกันที่นี่ได้ และแน่นอนต้องมีบริการพิเศษ Wi-fi ที่เร็วและแรงให้ด้วย แต่ต้องซื้อ Package เพิ่มเอาค่ะ
ที่นั่งติดหน้าต่าง
Art Tower
หลังจากทำงานกันมาซักพัก หากคิดงานก็ไม่ออก ให้เดินมาดู Art Tower ค่ะ เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบของศิลปินไทยและต่างประเทศทั้งระดับมืออาชีพและดาวรุ่งหน้าใหม่ มีครบทั้งงานศิลป์แบบดั้งเดิมและงานศิลป์ร่วมสมัย เพื่อจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ กัน ทั้งยังเป็นที่ให้ศิลปินได้มาแสดงผลงานอีกด้วย
Art Tower ออกมาให้เหมือนกล่องสีขาวสูง 3 ชั้น ชั้น 3 มีที่นั่งด้วยนะ แต่ร้อนไปหน่อยเพราะใกล้ Skylight
ภายในตอนนี้ก็จัดแสดงงานศิลปะอยู่หลายชิ้นค่ะ
Design Shop
สินค้าเก๋ที่นี่ก็มีขายนะ มีร้านที่คัดสรรสินค้า Design & Craft ภายใต้คอนเซ็ปต์ Thai Region Design Product ที่ทุกชิ้นเกิดจากการผสมผสานเสน่ห์ของเอกลักษณ์ แต่ละท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ความร่วมสมัย ผลิตออกมาเป็นผลงานด้วยฝีมือการออกแบบของศิลปินหน้าใหม่ สินค้าจึงมีดีไซน์เก๋ไก๋ น่าจะโดนใจวัยรุ่นค่ะ มีทั้งงานเซรามิก งานไม้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียน ของที่ระลึก เครื่องประดับ
อีกทั้งยังทีสินค้าที่ได้รับรางวัลจาก Good Design Award (กู๊ด ดีไซน์ อวอร์ด) และสินค้าที่ประสบความสำเร็จจากการระดมทุนสาธารณะ (Crowd Funding) อีกด้วย
Open Playground
และถ้าใครมีลูกมีหลาน ก็สามารถพามาด้วยได้ เพราะมีโซน Open Playground สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กสูง 50 – 120 ซม. เฟสแรกจะมีเครื่องเล่นแทรมโพลีน (Trampoline), ทะเลบอล, บล็อคหลากสีซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับวิ่ง กระโดด และปีนป่าย ส่วนเฟสที่สองจะนำเครื่องเล่นสไปรัล สไลเดอร์ (Spiral Slider) และตาข่ายปีนป่าย
โซนนี้ยังไม่เสร็จดีค่ะ แต่เด็กๆ ก็มากันแล้ว พร้อมลุย
Embassy Diplomat Screens by AIS
สุดท้ายยยยและท้ายสุดค่ะ โรงภาพยนตร์ระดับ VIP ที่เคลมว่าดีที่สุดในประเทศไทย เป็นโรงหนังที่มากับโปรแกรม “ภัณฑารักษ์ภาพยนตร์” (Movie Curator) ทำหน้าที่ฉายภาพยนตร์ตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้ ทำให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์แตกต่างกับโรงภาพยนตร์อื่นๆ ค่ะ