บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ริเริ่มโครงการ ‘ChargeNow’ เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอกย้ำความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อเท่าทัน และล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิตด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงแต่ที่อยู่อาศัย แต่ยังหมายรวมถึงคุณภาพสังคมและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของสังคมเมืองอีกด้วย เอพีมุ่งหวังนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนในที่สุด โดยจะเริ่มสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้ากับคอนโดมิเนียมเครือเอพี และขยายต่อไปยังโครงการอื่นๆ ในอนาคต
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม กล่าวว่า “เอพี (ไทยแลนด์) เราดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์สำคัญ คือ ‘AP Think Different’ โดยเราให้ความสำคัญกับการคิดต่าง และพัฒนาธุรกิจเพื่อความสำเร็จแบบยั่งยืน เราจึงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา เพื่อเท่าทันและล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิต และเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต และตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 26 โดยเป้าหมายสูงสุดของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนเมือง เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง ที่อยู่อาศัยซึ่งตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตอันทันสมัย เราเปิดรับทุกไอเดียใหม่ๆ ทางเลือกในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการใช้พื้นที่ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้อยู่อาศัย และเอพี (ไทยแลนด์) มองว่าโครงการ ChargeNow จึงเป็นแง่มุมใหม่ของการใช้ชีวิตอันทันสมัย และยังสามารถลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแท้จริง เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตร ผู้ริเริ่มโครงการที่ดี และล้ำสมัยอย่างโครงการ ChargeNow เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมเติบโตไปกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอนาคต”
“การสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า และระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศได้ เนื่องจากการหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า หรือระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้ถึง 50% เมื่อลดการใช้ปริมาณน้ำมันจะสามารถลดการผลิตมลพิษทางอากาศได้ด้วยเช่นกัน” นายวิทการกล่าวเสริม
ในปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่ง ใน 27 ประเทศทั่วโลก ด้วยวิธีการชาร์จที่สะดวกและรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย สถานีโครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านสมาร์ทโฟน และในเว็บไซต์ ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างพร้อมให้บริการหรือมีการใช้งานอยู่ โดยลูกค้าจะได้รับการ์ด ChargeNow และสามารถเข้ารับบริการในสถานีซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าสะดวก ลูกค้าจะได้รับบิลค่าบริการทุกสิ้นเดือนเช่นเดียวกับบิลค่าบริการโทรศัพท์มือถือ
โครงการ ChargeNow จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเจ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type 1 (SAE J1772) และ Type 2 (IEC 62196) ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดหรือยี่ห้อใด โดยจะมีการชี้แจงถึงรายละเอียดในการลงทะเบียนล่วงหน้า ในช่วงประมาณไตรมาสที่สามของปี 2560 นี้