MK มีรายได้รวม Q1/64 อยู่ที่ 571.53 ล้านบาท จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 448 ล้านบาท, ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ 74.44 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีก 3 โครงการ
มั่นคงเคหะการ (MK) เปิดเผย Q1/2564 มีรายได้รวม 571.53 ล้านบาท จาก 3 ธุรกิจหลัก พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีก 3 โครงการ
· ~ 1 min readนายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) เผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 571.53 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 448 ล้านบาท
- ธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ (Recurring Income) จำนวน 74.44 ล้านบาท
- ธุรกิจสนามกอล์ฟ และธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 44.61 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสนี้แม้จะมีรายได้ลดลง 9.85% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่หากมองในแง่ของอัตราส่วนกำไรขั้นต้นนั้น ในปีนี้อยู่ที่ 27.25% มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2563 ที่มีอยู่ที่ 24.4% ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ
ส่วนธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ แม้ว่าจะมีรายได้ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากเมื่อไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดได้ขายทรัพย์สินประมาณ 45% ของโครงการทั้งหมดเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (กองทรัสต์) โดยรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์สินดังกล่าวจำนวน 263.3 ล้านบาท อย่างไรก็ดีหากเปรียบเทียบรายได้ภายหลังการขายทรัพย์สินบางส่วน บริษัทย่อยได้กลับมามีรายได้เพิ่มขึ้น 13% จากจำนวน 51 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน
จากการพัฒนาพื้นที่ในโครงการที่เหลืออยู่และสามารถเริ่มเปิดให้เช่าพื้นที่เพิ่มเติมโดยมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) ณ สิ้นไตรมาสสูงถึง 93% ทำให้รายได้จากการให้เช่าและบริการมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ทั้งนี้สำหรับในส่วน บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 1 ปี ที่จะทำให้กลับมามีมูลค่าทรัพย์สินเท่าเดิมก่อนขายเข้าให้กองทรัสต์ฯ
สำหรับ ธุรกิจสนามกอล์ฟ และธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ ยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ ที่มียอดรับรู้รายได้ จำนวน 16.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.69% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินในกองทรัสต์ของ “บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด” และรายได้จากการจัดการกองทุนทรัสต์ของ “บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด” ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นของธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 6.27 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 179.93% และนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
ด้านธุรกิจเพื่อสุขภาพโครงการรักษ (RAKxa) ที่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 นั้น แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อตัวโครงการ เนื่องจากลูกค้าชาวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาใช้บริการในประเทศได้ ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้มีการปรับกลยุทธ์เชิงรุก สร้างการรับรู้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าภายในประเทศมากยิ่งขึ้น และเน้นขาย Membership โดยปัจจุบันมีค่าสมาชิกมากกว่า 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในแต่ละธุรกิจหลักนั้นมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากแผนธุรกิจ 5 ปีที่มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรในกลุ่มธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบของสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีการจัดการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
จากภาพรวมธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วจากโควิด-19 ระลอกใหม่ หากสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ 50% ของจำนวนประชากรทั้งหมด คาดจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งในส่วนของ มั่นคงฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมทุกช่องทาง และยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามแผนที่ได้วางเอาไว้ คือ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,347 ล้านบาท และขยายธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า “โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน” เพิ่มอีก 2 แห่ง จำนวน 120,000 ตารางเมตร อย่างแน่นอน