“เสนา ฮันคิว ฮันชิน” เปิดคอนโดใหม่ “นิช โมโน แจ้งวัฒนะ” ชูคอนเซ็ปต์ ความลงตัวของพื้นที่ ชาร์จชีวิตคนเมืองยุคดิจิตอล
· ~ 1 min readบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้ารุกตลาดคอนโดแนวสูง เปิดตัวโครงการใหม่ “นิช โมโน แจ้งวัฒนะ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคอนโดมิเนียมที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเสนาอย่างเด่นชัด ทั้งในด้านจุดขายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จากการนำโนว์ฮาวจากญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Geo fit+” ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในรายละเอียดและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่สำคัญโครงการยังให้ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยครบถ้วนทุกคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยบนทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่เราคิดแล้วว่าโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ และคาดว่าเมื่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อสร้างเสร็จจะทำให้ย่านแจ้งวัฒนะเกิดความคึกคักในตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง
“นิช โมโน แจ้งวัฒนะ” หนึ่งในแบรนด์คอนโดมิเนียมของเสนาที่ประสบความสำเร็จ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Recharge haven for your digital life” ความลงตัวของพื้นที่ชาร์จชีวิตคนเมืองยุคดิจิตอล ที่นี่ให้คุณชาร์จชีวิตได้ทุกวัน สะดวกสบายทุกการเดินทาง เนื่องจากใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศรีรัช เพียง 120 เมตร โดยโครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่เศษ ติดถนนแจ้งวัฒนะ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 35 ชั้น 1 อาคาร ทั้งหมด 921 ยูนิต โดยมีให้เลือกห้องแบบ 1- 2 ห้องนอน ขนาด 28 – 53 ตารางเมตร ราคาต่อตารางเมตรละ 67,500 บาท หรือ ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 2,300ล้านบาท โดยกำหนดเริ่มก่อสร้างปี 2563 และคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2565
การออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานให้เหมือนวิถีการอยู่อาศัยแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และเพื่อสนองความต้องการของผู้อาศัยใน 4 ด้าน ประกอบด้วย
- Geo fit + days คุณภาพที่ได้มาตรฐาน
- Geo fit + eco ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- Geo fit + stage ปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยและ
- Geo fit + sonae เตรียมพร้อมฉุกเฉินป้องกันภัยธรรมชาติ
ด้วยการนำแนวคิด Geo Fit+ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นนั้น มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับ Lifestyle คนไทย นอกจากนี้ เราได้นำแนวคิด Made From Her คำนึงทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบครบที่สุด มาพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างสูงสุด
ด้านสาธารณูปโภคภายในโครงการครบครัน ด้วยคอนเซ็ปต์ “A Recharge haven for your digital life” ให้กับชีวิตคนเมืองยุคดิจิตอล จะได้พบกับระบบ Home Automation ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้ว , ระบบ QR Code เพิ่มความปลอดภัย สำหรับเข้า – ออกอาคาร , Digital Theater ความสุขและความบันเทิงสำหรับครอบครัวสะดวกกับ High Speed WI-FI ในทุกพื้นที่ส่วนกลาง , ระบบ Fiber Optic ที่จัดเตรียมไว้ให้ในทุกห้องพัก ส่วนกลางจัดเต็มมาพร้อม Fitness พื้นที่กว่า 200 ตร.ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนชอบออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์และฟังก์ชั่นที่ครบครัน
ด้านคุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บริเวณแจ้งวัฒนะเป็นทำเลศักยภาพที่มีความโดดเด่นเป็นย่านเศรษฐกิจและย่านธุรกิจการค้า มีโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหลากหลายรูปแบบที่อยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ซึ่งได้เริ่มเข้ามาจับจองที่ดินบริเวณนี้
ปัจจุบันบริเวณแจ้งวัฒนะอยู่ในแนวเส้นทางการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เส้นทางวิ่งไปตามแนวถนนแจ้งวัฒนะทั้งเส้น (ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างและเปิดให้บริการประมาณปี พ.ศ. 2564) อีกทั้งยังมีส่วนต่อขยายจากสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี โดยจุดเชื่อมต่อจะอยู่บริเวณสถานีศรีรัชของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายหลัก ไปยังบริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี ซึ่งะหากโครงการแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการเดินทางจากถนนแจ้งวัฒนะเข้าสู่พื้นที่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่น และเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่างๆ ด้วย เช่น ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เอสซีจี สเตเดี้ยม ธันเดอร์โดม และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นต้น และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น 3 สาย คือ
- รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ (ปัจจุบันเปิดให้ใช้บริการอยู่) โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
- รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต (ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างและเปิดให้บริการประมาณต้นปี พ.ศ. 2564) โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีหลักสี่
- รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) โดยเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (โครงการในอนาคต)
อีกทั้งบริเวณแจ้งวัฒนะตั้งอยู่ใกล้สนามบินดอนเมืองซึ่งในปัจจุบันสนามบินดอนเมืองมี 2 อาคารคือ Terminal 1 และ Terminal 2 โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณปีละ 30 ล้านคน และในอนาคต บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมแผนในการพัฒนาระยะที่ 3 (Terminal 3) และคาดว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มเที่ยวบินและคาดว่าจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นถึง 40 ล้านคน/ปี และสูงถึง 50-60 ล้านคน (ในช่วงปี พ.ศ.2568-2573) ในส่วนการเดินทางทางน้ำบริเวณนี้ยังมีท่าเรือปากเกร็ดซึ่งคอยรองรับการเดินไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร และยังมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เข้าถึงโดยการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาลอีกด้วย
เดิมทีทำเลแจ้งวัฒนะเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวออกมาจากตัวเมืองกรุงเทพมหานคร โดยในช่วงแรกมีเพียงโครงการหมู่บ้านจัดสรรไม่กี่แห่ง การพัฒนาเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2542 ที่มีการพัฒนาศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย โดยมีพื้นที่รวมกว่า 140,000 ตารางเมตร ทำให้มีการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยอันได้แก่ เช่น โครงการบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ เกิดขึ้นมา พื้นที่บริเวณแจ้งวัฒนะจึงเริ่มกลายเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น จึงมีการพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เช่น เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ แม็คโคร คอมมูนิตี้มอลล์ และโครงการอื่นๆ
จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผยว่า จำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ ณ กลางปี พ.ศ. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 18,942 หน่วย โดยคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้มีจำนวนอุปทานใหม่เกิดขึ้นมากตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เนื่องจากมีหน่วยงานราชการเริ่มย้ายสถานที่ทำการเข้ามาอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและเริ่มเปิดขายมากขึ้นในปี พ.ศ. 2554 แต่ถึงกระนั้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปีต่อมาพบว่าอุปทานใหม่เริ่มชะลอตัวลงและเพิ่มขึ้นสลับกันไปจนถึงปี พ.ศ. 2561 และในปี พ.ศ. 2561 นั้นเองก็ได้เริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงมีนบุรี-แคราย จึงทำให้มีอุปทานใหม่เปิดขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 2,013 หน่วย และ ณ ครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2562 มีอุปทานใหม่เปิดขายเพิ่มขึ้นมาจำนวน 1,838 หน่วย และคาดว่าทั้งปี พ.ศ. 2562 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในบริเวณนี้ประมาณ 3,000 หน่วย
กราฟที่ 1
อุปทานคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ พ.ศ. 2554 ถึงกลางปี พ.ศ. 2562
กลางปี พ.ศ. 2562 คอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะมีจำนวนหน่วยที่ขายไปแล้วประมาณ 12,271 หน่วย จากจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายทั้งสิ้น 18,942 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 64.8 มีจำนวนคอนโดมิเนียมเหลือขายประมาณ 6,671 หน่วย จำนวนหน่วยขายคอนโดมิเนียมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีจำนวนหน่วยขายประมาณปีละ 1,350 หน่วย เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีศักยภาพเป็นบริเวณธุรกิจใหม่ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง อาคารสำนักงานที่อยู่ในพื้นที่ ศูนย์ราชการ อีกทั้งยังมีสถาบันการศึกษาในพื้นที่ นอกจากนี้การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในบริเวณพื้นที่ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2564 ส่งผลทำให้มีกลุ่มผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้เพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ คือ บุคคลากรของหน่วยงานต่างๆ ในย่านนี้ และผู้ปกครองนักเรียนและนักศึกษาที่ศึกษาในสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทั้งนี้เนื่องจากคอนโดมิเนียมในบริเวณแจ้งวัฒนะในตอนนี้ยังมีราคาที่จับต้องได้ หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้วเสร็จการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นดังนั้นราคาขายมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
กราฟที่ 2
อุปทาน อุปสงค์ และ อัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ พ.ศ. 2554 ถึงกลางปี พ.ศ. 2562
การพัฒนาคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับเกรดซี โดยระดับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเกรดซี ณ กลางปี พ.ศ. 2562 มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 72,438 บาท/ตารางเมตร เมตร ปรับตัวขึ้นจากปี พ.ศ. 2554 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 53,680 บาท/ตารางเมตร ค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นของคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้จากปี พ.ศ. 2554 ถึง กลางปี พ.ศ. 2562 มีค่าเฉลี่ยสะสมในการปรับตัวในระยะเวลา 7 ปี (Compound Annual Growth Rate: CAGR) อยู่ในอัตราร้อยละ 5 ในปี พ.ศ. 2562 เริ่มมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมเกรดบี บริเวณแจ้งวัฒนะ และราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเกรดบี บริเวณแจ้งวัฒนะอยู่ที่ 80,150 บาท/ตารางเมตร ณ กลางปี พ.ศ. 2562
กราฟที่ 3
ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณแจ้งวัฒนะ พ.ศ. 2554 ถึงกลางปี พ.ศ. 2562