บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท แสนสิริ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยผลการดำเนินธุรกิจปี 2561 โดยภาพรวมการลงทุนตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในรูปแบบการลงทุนโดยตรงในสตาร์ทอัพ การลงทุนผ่านกองทุน และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 300 ล้านบาท นับเป็นบันไดก้าวสำคัญในการต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมและ PropTech ใหม่ๆ ในประเทศไทย

สิริ เวนเจอร์ส ได้เริ่มนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมของสตาร์ทอัพรายต่างๆ ที่ได้เข้าลงทุน นำร่องใช้กับโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ อาทิ

• Semtive สตาร์ทอัพที่อยู่ระหว่างพัฒนากังหันลมพลังงานไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย
• การนำนวัตกรรมของ Astralink สตาร์ทอัพด้าน Construction Tech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีแอพพลิเคชันสำหรับตรวจสอบงานก่อสร้าง 3 มิติแบบเรียลไทม์ มาควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบใช้งานในหลายโครงการของแสนสิริ
• การเตรียมเปิดตัว แสนสิริ โฮม เซอร์วิส แอพพลิเคชัน  แอพพลิเคชันที่สามารถโต้ตอบได้ทันที ด้วย AI แบบ Human-like เต็มรูปแบบ ซึ่งพัฒนาโดย Onion Shack สตาร์ทอัพผู้พัฒนาการสนทนาด้วยเสียงผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AppySphere สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบ Home Automation
• Farmshelf สตาร์ทอัพด้าน Living Tech จากสหรัฐอเมริกา พัฒนาการปลูกผักอัจฉริยะภายในที่พักอาศัย
• การนำ e-Scooter จาก Neuron สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์มาทดลองใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก

บริษัท สิริ เวนเจอร์ส ยังช่วยส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) ให้เติบโตขึ้นด้วยการจับมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีในไทยและระดับโลกรวม 12 ราย นอกจากนี้ SIRI VENTURES ยังมีพันธมิตรทั้งที่เป็น Accelerator มหาวิทยาลัย และองค์กรรัฐ ที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของสตาร์ทอัพอีก รวมถึงการร่วมจัดงานต่างๆที่สนับสนุนองค์ความรู้ให้แก่คนในอีโคซิสเท็ม อาทิ Techsauce Global Summit 2018, Startup Thailand 2018 หรือ การพาสตาร์ทอัพไทยไปสู่เวทีสตาร์ทอัพระดับโลกอย่าง ซิลิคอน วัลเลย์ และงานแฮกกาธอน

สิริ เวนเจอร์ส ยังได้ร่วมมือกับ Startup Platform ระดับโลก อาทิ “Plug and Play” จากซิลิคอน วัลเล่ย์ส สหรัฐอเมริกา และ “SOSA” จากอิสราเอล ซึ่งเป็นเครือข่ายของสตาร์ทอัพเกือบหมื่นรายทั่วโลก รวมถึงความร่วมมือกับ “China Renaissance” ในการลงทุนในกองทุน “Hua Xing” กองทุนใหญ่ในประเทศจีนที่มีเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นในเครือกว่า 20 สตาร์ทอัพ ที่จะช่วยเชื่อมโยง สิริ เวนเจอร์ส ให้พบกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยในประเทศจีนได้รวดเร็วมากขึ้น

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี SIRI VENTURES ยังได้เข้าลงทุน Fifth Wall กองทุนใหญ่สัญชาติอเมริกาที่มุ่งลงทุนในเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งจะช่วย สิริ เวนเจอร์ส ให้สามารถค้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยได้กว้างขวาง และรวดเร็วขึ้น รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในอีก 2 สตาร์ทอัพ ได้แก่ การเข้าถือหุ้นใน Techmetics ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพหนึ่งในสองผู้พัฒนาหุ่นยนต์ให้บริการ (Deliverly Robot) ในโลกจากประเทศสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมาแสนสิริได้นำ “แสนดี” เข้ามาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรก ในโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า  นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนใน Neuron สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ผู้พัฒนา e-Scooter เพื่อนำมาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นครั้งแรกด้วย โดยปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการทดลองใช้ที่ฮาบิโตะ ใน T77 และโครงการภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด ที่เชียงใหม่

SIRI VENTURES เตรียมลงทุนในมูลค่ารวม 600 ล้านบาท ในปี 2562 โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่ลงทุนไปแล้วมาต่อยอด เช่น การพัฒนายกระดับ แสนดี หุ่นยนต์ให้บริการของแสนสิริที่จะสามารถให้บริการได้มากกว่าการช่วยส่งพัสดุ, การลงทุนใหม่ในสตาร์ทอัพและ Venture Capital ที่จะขยับสเกลการลงทุนในสตาร์ทอัพในระดับซีรี่ส์เอขึ้นไป, การสนับสนุนระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ ซึ่งจะเริ่มขยายตลาดการสนับสนุนสตาร์ทอัพ และเทคโนโลยีสู่ระดับเอเชียมากขึ้น และการวิจัยและพัฒนา (Lab & Development) จะยังคงพัฒนางานวิจัยร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้ง 4 ด้านภายใต้แผนการดำเนินงานของ สิริ เวนเจอร์ส ในปี 2562 จะครอบคลุมความต้องการของลูกค้าแสนสิริได้ในทุกด้าน รวมถึงยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยผ่านการสร้างระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาด้าน PropTech และ Living Tech ที่ยั่งยืน