สวัสดีค่า รีวิวคราวนี้เราจะพามาชมโครงการสร้างเสร็จแล้วอย่างคอนโด ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin Interchange) เป็นคอนโด Mid Rise สูง 14 ชั้นติดกับถนนพหลโยธิน ใกล้จุดตัดระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ เพียง 250 เมตรเท่านั้น โดยคอนโด KnightsBridge พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.99 ล้านบาท (สิงหาคม 2562) กับขนาดห้องเริ่มต้น 28 ตารางเมตรถือว่าเฉลี่ยออกมาแล้วอยู่ในช่วงที่รับได้ เหมาะสำหรับคนวัยทำงานที่ต้องการขยับที่อยู่อาศัยเข้ามาในเมืองอีกนิด เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะค่ะ
รีวิวคอนโด ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin Interchange) คอนโดพร้อมอยู่ ติดถนนพหลโยธิน ใกล้จุดตัดรถไฟฟ้าสายสีเขียวและชมพูเพียง 250 เมตร
· 26 min readKnightsBridge Phaholyothin Interchange
( ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ )
- เจ้าของโครงการ >>> Origin Property Public Company Limited
- ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพ
- ขนาดที่ดิน >>> 5 – 1 – 32 ไร่ (โดยประมาณ)
- จำนวนอาคาร >>> 1 อาคาร
- จำนวนชั้น >>> 14 ชั้น
- จำนวนยูนิต >>> 726 ยูนิต + 3 ร้านค้า
- ประเภทห้อง >>>
- 1 Bedroom Superior ขนาด 23.30 – 23.80 ตารางเมตร
- 1 Bedroom Duplex ขนาด 28.40 – 31.70 ตารางเมตร
- 2 Bedroom Plus ขนาด 33.30 – 38.80 ตารางเมตร
- 2 Bedroom Suite ขนาด 48.60 – 51.20 ตารางเมตร
- ที่จอดรถ >>> โดยประมาณ 53% (รวมจอดซ้อนคัน)
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.99 ล้านบาท (ได้ห้องแบบ Fully-Fitted)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ย 110,000-130,000 บาท/ตร.ม. (ณ เดือนสิงหาคม 2562)
- พิกัดที่ตั้งคอนโด >>> 13.878990, 100.598472
- เว็บไซต์โครงการ >>> KnightsBridge Phaholyothin Interchange
- โทร >>> 061-401-8000
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางไปยัง KnightsBridge พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ สามารถเข้าถึงได้จากถนนหลายเส้นทั้งถนนพหลโยธิน, ถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทราค่ะ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพาเริ่มต้นกันที่ถนนพหลโยธินช่วงก่อนถึงวัดพระศรีมหาธาตุ ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับวงเวียนหลักสี่ให้ออกทางออกที่ 2 แล้วตรงมาอีก 250 เมตรจะเจอกับที่ตั้งโครงการทางด้านซ้ายมือเลย
เรามาเริ่มต้นกันบนถนนพหลโยธินมุ่งหน้าสะพานใหม่ช่วงก่อนถึงวัดพระศรีฯ กันค่ะ
ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเจอทางลอดอุโมง ไม่ต้องลงไปนะคะให้มาเลนข้างๆ เดี๋ยวเราจะไปวนวงเวียนกัน
พอมาถึงวงเวียนหลักสี่ให้พยายามอยู่เลนตรงกลางไว้ค่ะ เพราะเราจะออกกันตรงทางออกที่ 2
บริเวณทางออกที่สองจะมีสะพานลอยและจุดก่อสร้างสถานี Interchange ให้ขับไปตามทางสีส้มเลย
ออกจากวงเวียนหลักสี่มาแล้วตรงมา 250 เมตรจะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ
มาดูตำแหน่งรอบๆ ตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
มาดูกันที่แผนที่กว้างๆ กันหน่อยจะเห็นได้ว่าที่ตั้งโครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange ตั้งอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างสะดวกสบายในการเดินทางและยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อยู่รายรอบครบครันโดยที่ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็น Tesco Lotus ขนาดใหญ่สามารถเดินข้ามสะพานลอยที่อยู่เลยโครงการไปนิดนึงถึงเลยค่ะ เหนือโลตัสขึ้นไปหน่อยจะเป็น โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล และ บิ๊กซี สะพานใหม่ อยู่แถวๆ จุดตัดกับเส้นถนนเทพรักษ์ ส่วนทางด้านถนนเส้นรามอินทรามี มหาวิทยาลัยเกริก และ เซ็นทรัล รามอินทรา ตั้งอยู่ห่างจากโครงการไม่เกิน 2 กิโลเมตรแค่นั้นเอง จากถนนรามอินทราข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะซึ่งห่างจากโครงการไปเล็กน้อยจะเจอกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ขยับออกไปอีกหน่อยจะเป็น ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ขับรถชิลล์ๆ ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึง ใกล้กันเป็น IT Square ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ถนนวิภาวดีรังสิตค่ะ และแน่นอนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ สนามบินดอนเมือง สนามบินทั้งในและต่างประเทศชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทยใกล้มากขับรถแป๊ปเดียวถึงโครงการเลยค่ะ
ทีนี้ลองมาซูมดูใกล้ๆ กันบ้าง โครงการ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ใกล้กับวงเวียนหลักสี่สะดวกต่อการเดินทางอย่างมาก รายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการอย่าง กรมทหารขนส่ง, สถานีตำรวจบางเขน และ สนง.เขต บางเขน เยื้องจากโครงการไปหน่อยจะเป็น ห้างโลตัส หลักสี่ ขนาดใหญ่มีของให้เลือกมากมายค่ะ ในด้านสถานศึกษาก็ไม่น้อยหน้ามีมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ๆ ถึง 2 แห่งด้วยกันอย่าง มหาวิทยาลัยเกริก และ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ส่วนจุดเด่นสำคัญเลยคือรถไฟฟ้าที่ห่างจากโครงการไปเพียง 250 เมตรจะเป็นบริเวณของสถานี Interchange กันระหว่าง รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีฯ และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ สามารถเชื่อมต่อเข้า-ออกเมืองได้อย่างง่ายดาย โดยคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 ค่ะ
หันหน้าเข้าโครงการมองไปทางซ้ายจะเห็นรถไฟฟ้าตรงช่วง Interchange กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
ส่วนฝั่งขวาตอนนี้เป็นที่ดินเปล่าคาดว่าในอนาคตจะเป็นโรงแรม
ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นโลตัส หลักสี่ หาของกินสะดวกมาก
มากันที่ ถนนพหลโยธิน กันบ้าง มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรใกล้ๆ เราบ้างนะ
วัดพระศรีมหาธาตุ วัดขนาดใหญ่ในย่านนี้เชื่อว่าทุกคนที่เคยขับรถผ่านจะต้องเห็นเจดีย์สีขาวในวัดนี้แน่นอนค่ะ
บริเวณวงเวียนหลักสี่เป็นที่ตั้งของสถานีตำรวจบางเขนค่ะ
เยื้องๆ โครงการเป็น โลตัส หลักสี่ ห้างค้าปลีกชื่อดังมีของให้เลือกจับจ่ายมากมาย
ไม่ไกลมี โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล โรงพยาบาลเอกชนพร้อมด้วยอุปกรณ์การแพทย์ครบครันให้บริการ
ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัลเป็นห้างบิ๊กซี สะพานใหม่ ใครเบื่อโลตัสตรงข้ามโครงการมาเดินบิ๊กซีได้นะ
ตลาดยิ่งเจริญ มีทั้งอาหารสำเร็จรูปและของสดให้เลือกซื้อในราคาน่าคบหาค่ะ
จากถนนพหลโยธินแล้วเรามาต่อที่ ถนนแจ้งวัฒนะ ค่ะ
แน่นอนว่ามาถนนแจ้งวัฒนะจะไม่มี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ได้ยังไง เป็นจุดรวมหน่วยงานราชการต่างๆ มากมายไว้ในที่เดียว สะดวกและง่ายต่อการติดต่อค่ะ
ใกล้ๆ กับจุดตัดกับถนนวิภาวดีเป็น IT Square ห้างเน้นไปทางด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เทคโนโลยีต่างๆ ใครชอบด้านไอทีไปที่นี่เลย
ใกล้ๆ กับวงเวียนหลักสี่เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ข้างในเป็นมหาวิทยาลัยขนาดค่อนข้างใหญ่ มีหลากหลายสาขาให้เรียน
และถนนสุดท้ายที่เราจะพามาดูกันวันนี้คือ ถนนรามอินทรา ค่ะ
มหาวิทยาลัยเกริก มหาวิทยาลัยเอกชนที่ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณต้นๆ ถนนรามอินทราเลยค่ะ
เลยมาหน่อยจะเจอกับ เซ็นทรัล รามอินทรา ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในย่านนี้ ที่รวมของทุกสิ่งอย่างมาไว้ในที่เดียว
เปิดประตู ไปดูในโครงการ
หลังจากที่พาไปวนดูรอบๆ โครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange กันมาจนหนำใจแล้วจะเห็นได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการมีครบถ้วนทุกความต้องการจริงๆ ค่ะ
มาต่อกันที่ตัวโครงการกัน อาคารเป็นแบบ Modern Style ทาสีอาคารด้วยสีโทนเข้มอย่างเทาเข้มกับกรอบหน้าต่างและราวกันตกอลูมิเนียมสีดำ แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้สีเส้นสายของอาคารเป็นสีเทาอ่อนให้อาคารไม่มืดจนรู้สึก Dark จนเกินไปค่ะ ทำออกมาได้ดี ตึกจริงค่อนข้างสวย ทันสมัยเลยทีเดียว
ด้านบนดาดฟ้ามีสะพานเชื่อม 2 ทาวเวอร์เข้าด้วยกันหรือที่ทางโครงการเรียกว่า The Excited Sky Bridge
ทางเข้าลานจอดรถทางโครงการได้ติดตั้งไม้กั้นและตัวสแกนบัตรเข้าออกโครงการไว้ค่ะ
ภายในลานจอดรถใต้ตึกมีขนาดค่อนข้างกว้างและยังกันแดดกันฝนให้กับรถและตัวลูกบ้านเองเมื่อเดินเข้าตึกที่พักอาศัยด้วยนะ
กลับมากันที่จุดทางเข้าด้านหน้าโครงการกันค่ะ ตัว Drop off หลังคายื่นออกป้องกันแดดและฝนเวลาจอดส่ง-รับคน และที่ชอบอีกแบบคือแม้จะมีหลังคาคลุมให้แต่ก็ยังให้ความทันสมัย เข้ากับภาพรวมตัวตึกทั้งหมดได้ดีค่ะ
เข้ามาภายในจะเจอกับเคาน์เตอร์ต้อนรับตกแต่งด้วยสีทองและลวดลายหินอ่อน ดูดีมีราคา พร้อมกับเพดานแบบ Double Volume สูงโปร่งรับกันได้ดีมาก
โลโก้โครงการก็เป็นสีทองเช่นเดียวกัน
อีกทางด้านหนึ่งของ Grand Lobby เป็นฝ้าเพดานแบบ Double Volume เช่นเดียวกัน จัดชุดเก้าอี้และโซฟาไว้รองรับลูกบ้านหลายเซ็ตเลยค่ะ
สามารถมานั่งเล่น นั่งคุยงานได้สบายๆ
ส่วนบริเวณที่จะเข้าส่วนของ Residential Area ได้ติดตั้งเป็นระบบ Key Card Access เพิ่มความปลอดภัยอีกระดับนึงให้กับลูกบ้าน
EXTERIOR
คอนโด ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ภายในประกอบไปด้วย 1 อาคารแต่แบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ A และ B วางอาคารเป็นรูปตัว L หันด้านสั้นไปทางถนนพหลโยธิน สูง 14 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นตามสมัยนิยมค่ะ
อาคารทาสีคุมโทนเข้มด้วยสีเทาเข้มเสริมการคุมโทนด้วยการเลือกใช้ราวกันตกและกรอบหน้าต่างเป็นสีดำ เล่นลวดลายเส้นสายขอบต่างๆ ด้วยสีเทาอ่อนเพิ่มมิติให้กับตึกได้ดี ชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าทางโครงการได้ทำสะพานเชื่อมทั้ง 2 ทาวเวอร์เข้าด้วยกันเกิดเป็นพื้นที่พักผ่อนและชมวิวที่ทั้งตึก A และ B สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมดค่ะ
ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง
ที่ดินของโครงการ KnightsBridge พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่เลยวงเวียนหลักสี่มาเล็กน้อยรูปร่างเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางด้านหน้าส่วนด้านหลังมีส่วนหยักเข้าออกเล็กน้อยวางอาคารแยกเป็น 2 Towers บนโพเดียมเดียวกัน
โดยที่ Tower A จะอยู่ทางด้านหน้ามีลักษณะเป็นตัว L วางตัวด้านยาวตามทิศเหนือใต้ ส่งผลให้ห้องส่วนใหญ่ของทาวเวอร์นี้หันหน้าทิศเหนือและทิศใต้ค่ะ
ส่วนทางด้าน Tower B ทางโครงการวางแปลนอาคารเป็นรูปตัว U กลับหัว ซึ่งห้องในทาวเวอร์นี้มีอยู่ 2 ประเภทคือฝั่งที่หันหน้าเข้าส่วนกลางของโครงการและฝั่งที่หันหน้าไปรอบนอกโครงการ ฝั่งที่หันหน้าออกนอกโครงการข้อดีคือจะได้รับวิวความเจริญของเมืองค่ะ แต่อาจจะต้องแลกมาด้วยแดดยามบ่าย เนื่องจากห้องส่วนใหญ่ของทาวเวอร์นี้หันหน้าทางทิศตะวันตกค่ะ
มาดูกันต่อเรื่องของวิวและทิศต่างๆ รอบโครงการกันบ้างค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับที่ดินหลายแปลงมีทั้งที่ดินรอการพัฒนาที่คาดว่าในอนาคตจะก่อสร้างขึ้นเป็นโรงแรม อาคารบ้านเรือนเก่าสูง 1-2 ชั้นและอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับอาคารสูง 15 ชั้น แต่ยังมีระยะห่างอยู่บ้าง ทำให้ไม่อึดอัดค่ะ
- ทิศตะวันออก ติดกับถนนพหลโยธิน
- ทิศตะวันตก ติดกับพื้นที่ว่างเปล่าค่ะ
แต่เนื่องด้วยเป็นโครงการสร้างเสร็จแล้วทางลูกค้าที่กำลังจะซื้อคงไม่ต้องมานั่งจินตนาการเอาเองว่าทิศไหนเหมาะกับเราค่ะ แนะนำว่าให้เข้าชมตำแหน่งของห้องที่สนใจจะซื้อจริงๆ ก่อนว่าโอเคกับวิวที่ได้รับไหมก่อนซื้อนะคะ
มาดูเรื่องของ ทิศแดด กันบ้างค่ะ สำหรับสาย Play safe ทิศหลักๆ ที่ให้เลือกคือ ทิศเหนือ ที่มีให้เลือกทั้ง Tower A และ B ค่ะ แต่อีกทิศที่อยากจะแนะนำคือ ฝั่งที่หันหน้าเข้าส่วนกลาง ของโครงการ เนื่องด้วยตึก B เป็นรูปร่างแบบตัวยูกลับหัวทำให้ปีกแต่ละข้างของตึกจะบังแดดให้กันทั้งในตอนเช้าและตอนบ่าย เหมาะกับคนที่อยู่ห้องกลางวันเยอะๆ หรือชอบห้องที่ไม่โดนแดดมากเท่าไหร่ค่ะ
FLOOR PLAN
มาต่อกันที่แปลนของโครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange จะเป็นแบบทางเข้าออกเดียว โดยสามารถเข้าออกได้จากถนนพหลโยธินได้โดยตรงเลยค่ะ ทางเข้าจะวิ่งตาม ลูกศรสีแดง และทางออกจะวิ่งตาม ลูกศรสีเหลือง ค่ะ มีที่จอดรถให้เลือกทั้งภายในตึกจอดรถใต้ดินและที่จอดรถรอบๆ โครงการ ทางเดินรถภายในโครงการออกแบบบังคับให้วนไปตามเข็มนาฬิกาทำให้เส้นทางไม่ Cross กันค่ะ
แปลนอาคารชั้น 1 ที่ Tower A จะมี Grand Lobby, Co-Working Space, 3 ร้านค้า, ห้องประชุม อยู่ภายในค่ะ ส่วน Tower B จะมี Private Lobby พร้อมโซนที่นั่งเล่นรองรับเชื่อมต่อกับที่จอดรถใต้อาคารค่ะ ค่อนไปทางด้านหลังตึก Tower A เป็นสนามเด็กเล่นที่ทางโครงการออกแบบด้วยพื้นยางรับแรงกระแทกป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ในระดับนึง
ส่วนห้องพักอาศัยของ Tower A จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 เป็นต้นไป โดยที่ชั้น 3 จะมีห้องให้เลือกอยู่เพียง 2 ขนาดเท่านั้นคือขนาด 1 ห้องนอน 23.3 ตารางเมตร และแบบ 1 ห้องนอนขนาด 28.2 ตารางเมตรค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 4 ที่ชั้นนี้จะเป็นทั้งส่วนของห้องพักอาศัยและส่วนของFacilities ต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ, ลานทำกิจกรรม outdoor, Lounge ที่ภายในมีทั้งโต๊ะพูล โซนนั่งเล่น Bean Bag, โซนห้องนั่งทำงาน, โซนนั่งเล่นพักผ่อน จัดไว้อยู่ทั่วทั้งห้องรองรับลูกบ้านได้หลายสิบคนในเวลาเดียวกัน ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเห็นได้ว่า Tower B เริ่มที่ชั้น 4 เป็นชั้นแรกค่ะ มาพร้อมกับห้องพักทุกแบบและทุกขนาดในโครงการให้เลือกเลย
ส่วนชั้น 5 จะเห็นได้ว่ามี Facilities บางส่วนที่เชื่อมต่อกับชั้น 4 คือห้องออกกำลังกายและห้องโยคะค่ะ
FACILITIES
โครงการ KnightsBridge พหลโยธิน Interchange เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จัด Facilities จัดเต็มให้กับลูกบ้านถึง 30 อย่างตามคอนเซ็ป 30 Days 30 Facilities ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมไลฟ์สไตล์ของทุกคน’ ประกอบไปด้วย Grand Lobby, Business Room, Co-Working Space, Private Lobby, 3 Daily Shops, Rolling Hill Garden, Pocket Garden, Playground, Game Pool, Laundry, Coin Operated Vending Machine, Private Nook, Sunken Lounge, Bean Bag Zone, Sun Bed, 35 m. L-Shape Swimming Pool, Curve Jacuzzi, Reflecting Pond, Multi-Purpose Lawn, Secret Garden, Semi-Outdoor Terrace, Yoga Room, Fit Club, The Excited Sky Bridge, Sky Lounge, Sky Sunset Party, Sky Rolling Garden, Sky BBQ Area, Sky Social Deck และ 360 Viewpoint ค่ะ เยอะมาก ใช้ 30 วันหมุนๆ ไปไม่มีเบื่อแน่นอน (แค่เขียนหมดนี่ยังเหนื่อย 5555)
ภายในโครงการจะมี Lobby อยู่ด้วยกัน 2 แห่งด้วยกัน โดยที่โถงต้อนรับแรกจะเรียกว่า Grand Lobby ออกแบบฝ้าเพดานแบบ Double Volume ตกแต่งโทนสว่างด้วยสีขาว ครีม และลายหินอ่อนตัดกับสีทองให้ความรู้สึกหรูหรา เหมาะกับการเป็นหน้าเป็นตาให้กับโครงการได้ดีทีเดียว
ด้านในสุดของล็อบบี้จะเป็นห้องประชุม ที่ลูกบ้านสามารถเข้ามาใช้งาน ประชุมงานได้ตลอดเวลาค่ะ
พื้นที่อีกส่วนของล็อบบี้จะเป็น Co-Working Space จะบอกว่า Co-Working Space ที่นี่ใหญ่มาก แทบจะเรียกได้ว่าใหญ่อันดับต้นๆ ของคอนโดที่เราเคยไปมาเลยค่ะ ทางโครงการได้จัดชุดเก้าอี้และโซฟาไว้รองรับลูกบ้านหลากหลายรูปแบบ เลือกใช้กันได้ตามสบาย
พื้นที่ของ Co-Working Space อีกด้านจัดเป็นโซฟาขนาดใหญ่ทอดตัวยาวขนานกับหน้าต่างเลย พร้อมกับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ในอนาคตทางโครงการจะจัดเก้าอี้มาไว้ให้ลูกบ้านใช้งานค่ะ
ส่วนนี่จะเป็นอีก Lobby หนึ่งชื่อว่า Private Lobby ก็ตามชื่อเลยจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเนื่องจากอยู่เข้ามาด้านในของโครงการมากกว่า รองรับการใช้งานของลูกบ้านโดยเฉพาะ
มีพื้นที่นั่งเล่นให้พักผ่อน
และยังมีชุดเก้าอี้ที่เป็นลักษณะคล้ายคอกเข้าไป เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการคุยหรือทำงานมากยิ่งขึ้น
โถงลิฟต์ในแต่ละ Tower จะได้มาตึกละ 3 ตัวด้วยกัน โถงลิฟต์ที่นี่ตกแต่งดีนะคะ เรียบๆ แต่ดูหรูหรา มีดีเทล
ห้อง Mail Room ให้มาขนาดค่อนข้างกว้าง เข้าไปเอาจดหมายได้พร้อมๆ กันเป็นสิบคนยังไม่รู้สึกอึดอัด
และเราจะมาจบ Facilities ที่ชั้น 1 ด้วยสนามเด็กเล่นที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของโครงการกันค่ะ ออกแบบมาให้มีพื้นยางรองรับการกระแทกไว้ ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้ดีค่ะ
ขึ้นมากันที่ชั้น 4 โดยชั้นนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชั้น Main Facilities ของโครงการก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ สระว่ายน้ำแบบ Outdoor ทรง L-Shape ขนาด 35 เมตรตั้งอยู่กึ่งกลางอาคาร พร้อมเก้าอี้อาบแดดให้ลูกบ้านสามารถมานั่งชิลล์ พักผ่อนรับลมได้สบายๆ
และยังมี Jacuzzi ทรง Curve ติดตั้งไว้ให้ถึง 2 สระ
ด้านบนเป็นบริเวณที่ล้างตัว
ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำจะเป็นพื้นที่ที่ทางโครงการทำเป็นลานกว้างพร้อมบันไดเป็นขั้นให้ลูกบ้านประยุกต์ใช้ได้หลากหลายโอกาส
.
ในพื้นที่เดียวกันจะมีที่นั่งชิลล์ริมสระซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ลองเดินหากันดูนะคะ ได้มุมถ่ายรูปชิคๆ กลับไปแน่นอน
เข้ามาด้านในห้องแอร์กันบ้าง อย่างแรกที่เห็นเมื่อเข้ามาเลยคือ โต๊ะพูล มีอุปกรณ์การเล่นให้พร้อมเสร็จสรรพ
ขยับมาทางด้านขวามือหน่อยจะเห็นได้ว่า Lounge บนชั้น 4 เป็นห้องขนาดใหญ่ ทั้งยาวและสูงโปร่งมากทีเดียว จัดตกแต่งมุมต่างๆ ให้สามารถมานั่งเล่นได้ตามความต้องการ
ทั้งมุมที่มีความเป็นผู้ใหญ่ หรูหราหน่อย
หรือ Sunken Lounge สำหรับคนชอบความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น
หรือจะเป็น Bean Bag Zone ที่เหมาะกับเด็กๆ ที่สามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระบนเบาะนุ่มๆ ค่ะ
ที่ Lounge บริเวณชั้น 4 จะมีบันไดขึ้นไปที่ห้องต่างๆ ชั้น 5 ได้
เมื่อขึ้นบันไดมาเราจะพบกับห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ อัดแน่นไปด้วยเครื่องออกกำลังกายครบครัน
ด้านในสุดห้องออกกำลังกายเป็นห้องโยคะ ตกแต่งรอบห้องด้วยกระจกให้ผู้เล่นสามารถเช็คท่าทางได้ทุกมุม ชอบที่มองออกไปแล้วเห็นต้นไม้สีเขียวด้วยนี่แหละค่ะ
ทั้ง 2 ห้องนี้สามารถเทควิวสระว่างน้ำส่วนกลางได้เต็มๆ ดูร่มรื่นมาก
โดยที่ทางโครงการได้เตรียมห้องน้ำแยกชาย-หญิงไว้รองรับลูกบ้านสำหรับคนที่มาใช้ Facilities ในชั้นนี้ไว้ให้ด้วยนะคะ
ส่วน Facilities ตระกูล Sky ทั้งหลายอย่าง The Excited Sky Bridge, Sky Lounge, Sky Sunset Party, Sky Rolling Garden, Sky BBQ Area, Sky Social Deck และ 360 Viewpoint จะตั้งอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าค่ะ
ทางด้านที่จอดรถนั้นจอดได้ 53% รวมจอดรถซ้อนคันมีให้เลือกจอดได้ทั้งรอบตึกและในอาคารจอดรถ ส่วนลิฟต์ให้มาทาวเวอร์ละ 3 ตัวน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานค่ะ แต่ส่วนของ Tower B จะหนาแน่นมากกว่า เพราะมีจำนวนยูนิตเยอะกว่านั่นเอง ถ้าใครไม่ชอบรอลิฟต์นานก็เลือก Tower A ได้ค่ะ
แปลนห้องดีไหม?
แปลนห้องของโครงการ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี เน้นประโยชน์ใช้สอยภายในห้องให้ได้สูงสุด เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของแต่ละคน โดยที่มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 23.30 ตารางเมตรที่เหมาะมากกับการอยู่อาศัยคนเดียวจนถึงขนาด 38.80 ตารางเมตรที่สามารถอยู่อาศัย 2-3 คนได้สบายๆ ค่ะ
ภายในโครงการมีแปลนห้องให้เลือกอยู่ด้วยกัน 3 แบบ โดยที่ทุกแบบเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมดขนาดตั้งแต่ 23.30-38.80 ตารางเมตรค่ะ
-
1 ห้องนอน Superior ขนาด 23.30 ตารางเมตร
สำหรับห้องขนาด 23.30 ตารางเมตรจะได้ห้องมาในลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไปด้านในห้อง เน้นการใช้งานแบบให้คุ้มค่า ได้ฟังก์ชั่นที่ครบแม้จะไม่เหลือพื้นที่โล่งๆ มากนักค่ะ เข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวแบบปิดและห้องน้ำ เชื่อมต่อฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนเซอร์วิสได้ดีค่ะ ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Living Area ที่รวมพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนเข้าด้วยกันเพื่อความโปร่งของห้อง ทำให้ไม่อึดอัด สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานและชั้นวางทีวีได้สบายๆ ค่ะ
-
1 ห้องนอน Deluxe ขนาด 28.20 ตารางเมตร
มาดูกันที่ห้องขนาด 28.20 ตารางเมตรกันบ้าง โดยที่ห้องแบบนี้จะแยกสัดส่วนการใช้งานได้ดีกว่าแบบ 23.30 ตารางเมตร โดยเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขกสามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้พร้อมผนังฝั่งตรงข้ามที่สามารถ built-in ชั้นวางทีวีได้เต็มๆ ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารเหมาะสำหรับวางโต๊ะทานข้าวขนาด 1-2 คน ภายในห้องจะมีครัวแยกซึ่งครัวนี้จะอยู่ติดกับระเบียงของห้อง สะดวกแก่การระบายกลิ่นอาหารจากการทำครัวได้ดี ส่วนห้องน้ำตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องครัวแยกส่วนแห้งและเปียกไว้เรียบร้อย และยังแยกสัดส่วนของห้องนอนออกจากห้องรับแขกเพิ่มความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นเมื่อแขกมาเยี่ยมเยียนค่ะ
-
1 ห้องนอน Plus Suite ขนาด 38.80 ตารางเมตร
มาถึงห้องขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการกันบ้างคือ แบบ 1 ห้องนอน พลัส สวีท ขนาด 38.80 ตารางเมตร ภายในห้องจะได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้นโดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนคือพื้นที่ห้องรับแขกที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 ห้องแรกอยู่ประมาณนึงเลยทีเดียว สิ่งที่แตกต่างไปจากแบบ 1 ห้องนอนขนาด 28.20 ตารางเมตรคือ ห้องครัวภายในห้องจะเป็นแบบเปิดค่ะ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์มาเพิ่มอีก 1 ห้อง สามารถ convert เป็นห้องทำงานหรือห้องนอนเล็กได้สบายๆ
เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”
โครงการ KnightsBridge พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ มีห้องตัวอย่างให้ดูอยู่ 2 แบบด้วยกันค่ะ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน Deluxe ขนาด 28.20 ตารางเมตร และ แบบ 1 ห้องนอน Plus Suite ขนาด 38.80 ตารางเมตร มีความสูงของฝ้าอยู่ที่ 2.55 เมตร พื้นภายในห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนในห้องครัวและห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 40*40 เซนติเมตร และพื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30*30 เซนติเมตรค่ะ
ภายในห้องจะได้ห้องมาแบบ Fully-Fitted คือจะมีเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้บางส่วนอย่าง ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์และตู้เก็บของแบบแขวนในครัว เป็นต้น พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างเช่น เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด KnightsBridge Phaholyothin Interchange
แบบ 1 ห้องนอน Deluxe ขนาด 28.20 ตารางเมตร
มาเริ่มกันที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 28.20 ตารางเมตรกันค่ะ เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ห้องรับแขกทอดตัวยาวเชื่อมต่อกับห้องนอน
พื้นที่ห้องรับแขกมีขนาดพอประมาณ สามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้
พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นชั้นวางทีวี องศาและระยะสายตามองอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ ถ้าลูกบ้านคนไหนของเยอะตรงบริเวณพื้นที่ผนังที่เหลือสามารถ built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมได้
ลองมามองย้อนกลับไปทางด้านหน้าห้องกันบ้าง จะเห็นว่าพื้นที่ห้องรับแขกรองรับแขก 3-4 คนได้สบายๆ นั่งดูหนัง ดู Netflix ชิลล์เลย
นอกจากมีพื้นที่วางโซฟาขนาดใหญ่แล้ว ด้านข้างโซฟายังเหลือพื้นที่อยู่พอประมาณสามารถวางเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 1-2 ที่นั่งได้ค่ะ แต่ทางโครงการได้ตกแต่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือเพิ่มเติมก็ดูเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย
เดินต่อเข้ามาด้านในห้องอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่ห้องนอน ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งประตูกระจกกรอบอลูมิเนียมบานเลื่อนสีดำมาให้เรียบร้อย และพื้นที่วางเตียงภายในห้องมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ลงตัว แต่ถ้าใครชอบนอนเตียงใหญ่ๆ เตียงขนาด 6 ฟุตก็สามารถวางได้นะคะเพียงแต่พื้นที่เดินรอบเตียงก็จะลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน 2 บาน ภายในมีฟังก์ชั่นครบครันทั้งราวแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักเก็บของที่ทางโครงการได้ให้มาพร้อมกับห้องด้วย
ออกจากห้องนอนเรามาต่อกันที่ฝั่งตรงข้ามพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นตู้เก็บของและโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ตรงจุดนี้ทางโครงการก็ให้มาพร้อมกับห้องเช่นเดียวกัน
ซ้ายมือของโต๊ะเครื่องแป้งเป็นห้องครัวแบบปิดที่มีมาให้ทั้งเคาน์เตอร์และตู้เก็บของแบบแขวนผนังปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้มาให้ พร้อมช่องวางเครื่องซักผ้าค่ะ
Top ด้านบนเป็นลามิเนตผิวแบบ High Gross สีขาวทำให้ห้องครัวดูสว่างและสะอาด น่าใช้งาน
เตาไฟฟ้าขนาด 2 หัวยี่ห้อ Hefele ติดตั้งมาพร้อมกับเคาน์เตอร์ครัว
ด้านบนเป็นเครื่องดูดควันยี่ห้อเดียวกัน
และแน่นอนว่าทั้งอ่างล้างจานและก๊อกน้ำก็เป็นยี่ห้อนี้ด้วยเช่นกัน
ก๊อกน้ำตรงบริเวณหัวก๊อกยื่นออกมาใช้งานง่าย
ห้องครัวนั้นจะเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งทางโครงการได้ก่อธรณีขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำฝนจากด้านนอกไหลเข้ามาภายในห้องครัวค่ะ สูงพอประมาณ เวลาเดินข้ามอาจจะต้องยกเท้าขึ้นมาหน่อยค่ะ
พื้นที่ระเบียงให้มาพอประมาณ สามารถวางราวตากผ้าขนาดปานกลางหรือปลูกต้นไม้เล็กๆ ได้
ที่ระเบียงมีก๊อกน้ำติดตั้งมาให้ด้วย เผื่อในกรณีต้องการใช้น้ำก็สะดวกดีนะคะ ไม่ต้องเดินเข้าไปรองน้ำมาจากภายในห้อง
มาต่อกันที่ฝั่งขวาของโต๊ะเครื่องแป้งเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการได้แยกส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้แล้ว
เข้ามาจะเจอกับอ่างล้างหน้าพร้อมช่องเก็บของด้านล่าง ข้างๆ กันเป็นโถสุขภัณฑ์ และยังติดกระจกเงาบานใหญ่ยาวตลอดแนวผนังด้านบนอีกด้วยนะคะ
อ่างล้าหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดกำลังพอดีกับการใช้งาน แต่ข้อเสียของอ่างทรงเหลี่ยมก้นแบนนั้นคือมักจะมีน้ำตกค้างอยู่ตามมุมที่อาจจะทำให้เกิดคราบได้ง่าย
ส่วนเปียกถูกจัดไว้ด้านในสุดของห้องน้ำ ติดตั้งกระจกกั้นอาบน้ำ Tempered Glass ยี่ห้อ Shower King มาให้
พื้นที่อาบน้ำสามารถอาบได้โดยไม่กระแทกสิ่งต่างๆ รอบข้าง
ส่วน Hand Shower ที่ให้มาสามารถจับได้ถนัดมือดี
ก่อนจบจากห้องนี้เราขอพาดูธรณีกั้นระหว่างห้องน้ำและพื้นที่ในห้องค่ะ สูงขึ้นมาในระดับกำลังดี ไม่เยอะมากจนเดินสะดุดและไม่ต่ำมากจนกั้นน้ำไม่ได้ค่ะ ดีเลย
ห้องตัวอย่างคอนโด KnightsBridge Phaholyothin Interchange
แบบ 1 ห้องนอน Plus Suite ขนาด 38.80 ตารางเมตร
เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ห้องรับแขกและพื้นที่ห้องนอนทอดตัวยาวติดต่อกัน
ห้องรับแขกมีขนาดค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโซฟาขนาด 4-5 ที่นั่งได้ พร้อม Coffee Table อีกหนึ่งตัวใหญ่ๆ แล้วยังเหลือพื้นที่เดินไปยังส่วนด้านในห้องอีกสบายๆ ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ยาวเต็มผนังห้อง ในระยะและระดับองศาการมองอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ ไม่มากไม่น้อยไป
จะเห็นว่าพื้นที่ข้างๆ โซฟามีที่เหลือทางโครงการได้ตกแต่งเป็นมุมนั่งเล่น อ่านหนังสืออีกมุมนึง ซึ่งสำหรับการใช้งานจริง เพื่อนๆ สามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 1-2 ที่นั่งแทนได้
ฝั่งตรงข้ามที่นั่งเล่นเป็นห้องครัวแบบเปิด โดยในห้องนี้จะแยกครัวออกมาเป็น 2 จุดด้วยกันคือ พื้นที่สำหรับเตรียมอาหารจะอยู่ด้านหน้าติดกับชั้นวางทีวีและพื้นที่สำหรับการทำและล้างจะอยู่ด้านในของห้องค่ะ
มาดูกันที่พื้นที่สำหรับทำอาหารและล้างกันก่อน จะเห็นได้ว่าทั้งเคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของแบบแขวนผนังด้านบนสามารถใช้สอยพื้นที่ได้ดี มีช่องเก็บของขนาดต่างๆ มากมาย พร้อมกับที่ทางโครงการทำช่องเว้นไว้สำหรับวางตู้เย็นได้อีกตู้นึงใหญ่ๆ
.
Top บนเคาน์เตอร์เป็นลามิเนตสีขาวแบบ High Gross ทำให้ห้องครัวดูสะอาด น่าใช้งาน แต่อาจจะต้องรักษาความสะอาดมากหน่อยเนื่องจากหากไม่เช็ดล้างบ่อยๆ อาจจะทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ง่ายค่ะ
อ่างล้างจานที่ให้มามีขนาดตามมาตรฐานวางจานได้หลายใบพร้อมๆ กัน
ที่นี่ยังให้เตาไฟฟ้าขนาด 2 หัวมาด้วยเป็นระบบ Touch Screen ใช้งานง่าย
และติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องดูดควันค่ะ
บริเวณห้องครัวและภายในห้อง* ทางโครงการได้ติดตั้งทั้ง Smoke Detector และ Water Springer ป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้
มาดูต่อที่พื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ตรงส่วนของเคาน์เตอร์ด้านล่างทางโครงการได้เว้นช่องไว้ให้สำหรับเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า แบบในห้องตัวอย่างจะเห็นว่าวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีมาก ดังนั้นก่อนที่จะซื้อเครื่องซักผ้าควรวัดความกว้างและสูงของช่องไปก่อนนะคะ และตู้ทางด้านบนเป็นที่วางไมโครเวฟและช่องเก็บของค่ะ
.
ด้านซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ เข้ามาจะเจอกับอุปกรณ์สุขภัณฑ์ตามมาตรฐานโครงการทั้ง อ่างล้างหน้า กระจกเงาบานใหญ่และโถสุขภัณฑ์จาก American Standard และ Mogen
ด้านในสุดของห้องน้ำแยกเป็นพื้นที่ส่วนเปียกไว้ ติดตั้งมาพร้อมกับกระจกฉากกั้นอาบน้ำแบบ Tempered Glass จาก Shower King
พื้นที่อาบน้ำขนาดกำลังพอดีอาบได้สบายๆ ไม่คับแคบ
Hand Shower ให้มาเป็นแบบอลูมิเนียมสายอ่อน พร้อมกับช่องสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น
Hand Shower จับถนัดมือดีค่ะ
ขวามือของห้องครัวจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ในห้องตัวอย่างตกแต่งออกมาเป็นห้องนั่งเล่น ทำงานอดิเรก พื้นที่ห้องที่ได้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจจะดัดแปลงมาเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องนึงก็เป็นไอเดียที่ดีไปอีกแบบนะคะ
ภายในห้องเชื่อมต่อกับระเบียงซึ่งเป็นประตูกระจกขนาดใหญ่ ส่งผลให้รู้สึกปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้้น
ระเบียงด้านนอกมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ออกไปยืนรับลมได้และอาจจะวางที่ตากผ้าได้อีกราวกลางๆ อีกหนึ่งราว
แต่ที่ดูจะใช้งานยากสักหน่อยคงจะเป็นก๊อกน้ำที่อยู่ด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์ หากจะใช้คงต้องมุดเข้าไปเปิดแหละค่ะ
กลับมาดูภายในห้องซึ่งจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือห้องนอนนั่นเอง ที่วางเตียงมีขนาดค่อนข้างกว้างและโปร่ง เนื่องจากได้แสงธรรมชาติจากกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่ด้านข้างเตียงนั่นเอง ในห้องตัวอย่างตกแต่งด้วยการวางเตียงขนาด 5 ฟุตแต่ถ้าใครชอบนอนเตียงใหญ่ๆ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้นะคะ
พื้นที่เดินปลายเตียง
พื้นที่อีกฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะเห็นว่าเหลือพื้นที่เดินอีกเยอะเลย
ตู้เสื้อผ้าที่นี่จะวางมาให้ภายในห้องเลยค่ะ เป็นแบบบานเลื่อน 2 บานขนาดใหญ่ เพียงพอต่อเสื้อผ้าสำหรับ 1-2 คน
และเราจะปิดท้ายด้วยภาพจากมุมที่มองจากภายในห้องนอนออกมาที่ห้องรับแขกค่ะ น่าอยู่ทีเดียว
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
วัสดุห้องน้ำ
*วัสดุบางอย่างอาจจะไม่ปรากฎครบทุกห้องหรือแบบห้อง
วัสดุห้องครัว
*วัสดุบางอย่างอาจจะไม่ปรากฎครบทุกห้องหรือแบบห้อง
วัสดุปิดผิว (Finighing)
*วัสดุบางอย่างอาจจะไม่ปรากฎครบทุกห้องหรือแบบห้อง
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
วันที่เราเข้าไปรีวิวโครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange เป็นช่วงเดือนสิงหาคม 2562 ราคาเริ่มต้นของห้องแบบ 1 ห้องนอน Deluxe ขนาด 28.20 ตารางเมตร ชั้น 3 อยู่ที่ 2.99 ล้านบาทและราคาเริ่มต้นของห้องแบบ 1 ห้องนอน Plus Suite ขนาด 38.80 ตารางเมตร ชั้น 3 อยู่ที่ 3.89 ล้านบาท ส่วนราคาเฉลี่ยประมาณ 110,000 บาท/ตารางเมตรค่ะ เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายทั้งของกินและสถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงในอนาคตที่จะมีสถานี Interchange อยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตรเท่านั้น
ราคา ณ เดือนสิงหาคม 2562
ราคาเริ่มต้น :
- แบบ 1 ห้องนอน Deluxe ขนาด 28.20 ตร.ม. ชั้น 3 ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
- แบบ 1 ห้องนอน Plus Suite ขนาด 38.80 ตร.ม. ชั้น 3 ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท
เงื่อนไขการจอง :
เงินจอง
- 10,000 บาท
ทำสัญญา
- 20,000 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
- ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
สำหรับด้านการเดินทางของโครงการ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ เหมาะกับทั้งผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและผู้ที่เดินทางโดยรถสาธารณะ โดยสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับถนนพหลโยธินโดยตรงสะดวกทั้งเข้าและออก ซึ่งตรงจุดที่คอนโดตั้งอยู่ใกล้กับวงเวียนหลักสี่ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนรามอินทรา, ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนเทพรักษ์ และถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งยังอยู่ใกล้กับดอนเมืองโทลล์เวย์เข้าออกเมืองสะดวก ส่วนคนที่ใช้รถสาธารณะด้านหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ มีแท็กซี่ รถมอเตอร์ไซค์ วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน ทั้งยังมี รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีฯ ตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตรอีกด้วยซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2564 นี้เองค่ะ ทั้งอยู่ท่ามกลาง Hub ในย่านนี้ทั้งเทสโก้ โลตัส หลักสี่ที่อยู่ในระยะเดินถึงได้ และยังมีสนามบินดอนเมือง, โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล, บิ๊กซี สะพานใหม่, ตลาดยิ่งเจริญ, เซ็นทรัลรามอินทราที่อยู่ในระยะขับรถไม่เกิน 5 กิโลเมตรอีกด้วย
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ในอนาคตภายในปี 2564 แผนการก่อสร้างและเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีฯ และรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ จะเปิดให้ใช้บริการซึ่งทั้งสองสถานีนี้เป็นสถานีที่อยู่ใกล้โครงการเพียง 250 เมตรทั้งยังเป็นสถานีที่ Interchange กันทำให้สะดวกทั้งการเข้า-ออกเมืองในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากการที่เกิดทั้งรถไฟฟ้าและเป็นจุดเชื่อมต่อกันของ 2 สายจึงน่าจะทำให้พื้นที่บริเวณนี้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วจากภาคเอกชนต่างๆ ที่จะเข้ามาลงทุนทั้งเกิดที่อยู่อาศัยใหม่ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นด้านข้างของโครงการที่กำลังจะก่อสร้างเป็นโรงแรม และน่าจะดึงดูดเหล่านักลงทุนมาในย่านนี้อีกด้วยจากการมาถึงของรถไฟฟ้าที่ทำให้ Capital Gain เพิ่มสูงมากขึ้นในอนาคตในอีกไม่นานนี้อีกด้วยค่ะ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
โครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีเข้มอย่าง ดำ เทาเข้มตัดกับเส้นขอบตึกด้วยสีเทาอ่อนช่วยให้ตึกดูสูงโปร่ง ไม่ทึบตันค่ะ
ที่ดินของโครงการมีรูปร่างเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางด้านหน้าส่วนด้านหลังมีส่วนหยักเข้าออกเล็กน้อยวางอาคารแยกเป็น 2 Towers บนโพเดียมเดียวกันโดยที่ Tower A วางตึกในรูปตัว L และ Tower B วางแปลนตึกในรูปตัว U โอบล้อม Facilities ส่วนกลางตรงชั้น 4 ไว้ค่ะ ซึ่งทั้ง 2 ทาวเวอร์สูง 14 ชั้นเท่ากัน
ภาพรวมแปลนห้องในโครงการ KnightsBridge พหลโยธิน Interchange ห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะหันทางด้านทิศเหนือและใต้ ซึ่งห้องที่หันทิศเหนือจะได้วิวโล่งๆ กว่าห้องที่หันหน้าทางทิศใต้เนื่องจากทิศใต้ติดกับตึกสูง 15 ชั้นแม้จะมีระยะย่นออกไปแต่ก็มองวิวอื่นได้ไม่มากค่ะ ส่วนทิศที่ดูจะได้วิวเมืองโล่งๆ หน่อยคงจะเป็นทางด้านทิศตะวันตก ภายในโครงการมีห้องพักให้เลือก 3 แบบได้แก่แบบ 1 ห้องนอนขนาด 23.30-38.80 ตารางเมตร, แบบ 2 ห้องนอนขนาด 48.90-51.20 ตารางเมตรและห้องแบบ Duplex ขนาด 33-62 ตารางเมตร แปลนห้องภาพรวมทำออกมาได้ดีทุกห้องค่ะตามมาตรฐานของออริจิ้นที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าในการใช้สเปซ ในห้องเลือกใช้สีผนังด้วยสีอ่อนและพื้นลายไม้สีอ่อนเช่นเดียวกันทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีส่วนที่ค่อนข้างแปลกคือในแบบ 1 ห้องนอนทั้งขนาด 23.30 และขนาด 28.20 ตารางเมตรจะได้ห้องครัวแบบปิดเป็นสัดส่วน แต่ในแบบ 1 ห้องนอนขนาด 38.80 ตารางเมตรซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทั้ง 2 ห้องก่อนหน้านี้มากกลับได้ครัวแบบเปิดแทนค่ะ น่าจะเหมาะกับผู้ที่ชอบอยู่ห้องใหญ่ๆ แต่ไม่ค่อยทำอาหาร
ทางด้านวัสดุที่ทางโครงการ KnightsBridge Phaholyothin Interchange ให้มานั้นถือว่าค่อนข้างสมราคา พื้นภายในห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อนหนา 8 มิลลิเมตร ฝ้าสูง 2.55 เมตรพร้อมไฟแบบ Downlight สุขภัณฑ์ให้ของ American Standard/Mogen/VRH ส่วนครัวให้ของ Hafele และยังให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ built-in เช่น ชั้นวางทีวี ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัวมาให้พร้อมสรรพพร้อมเข้าอยู่ค่ะ
ด้านส่วนกลางของที่นี่ถือว่าไม่น้อยหน้าใครให้มาถึง 30 อย่างด้วยกันกระจายอยู่ที่ชั้น 1, 4 และชั้น Rooftop ซึ่งทั้ง 2 ทาวเวอร์สามารถเข้าถึงได้สะดวกทั้งคู่ค่ะ ส่วนกลางที่ให้มามีดังนี้ Grand Lobby, Business Room, Co-Working Space, Private Lobby, 3 Daily Shops, Rolling Hill Garden, Pocket Garden, Playground, Game Pool, Laundry, Coin Operated Vending Machine, Private Nook, Sunken Lounge, Bean Bag Zone, Sun Bed, 35 m. L-Shape Swimming Pool, Curve Jacuzzi, Reflecting Pond, Multi-Purpose Lawn, Secret Garden, Semi-Outdoor Terrace, Yoga Room, Fit Club, The Excited Sky Bridge, Sky Lounge, Sky Sunset Party, Sky Rolling Garden, Sky BBQ Area, Sky Social Deck และ 360 Viewpoint ถือว่าให้มาเยอะมากตรงตามคอนเซ็ป 30 Days 30 Facilities ที่ทางโครงการตั้งใจมอบให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ
ที่จอดรถภายในโครงการให้มาทั้งหมดคิดเป็น 53% รวมจอดแบบซ้อนคันมีให้เลือกจอดทั้งที่ตึกจอดรถด้านหลังและบริเวณพื้นที่รอบๆ อาคารตามแต่สะดวก ส่วนลิฟต์ให้มา Tower ละ 3 ตัวแต่เมื่อลองดูแปลนของแต่ละทาวเวอร์แล้วพบว่าสัดส่วนการแชร์ลิฟต์ของ Tower A จะมีสัดส่วนการแชร์ที่น้อยกว่า Tower B อย่างมีนัยยะค่ะ
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆ ค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า “อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆ เข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ (^_____^)
ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะคะ ^_____^