รีวิวบทความนี้เราจะพาทุกคนมาชมบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดยุคใหม่ย่านรังสิตกันค่ะ อย่างโครงการ The Plant รังสิต-อเวนิว (เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว) โครงการใหม่ที่แทบหาไม่ได้แล้วในย่านรังสิตคลองต้นๆ ทั้งยังสามารถเข้าได้จากถนนรังสิต-นครนายกได้ พร้อมจำนวนบ้านเพียง 212 หลัง บนพื้นที่ 36 ไร่กว่า ให้ความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนี้ยังมีจำนวนบ้านในแต่ละซอยไม่มากเพียง 4-8 หลังเท่านั้น* บรรยากาศสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเลยทีเดียวค่ะ

ภายในโครงการนั้นมีแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบ เป็นบ้านเดี่ยว 1 แบบ และบ้านแฝดอีก 3 แบบ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 125-160 ตารางเมตร ที่มากับฟังก์ชั่นรูปแบบใหม่ ใช้งานได้จริง ยืดหยุ่นได้ตามไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้าน ในราคาเริ่มต้น 3.8-7.2 ล้านบาท*

และด้วยความที่ตั้งของโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ..ทำเลที่ตั้งที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็น Rare Item ของย่านรังสิตคลองต้นๆ จึงทำให้ด้านการเดินทางนั้นมีให้เลือกหลากหลาย โดยสามารถเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน, ถนนรังสิต-ปทุมธานี, ถนนคลองหลวง, ถนนลำลูกกา ได้ รวมถึงยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน 2 สาย อย่าง ดอนเมืองโทลล์เวย์ และวงแหวนกาญจนาภิเษก เชื่อมต่อตรงเข้าออกเมืองได้ทันใจ

พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบใกล้ๆ ครบครัน เช่น ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, สัมมากร เพลส, Market Village, รร.นานาชาติสยาม, ม.นอร์ทกรุงเทพ, รพ.บางปะกอก รังสิต 2, รพ.เปาโลรังสิต เป็นต้น .. โดยทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยและดำรงชีวิตเลยนะคะ .. เรียกได้ว่าครบเครื่อง เป็นอีกหนึ่งทำเลคุณภาพจริงๆ ค่ะ

The Plant Rangsit Avenue

( เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว )

LOCATION : การเข้าถึง

โครงการ The Plant รังสิต-อเวนิว ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ระหว่างคลอง 2 และ คลอง 3 แต่จะค่อนไปทางคลอง 3 มากกว่า ไม่ไกลจาก HUB ในย่านรังสิตเท่าไหร่นัก จึงถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูง ถ้าวัดจริงๆ จาก Landmark อย่าง Future Park รังสิต ก็จะอยู่ห่างจากตัวโครงการไปเพียง 5 กิโลเมตร หรือขับรถแค่ประมาณ 8 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง และมีเส้นทางให้ลัดเลาะเพื่อหนีรถติดได้สะดวกอีกด้วยค่ะ

สำหรับการเดินทางเข้าถึง จะเน้นการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก โดยขอแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ เป็น 3 เส้นทางหลักๆ ดังนี้

• เส้นทางที่ 1 

จาก ถนนพหลโยธิน ไม่ว่าจะขาเข้าหรือขาออกก็สามารถเลี้ยวเข้ามายังถนนรังสิต-นครนายก ผ่าน Hub ใหญ่อย่าง Future Park & Zpell วิ่งต่อไปอีกประมาณ 5 กม. จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังทางเข้าหลักของอเวนิว หรือซอยรังสิต-นครนายก 65 ก็จะถึงตัวโครงการแล้วค่ะ

• เส้นทางที่ 2

สำหรับคนที่มาจากตัวเมืองปทุมธานี สามารถใช้ถนนรังสิต-ปทุมธานี วิ่งมาเชื่อมกับถนนรังสิต-นครนายกได้โดยตรงเลย โดยที่จะมีสะพานข้ามถนนพหลโยธิน ไม่ต้องกังวลรถติดค่ะ

• เส้นทางที่ 3

ส่วนคนที่มาจากฝั่งนครนายก ให้วิ่งไปกลับรถช่วงก่อนจะถึง รพ.บางปะกอก รังสิต 2 ซึ่งจุดกลับรถก็จะอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าของโครงการ วัดระยะคร่าวๆ ได้ประมาณ 450 เมตร จากนั้นค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางเข้าหลักของอเวนิว หรือซอยรังสิต-นครนายก 65 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ

จุดสังเกต

พอซูมแผนที่เข้ามาจะเห็นว่าตัวโครงการ เดอะ แพลนท์ รังสิต อเวนิว นั้น สามารถเข้าออกโครงการได้ 2 ทาง คือจากทางเข้าหลักของโครงการที่ทางพฤกษาจัดเอาไว้ให้สำหรับโครงการในพื้นที่เดียวกันนี้ ซึ่งจะเข้าได้จากถนนรังสิต-นครนายกโดยตรง และจากซอยรังสิต-นครนายก 65 ซึ่งเข้าจากถนนรังสิต-นครนายก ประมาณ 450 เมตร ถือว่าไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก ในขณะเดียวกันก็จะได้เรื่องความเงียบสงบ ลดความวุ่นวายจากถนนใหญ่ไปได้พอสมควรเลยค่ะ

พูดถึงการเข้าถึงโครงการกันไปแล้ว ในส่วนของการขับรถออกจากโครงการเพื่อเข้าสู่กรุงเทพนั้นก็ถือว่าทำได้สะดวกเช่นกัน จากซอยรังสิต-นครนายก 65 ถ้าขับเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ จะไปเจอกับถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ที่ไปเชื่อมกับทางพิเศษฉลองรัช สามารถใช้เดินทางไปยังโซนรามอินทรา-รามคำแหงได้ง่าย หรือใครจะไปใช้ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ที่วิ่งอยู่บนถนนพหลโยธิน ก็จะมีจุดกลับรถใต้สะพานอยู่แถวคลอง 3 ห่างออกไปประมาณ 500 เมตรเท่านั้น เหมาะกับคนที่จะเดินทางไปโซนบางเขน-จตุจักร ค่ะ

จุดเด่นทำเล

นอกจากการเดินทางที่เข้าออกได้อย่างสะดวกแล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งนั่นคือเรื่องของแหล่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่รอบโครงการ ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง, สถานศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย โดยฮับใหญ่ในย่านนี้ก็จะอยู่ตรงช่วงต้นของถนนรังสิต-นครนายก ที่ตัดเข้ามาจากถนนพหลโยธิน มีห้างขนาดใหญ่อย่าง Future Park & Zpell ตั้งอยู่

โดยในอนาคตข้างหน้าฝั่งตรงข้ามกับ Future Park จะเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้ารังสิต (สายสีแดงเข้ม) ที่วิ่งต่อมาจากบางซื่อ ส่งผลให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวกขึ้นไปอีก แม้ว่าตัวสถานีจะไม่ได้อยู่ใกล้กับตัวโครงการมากนัก แต่ก็สามารถนั่งรถต่อเข้าไปยังโครงการได้เพียง 10 กว่านาทีเท่านั้น หรือถ้าใครอยากนั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็สามารถลัดเข้ามาที่ถนนรังสิต-นครนายก 46 ไปออกที่ถนนลำลูกกา จะมีสถานีรถไฟฟ้าคูคต ค่ะ

LOCATION : ความอุดมสมบูรณ์

จากกราฟิกข้างต้น ทุกคนน่าจะได้เห็นตำแหน่งคร่าวๆ ของสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน และโรงพยาบาล กันไปบ้างแล้ว เดี๋ยวจะมาสรุปให้ฟังกันทีละหัวข้อว่ารอบๆ โครงการ The Plant Rangsit Avenue มีแหล่งอำนวยความสะดวกอะไรให้ออกไปใช้บ้าง

• SHOPPING MALL & ENTERTAINMENT CENTER

แหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้โครงการมากที่สุดก็จะเป็น Community Mall อย่าง สัมมากรเพลส และ M Park ที่ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก แต่ถ้าใครอยากไปเดินห้างใหญ่ๆ ให้ออกไปที่ถนนพหลโยธิน ตรงนั้นมี SHOPPING MALL และ ENTERTAINMENT CENTER ขนาดใหญ่ ที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์เลยค่ะ

• • สัมมากรเพลส รังสิต  : 700 เมตร
  • M Park : 1.3 กิโลเมตร
  • เทสโก้ โลตัส รังสิต-นครนายก  : 3.1 กิโลเมตร
  • Market Village รังสิต : 3.4 กิโลเมตร

• • Dream World : 4.5 กิโลเมตร
  • ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต – สเปลล์ : 5 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  : 6 กิโลเมตร
  • ตลาดรังสิต  : 7.3 กิโลเมตร
  • เซียร์ รังสิต : 9 กิโลเมตร

• สถานศึกษา

สถานศึกษาในย่านนี้ก็มีครบครัน ที่ใกล้ ๆ ก็จะเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังอย่าง โรงเรียนโชคชัยรังสิต ส่วนถ้าเป็นระดับมหาวิทยาลัย ก็จะไปเยอะอยู่ที่เส้นพหลโยธิน

• • โรงเรียนโชคชัยรังสิต : 1.4 กิโลเมตร

• • มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ : 2.1 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยรังสิต : 11 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ : 12.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต : 15 กิโลเมตร

• โรงพยาบาล

ส่วนโรงพยาบาลก็มีอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่เส้นรังสิต-นครนายก รวมไปถึงที่เส้นพหลโยธิน ดังนั้นก็หายห่วงยามเจ็บไข้ได้ป่วยไปได้เลย

• • รพ.บางปะกอก รังสิต 2 : 1.1 กิโลเมตร
  • รพ.เปาโล รังสิต : 5.0 กิโลเมตร
  • รพ.ราชวิถี 2 (รังสิต) : 7.2 กิโลเมตร
  • รพ.แพทย์ รังสิต : 8.8 กิโลเมตร

THE PROJECT : เจาะลึกในโครงการ เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว

พาชมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการกันไปครบแล้ว คราวนี้เรากลับมาดูที่ภายในโครงการกันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจ อยู่ตรงไหนบ้าง

แต่ก่อนจะไปพูดถึงด้านในโครงการเราอยากพาแวะชมทางเข้าที่ติดถนนรังสิต-นครนายก กันก่อนค่ะ ตรงนี้จะเป็นจุดที่สามารถเข้าออกถึงที่ตั้งโครงการได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านซอยรังสิต-นครนายก 65 สะดวกมากๆ เพราะพอขับเข้ามาแล้วจะเจอกับซุ้มประตูโครงการ เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว เลยแหละ

.. พอขับมาแล้วจะเจอกับตัวซุ้มโครงการ The Plant Rangsit Avenue ที่ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น แฝงความธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างลงตัว ตัวอย่างที่จะเห็นได้ง่ายๆ อย่างแรกเลยก็คือ ซุ้มประตูของโครงการ ที่เป็นการหยิบยกสีทั้งฝั่งโมเดิร์นอย่างสีเทาอ่อนและเทาเข้ม เข้ามาอยู่ร่วมกันกับสีน้ำตาล และปิดท้ายด้วยสีเขียวจาก Logo ของบริษัท ทำให้ซุ้มนี้สร้างบรรยากาศเป็นกันเองได้เป็นอย่างดีเลยแหละค่ะ

นอกจากเรื่องของการหยิบเอาสีสันมาใช้ร่วมกันสร้างบรรยากาศของโครงการตั้งแต่ด้านหน้าแล้ว ที่โครงการนี้ยังจัดเต็มมาให้ในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย โดยให้มาแบบ Double Gate เลยนะคะ ประกอบด้วยไม้กั้นกระดกแบบตามโครงการทั่วไป และปิดอีกชั้นหนึ่งก่อนถึงด้านในด้วยประตูเหล็กบานเลื่อน .. ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกบ้านที่อาศัยในโครงการได้เป็นอย่างดี

และตรงพื้นที่ Double Gate นี้ยังแบ่งออกเป็นโซนย่อยๆ อีก 2 โซนคือ ฝั่งของลูกบ้าน ที่ควบคุมการเข้าออกโครงการด้วยระบบ Easy Pass

และฝั่งของ Visitor ที่อยู่ติดกับป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV บันทึกทั้งทะเบียนรถและใบหน้าผู้เข้าออกโครงการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วยค่ะ

ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ภายในโครงการกว้างขวางแบบนี้เลยน้า โดยถนนเมนด้านหน้าจะกว้างถึง 21 เมตร และลดขนาดลงไปที่ 12 เมตร เมื่อเข้าไปด้านในโครงการ ส่วนถนนซอยจะให้มาที่ 8 เมตร

ดูถนนกันพอแล้วแหละ ขอหลบร้อนมาดูที่อาคารคลับเฮ้าส์ของโครงการนี้กันหน่อย ที่นี่จะให้มาเป็นอาคาร 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น เพดานสูงงงงงง ทำให้พื้นที่ภายในโปร่ง โล่งสบาย และด้านข้างยังทำทางลาดสำหรับคนที่ใช้วีลแชร์ให้สามารถมาใช้งานได้ เป็น Universal Design ดีนะคะทำให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน

เข้ามาข้างในจะเจอกับพื้นที่ Co-Working Space ที่ให้บริการฟรี Wi-Fi ด้วยน้า มีทั้งมุมโซฟาและโต๊ะประชุมยาวๆ ใครเบื่อบรรยากาศทำงานที่บ้าน มานั่งทำงานตรงนี้ได้

ด้านสระว่ายน้ำของที่นี่นั้นเป็นขนาด Half-Olympic แบบ Outdoor พร้อมสระเด็กที่มีระบบ Jacuzzi เด็กๆ เล่นดี ผู้ใหญ่ก็สามารถมานั่งแช่ได้ค่า

เดินต่อขึ้นมาด้านบนจะเจอกับมุมนั่งเล่นลับๆ อีกมุม ตรงนี้เหมาะกับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย

และห้องสุดท้ายในอาคารคลับเฮ้าส์นี้ที่เราจะพามาดูกันคือ ห้องฟิตเนส นั่นเอง ตั้งอยู่ชั้น 2 รายล้อมด้วยกระจกบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเลย มองเห็นได้ราว 180 องศา เห็นวิวได้ทั้งสระว่ายน้ำด้านล่างและสวนสาธารณะในโครงการเลยค่ะ ชิลล์มาก

พูดถึงสวนแล้ว ก็พาออกมาดูสวนหน่อย ที่นี่จะให้สวนส่วนกลางมาเป็นสวนแนวยาวขนานไปกับถนนเมนหลักเลยค่ะ พื้นที่ราว 1 ไร่ ภายในมีทั้งสนามเด็กเล่น, เก้าอี้นั่งพักผ่อน และ Pavilion ให้ลูกบ้านออกมาเดินเล่น รับลม หรือออกกำลังกายกันได้ตั้งแต่เด็กจนถึงคนสูงวัยเลยค่ะ

WHAT’S IN THE HOUSE? :  บ้านตัวอย่าง

ทัวร์ส่วนกลางภายในโครงการจนครบแล้ว มาดูรีวิวต่อกันที่บ้านตัวอย่างของโครงการ เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว ซึ่งที่นี่มีแบบบ้านให้เลือกอยู่ด้วยกันถึง 4 แบบ ดังนี้

• Clever (บ้านแฝด) : 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมครัวไทย พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร
• Devise (บ้านแฝด) : 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 138 ตารางเมตร
• Contrive (บ้านแฝด) : 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมครัวไทย พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร
• Author (บ้านเดี่ยว) : 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร

และก็มีบ้านตัวอย่างให้ดูแทบทุกแบบเลยค่ะ บางแบบจะมีให้ดูทั้งบ้านที่ตกแต่งแล้วและบ้านเปล่า ส่วนบ้านแฝดแบบ Devise นั้นกำลังก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีกไม่นานเกินรอค่า

.. นอกจากนี้ เรายังได้เก็บภาพหน้าตาบ้านแบบต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วยนะคะ (ยกเว้นแบบบ้าน Devise ที่กำลังก่อสร้างอยู่เราเลยเอาภาพจำลองมาให้ชมแก้ขัดไปก่อนน้า)

ส่วนในด้านของบ้านตัวอย่างนั้นวันนี้เราเก็บภาพมาให้ดูด้วยกัน 2 แบบเลย ตามด้านล่างนี้

• Author (บ้านเดี่ยว) : 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร
• Clever (บ้านแฝด) : 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมครัวไทย พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร

… … … … … … … … … … … … … … … … … … …

แบบบ้าน AUTHOR (บ้านเดี่ยว)

‘ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ‘

บ้านเดี่ยวหลังนี้ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นบ้านหน้ากว้าง ทำให้พื้นที่ส่วนต่างๆ ภายในบ้านสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น รวมถึงยังทำให้บ้านดูกว้างมากขึ้นอีกด้วย

มาดูที่ในบ้าน เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่รับแขก ที่สามารถวางโซฟาขนาด 4-5 ที่นั่ง รองรับแขกหรือเพื่อนๆ ได้หลายคนอยู่น้า เชื่อมต่อกับพื้นที่อเนกประสงค์ทางด้านใน

ซึ่งพื้นที่อเนกประสงค์นี้จริงๆ แล้วในบ้านเปล่าจะได้มาเป็นพื้นที่โล่งๆ เชื่อมต่อกับพื้นที่รับแขกเลยค่ะ แต่ในบ้านตัวอย่างนี้ได้ใส่ไอเดียปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นห้องนอนชั้นล่าง กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ให้ความเป็นส่วนตัว จริงๆ ไอเดียนี้ดีมากๆ เลยนะคะ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นแค่ห้องนอนนะ สามารถทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องดูหนังก็ได้ แล้วแต่สไตล์เจ้าของบ้านเลย

เมื่อกั้นแล้ว พื้นที่ภายในห้องจะมีขนาดกำลังดี สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าได้อีกหลังโตๆ เรียกได้ว่าอยู่ได้สบายๆ ค่ะ

พื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะอยู่บนพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนเซอร์วิสอย่างห้องครัว และส่วนพักผ่อน อย่างพื้นที่รับแขก สะดวกทั้งคนใช้งานและการใช้งาน เช่น ทำกับข้าวเสร็จก็เดินออกมาเสิร์ฟที่โต๊ะตรงนี้ได้เลย เจ้าของบ้านที่อยากนั่งทานข้าวแต่ก็อยากดูหนังด้วย ตรงนี้ก็สามารถมองเห็นทีวีได้เช่นเดียวกัน

พื้นที่ทางเดินก่อนเข้าครัว ตรงนี้ทางโครงการจัดออกมาเป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ให้สามารถทานอาหารเช้าเล็กๆ น้อยๆ เตรียมอาหาร-อุ่นอาหารเบาๆ ตรงนี้ได้โดยไม่ต้องเดินเข้าครัว .. จะบอกว่าเราค่อนข้างถูกใจการจัดฟังก์ชั่นของบ้านแบบนี้ที่กำลังรีวิวอยู่มาก คือมันสามารถใช้งานได้จริง เข้าใจคนอยู่จริงๆ ค่ะ

แต่ก่อนจะพาเข้าครัว เราขอแวะห้องน้ำของชั้นล่างสักนิด จะสังเกตเห็นได้ว่าที่ห้องน้ำนี้ไม่ใช่ห้องน้ำแบบ Powder Room แต่ทางโครงการได้เตรียมส่วนเปียกเอาไว้ให้ด้วยทั้งๆ ที่แปลนบ้านชั้นล่างไม่มีห้องนอน .. แปลว่าทางโครงการคิดเผื่อเจ้าของบ้าน กรณีกั้นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เราพามาดูก่อนหน้าให้เป็นห้องนอน คนที่นอนห้องด้านล่างจะได้สามารถใช้ห้องน้ำชำระล้างร่างกายได้ไม่ต้องขึ้นบันไดไปชั้นบน สะดวกต่อทั้งเด็กและผู้สูงอายุเลยนะคะเนี่ย

มาๆ พามาดูห้องครัวกันแล้วค่า หลังจากที่โอ้เอ้แวะเยอะ ห้องครัวของที่นี่จะได้มาเป็นครัวปิด สามารถทำอาหารคาวหวานหนักๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน

ส่วนใครกำลังสงสัยว่าส่วนซักล้างอยู่ไหน นี่เลยค่าอยู่ทางด้านหลังบ้าน เค้าทำมาให้เป็นช่องเว้าเข้าไปเลยน้า สามารถวางเครื่องซักผ้าพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ตรงนี้ได้เลย ป้องกันแดดและฝนได้ในระดับหนึ่งด้วย .. และห้องเก็บของก็ตั้งอยู่ด้านหลังเช่นกัน ขนาดใหญ่พอตัวเลยน้า (ตอนแรกเราคิดว่าห้องเก็บของเป็นห้องแม่บ้านด้วยซ้ำตอนก่อนเปิดประตูดู 55555)

กลับเข้ามาในบ้าน พาขึ้นมาที่ชั้น 2 เราจะเจออีกมุมนั่งเล่น ตรงนี้จะให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้าของบ้านมากกว่าด้านล่าง เพราะเป็นพื้นที่ที่มีแต่เจ้าของบ้านเท่านั้นที่จะใช้งานได้นั่นเอง

โดยพื้นที่นั่งเล่นชั้น 2 นี้อยู่ใกล้กับทางเข้าห้องน้ำที่แชร์การใช้ระหว่างพื้นที่นั่งเล่น, ห้องนอน 2 และห้องนอน 3 อีกด้วย และด้วยความที่ห้องนอน 2 ตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ส่วนนี้เราเลยจะพามาดูกันก่อน ซึ่งภายในห้องนอน 2 นี้เรียกได้ว่าขนาดเล็กกว่า Master Bedroom เพียงนิดเดียวเท่านั้น วางเตียง 6 ฟุต พร้อมเฟอร์นิเจอร์อย่างชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ภายในอีกกว้างเลยค่ะ

จุดเด่นของห้องนอนนี้คือ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับห้องน้ำที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ได้ด้วยโดยไม่ต้องออกจากห้องแล้วเข้าจากบริเวณพื้นที่รับแขกชั้นบน สะดวกมากๆ

ไปต่อกันที่ห้องนอน 3 ภายในห้องนี้มีขนาดกระทัดรัด แต่ยังมีพื้นที่พอสำหรับวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้อยู่ค่ะ แต่ในบ้านตัวอย่างโครงการตกแต่งออกมาเป็นห้องทำงานและงานอดิเรก ก็ดูดีไปอีกแบบ

และห้องสุดท้ายที่จะพามาดูกันคือ Master Bedroom ภายในมีพื้นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ เชื่อมต่อกับระเบียงด้านหน้าบ้าน สามารถออกมายืนรับลม จิบกาแฟได้ นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้ดีทั้งพื้นที่ห้องนอน และส่วนแต่งตัว

ภายในสามารถทำเป็น Walk-in Closet และเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำส่วนตัวด้านในได้อีกที โดยห้องน้ำส่วนตัวห้องนี้แยกพื้นส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ใช้งานสะดวกมากๆ เลย

.

… … … … … … … … … … … … … … … … … … …

.

และย้ายมากันที่แบบบ้านแฝดกันบ้างค่ะ เราจะพาชมเป็นแบบบ้านหลังเล็กที่สุดในโครงการ ถึงจะจิ๋วแต่ภายในไม่จิ๋วนะค้า ครอบครัวขนาดเล็ก-กลางอยู่ได้สบายๆ

แบบบ้าน CLEVER (บ้านแฝด)

‘ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พร้อมครัวไทย พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร ‘

ก่อนจะพาเข้าดูในตัวบ้าน เราจะขอพาดูที่รอบๆ ตัวบ้านกันก่อนน้า ตรงลานจอดรถเราสามารถเดินเลียบข้างบ้านไปยังพื้นที่ส่วนครัวไทยและซักล้างที่ทางโครงการทำออกมาไว้เป็นแบบ Semi-Outdoor .. สะดวกนะคะเวลาซื้อของมาแล้วจะเอาเก็บเข้าครัว เพราะพื้นที่ตรงนี้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ครัวในบ้านได้อีกจุดหนึ่งด้วย

ดูข้างบ้านไปแล้ว เรากลับมาดูที่ในบ้านกันบ้างดีกว่า เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่รับแขก สามารถวางชุดรับแขกขนาด 4-5 ที่นั่งได้ และตรงนี้จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารทางด้านหลังเลย ทำให้บรรยากาศ โปร่งโล่ง ผ่อนคลายมากทีเดียว

พื้นที่รับประประทานอาหารอยู่ในจุดเชื่อมต่อระหว่างส่วนพักผ่อนและส่วนของงาน Service อีกเช่นเคย กว้างอยู่น้า วางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ

ติดๆ กันจะเป็นทางเดินไปยังห้องน้ำ ภายในมีสุขภัณฑ์ครบครัน แบ่งแยกพื้นที่ส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และยังมีประตูที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถ สามารถเข้าบ้านได้จากประตูนี้อีกทางหนึ่งค่ะ

ส่วนทางเดินอีกด้านเป็นทางไปยังห้องเก็บของ ตรงนี้สามารถเก็บของชิ้นขนาดกลางๆ ได้ และห้องครัว ซึ่งในบ้านเปล่าที่ทางลูกค้าได้จริงๆ แล้วจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อกันค่ะ แต่ในบ้านตัวอย่างทางโครงการได้ติดตั้งประตูบานเลื่อนเอาไว้เพื่อแบ่งให้เป็นสัดส่วนชัดเจน เป็นไอเดียที่ดีนะคะ เผื่อใครไม่อยากทำครัวไว้ด้านนอกบ้าน ติดประตูตรงนี้ก็สามารถมีครัวปิดในบ้านได้เลย ป้องกันกลิ่นที่จะเข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนอื่นๆ อีกด้วย

ภายในห้องครัวสามารถวางเคาน์เตอร์และตู้เก็บของแบบแขวนผนังได้เต็มทั้งสองด้าน มีพื้นที่มากพอสำหรับทำครัวพร้อมกันหลายคน และยังสามารถเดินต่อไปยังครัวไทยที่เราพาชมในตอนแรกได้

ก่อนจะพาขึ้นชั้น 2 เราขอแวะพาชมบันได้สักเล็กน้อย ที่บริเวณบันไดบ้านที่เราจะพาแวะชมกันนี้อยากให้เพื่อนๆ ลองสังเกตกันค่ะ ที่บ้านหลังนี้ให้หน้าต่างค่อนข้างเยอะทำให้เป็นการเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับบริเวณบันไดได้ดี มีความสว่างที่เพิ่มขึ้น ช่วยลดอัตราการเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดได้อีกทางหนึ่งค่ะ

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้ว เราจะเจอกับโถงทางเดินแจกแจงไปยังห้องต่างๆ โดยเราจะขอเริ่มจากห้อง Master Bedroom ก่อน

เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ เราจะเจอพื้นที่ภายในห้องที่มีพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่บ้านชั้น 2 เลยทีเดียว ยาวตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน .. สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เหลือๆ พร้อมช่องแสงทั้งด้านข้างและจากระเบียงด้านหน้าบ้าน ทำให้ห้องมีบรรยากาศที่โปล่งโล่ง ไม่อึดอัด นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่ภายในห้องกว้างมากพอที่จะทำเป็นโซนแต่งตัวได้

ตัวห้องนอนใหญ่นี้มีประตูเชื่อมต่อเข้าห้องน้ำบนชั้น 2 ได้เลยทันที ไม่ต้องก้าวขาออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียวเลยค่ะ สะดวกมากเลยน้าสำหรับใครที่อยู่ห้องนี้ ด้านห้องน้ำนั้นจัดสุขภัณฑ์มาให้ครบครัน พร้อมแยกส่วนแห้งและเปียกเอาไว้ให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้ว

ขยับจากห้องนอนใหญ่มาดูที่ห้องนอน 2 กันบ้าง จริงๆห้องนี้คือห้องนอนนะคะ สามารถวางเตียงและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่จำเป็นได้อย่างครบครัน แต่ในบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งออกมาเป็นห้องทำงาน เผื่อเป็นไอเดียให้สำหรับใครหลายคนที่ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีห้องนอนหลายห้องค่า น่ารักดี .. อ้อ! ในห้องนี้ยังมีระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ด้วยน้า ทำปิ้งย่างได้เลย ไหนๆ ก็ไป Rooftop ไม่ได้ ก็มาปิ้งที่ระเบียงบ้านชั้น 2 แทนกันก่อนก็ได้เนอะ 🙂

และห้องสุดท้ายที่จะพาชมคือ ห้องนอน 3 นั่นเอง ขนาดจะค่อนข้างใกล้เคียงกับห้องนอน 2 แต่ห้องนี้จัดมาเป็นห้องนอนให้ดูเป็นแนวทางว่าสามารถวางเตียงและเฟอร์นิเจอร์ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่ขนาดไหน อะไรยังไง ให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ .. ส่วนตัวมองว่าผู้ใหญ่อยู่ได้สบายๆ เลย

.. เป็นยังไงกันบ้างคะกับการรีวิวพาชมบ้านตัวอย่างในพาร์ทนี้ ทางพฤกษาออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมาได้อย่างน่าสนใจ ใช้สอยได้จริงเลยใช่ไหมล่ะ ขอบอกเลยว่าพื้นที่ภายในห้องนอนแต่ละห้องนั้นสามารถอยู่ได้จริง รองรับได้ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงโตเป็นผู้ใหญ่เลยค่ะ

THE VIEW & SURROUNDING

ที่ตั้งของ The Plant Rangsit Avenue เป็นที่ดินลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางตัวยาวไปกับซอยรังสิต-นครนายก 65 ซึ่งตรงนี้ทำให้บ้านแทบทุกแปลงหันหน้าทางทิศเหนือและใต้ ทำให้สามารถรับลมและแสงธรรมชาติได้ในระดับกำลังดีค่ะ

ทิศเหนือ ติดกับ หมู่บ้านจัดสรรสูง 2 ชั้น

ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินว่างเปล่า

ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่บ้านจัดสรรสูง 2 ชั้น

ทิศตะวันตก ติดกับ ซอยรังสิต-นครนายก 65

ราคา เดอะ แพลนท์ รังสิต-อเวนิว (The Plant Rangsit Avenue)

ราคาบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด The Plant รังสิต-อเวนิว ช่วงเดือนมีนาคม 2564 ที่เราเข้าไปรีวิวนั้นจะอยู่ในช่วงราคาเริ่มต้น 3.8-7.2 ล้านบาท* ซึ่งเป็นช่วงราคาที่ยังนับได้ว่าสามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ไม่ยาก โดยวาง Positioning ของกลุ่มลูกค้าไว้อย่างชัดเจนว่าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านรังสิต ที่อยู่ในช่วงคลองต้นๆ ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก และยังอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งห้าง ร้านค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาลค่ะ

ราคา  The Plant Rangsit Avenue

(as of March 2021)

ราคาเริ่มต้น :

• บ้านแฝด Clever พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท*
• บ้านเดี่ยว Author พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท*

**ราคาที่ระบุเป็นราคาเริ่มต้น ณ วันรีวิว  ซึ่งราคาและค่าใช้จ่ายต่างๆ อาจเปลี่ยนแปลงได้  กรุณาสอบถามโครงการโดยตรงอีกครั้ง**

เงื่อนไขการเป็นเจ้าของ :

เงินจอง

• จอง 10,000 บาท

ทำสัญญา

• 40,000 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

• ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตารางวา

SUMMARY

ภาพรวมโครงการ

• The Plant รังสิต-อเวนิว โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดหนึ่งเดียวในรังสิตคลองต้นๆ ที่ติดถนนใหญ่!
• ให้ความ เป็นส่วนตัวด้วยเพียง 212 ยูนิต บนที่ดินกว่า 36 ไร่ครึ่ง
• นอกจากยูนิตจะน้อยแล้ว ในแต่ละซอยยังมีบ้านอยู่เพียง 4-8 หลัง* (แปลนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต) เท่านั้น ไม่วุ่นวาย
• โครงการไม่ลึก เดินจากด้านหน้าจนถึงท้ายโครงการได้สบายๆ
• บ้านภายในโครงการเป็นแบบบ้านใหม่ หน้ากว้าง ฟังก์ชั่นการใช้สอยใช้งานได้จริง
• พื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย เช่น สระว่ายน้ำ ขนาด Half-Olympic พร้อมสระเด็กและ Jacuzzi, Fitness, Co-Working Space, สนามเด็กเล่น, สวนสาธารณะขนาดกว่า 1 ไร่ เป็นต้น
• รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร เช่น ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, สัมมากรเพลส, M Park, Market Village, รร.โชคชัยรังสิต, ม.นอร์ทกรุงเทพ, รพ.บางปะกอก รังสิต 2, รพ.เปาโลรังสิต เป็นต้น

ด้านการเดินทาง

• สามารถเข้าออกได้ทั้งจาก ทางเข้าหลักที่ติดกับถนนรังสิต-นครนายก และซอยรังสิต-นครนายก 65 (เข้าจากถนนใหญ่ 450 เมตร)
• ไปยังถนนสายหลักข้างเคียงได้หลายสาย เช่น ถนนพหลโยธิน, ถนนรังสิต-ปทุมธานี, ถนนคลองหลวง, ถนนลำลูกกา เป็นต้น
• ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ และยังมีทางด่วนอีก 2 สายให้เลือกใช้งานในระยะทางที่ไม่ไกล อย่าง ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก และทางด่วนอุดรรัถยา

เหมาะกับใคร?

• พนักงานรัฐ, ข้าราชการ และพนักงานเอกชน ในบริเวณใกล้เคียง หรือทำงานในเมืองที่ต้องการการเดินทางที่สะดวก ใช้ดอนเมืองโทลล์เวย์ หรือวงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นประจำ
• เจ้าของธุรกิจ-ผู้ประกอบการในย่านรังสิต และปทุมธานี
• กลุ่มคนที่กำลังสร้าง หรือขยายครอบครัว ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
• คนที่มีกำลังจ่ายเพียงพอ และต้องการบ้านย่านรังสิต สามารถเข้าจากถนนรังสิต-นครนายกได้ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งศูนย์การค้า, โรงเรียน และโรงพยาบาล

BOTTOM LINE

บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด The Plant รังสิต-อเวนิว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านรังสิตคลองต้นๆ เข้าโครงการได้จากถนนรังสิต-นครยายก ซึ่งในปัจจุบันแทบจะหาไม่ได้แล้วกับบ้านโครงการในทำเลแบบนี้ค่ะ  นอกจากนี้ภายในโครงการยังให้ความเป็นส่วนตัว  กับขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านที่ให้มาตั้งแต่ 125-160 ตารางเมตร ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน .. ซึ่งการที่ซื้อบ้านในโครงการที่มีคุณสมบัติแบบนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่าบ้านที่ซื้อมาเหมาะกับไลฟ์สไตล์และยืดหยุ่นการใช้งานไปได้ตามยุคสมัยค่ะ

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยนะคะ  ^_____^