รีวิวฉบับนี้ผมพาเพื่อนๆ มาดูโครงการโฮมออฟฟิศย่านพระราม 9 กันครับ  โครงการที่จะไปรีวิวกัน คือ The Element Rama 9 (The Element พระราม 9) ที่ตั้งนั้นอยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 41 (และ 43) ใกล้กับคอมมิวนิตี้มอลล์ใหญ่ในย่านนั้นอย่าง The Nine พระราม 9 ครับ

The Element Rama 9 นั้นเป็นโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 450 ตารางเมตร  โดยที่ชั้น 4-5 จะออกแบบให้เป็๋นส่วนพักอาศัย  และชั้น 1-3 เป็นส่วนที่สามารถทำเป็นพื้นที่สำนักงานได้  นั่งทำงานกันสบายๆ สัก 30 คนก็ยังไหวครับ  รายละเอียดของ The Element พระราม 9 จะเป็นอย่างไร  ผมรีวิวให้อ่านกันอย่างละเอียกเช่นเคยครับ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน

The Element Rama 9

(ดิ เอลลิเมนท์ พระราม 9)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยพระราม 9 ซอย 41 และซอย 43 (เข้าออกได้ 2 ทาง) ห่าง The Nine พระราม 9 ประมาณ 150 เมตร
• ขนาดที่ดิน >>>  ประมาณ 4 ไร่ (เฟส 1 : 14 ยูนิต , เฟส 2 : 13 ยูนิต)
• จำนวนหลัง >>> 27 ยูนิต
• ประเภทบ้าน >>>
  • โฮมออฟฟิศ สูง 5 ชั้น   ขนาดที่ดินแปลงมาตรฐาน 57 ตารางวา
    • ส่วนพื้นที่สำนักงาน ชั้น 1-3  : พื้นที่เปิดโล่ง bare shell , 4 ห้องน้ำ
    • ชั้น 4  :  พื้นที่เปิดโล่ง bare shell , 1 ห้องน้ำ
    • ส่วนพื้นที่พักอาศัย ชั้น 5 : 1 ห้องนอน , 1 ห้องน้ำ
    • พื้นที่จอดรถ 6 คัน
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 26.9 ล้านบาท (ราคา ณ มีนาคม 2561)
• พิกัด GPS >>> 13.741991, 100.627821
• เว็บไซต์โครงการ >>>  The Element Rama 9
• โทร >>> 089-504-4554

จากแผนที่ของ The Element Rama 9 จะเห็นว่าในภาพใหญ่นั้น  ที่ตั้งโครงการอยู่ในช่วงรอยต่อของเมือง  เป็นจุดที่สามารถวิ่งตรงเข้าใจกลางเมืองตรงแยกรัชดา-พระราม 9 ได้  และในทางกลับกันก็สามารถใช้เส้นมอเตอร์เวย์ออกไปทางฝั่งตะวันออกได้เช่นกัน  โดยที่มีแนวทางด่วนศรีรัชอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

ที่ตั้งโครงการ The Element Rama 9 นั้นสามารถเข้าถึงได้จากทั้งฝั่งถนนพระราม 9 (ลูกศรสีแดง) และทางฝั่งถนนหัวหมากด้านหลังมหาวิทยาลัยรามคำแหงครับ (ลูกศรสีเขียว)  พื้นที่รอยโซนนี้ถ้าดูจากการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบันแล้ว  เป็นลักษณะของบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่  แนวถนนมีการตีเป็นกริด เป็นบล็อคชัดเจน

วันนี้ผมเดินทางไปที่ The Element Rama 9 โดยใช้ถนนพระราม 9 นี่แหละครับ ตามลูกศรสีแดงไป  ขับรถตรงตามพระราม 9 ฝั่งขาออกมาเรื่อยๆ  ขึ้นสะพานยกระดับผ่านแยกรามคำแหง แล้วตรงมาเรื่อยๆ พอเห็น The Nine พระราม 9  ซึ่งใช้เป็นจุดสังเกตุ  ก็ชิดซ้ายเลี้ยวเข้าซอยพระราม 9 ซอย 41 ที่อยู่ติดกันได้เลย  จากนั้นเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็จะถึงโครงการ The Element พระราม 9 ครับ  หาไม่ยาก  หรืออีกทางก็สามารถเข้าทางซอยพระราม 9 ซอย 43 ประมาณ 100 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้ามานิดเดียว  ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือครับ

ตอนนี้เราอยู่บนถนนพระราม 9 ครับ  พอจะถึงแยกประดิษฐ์มนูธรรม ก็ให้ชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยก  ตามป้ายรามคำแหงไปเลย

อยู่บนทางยกระดับก็ให้ตรงไปอย่างเดียวครับ (ุถ้าเลี้ยวซ้ายแยกนี้จะวนเข้าทางฝั่งรามคำแหง)

ลงสะพานแล้วก็ขับตรงต่อมาอีกไม่ไกลเท่าไหร่

มาถึงด้านหน้า The Nine พระราม 9 ก็ชิดซ้ายไว้ได้เลย  เลี้ยวเข้าซอยพระราม 9 ซอย 41 ครับ

เลี้ยวเข้ามาไม่กี่เมตร  จะเห็นแยกแรกทางขวามือ  หัวมุมมีร้านกาแฟ ไล-บรา-รี่ อยู่  ก็เลีี้ยวขวาได้เลย

ตรงไปอีกหน่อย

ในซอยข้างทางก็จะเป็นบ้านพักอาศัย สลับกับบริษัทต่างๆ อยู่ปนกันครับ

ขับมานิดเดียวก็จะถึงทางเข้าของ The Element พระราม 9  แล้ว  เลี้ยวไปได้เลย

แนวรั้วที่กั้นอยู่นี้คือเขตที่ดินของโครงการนั่นเอง  ยาวตลอดแนวแบบนี้เลยครับ

สำนักขายจะอยู่ยูนิตด้านใน  เพราะทยอยสร้างไล่ออกมากจากด้านในสุด  เลยต้องขับรถเข้าไปหน่อยครับ  ทางซ้ายมือส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยที่มีบริเวณ

เรามาดูพื้นที่รอบๆ โครงการ The Element Rama 9 ในภาพเล็ก ของเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันครับ  ลักษณะของที่ดินโครงการนั้นจะยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าไป  เดิมที่พื้นที่ตรงที่ติดกับซอยเสรี 7 นี้ไม่ได้มีทางเข้าออกนะครับ  แต่โครงการตัดแบ่งที่ดินส่วนนึงมาทำถนน เพื่อเปิดทางเข้าออกทำให้สามารถเข้าถึงได้สะดวกขึ้น  ทางด้านทิศตะวันออกของโครงการจะติดกับแนวที่ดินของโครงการบ้านกลางเมือง (หมายเลข 1)  ส่วนอีกฝั่งจะติดกันบ้านพักอาศัยของคนในพื้นที่เดิม  (หมายเลข 2) ลักษณะเป็นบ้านสูง 1-2 ชั้น ที่มีบริเวณและที่ดิน  ซอยต่างๆ ในโซนนี้ความกว้างจะไม่มากนัก  เป็นซอยเล็กซอยน้อย  ซึ่งมีหลายซอยที่สามารถไปออกถนนหัวหมากได้  ซึ่งทำให้โซนนี้สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งจากฝั่งพระราม 9 และทางฝั่งรามคำแหงอย่างที่เล่าไปคร่าวๆ แล้วครับ

ตรงช่วงปากซอยเสรี 7 นั้น จะมีร้านกาแฟ ไล-บรา-ลี่ (หมายเลข 3) ร้านนี้ก็ดังทีเดียว มีหลายสาขา บรรยากาศดีครับ  ใกล้ๆ กันมีร้านกาแฟอีกร้านชื่อ Bakerx Florist (หมายเลข 4)  ซึ่งจากตรงนี้สามารถขับรถวนเข้า The Nine พระราม 9 จากทางด้านหลังได้  ไม่ต้องขับรถออกไปวนที่ถนนใหญ่ครับ

ภายใน The Nine ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าค่อนข้างครบครัน  ทั้งร้านอาหาร, ร้านนั่งดื่ม hang-out อย่าง Est.33 ของ Singha  หรือธนาคารที่สามารถอำนวยความสะดวกเรื่องการทำธุรกรรมต่างๆ ได้เกือบทุกธนาคาร รวมถึงสำนักงานใหญ่ของธนาคารธนชาตก็อยู่ที่นี่ด้วย  ส่วนถ้าจะซื้อหาของเข้าบ้าน  ก็มี Max Valu ที่เปิด 24 ชั่วโมง  ที่อยู่บริเวณฝั่งใกล้กับทางตลาดเสรีมาร์เก็ตครับ  เรียกว่าการที่ที่ตั้ง The Element พระราม 9 อยู่ใกล้กับ The Nine นี่สบายไป 108 อย่างทีเดียว  … นอกจากนี้อีกฝั่งถนน (ข้ามพระราม 9 กับกำแพงเพชร) ไป  ก็จะเป็นมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตครับ (แต่ก็จะต้องไปวนเข้าจากทางฝั่งถนนพัฒนาการนะ)

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

ผมไปเดินถ่ายรูปสำรวจรอบๆ โครงการ The Element Rama 9 มาให้ชมกันครับ

The Nine พระราม 9  แหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักของย่านนี้ครับ

ภายในเป็นสเปซลักษณะ Open Air  แต่ก็เดินสบาย ไม่ร้อนครับ

สำนักงานใหญ่ของธนาคารธนชาตก็อยู่ที่นี่ด้วย

ด้านล่างของธนชาต จะเป็น Max Valu เปิด 24 ชั่วโมงครับ  อยู่แถวนี้ดึกๆ ก็ไม่อดแน่

ฝั่งตลาดเสรีมาร์เก็ตที่อยู่ติดกันกับ The Nine

โรงแรม Nine Forty One อยู่ตรงปากทางที่เลี้ยวเข้าโครงการ ติดกับพระราม 9 ซอย 41 ครับ  ด้านหน้ามีร้านนั่งดื่ม A List Bar&Bistro ไว้แฮงค์เอ้าท์หลังเลิกงานได้

ตัวโรงแรม Nine Forty One ครับ

ซอยที่เข้าไปยังโครงการ  เป็นถนน 2 เลน

ร้านกาแฟ ไล-บรา-รี่  จุดสังเกตตรงที่จะเลี้ยวไปทาง The Element ครับ

ภายในดัดแปลงจากบ้านเดิม  บรรยากาศดีมาก

เก็บตกมุมจากบนถนนพระราม 9 กันนิดนึง

มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตครับ  มองจากทางหน้า The Nine จะเข้าทางถนนพัฒนาการอีกฝั่ง

HomePro พระราม 9 ถ้ามาจากฝั่งพระราม 9 ขาออก  จะอยู่ก่อนถึง The Nine Rama 9 ไม่ไกล

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

ผมพาไปดูรอบๆ ทำความเข้าใจพื้นฐานกับทำเลไปแล้ว  คราวนี้เรามาเจาะลึกตัวโปรดักส์ของ The Element Rama 9 กันต่อดีกว่าครับ

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

เดิมทีถนนซอยเสรี 7 ที่เข้ามาทางด้านหน้าโครงการนั้นไม่ได้เชื่อมกับซอยที่วิ่งเลียบทางฝั่งตะวันตกของที่ดินครับ  โครงการเลยซื้อที่เปิดทางแล้วตัดแบ่งส่วนหนึ่งให้ไปเชื่อมต่อกับทางสาธารณะ  (จุดที่ทำกราฟิกสีชมพู) ที่ดินด้านในก็เลยสามารถเข้าถึงตรงจากซอยเสรี 7 ได้เลย

พื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางนั้นไม่มีนะครับ  แต่โครงการก็จัดให้มี รปภ. เฝ้า 24 ชั่วโมงแทน  ตรงนี้เลยไม่มีรายละเอียดอะไรครับ

เปิดแปลนบ้าน

โครงการ The Element พระราม 9

แบบบ้านมาตรฐาน พื้นที่ 450 ตารางเมตร

แบบของโฮมออฟฟิศ The Element พระราม 9 นี้ จะมีแบบเดียวทั้งโครงการครับ  โดยแปลงมาตรฐานจะอยู่บนที่ดิน 57 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอย 450 ตารางเมตร  แบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 2 ส่วน  คือส่วนของสำนักงาน  (ชั้น 1-3) และส่วนของที่พักอาศัย (ชั้น 4-5)

ในส่วนของสำนักงานนั้น  เรามาเริ่มดูจากชั้น 1 ครับ  ด้านหน้าจะจอดรถได้ 6 คัน แบ่งเป็น 3 แถว  ตรงประตูที่เข้ามาสามารถทำเป็น Foyer เล็กๆ สำหรับต้อนรับได้  ส่วนของลิฟต์และห้องน้ำจะวางไว้ด้านเดียวกัน  ทำให้สเปซด้านในก็จะเหลือเป็นสี่เหลี่ยมโล่งๆ ซึ่งสามารถจัด Furniture ได้ค่อนข้างยืดหยุ่นตามความต้องการครับ    ด้านหลังก็จะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นบน  โดยมีประตูปิดกั้นให้เรียบร้อย

ที่ชั้น 2 และ 3 ลักษณะการจัดแปลนจะเป็นสเปซแบบ bare shell โล่งๆ ที่เดินงานระบบไฟฟ้าเตรียมไว้ให้  จะจัดแปลนวางรูปแบบการทำงานแบบไหน  อันนี้ก็สุดแล้วแต่ประเภทของแต่ละออฟฟิศครับ  ตรงบันไดทางขึ้นลงมีแนวของผนังที่สามารถทำประตูกั้นไม่ได้แอร์ไหลออกไปตรงบันไดได้ด้วย  ส่วนด้านหลังสุดก็เป็นส่วนของบันไดหนีไฟ  ซึ่งจะลงมาสุดแค่บริเวณชั้น 2 นะครับ

ข้อแตกต่างของชั้น 2 กับชั้น 3 คือ ตรงบริเวณด้านหน้าชั้น 2 จะมีระเบียงใหญ่ออกไปด้านนอก  ซึ่งปลูกต้นไม้เอาไว้ให้  ช่วงเย็นๆ เวลาแดดไม่ร้อนแล้ว  สามารถเอามาใช้เป็นสเปซจัดกิจกรรมกันภายในออฟฟิศได้ด้วย

ที่ชั้น 3 จัดแปลนแสดงให้ดูว่าสามารถกั้นเป็นห้องประชุมเล็กๆ หรือห้องทำงานเล็กๆ ก็ได้ครับ

ที่ชั้น 4  บ้านตัวอย่างและในแปลนจะจัดเป็นส่วนที่พักอาศัย  แต่บ้านจริงจะเตรียมพื้นที่โล่งไว้สำหรับเป็นสำนักงานอยู่นะครับ  ในแปลนตัวอย่างนั้นจัดเป็นส่วนของสเปซเปิดโล่งทั้งเป็นส่วนพักผ่อน ดูทีวี รับประทานอาหาร  รวมถึงส่วน Cooking ด้วยครับ  โดยลิฟต์จะขึ้นมาถึงแค่ที่ชั้นนี้นะครับ

ที่ชั้น 5 ด้านบนสุดจะต้องเดินขึ้นบันไดมาจากชั้น 4 นะครับ  ด้านในจัดเป็นสเปซห้องนอน, Walk-in Closet และห้องน้ำ  ด้านหน้าจะมีระเบียงใหญ่มากกกก..  สามารถทำเป็นสเปซส่วน out door หรือจัดสวนบนอาคารก็ได้  อันนี้ก็แล้วแต่ไอเดียของแต่ละคนที่อยากได้ครับ  ชั้นนี้พื้นภายในจะปูพื้น Engineering Wood ไว้ให้

ดูแปลนกันไปแล้ว  มาดูหน้าตาบ้านจริงของ The Element พระราม 9 กันต่อครับ  ลักษณะของงานดีไซน์นั้นออกมาเป็นรูปแบบโมเดิร์น ผมว่าหน้าตาดีทีเดียวแหละ  โดยจุดเด่นจะเป็นเรื่องของการเน้นการใช้วัสดุต่างๆ อย่าง เหล็ก, กระจก, ไม้, ปูน เข้าด้วยกัน  พอรวมกับการดีไซน์พื้นที่ระเบียงก็ทำให้ด้านหน้าบ้านดูมีมิติมากทีเดียว

มุมหน้าตรงครับ  ตัวแผงเหล็กและอะลูมิเนียมนี้จะช่วยกรองแสงได้พอสมควร  ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นนะ  เพราะว่าหน้าบ้านของ The Element พระราม 9 นี้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้หมดเลย  ตรงนี้รวมไปถึงการเซตแนวผนังกระจกของตัวบ้านเข้าไปด้วย  ระยะยื่นของพื้นชั้นบนก็จะสามารถช่วยเป็นกันสาดบังแดดได้อีกทางหนึ่ง

ทุกยูนิตจะมีพื้นที่ด้านข้างโดยรอบนะครับ  ของจริงไม่ได้ปลูกหญ้าหรือต้นไม้ไว้ให้นะครับ

ที่ชั้น 2 ก็จะมีหน้าต่างรับแสงธรรมชาติจากทางด้านข้างด้วย  รูปด้านฝั่งนี้มีการเซาะร่อง และตีแพทเทิร์นและสลับสีประมาณนึง  ไม่ให้เรียบเกินไป

ด้านหลังเป็นบันไดหนีไฟครับ  สูงเกิน 4 ชั้นก็ต้องมีตามกฎหมาย  แต่ตัวโครงสร้างบันไดเหล็กจะลงมาถึงแค่ชั้น 2 เพื่อป้องกันขโมยแอบปีนขึ้นไป

แอบซูมดูดีเทลของแผงอะลูมิเนียมบานเฟี้ยมด้านหน้าหน่อย

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

โครงการตกแต่งโฮมออฟฟิศหลังตัวอย่างให้ดู  พร้อมมีบ้านจริงอีกหลังครับ  จะได้เห็นสเปซกันคร่าวๆ ว่าสามารถจัดประยุกต์ได้อย่างไรบ้าง ผมพาไปดูทั้งยูนิตที่ตกแต่งเป็นตัวอย่างและยูนิตเปล่าที่ขายจริงครับ

บ้านตัวอย่าง

ดิ เอลลิเมนท์ พระราม 9

เริ่มจากดูที่ชั้น 2 กันนะครับ  พื้นที่จริงจะเป็นสเปซโล่งๆ สามารถกั้นแบ่งสัดส่วนต่างๆ ได้ตามชอบใจ

พื้นที่ของส่วนซัพพอร์ทอย่างลิฟต์และห้องน้ำ จะถูกวางไว้อยู่ฝั่งเดียวกัน  ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ทางเดิน  และสามารถสเปซส่วนทำงานได้เยอะครับ

ตัวอย่างที่ชั้นนี้จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นโซนพักผ่อน  อีกด้านเป็นโซนทำงานครับ

ด้านนอกสามารถออกไประเบียงใหญ่ได้  แต่จะมีแนวของแผงอะลูมิเนียมบานเฟี้ยม  เปิด-ปิด ได้ ช่วยกรองแสงแดดตอนบ่ายไว้ได้ระดับหนึ่ง  เพราะอย่างที่บอกว่าด้านหน้าบ้านส่วนใหญ่จะเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ครับ

อีกด้านหนึ่ง

ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะจัดบ้านตัวอย่างโดยแบ่งสเปซเป็นห้องประชุม และห้องทำงานผู้บริหารครับ

มีมุมซึ่งสามารถทำ pantry เล็กๆ ได้  เป็นอีกฝั่งชั่นที่ Home Office ต้องมี

จากนั้นเราขึ้นไปที่ชั้น 4 กันครับ  บันไดจากชั้น 4  ขึ้นชั้น 5 จะปูด้วยไม้เนื้อแข็งนะ  (ส่วนชั้นออฟฟิศจะปูกระเบื้อง  ซึ่งก็เป็นตามฟังก์ชั่นการใช้งานครับ)

ที่ชั้น 4 ในบ้านตัวอย่างจะทำเป็นส่วนของที่พักอาศัย  แต่ในบ้านจริงจะยังเป็นพื้นที่สำหรับทำออฟฟิศ bare shell อยู่นะครับ  แต่ถ้าใครไม่ต้องใช้พื้นที่ออฟฟิศเยอะมาก  ก็ทำเป็นส่วนพักอาศัยได้เลย

สามารถทำ pantry ครัวได้ใหญ่มาก  จริงๆ ตัวสเปซค่อนข้าง flexible นะครับ  จะกั้นพื้นที่เป็นครัวปิดก็ได้ถ้าทำอาหารแบบ hard cooking จริงจัง

ด้านนอกมีระเบียง  เอาโต๊ะเก้าอี้ออกไปตั้งได้เพราะมีความลึกพอสมควร

ภายในห้องนอนเล็กครับ  แต่ก็ยังวางเตียง 5 ฟุตได้อยู่

มีสเปซพอจัดเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานได้ครบ

เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันบ้าง  ห้องน้ำชั้นนี้ก็จะหรูกว่าที่ชั้นสำนักงาน

ขึ้นมาที่ชั้น 5 ด้านบนสุดกันครับ  ชั้นนี้จะไม่มีลิฟต์  ต้องเดินขึ้นบันไดต่อมาจากชั้น 4 สเปซในห้องก็กว้างขวาง โล่งๆ ครับ

มีพื้นที่เหลือเยอะทีเดียว

แบ่งส่วนทำ Walk-in Closet เอาไว้ให้เป็นสัดส่วน

ด้านใน Walk-in Closet

พาเข้ามาดูในห้องน้ำกันครับ  จะใหญ่ไปไหน !

ภายในกั้นพื้นที่ส่วนเปียกสำหรับอาบน้ำ กับส่วนโถสุขภัณฑ์แยกกัน  โดยใช้กระจกบานเลื่อนใหญ่  แบบบานเปลือยเลื่อนสลับไปมาได้  ก็ดูเก๋ดีนะ  แต่บานกระจกก็น้ำหนักเยอะนิดนึงครับ  ผู้หญิงตัวเล็กๆ อาจจะต้องออกแรงหน่อย

ที่ระเบียงด้านนอกเตรียมพื้นที่ไว้ให้กว้างมากทีเดียว  จัดเป็นสวนหรือพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวได้

บ้านเปล่า (สำหรับส่งมอบ)

ดิ เอลลิเมนท์ พระราม 9

สเปซชั้น 1 ครับ  ลิฟต์กับห้องน้ำจะอยู่ฝั่งเดียวกัน  ประตูซ้ายมือ คือ ประตูที่เข้าไปยังบันไดทางขึ้นด้านหลัง

พื้นที่ชั้น 2 ก็จะเตรียมไว้เป็น bare shell โล่งๆ แบบนี้ครับ

เช่นเดียวกับชั้น 3

พื้นที่ชั้น 4  ในบ้านตกแต่งเป็นตัวอย่าง  ส่วนนี้จะทำเป็นส่วนพักอาศัย  แต่บ้านจริงจะเตรียมเป็นพื้นที่ bare shell สำหรับทำออฟฟิศเช่นกันครับ

ส่วนชั้น 5 จะมี Finishing มาให้เรียบร้อย

ระเบียงด้านนอกของชั้น 5  ถ้าทำเป็นสวน  เวลามองออกมาจากห้องนอน  ก็น่าจะสวยงามสบายตาดี

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุห้องน้ำ

ห้องน้ำชั้นล่างสุด  จะมี 2 ห้อง ใช้ material เดียวกัน  ได้กระจกบานใหญ่ ซ่อนไฟ Indirect Light ครับ

ผนังกระเบื้องลายหินอ่อน

ที่ห้องน้ำชั้น 4 และชั้น 5 จะมีส่วนอาบน้ำ  ในรูปนี้เป็นฝักบัวชั้น 4 ครับ

พื้นที่อาบน้ำห้องน้ำชั้น 4 ครับ  กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งให้  มีฉากกั้นกระจกนิรภัย tempered glass

อ่างล้างหน้าของห้องน้ำชั้น 4

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีเทาอ่อน ขนาด 30 x 30 ซม. พื้นที่อาบน้ำในห้องน้ำชั้น 3 จะลดระดับลงไปจากพื้นห้องน้ำ 1 ซม.

ส่วนอาบน้ำลดสเต็ปลงไปบางๆ

ท่อระบายน้ำอยู่ตรงมุม ดูเรียบร้อยดี

ฉากกั้นอาบน้ำกระจกสูงจรดเพดาน

โถสุขภัณฑ์

อ่างล้างหน้าชั้น 5 จะใหญ่หน่อย

ติดเครื่องทำน้ำร้อนซ่อนไว้ด้านใต้

ก็อกแยกเป็นระบบน้ำร้อน น้ำเย็นครับ

ผนังกระเบื้องของห้องน้ำชั้น 5 จะเป็นลายหินอ่อน  แต่คนละลายกันชั้นล่างๆ

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

สายไฟที่นี่ลงดินทั้งหมด  ไม่ต้องเห็นระโยงระยางทิ่มเข้าไปในบ้าน

ชั้นล่างมีกล้องวงจรปิดให้ 4 ตัว ด้านหน้า, ด้านข้าง, ด้านหลังบ้าน  และในตัวบ้านชั้น 1 ด้วย

ประตูรีโมททำเป็นรางโค้งพับเก็บได้ตรงผนังกั้นระหว่างยูนิต  ประหยัดที่ดีครับ

ที่ระเบียงชั้น 2 ทำเป็นกระบะปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่

ราวระเบียงเป็นกระจกลามิเนต  ราวจับเป็นอะลูมิเนียมครับ  ดีเทลก็สวยดีนะ

มือจับบานประตูตรงโถงบันได  ผิวหน้าบานปิดลามิเนต

อันนี้เป็นประตูทางขึ้นบันไดครับ

ลิฟต์มีให้ทุกยูนิต  วิ่งตั้งแต่ชั้น 1-4

สวิตซ์ไฟดูดี  ติดสัญญาณกันขโมยของ Secom ให้

ตัวแผงควบคุมวงจรไฟฟ้าจะอยู่ใต้บันได

ไฟดาวน์ไลท์ที่ได้จะเป็นกล่องยึดกับท้องพื้นคอนกรีตชั้นบน

เดินงานระบบเอาไว้ให้ครับ

พื้นชั้น 2-4 ก็จะเป็นคอนกรีตขัดหยาบ  เตรียมผิวไว้สำหรับปูพื้นเอง

บันไดขึ้นชั้น 2, 3 จะปูกระเบื้องให้  แต่พื้นตรงส่วนที่ต่อกับแต่ละชั้นจะเตรียมเป็นพื้นคอนกรีตขัดหยาบเช่นกัน  เวลาทำ finishing แล้วผิวก็จะเรียบเสมอกันค่ะ

ส่วนที่เป็น Pantry เดินท่อน้ำดีเตรียมเอาไว้ให้

พื้นชั้น 5 เป็น Engineering Wood ผิวสัมผัสโอเคดี  แต่ไม่ได้ปิดบัวพื้นมาให้นะครับ  ถ้าทำ Built-in เสร็จแล้วก็ต้องปิดซะหน่อย

บันไดในส่วนชั้นสำนักงาน ด้านล่างจะปูกระเบื้อง

ชั้นส่วนพักอาศัยด้านบนจะเป็นไม้เนื้อแข็ง

ส่วนราวจับบันไดจะเป็นไม้เนื้อแข็ง แต่งผิว ทำสี ตลอดทุกชั้นเลย  ลูกกรงกันตกเป็นเหล็กซี่ๆ

ตรงชานพักบันไดทุกชั้นจะมีหน้าต่างด้านหลังให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้นะครับ  โถงจะได้ไม่มืดไป  แต่ก็ติดไฟไว้เผื่อให้ด้วย

มีระบบสัญญาณ Fire Alarm อยู่ใกล้ทางออกบันไดหนีไฟด้านหลัง

ปิดท้ายกันด้วยบันไดหนีไฟด้านหลัง เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินครับ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

เมื่อช่วงประมาณไตรมาส 3 ปี 2559 ที่โครงการเปิดตัว  ราคาของ The Element พระราม 9 อยู่ที่ 22.9 ล้านบาท นะครับ  ปัจจุบันตอนที่ผมแวะเข้าไปรีวิว (มีนาคม 2561) ราคาก็ปรับขึ้นตามเวลา  อยู่ที่ 26.9 ล้านบาท ต่อยูนิต ถือว่ามีการเติบโตของราคามากทีเดียว  ซึ่งปกติราคานี้ถ้าเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดียวผมว่าแพงอยู่  แต่พอมันเป็นโฮมออฟฟิศ  โมเดลความคุ้มค่ามันเลยคิดแบบบ้านที่อยู่อาศัยไม่ได้ครับ  ก็ต้องคิดถึงผลตอบแทนในรูปแบบของ return on investment ในแต่ละธุรกิจเข้ามาด้วย  ซึ่งสำหรับธุรกิจที่จะซื้อโฮมออฟฟิศประมาณนี้ได้  ก็น่าจะต้องเป็นธุรกิจระดับ Size M ขึ้นไปหล่ะครับ

ราคา ณ วันที่  1 มีนาคม 2561 

ตัวอย่างราคา :

• โฮมออฟฟิศ สูง 5 ชั้น พื้นที่ 450 ตร.ม. แปลงมาตรฐาน 57 ตร.วา (A1) ราคาเริ่มต้น  26.9  ล้านบาท

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

เงินจอง 200,000 บาท เงินทำสัญญา 1,500,000 บาท

• ผ่อนดาวน์

สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (เมษายน 2561)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน

ค่าจดจำนอง

ค่าธรรมเนียมโอน (ผู้ซื้อ 1%, ผู้ขาย 1%)

ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า, ประปา

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  80% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

แบบมาตรฐาน  ที่ดิน 57 ตร.วา ราคา 26.9 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 135,288  บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  80% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

แบบมาตรฐาน  ที่ดิน 57 ตร.วา ราคา 26.9 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 144,521  บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  80% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

แบบมาตรฐาน  ที่ดิน 57 ตร.วา ราคา 26.9 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 159,582  บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  80% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

แบบมาตรฐาน  ที่ดิน 57 ตร.วา ราคา 26.9 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 186,452  บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  80% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

แบบมาตรฐาน  ที่ดิน 57 ตร.วา ราคา 26.9 ล้านบาท ผ่อนประมาณ 243,038  บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดที่เข้าถึงได้จากเส้นหลัก 2 เส้น คือ พระราม 9 และรามคำแหง  รวมถึงมีเส้นรองอีกสายคือถนนศรีนครินทร์  ทำเลตรงนี้ค่อนข้างเป็นลักษณะของที่พักอาศัย ปะปนไปกับกิจการบริษัท ห้างร้าน  และกิจการต่างๆ  ที่ไม่จำเป็นต้องการ exposure ดีมาก  และไม่ได้จำเป็นต้องการโลเคชั่นในเมือง แต่ต้องการ logistic ที่ดี  เพราะเชื่อมต่อกับทางมอเตอร์เวย์ได้

ตลาดสำนักงานในโซนนี้เลยมักจะเกิดอาคารสำนักงานขนาดเล็กและขนาดกลาง  รวมถึงสำนักงานที่ดัดแปลงจากบ้านพักอาศัยอยู่พอสมควร  ไม่ได้เห็น Office Building ในสเกลใหญ่ๆ มากนัก  การเติบโตคงไม่ได้หวือหวาแบบก้าวกระโดด  เป็นแบบเรื่อยๆ  เพราะปัจจัยภายนอกต่างๆ ค่อนข้าง settle ตัวในระดับนึง  และมีภาพค่อนข้างชัดแล้ว

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

The Element พระราม 9 ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น  รูปทรงเป็นกล่องสี่เหลี่ยม  หน้าตาภายนอกเลือกใช้วัสดุได้ค่อนข้างหลากหลาย  และคุมโทนสี และ mood & tone ได้ดีครับ  ใช้วัสดุพวกแผงอะลูมิเนียม, กระจก, เหล็ก, ไม้เทียม มาอยู่ด้วยกันได้ดี จุดเด่นคือการมีต้นไม้ใหญ่อยู่ที่ชั้น 2 ของตัวโฮมออฟฟิศ  รวมถึงมีสเปซระเบียงด้านนอกค่อนข้างใหญ่  และออกมาใช้งานได้ด้วย

การวางแปลน The Element พระราม 9 จัดโดยวางฟังก์ชั่นซัพพอร์ทต่างๆ เอาไว้ฝั่งหนึ่ง (เช่น ห้องน้ำ, ลิฟต์, บันได) ทำให้สเปซของส่วนออฟฟิศนั้นเป็น Open Plan ที่สามารถจัดฟังก์ชั่นได้ค่อนข้างยืดหยุ่นตามรูปแบบของออฟฟิศแต่ละที่  จุดสำคัญจุดหนึ่งที่ที่ดินโครงการนี้เจอก็คือการที่เกือบทุกยูนิตจะต้องหันหน้าทางทิศตะวันตก  ผู้ออกแบบเลยใช้แผงอะลูมิเนียมบานเฟี้ยมที่เปิด-ปิด ได้มาช่วยกรองแสงได้  รวมถึงช่วยในเรื่องของความเป็นส่วนตัวจากบ้านข้างเคียงได้เยอะทีเดียว  ตรงนี้ก็ถือว่าแก้ปัญหาได้ดีอยู่ครับ  ออกมาใช้งานได้

วัสดุภายนอก The Element พระราม 9 นั้นเล่าไปแล้วเกี่ยวกับการใช้แผงอะลูมิเนียม, กระจก, เหล็ก, ไม้เทียม  ซึ่งก็ทำออกมาสวยดี  ส่วนวัสดุภายในโดยรวมของโครงการส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่การเตรียมพื้นที่แบบ bare shell และเดินงานระบบทิ้งไว้ให้  เลยไม่ได้มีตกแต่งอะไรเยอะ  เพราะฉะนั้นวัสดุภายในกับราคาที่จ่ายเลยไม่ใช่ปัจจัยอะไรที่จะเอามาเทียบกันนะครับ  ส่วนของห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ของ Kohler  พื้นชั้น 5 ส่วนพักอาศัยจะได้พื้น Engineering Wood  ลิฟต์ทุกยูนิตเป็นของ Mitsubishi ครับ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนั้นไม่มีนะครับ  ด้านหน้าใช้ถนนสาธารณะเป็นหลัก  แต่ก็มี รปภ. ดูแลให้ 24 ชั่วโมง  ค่าส่วนกลางที่ 70 บาท/ตร.วา เลยจัดว่าสูงอยู่  แต่นั่นก็เป็นเพราะว่ามีจำนวนแค่ 27 ยูนิต นั่นเอง ตัวหารน้อย  เฉลี่ยต่อพื้นที่ก็เลยเยอะเป็นธรรมดา

สำหรับความคุ้มค่าของโครงการนั้น  โดยปกติถ้าจะซื้อโครงการเพื่อทำเป็นออฟฟิศ  ก็คงต้องไปมองที่ Return on Investment เมื่อเทียบกับราคาและ Cash Flow ของโมเดลแต่ละธุรกิจที่ทำอยู่ครับ  ซึ่งตอบได้ยากมาก  เพราะแต่ละคน แต่ละธุรกิจก็แตกต่างกันมากทีเดียว  บางธุรกิจต้องการสเปซมาก  บางธุรกิจต้องการการเดินทางที่สะดวก  บางธุรกิจต้องการภาพลักษณ์  บางธุรกิจต้องการ Exposure สูง  …. อันนี้ก็แล้วแต่จะดูว่าโครงการนี้เหมาะสมกับคุณหรือเปล่า  หวังว่าข้อมูลที่เรารีวิวไว้อย่างละเอียดจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจได้นะครับ

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ