สไตล์มินิมอล (Minimal Style) มีคำจำกัดความว่า “น้อยแต่มาก” หากเป็นเรื่องการแต่งตัวสไตล์มินิมอล จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีพื้นๆ ไม่มีลวดลาย ไม่มีเครื่องประดับเยอะ ดูเรียบๆ ส่วนในงานสถาปัตยกรรม จะเน้นมีแต่สิ่งที่จำเป็น เช่น ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่เน้นตกแต่งด้วยกระเบื้องที่มีลวดลาย หน้าต่างมีเฉพาะบริเวณที่ต้องการ ไม่ประดับตกแต่งเยอะ ไม่มีบัวหัวเสาประดับเยอะๆ เหมือนสไตล์ยุโรปค่ะ แต่งบ้านแนวนี้ช่างง่ายและประหยัด จึงเป็นที่นิยมกันมากในสมัยนี้
วันนี้อยู่สบายจะพาลัดฟ้าไปถึงประเทศญี่ปุ่น ไปดูบ้านมินิมอล สไตล์ญี่ปุ่น เพื่อเป็นไอเดียแต่งบ้านกันค่ะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าแต่มาทำรีโนเวทใหม่ ซึ่งตัวบ้านมีหน้าตาคล้ายกับตึกแถวและทาวน์โฮมในบ้านเรา ออกแบบมาได้มินิมอลมากและทำตามได้ง่ายค่ะ
บ้านหลังนี้อยู่ที่เมือง เมือง Toyasaki จังหวัด Osaka ประเทศญี่ปุ่น ตัวบ้านสามารถเดินไปที่สถานี Umeda ได้ใน 15 นาที และอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ นับว่าเป็นบ้านที่เดินทางสะดวกมากทีเดียวค่ะ บ้านหลังนี้เคยได้รับการรีโนเวทมาแล้วครั้งนึง เมื่อปี 1964 รวมๆ แล้วมีอายุมานานกว่า 50 ปี และในครั้งนี้เจ้าของบ้านใหม่ได้จ้างบริษัทสถาปนิก Coil Kazuteru Matumura ให้มารีโนเวทอีกครั้ง เค้าโครงของบ้านจึงดูไม่โมเดิร์นเท่าไหร่นักค่ะ
งานออกแบบเริ่มต้นหลังจากได้รื้อผนังภายในของบ้านออกทั้งหมดก่อน เพื่อจะได้เห็นโครงการสร้างจริงๆ ของบ้านว่าเป็นอย่างไร
พื้นที่ใช้สอยมีเพียง 33 ตารางเมตร มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ไม่มีที่จอดรถ บ้านมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกจะมีโถงต้อนรับ, ห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และหลังบ้านเป็นพื้นที่ซักล้างค่ะ บ้านหลังนี้มีเพียงห้องน้ำเท่านั้นที่ใช้ประตู ห้องอื่นนั้นจะใช้ผ้าม่านเป็นประตูกั้นห้องเอาค่ะ เพื่อให้สามารถเปิดได้กว้างๆ ไม่ทำให้ห้องดูแคบ
ผนังของบ้านต้องก็ทำฉนวนกันความร้อนใหม่ เพื่อให้ได้มาตราฐานประหยัดพลังงานตามที่ประเทศญี่ปุ่นกำหนดค่ะ
ชั้น 2 ของบ้านเป็นพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร โดยโต๊ะทำงานกับเคาน์เตอร์ครัววางต่อกันชิดผนังด้านนึงไปเลยค่ะ
เริ่มจากนอกบ้านกันก่อน ผนังชั้นล่างโชว์แนวอิฐ ชั้นบนเป็นผนังฉาบเรียบ ทาผนังบ้านสีขาวทั้งหลัง ทั้งหลังคา ทั้งวงกบ แม้กระทั่งลูกกรง ยกเว้นประตูบ้าน เลือกใช้เป็นประตูไม้หน้าตาเรียบๆ ตัวหน้าต่างอยู่สูงพ้นจากระดับสายตาเพราะบ้านอยู่ติดถนน เพื่อให้คนในบ้านรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ยังคงได้รับแสงธรรมชาติอยู่ค่ะ
เข้ามาด้านในบ้าน ส่วนแรกจะทำหน้าที่เหมือนโถงต้อนรับ เปิดกว้างเต็มที่ ประกอบกับช่องเหนือบันไดยิ่งช่วยให้ดูโล่งและโอ่โถงมากยิ่งขึ้น พื้นที่นี้ใช้เป็นบริเวณถอดรองเท้า และจอดจักรยานค่ะ ผนังภายในของบ้านก็ทาสีขาว มีทางสีดำที่ผนังด้านหน้าอยู่ด้านเดียวค่ะ
หันกลับมามองที่ทางเข้าบ้าน พื้นที่ส่วนแรกจะลดระดับลงไป สามารถเลอะเทอะได้ ทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ ฝ้าไม่มีทำให้เห็นโครงสร้างชัดเจน แต่ทาสีขาวทับให้เรียบร้อย ดูกลืนเป็นพื้นที่เดียวกับผนัง ช่วยให้บ้านกว้างมากขึ้นอีก
ชั้นวางรองเท้าทำง่ายๆ โดยใช้เหล็กติดผนังแล้วเอาแผ่นไม้มาวาง หน้าตาเหมือนชั้นวางหนังสือค่ะ ใครมีรองเท้าเยอะ ชั้นวางรองเท้านี้ก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดี
รูปนี้จะเห็นระดับที่ต่างกันชัดเจน ตัวบันไดจะอยู่สุดขอบพื้นบ้านพอดี บันไดทำจากไม้สีอ่อน
หลังผนังสีดำจะเป็นห้องนอน กั้นห้องด้วยผ้าม่านสีขาว ทำให้เปิดโล่งได้ ดูไม่ทึบตัน ลึกเข้าไปในสุดจะเป็นห้องน้ำและส่วนซักล้างหลังบ้าน
ขนาดของห้องนอนไม่ใหญ่มาก ขนาดเท่าเตียงนอนพอดี ผนังหัวเตียงเจาะผนังเข้าไปเป็นทำเป็นชั้นวางของเหนือเตียงด้วยค่ะ โดยมีระยะพอดีกับตง เพื่อความเป็นระเบียบ แต่ถ้าใครไม่ชอบเพราะจะมีฝุ่นเยอะ อาจจะเลือกตู้สีขาวหรือตู้โชว์เนื้อไม้ ที่มีบานปิด หรือบานกระจกมาใช้แทนก็ได้ค่ะ
ถัดจากห้องนอนเข้ามาด้านในเป็นส่วนซักล้างและห้องน้ำหลังบ้าน กั้นห้องด้วยผ้าม่านสีขาวเหมือนกัน บ้านหลังนี้แยกห้องน้ำและห้องอาบน้ำออกเป็น 2 ห้อง แต่มีอ่างล้างมือร่วมกันด้านนอกค่ะ ซิงค์สีขาวทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ความกว้างพอดีกับตู้เก็บของติดผนัง เลือกตู้ที่มีบานปิดเป็นกระจกเพื่อประหยัดพื้นที่ ทำเคาน์เตอร์ง่ายๆ จากแผ่นไม้ ต่อออกมาจากอ่างล้างมือไปจนสุดผนัง ทำให้มีที่วางของเพิ่ม
มองกลับออกไปที่โถงทางเข้าบ้าน ดูขาวสะอาดตาดี
ขึ้นมาชั้นสองของบ้านกันบ้าง จะทำฝ้าด้วยแผ่นไม้เฉพาะเหนือบันไดเพื่อให้ปิดม่านได้ ขอบพื้นชั้น 2 จะกั้นด้วยระเบียงเตี้ย ทำจากไม้และกระจกฝ้า รางม่านยาวตลอดแนวเพื่อเลือกเปิดหรือปิดได้ วันไหนอากาศดีก็เปิดม่านไว้บ้านจะได้โล่งๆ วันไหนร้อนก็ปิดม่านเพื่อเปิดแอร์ได้ค่ะ
ราวจับบันเลือกใช้แผ่นไม้ยาวๆ ไปติดที่ผนังเลย วงกบหน้าต่างด้านในบ้านก็ตกแต่งด้วยแผ่นไม้เช่นกันเพื่อให้เข้ากับส่วนอื่นๆ ของบ้าน จากรูปนี้จะเห็นว่าชั้นล่างเป็นเสาเหล็กทาสีขาว แต่พอขึ้นมาชั้นบนเสาจะทำจากไม้ค่ะ บ้านเราอาจจะทำตามยากหน่อยเพราะญี่ปุ่นนั้นเค้าเน้นงานไม้ แต่บ้านเราไม้มันแพง
ชั้นสองเป็นพื้นที่ห้องครัวและห้องนั่งเล่นเชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกัน พื้นปูด้วยแผ่นไม้ โต๊ะทำงานและเคาน์เตอร์ครัวเป็นก็ทำจากแผ่นไม้ชิ้นเดียวติดผนังยาว สูงระดับเดียวกันเชื่อมกันไปเลยค่ะ ส่วนบ้านเราอาจจะลองพื้นไม้ลามิเนตหนา บางยี่ห้อก็มีลายสวยๆ นะคะ พอทนแทนได้
ปิดม่านชั้น 2 ได้ตามการใช้งาน สีของม่านเป็นสีขาวเหมือนสีของผนังบ้าน ดูเบาไม่ทึบ
พื้นที่นั่งเล่นติดกับหน้าต่างของบ้าน ชั้นวางของยังคงเป็นแผ่นไม้ติดผนังเหมือนกับชั้นวางรองเท้าค่ะ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในบ้านเลือกแบบที่ขาเล็ก ไม่มีลิ้นชักอยู่ใต้โต๊ะให้ดูหนา
โต๊ะทำงานก็เรียบง่าย เป็นทั้งโต๊ะทำงานสูงระดับเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ชั้นวางของก็วางเชื่อมกันยาวไปเลยค่ะ ได้โชว์ของและเก็บของไปพร้อมกัน แต่ถ้าเมืองไทยฝุ่นเยอะ กลัวฝุ่นเกาะก็ลองหากล่องใสมาเก็บของก็ได้
เคาน์เตอร์ครัวที่เชื่อมต่อมาจากโต๊ะทำงาน ผนังหลังเคาน์เตอร์ติดแผ่นอลูมิเนียมสีเงินเพื่อกันคราบ และทำความสะอาดได้ง่าย เราอาจจะเลือกใช้กระเบื้อง หรือติดแผ่นผนังกันคราบก็ได้ค่ะ
โต๊ะกินข้าวหน้าตาเรียบง่าย ฝั่งนี้จะติดกับหน้าต่างหลังบ้าน
หน้าต่างจะติดด้วยฟิล์มขุ่น เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้าน แต่ยังได้แสงธรรมชาติเข้ามาค่ะ
กำลังสนใจลามิเนตค่ะ อินทีเรียแนะนำว่า High pressure laminates ทนทานมาก ใครเคยใช้ หรือมีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณค่ะ