ศุภาลัย ทุบสถิติ! เดือนพฤษภาคม กวาดยอดขายโครงการแนวราบ กว่า 2,300 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
· ~ 1 min readนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาในทิศทางที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การปรับสัดส่วนการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวโครงการแนวราบ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ครอบคลุมทุกทำเลศักยภาพ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เออร์บานา” เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า การออกแบบบ้านโดยเน้นนวัตกรรมแบบบ้านประหยัดพลังงาน และได้รับรองมาตรฐานระดับสากล ISO 9001 : 2015 อีกทั้งในช่วงเดือนเมษายนได้ กระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย อาทิ โปรโมชั่น Supalai 2020 แจก Double ลด Double โปรโมชั่น “พักก่อน พี่ผ่อนให้” ศุภาลัย ผ่อนให้ทั้งต้นทั้งดอก เป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี และ แคมเปญ Online Booking “Flash Deal! มาไว ไปไว ไม่รอ!” เพิ่มช่องทางการจองทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ผ่านช่องทาง Supalai Online Booking ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งการปรับกลยุทธ์การลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยอดลูกค้าเยี่ยมชมโครงการ ในเดือนพฤษภาคม 2563 เพิ่มมากขึ้นเทียบเท่าสภาวะปกติ ทำให้บริษัทฯ สามารถกวาดยอดขายโครงการแนวราบทั่วประเทศได้กว่า 2,300 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
จากยอดขายในเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง พบว่าแบรนด์แนวราบที่สามารถสร้างยอดขายได้ดี คือ พาร์ควิลล์, พรีมา วิลล่า, ไพรด์, เอสเซ้นส์ และ เออร์บานา โดยเห็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายแนวราบไปในทิศทางเดียวกันทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ด้านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวโครงการแนวราบไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยยังคงแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งปีไว้ตามเดิมที่ 25 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท