All Inspire โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 พลิกทำกำไรเพิ่มขึ้น 149% จากไตรมาสแรก พร้อมตุน Backlog กว่า 8,500 ล้านบาท
· ~ 1 min readผลประกอบการ All Inspire (ALL) ในไตรมาส 2/2564 สามารถกลับมาทำกำไรเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี โดยเพิ่มขึ้น 149% ดันรายได้รวม 558 ล้านบาท เติบโต 118% จากไตรมาส 1/2564 ส่งผลงบไตรมาส 2/2564 พุ่ง มองเป็นจุดดีดกลับของแนวโน้มกำไรขาขึ้น
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) เปิดเผยว่า จากความเข้าใจในการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด – 19 และภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า การเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ในระดับราคาขายที่เหมาะสม ทำให้ทุกๆ โครงการภายใต้แบรนด์ The Excel (ดิ เอ็กเซล) และ The Vision (เดอะ วิชั่น) มีกระแสตอบรับที่ดี ส่งผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือน ในไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมา (เมษายน – มิถุนายน 2564) ประสบความสำเร็จในการกลับตัวมาทำกำไร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงาน ทั้งรายได้ – กำไรสุทธิ
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118% จากช่วงไตรมาส 1/2564 ที่มีรายได้รวม 256 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวมในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% จากช่วงไตรมาส 1/2564 ที่ขาดทุนสุทธิที่ 72 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการส่งมอบโครงการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ให้กับลูกค้า
ในไตรมาส 2/2564 รายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ของไตรมาส 1/2564 ที่ 236 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่แล้วเสร็จในปี 2564 ของ 3 โครงการ ได้แก่
- ทาวน์โฮม เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ (The Vision Ladprao-nawamin) มูลค่าโครงการ 1,385 ล้านบาท
- คอนโด ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร (The Excel Ladprao – Sutthisan) มูลค่าโครงการ 1,136 ล้านบาท
- คอนโด ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,515 ล้านบาท
“ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท จาก 2,000 ยูนิต เป็นโครงการในระดับ 2 – 3 ล้านบาทต่อยูนิต ประมาณ 75% ทั้งนี้ Backlog ทั้งหมดจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า (2564 – 2566) ทำให้บริษัทฯ มั่นใจผลการดำเนินงานในช่วงต่อจากนี้ จะทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ดังกล่าว” นายธนากร กล่าว