บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โชว์การดำเนินการก่อสร้างโครงการเกษร ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานหลักของอาณาจักรเกษร วิลเลจ ปัจจุบันดำเนินการตกแต่งไปแล้วกว่า 90% โกยยอดเช่าพื้นที่มากกว่า 60% หรือประมาณ 15,000 ตารางเมตร ล่าสุดเปิดตัว “เกษร ทาวเวอร์ ออฟฟิศ โชว์ สวีท” (Gaysorn Tower – Office Show Suite) พื้นที่สร้างสรรค์สำนักงานตัวอย่าง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Activity Based Workplace ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิต การทำงานของออฟฟิศสมัยใหม่บนพื้นที่จริง โชว์กลยุทธ์การใช้พื้นที่ “Workplace Strategy” ลดค่าใช้จ่ายถึง 30% เพิ่มศักยภาพ การทำงาน และการใช้ชีวิต พร้อมเล็งกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคตอาทิ กลุ่มธุรกิจ E-commerce, กลุ่มธุรกิจ Online business, กลุ่มธุรกิจ Tech Firms , กลุ่มธุรกิจ Logistics, กลุ่มธุรกิจ Financial และกลุ่มธุรกิจ MNC (บริษัทข้ามชาติ) ร่วมเช่าพื้นที่ มั่นใจอาคารก่อสร้างเสร็จสิ้นพร้อมย้ายเข้าได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ โดยจะรับรู้รายได้กว่า 400 ล้านบาทเมื่อปิดพื้นที่เช่าทั้งหมด ของโครงการอย่างแน่นอน
คุณฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 โดยเฉพาะตลาดอาคารสำนักงาน คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการพื้นที่สำนักงานยังคงมีเพิ่มขึ้น ในขณะที่อาคารสำนักงานเกิดใหม่มีจำนวนจำกัด ข้อมูลจาก CBRE พบว่า ปัจจุบันมีพื้นที่สำนักงานในตลาดทั้งสิ้น 8.5 ล้านตารางเมตร และในปี 2560 นี้ เกษร ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานระดับเกรดเอในย่านใจกลางย่านธุรกิจหรือ CBD เป็นอาคารสำนักงานเพียงแห่งเดียวที่จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งคาดว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานระดับเกรดเอในย่าน CBD จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี”
ด้วยเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป การนำ “มิกซ์ยูส คอนเซ็ปต์” (Mixed-use concept) มาใช้ ในการพัฒนาอาคาร จึงทำให้อาคารเป็นมากกว่าพื้นที่ค้าปลีก (Retail) หรือพื้นที่สำนักงานให้เช่า (Office) แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้พื้นที่ได้มากกว่า โดยหลังจากบริษัทฯ ได้เปิดโครงการ “เกษร วิลเลจ” แลนด์มาร์กสำคัญทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่ง “เกษร ทาวเวอร์” เป็นหนึ่งในโครงการที่มีบทบาท และส่วนสำคัญที่สร้างความเคลื่อนไหวให้กับแลนด์มาร์กแห่งนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Work – Live – Play – Grow” ที่สร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ให้กับการใช้ชีวิตการทำงานควบคู่กับไลฟ์สไตล์ในทุกวัน โดยปัจจุบัน ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างการตกแต่งภายในแล้ว 90% พร้อมมียอดการเช่าพื้นที่กว่า 60% หรือ 15,000 ตารางเมตร โดยมีบริษัทชั้นนำเข้าร่วมเช่าพื้นที่ อาทิ แมคฟิว่า (McFiva) ดิจิตอลเอเจนซี่ด้านโมบายมาร์เก็ตติ้ง, หยวนต้า (Yuanta) ผู้นำตลาดในด้านการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ ด้านวาณิชธนกิจและการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย,กุดั่น (Kudun) ที่ปรึกษาและการบริการด้านกฎหมาย, อัลฟา เอ็นเนอร์จี (Alpha Energy) บริษัทผลิตและการส่งไฟฟ้า รวมไปถึงบริษัทผู้นำด้านแพลตฟอร์มบนมือถือยอดนิยมระดับโลก เข้าร่วมเช่าพื้นที่ สำหรับพื้นที่ของ “เกษร เออร์เบิน รีทรีต” (Gaysorn Urban Retreat) ที่นับเป็นศูนย์บริการด้านความงามและสุขภาพ (Health & Wellness Centre) เตรียมเปิด ปัญญ์ปุริ เวลเนส รีทรีต แอนด์ ออนเซน (PAÑPURI WELLNESS RETREAT & ONSEN) ออร์แกนิค ออนเซน สปา สุดลักซ์ชัวรี่แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย, อนิสสา คลินิก (Anissa Clinic) คลินิกเวชกรรมความงามครบครัน, ลา วี (La vie) ศูนย์บริการด้านสุขภาพและความงาม รวมถึง บิวตี้เมดิคอล ชื่อดังจากประเทศเกาหลี เป็นต้น
คุณฟ้าฟื้น กล่าวต่อไปว่า “บริษัทฯ ได้นำเสนอ “เกษร ทาวเวอร์ ออฟฟิศ โชว์ สวีท” (Gaysorn Tower – Office Show Suite) พื้นที่สำนักงานตัวอย่างที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้กลยุทธ์ “Workplace Strategy” ที่จัดสรรพื้นที่ เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทำงานร่วมกับ TADAH Collaboration บริษัทออกแบบและตกแต่งภายใน และ CBRE ที่ปรึกษาด้านการปล่อยเช่าพื้นที่และด้านแนวโน้มของผู้เช่า ในการออกแบบพื้นที่สำนักงานตัวอย่างเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตการทำงานของออฟฟิศสมัยใหม่บนพื้นที่จริงภายใต้คอนเซ็ปต์ “แอคทิวิตี้ เบส เวิร์กเพลส” (Activity Based Workplace) ซึ่งเป็นการจัดสรรพื้นที่และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับกิจกรรมในการทำงานประเภทต่างๆ และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมในการใช้งาน พร้อมเพิ่มพื้นที่การทำงานแบบมีส่วนร่วม สามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยอัตราส่วนพนักงาน 1 คน ต่อพื้นที่ 6-7 ตร.ม. จากอัตราส่วนของออฟฟิศทั่วไป ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่พนักงาน 1 คน ต่อพื้นที่10 ตร.ม. นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายของสำนักงานได้สูงสุดถึง 30% ซึ่งการจัดพื้นที่การทำงานรูปแบบนี้ยังช่วยดึงดูดกลุ่มคนที่มีความสามารถให้เข้ามาร่วมงานกับองค์กรอีกด้วย
โดยรูปแบบการจัดสรรพื้นที่การทำงานแบบ “แอคทิวิตี้ เบส เวิร์กเพลส” ในพื้นที่สำนักงานตัวอย่างของ เกษร ทาวเวอร์ ออฟฟิศ โชว์ สูท สามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ อาทิ
- Collaborative Workspace การจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับการทำงานแบบทีมมีส่วนร่วม (Collaboration) ถือเป็นการจัดรูปแบบพื้นที่การทำงานในบรรยากาศที่สบายๆ
- Hot Desk ไม่มีการกำหนดที่นั่งประจำอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับบุคลากรที่ต้องออกไปพบปะลูกค้าในเวลาทำงาน หรือใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องประชุมมากกว่าการนั่งโต๊ะประจำ เช่น งานฝ่ายขาย งานการตลาด หรือการทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ด้วยการหมุนเวียนการใช้ที่นั่งของพนักงาน ทำให้สามารถลดพื้นที่สำนักงาน ได้ส่วนหนึ่ง
- Focus Space/ Meeting Room/ Telephone Booth พื้นที่ที่ตอบโจทย์บุคลากรที่ต้องทำงานโดยใช้สมาธิและความเป็นส่วนตัวสูง อาทิ งานระดับบริหาร หรือ งานธุรการ เป็นต้น
- Social Space/ Training Area เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ มีลักษณะคล้ายโถงประชุม เหมาะสำหรับการจัดฝึกอบรม หรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของพนักงานในองค์กร หรือใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น
นอกจากนี้การจัดสรรพื้นที่การทำงานแบบ “แอคทิวิตี้ เบส เวิร์กเพลส” ของเกษร ทาวเวอร์ ยังมีจุดเด่นที่ให้ความสำคัญ ทั้งในเรื่องไลฟ์สไตล์การทำงานและการใช้ชีวิตให้สมดุล ด้วยการจัดสรรพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมทั้งภายในและภายนอกอาคาร อาทิ
- Wellness ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพทั้งในเรื่องของบรรยากาศในการทำงานที่ช่วยรักษาสุขภาพและสมดุลของผู้ทำงาน จึงจัดให้มี เกษร เออร์เบิน รีทรีต (Gaysorn Urban Retreat) ศูนย์บริการด้านสุขภาพและความงาม เพื่อให้บริการภายในอาคารอีกด้วย
- Place making ได้ออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในอาคารที่มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอาทิ เกษร โคคูน (Gaysorn Cocoon) รวมถึงการจัดแสดงผลงานศิลปะที่มีอยู่รอบบริเวณอาคารเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ และความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน ก่อให้เกิดชุมชนของผู้ประสบความสำเร็จ
- Connectivity เกษร ทาวเวอร์ สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์ และสู่ระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอส นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นอย่าง Ratchaprasong Walk ทางเดินเชื่อมต่อสู่ 18 อาคารชั้นนำภายในย่านราชประสงค์ ซึ่งสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ อาหาร ช็อปปิ้ง ห้องจัดเลี้ยงสัมมนา กิจกรรมบันเทิงหลังเลิกงานได้ภายใน 3-5 นาที โดยการเดิน พร้อมเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ทุกระดับเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การปล่อยเช่าพื้นที่ในส่วนที่เหลือ 40% เป็นการเพิ่มมูลค่าและเปิดโอกาสให้กับบริษัทขนาดเล็ก ที่ต้องการใช้พื้นที่ ระหว่าง 150 – 300 ตารางเมตร และ 300 – 700 ตารางเมตร โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต อาทิธุรกิจ E-commerce ธุรกิจซื้อขายหรือให้บริการผ่านทางสื่ออิเล็คทรอนิกส์ Online business ธุรกิจให้บริการบนโลกออนไลน์ Tech Firms ธุรกิจผู้พัฒนา ผลิต และให้บริการทางเทคโนโลยี Logistics ธุรกิจให้บริการขนส่ง Financial ธุรกิจทางการเงิน และ MNC (Multinational Company) บริษัทข้ามชาติที่กำลังขยายสาขา โดยเกษร ทาวเวอร์ ยังได้นำเสนอ “เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท” – (Gaysorn Urban Resort) ที่สมบูรณ์แบบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ หรือ “Business Amenities” อาทิ ห้องประชุม ห้องสัมมนาจัดเลี้ยง ห้องอาหาร และห้องสันทนาการ รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่ผู้เช่าและคนทำงานสามารถพบปะกับพันธมิตรทางธุรกิจ ระดับเวิลด์คลาสได้ทั้งตลอดวันรวมถึงหลังเวลาเลิกงาน นอกจากนี้ยังมี เกษร คริสตัล บ็อกซ์ (Gaysorn Crystal Box) พื้นที่อเนกประสงค์ลอยฟ้าบริเวณชั้น 19 ที่ออกแบบอย่างเหนือชั้น ด้วยโครงสร้างที่ยื่นล้ำออกมาจากตัวอาคาร โดยใช้กระจกเป็นวัสดุผนังโดยรอบทั้งหมด ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครได้กว้างไกลถึง 270 องศา พร้อมรองรับการจัดประชุม สัมมนา งานแถลงข่าว และงานเลี้ยงรูปแบบต่างๆ ที่ต้องการมุมมองพิเศษ ได้ถึง 200 ที่นั่ง พร้อมเชื่อมต่อกับพื้นที่บริเวณ “Outdoor Greenery Sky Garden” รองรับงานที่ต้องการความหลากหลายของบรรยากาศทั้ง Indoor และ Outdoor แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ
“ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการ เกษร ทาวเวอร์ จะสามารถเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้ผู้เช่าสามารถเข้ามาตกแต่งสถานที่ได้ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมทั้งปิดพื้นที่การเช่า 100% ด้วยยอดรับรู้รายได้กว่า 400 ล้านบาท เมื่อปิดโครงการอย่างแน่นอนอย่างแน่นอน” คุณฟ้าฟื้น กล่าวสรุป