มร. แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ปี 2559 นับเป็นปีที่โดดเด่นอีกปีหนึ่งสำหรับตลาดคอนโดฯ ระดับ Prime และ Super Prime ในกรุงเทพฯ ด้วยปริมาณความต้องการที่สูงและการเติบโตด้านราคาที่สูง แม้จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยก็ตาม สำหรับด้านอุปทาน นักพัฒนาโครงการที่มีที่ดินผืนใหญ่ในย่านไพร์มมองเห็นจังหวะความเหมาะสมในการพัฒนา ที่สามารถคืนกำไรได้มากกว่าค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยของที่ดินที่ซื้อมาในราคาสูง สำหรับด้านอุปสงค์ ผู้ซื้อในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นบุคคลร่ำรวยที่ไม่ต้องพึ่งสินเชื่อบ้าน นอกจากนี้ยังมีความต้องการจากผู้ซื้อชาวฮ่องกงอีกเป็นจำนวนมากในตลาดนี้”
มร.ข่านกล่าวเสริมว่า “ในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าตลาดกลุ่มนี้จะยังคงมีการเติบโตโดยรวม แม้อัตราการขายจะช้าลง ในทางตรงกันข้าม ด้านราคาขายจะยังคงไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากปริมาณที่ดินพัฒนามีจำกัด นอกจากนี้ อสังหาฯในตลาดอื่นๆ เช่น อาคารสำนักงานและโรงแรมเริ่มเป็นที่สนใจในกลุ่มนักพัฒนามากขึ้น ตลาดคอนโดฯ ซูเปอร์ไพร์มแสดงการเติบโตของอุปทานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านสุขุมวิท, ลุมพินีและพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งเจริญนคร สำหรับด้านความต้องการยังคงมีมากเรื่อยๆแม้มีสัญญาณการเติบโตที่ช้าลงเมื่อเทียบกับปี 2558 เนื่องจากราคาที่ไต่ระดับสูงขึ้นมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ย่านสุขุมวิท ”
แนวโน้มอุปทาน
ในปีนี้มีโครงการคอนโดฯ 6 แห่งในกรุงเทพฯ ถูกเพิ่มเข้ามาในรายการคอนโดฯไพร์มและซูเปอร์ไพร์มของไนท์แฟรงค์
- ย่านสุขุมวิท : มีจำนวน 597 หน่วยเพิ่มเข้ามาในตลาด ซึ่ง 236 หน่วยอยู่ในตลาดซูเปอร์ไพร์ม มาจาก
- โครงการ Khun by Yoo ถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ)
- โครงการ Vittorio ถนนสุขุมวิท 39 (พร้อมพงษ์)
- โครงการ Laviq สุขุมวิท 57
- โครงการ KRAAM สุขุมวิท 26 (คราม สุขุมวิท 26)
- ย่านลุมพินี : มี 513 หน่วยเพิ่มเข้ามาในตลาด ซึ่งมาจากโครงการซูเปอร์ไพร์ม 2 แห่ง
- โครงการ 98 Wireless ถนนวิทยุ
- โครงการ 28 Chidlom ถนนชิดลม
- สำหรับย่านสาทรและพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำ : ยังไม่มีโครงการระดับ Prime, Super Prime ใหม่
แนวโน้มอุปสงค์
คอนโดฯระดับไพร์มและซูเปอร์ไพร์มยังคงแข็งแกร่งมากที่สุดในตลาดอสังหาฯในประเทศไทย ด้วยปริมาณความต้องการและการเติบโตด้านราคาที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดอื่นๆในกรุงเทพฯ และภูเก็ต สำหรับคอนโดฯ ระดับไพร์มมียอดขายสะสม ณ ตอนสิ้นปีอยู่ที่ร้อยละ 75.4 โดยมี 382 หน่วยที่ขายไปแล้ว สำหรับคอนโดฯระดับซูเปอร์ไพร์มมียอดขายสะสมลดลงไปสองปีซ้อน โดยอยู่ที่ร้อยละ 53.6 จากเดิมที่ร้อยละ 59.3 ณ ตอนสิ้นปี
แนวโน้มด้านราคา
ในปี 2559 การเติบโดตแบบปีต่อปีชะลอตัว แต่ก็ยังดีกว่าตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ โดยรวม คอนโดระดับไพร์มราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.93% ราคาเฉลี่ย 268,980 บาท/ตร.ม. ส่วนคอนโดซูเปอร์ไพร์มราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.9% ราคาเฉลี่ย 352,136 บาท/ตร.ม.
- พื้นที่ย่านลุมพินี : เติบโตด้านราคาสูงสุดอยู่ที่ 9.89% จากการเปิดตัวของโครงการ 28 Chidlom และ โครงการ 98 Wireless หลังทำลายสถิติราคาขายสูงสุดในกรุงเทพฯที่ 750,000 บาท/ตร.ม. (ตามรายงานโครงการโดยนักพัฒนา)
- ย่านสุขุมวิท : เติบโตด้านราคาปีต่อปี อยู่ที่ร้อยละ 8.1
- พื้นที่บริเวณริมแม่น้ำ : เติบโตร้อยละ 3.14
- ย่านสาทร : เติบโตอยู่ที่ร้อย 2.78
แนวโน้มตลาด
คุณ อัญชลี เกษมสุขธวัช ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า “นักพัฒนาโครงการชั้นนำมีความพยายามมากขึ้นในการสร้างจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับโครงการระดับไพร์มและซูเปอร์ไพร์ม เช่น การให้หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน และมีห้องน้ำใหญ่ที่เป็นกระจกซีทรูได้กลายเป็นแบบมาตรฐานแม้จะเป็นยูนิตเริ่มต้นที่มีราคาน้อยที่สุด (entry-level units) ก็ตาม บางยูนิตได้นำเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆภายในห้อง นอกจากนี้ หลายโครงการได้ร่วมมือกับนักออกแบบที่มีชื่อเสียง เช่น โครงการ Khun by Yoo ย่านทองหล่อทำการประชาสัมพันธ์ตลาดว่าพัฒนาโครงการจากแรงบันดาลใจของนักออกแบบชื่อดังอย่าง Philippe Starck ในขณะที่โครงการ Laviq ถนนสุขุมวิท 57 ใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหรูอย่าง Fendi Casa มาตกแต่งห้องนั่งเล่น ทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยปรับราคาต่อตารางเมตรให้สูงขึ้นได้เมื่อเทียบกับคอนโดฯเก่าในย่านใกล้ๆเคียงกัน”
ทำเลที่ตั้งยังสามารถบ่งบอกถึงดีไซน์คอนโดฯ ได้เป็นอย่างมาก โครงการระหว่างปี 2558-2559 ในย่านทองหล่อมักจะถูกวางให้มีดูทันสมัยและกระฉับกระเฉง เพื่อดึงดูดกลุ่มคนทำงานวัยหนุ่มสาวซึ่งคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ ในขณะที่โครงการย่านลุมพินีมีกลางถูกออกแบบให้มีความร่วมสมัยเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น
เรื่อง เสนอขายที่ดินสุขุมวิท 11