ปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์โครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แสนสิริ ถือกำเนิดขึ้นจาก “บ้านไข่มุก” ซึ่งเป็นแฟล็กชิพโครงการแรกที่พัฒนาขึ้น ปัจจุบัน มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% สูงขึ้นจากเดิมที่ขาย 7 ล้านบาท เมื่อตอนเปิดโครงการด้วยการดูแลรักษาโครงการของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่บริหารจัดการและดูแลโครงการให้เสมือนวันแรกที่เปิดตัวช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการในหัวหินกว่า 22 โครงการและโรงแรม 1 แห่ง ทำให้แสนสิริมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าโดยเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและการพัฒนาแต่ละโครงการในแต่ละทำเลที่ต่างกัน
และล่าสุดกับโครงการ La Casita (ลา กาซิต้า) ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 90% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2563 โดยตอกย้ำผู้นำที่ดูแลทุกช่วงการอยู่อาศัยตั้งแต่การ ซื้อ โอน ย้าย และเข้าอยู่อาศัยที่ดูแลบริหารโครงการโดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความแตกต่างที่เหนือกว่า ไม่มีคู่แข่งรายใดมีในหัวหิน อุ่นใจมากกว่าด้วยบริการ LIV-24ปลอดภัย 24 ชม. และไลฟ์สไตล์พริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่
เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าเช่นเคย และสามารถมุ่งสู่ยอดโอนรวมที่วางไว้ 32,000 ล้านบาท ด้วย 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้ การวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ดีมานด์ที่แท้จริงในทุกเซ็กเมนต์ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ตลาดอสังหาฯตั้งแต่ต้นปี การออกแบบโปรโมชั่นการโอนที่ดึงดูดใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดการโอนโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า (Customer Centric) ในแต่ละกลุ่มด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบ Customization สำหรับทั้งลูกค้าปัจจุบันและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ตลอดจนยอดการโอนในปัจจุบัน
สำหรับภาพรวมและทิศทางตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่หัวหิน – ชะอำ รอบครึ่งแรกปี 2562 พบตลาดยังเติบโตมีจำนวนคอนโดมิเนียมเข้าใหม่ปีละ 1,000 – 2,000 ยูนิต และมียอดขายรวม 76% โดยมีอัตราการดูดซับเฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 10 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน ราคาขายเฉลี่ย 90,000 บาท ต่อ ตร.ม. และมีอัตราการเสนอขายสูงสุดที่ 250,000 – 300,000 บาท ต่อตร.ม. นอกจากนี้ ทำเลหัวหินยังได้อานิสงส์จากการพัฒนาโครงสร้างทางการคมนาคมโดยภาครัฐบาลตั้งแต่เรือเฟอร์รี่ จากพัทยา หัวหิน บางปู ที่เปิดให้บริการแล้ว มอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำและแผนการพัฒนารถไฟความเร็วสูงสายใต้ในอนาคต ซึ่งจะสร้างโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเติบโตปีละ 6% ส่งผลให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
La Casita (ลา กาซิต้า) โครงการคอนโดมิเนียมสไตล์สแปนิช สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 705 ยูนิต แบ่งเป็น 1-2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 26.50-91.00 ตร.ม. บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 2.5 ไร่ แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสเปนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยดีไซน์ที่มีมิติ สีสันพาสเทล ผสานความคลาสสิกท่ามกลางบรรยากาศของเกาะอิบิซ่า (Ibiza) ทางตะวันออกของประเทศสเปน กลิ่นอายของหาดทรายสีขาว และท้องทะเล
มาพร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ที่พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตร.ม. และยาวกว่า 100 เมตร ซึ่งนับเป็นสระว่ายน้ำที่มีขนาดถึง 2 เท่า ของความยาวสระโอลิมปิก Palm Court (ปาล์ม คอร์ท) สำหรับการจัดเป็นพื้นที่ครัวส่วนกลาง หรือพื้นที่พักผ่อน Blooming Wall (บลูมมิ่ง วอลล์) หรือ กำแพงดอกไม้ เพิ่มความเป็นส่วนตัว Paradise Garden (พาราไดซ์ การ์เด้น) สวนขนาดใหญ่ตามแบบฉบับสเปน The Great Lawn (เดอะ การ์เด้น ลอว์น) พื้นที่สีเขียวเพื่อสูดอากาศให้ชุ่มปอดสำหรับการพักผ่อน และ Lap Pool (แล็บ พูล) พร้อมทางเดินร่มรื่นรอบโครงการ
นอกจากนี้ แสนสิริ ได้เปิด 2 ตัวแคมเปญล่าสุด เพื่อกระตุ้นการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2562 นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้คนซื้อ La Casita มากขึ้นและตัดสินใจได้เร็วขึ้น ได้แก่
- “ให้แรง แซงรัฐ” มอบทันที ฟรี! ค่าใช้จ่ายวันโอน และ ฟรี! ค่าจดจำนอง พร้อมรับเงินคืนและโปรโมชั่นใน 17 โครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ที่มีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 3 ล้านบาททั่วประเทศ เฉพาะลูกค้าที่ซื้อและโอนภายในปีนี้เท่านั้น
- “จอง 5,000 ฟรี 5 อย่าง*” La Casita จองเริ่มเพียง 5,000 บาท เข้าอยู่ได้ทันทีออกค่าผ่อนให้อยู่ฟรี 2 ปี* ฟรีเฟอร์ฯ มูลค่า 60,000 บาท รับเต็มๆเครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่ม 2.19 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ –15 ธ.ค.2562
“เรามั่นใจว่า มาตรการรัฐใหม่ และแคมเปญล่าสุดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเรียลดีมานด์อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้คนซื้อ La Casita มากขึ้นและตัดสินใจได้เร็วขึ้น รวมถึงมีลูกค้าจับจองและโอนกรรมสิทธิ์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลให้บริษัทสร้างยอดโอนรวมทั้งปีได้ 32,000 ล้านบาท” นายปิติ กล่าว