นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า สถานการณ์ของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกกลุ่มในปีนี้ ถือเป็นสถานการณ์แห่งความท้าทาย เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยากอย่าง COVID-19 เข้ามากระทบ อย่างไรก็ดี ยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/2563 ยังถือว่าเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โดยยอดขายล่าสุด ณ วันที่ 24 มี.ค.2563 อยู่ที่ราว 4,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% ของเป้ายอดขายทั้งปี 2563
ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม ทั้งโครงการที่เพิ่งเปิดขายเมื่อปี 2562 และโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Ready to move) รวมกว่า 3,000 ล้านบาท และจากกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร อีกกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกระแสตอบรับที่ดีของโครงการเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบริทาเนีย สายไหม และโครงการแกรนด์บริทาเนีย วงแหวน-รามอินทรา
สำหรับ ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งความท้าทาย โดยเฉพาะจากเรื่อง COVID-19 ที่สถานการณ์ยังมีความเปลี่ยนแปลงและมีมาตรการใหม่ๆ จากภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงได้จัดประชุมผู้บริหารอยู่เป็นประจำ เพื่อให้สามารถออกมาตรการใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที จึงพิจารณามาตรการใหม่ๆ เพื่อคน 3 กลุ่ม ได้แก่
1.มาตรการเพื่อผู้บริโภค ทั้งเพื่อกลุ่มที่กำลังพิจารณาจะซื้อโครงการของออริจิ้น และกลุ่มที่ปัจจุบันเป็นลูกบ้านออริจิ้นแล้ว
2.มาตรการเพื่อพนักงาน โดยมีมาตรการที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น การเปิดให้พนักงานบางส่วนที่ไม่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรง สามารถ Work From Home ได้ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
3.มาตรการเชิงธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ๆ ในรูปแบบ Open Platform เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภค พร้อมทั้งพิจารณาปรับปรุงแผนให้ธุรกิจยังคงสามารถขับเคลื่อนไปได้ภายใต้ทุกสถานการณ์ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นมาตรการใหม่ๆ ในทั้ง 3 ด้านดังกล่าว ออกมาอย่างต่อเนื่องในเดือน เม.ย.นี้
สำหรับปี 2563 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการในช่วงไตรมาส 1 คือ โครงการ บริทาเนีย สายไหม มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และ โครงการ แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-รามอินทรา มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท
“ตามปกติแล้ว ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เราจึงเชื่อมั่นว่า ด้วยยอดขายที่สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมในไตรมาส 1 ประกอบกับยอดขายในไตรมาส 3 และ 4 ซึ่งสถานการณ์น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว เราจะยังสามารถทำยอดขายได้ 21,500 ล้านบาทตามเป้า” นายพีระพงศ์ กล่าว