ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แทบไม่ค่อยได้เห็นโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นตรงช่วงถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้าเมือง ที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าวซะเท่าไหร่ แต่ล่าสุดได้ไปสะดุดตาเข้ากับโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station (แลนด์มาร์ค แอท เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้อง สเตชั่น) เป็นคอนโดมิเนียม Mixed-used แห่งใหม่ จาก Siamese Asset  แถมมีจุดเด่นด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 4.15 เมตร  ให้ฟีลเหมือนการอยู่บ้าน  แตกต่างจากการอยู่คอนโดทั่วไป  

โครงการ แลนด์มาร์ค แอท เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้อง สเตชั่น ไม่ได้โดดเด่นแค่อยู่ติดถนนใหญ่วิภาวดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้องแบบ 0 เมตร* อีกด้วย แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือห้องพักอาศัย ที่มาในรูปแบบ 2 ชั้น 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ บนพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 38 ตารางเมตร ถึง 44.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท*

ที่สำคัญคือโครงการกำลังจะเปิดขายรอบ VIP DAY ในวันที่ 2 เมษายน 65 นี้ พร้อมส่วนลดพิเศษถึง 100,000 บาท* ถ้าสนใจสามารถจองสิทธิ์ได้ที่
คลิก >>> https://bit.ly/3hPkgmg

ข้อมูลโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station

LOCATION : ที่ตั้งโครงการคอนโด Landmark at Kasetsart TSH Station

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าบนถนนวิภาวดีรังสิตไม่ได้มีคอนโดเปิดใหม่บ่อยมากนัก  ส่วนใหญ่แล้วคอนโดในโซนนี้มักจะไปอยู่บนเส้นพหลโยธินและงามวงศ์วาน  ทำให้ซัพพลายคอนโดที่รองรับความต้องการของคนที่ใช้ถนนวิภาวดีเป็นหลักมีไม่มาก  ในขณะที่ดีมานด์นั้นถือว่าไม่ได้น้อยกว่าถนนเส้นอื่นๆ  เพราะวิภาวดีรังสิตเป็นถนนหลักสำคัญที่เป็นแกนเชื่อมต่อพื้นที่โซนเหนือเข้ากับพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ  และยังแวดล้อมด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมาย  และยังใกล้กับสนามบินดอนเมือง  รวมถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วย

คอนโด Landmark @ Kasetsart TSH Station อยู่ติดถนนใหญ่วิภาวดีรังสิต ฝั่งเดียวกับขาเข้าเมือง ที่มุ่งหน้าสู่ห้าแยกลาดพร้าว  สามารถเชื่อมต่อถนนหลักหลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ถนนงามวงศ์วาน ซึ่งถ้าวิ่งซ้ายจะไปออกเกษตรนวมินทร์  แต่ถ้าออกขวายาวไปแยกพงษ์เพชรทะลุรัตนาธิเบศร์ หรือใช้ถนนรัชดาภิเษก เพื่อไปยังแถวประชาชื่น โซนวงศ์สว่าง หรือเข้าเมืองไปทางรัชดา-พระราม9

นอกจากนี้ก็มีทางยกระดับอุตราภิมุขหรือดอนเมืองโทลล์เวย์  เชื่อมต่อกับใจกลางเมืองบริเวณดินแดงเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดในบางวัน หรือวันไหนที่อยากออกนอกเมืองไปรังสิต ลำลูกกา และปทุมธานี ก็ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้เยอะ

สำหรับรถไฟฟ้าเรียกได้ว่ามาจอดรับถึงที่ เพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง ห้องแบบ 0 เมตร ซึ่งนั่งไปเพียง 4 สถานี ก็จะถึงจุด Interchange ของ MRT สายสีน้ำเงิน  ซึ่งชื่อ TSH ก็ย่อมาจากชื่อ “ทุ่งสองห้อง” นั่นเอง

และที่สำคัญโลเคชั่นของโครงการ ยังอยู่ใกล้สถานศึกษาชื่อดังอย่าง ม.เกษตรศาสตร์ และสถานพยาบาลชั้นนำ รพ.วิภาวดี, รพ.จุฬาภรณ์ ทำให้เหมาะอย่างมากสำหรับอาจารย์ หมอ พยาบาล นิสิตนักศึกษา และบุคลากรด้านอื่นๆ ที่อยากอยู่ใกล้ๆ ที่เรียนหรือที่ทำงาน เพื่อการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว

ให้ภาพเล่าเรื่อง คือโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง 0 เมตร แบบของจริงตรงปกไม่จกตา

หน้าทางเข้าโครงการ ติดถนนใหญ่วิภาวดีรังสิต มองทางซ้ายมือจะมุ่งหน้าไปสู่ห้าแยกลาดพร้าว

สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก มีครบครันทั้งแหล่งไลฟ์สไตล์ อย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์, เมเจอร์ รัชโยธิน และ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จะช้อปหรือกินก็ได้ทั้งนั้นเพราะได้รวบรวมร้านอาหารชื่อดัง และร้านค้าต่างๆ หลากหลายแบรนด์ มาไว้ในห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ให้เรียบร้อย

นอกจากนี้ยังรายล้อมด้วยแหล่งงาน บริษัทและสำนักงานออฟฟิศ ทั้งปตท.สำนักงานใหญ่, ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่, สนามบินดอนเมือง, เดลินิวส์, การบินไทย, เบทาโกร, เดลินิวส์ และ ไทยรัฐ

รวมถึงสถาบันศึกษาที่อยู่ใกล้โครงการคือ ม.เกษตรศาสตร์, ม.ราชภัฏพระนคร, ม.ศรีปทุม และ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์

ส่วนสถานพยาบาล ได้แก่ รพ.วิภาวดี, รพ.เปาโล และรพ.จุฬาภรณ์

PROJECT WALKTHROUGH

เนื่องจากโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 4 ในปี 2567 เลยจะขอพาไปชม Sales Gallery ซึ่งอยู่ติดกับถนนใหญ่แทน

โดยด้านหลังคือบริเวณพื้นที่ของตัวโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เข้ามาข้างในพื้นที่กว้างขวางพอสมควร เตรียมที่นั่งรองรับไว้อย่างเพียงพอ พร้อมบริการเครื่องดื่มฟรีสำหรับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการ

งานออกแบบสถาปัตยกรรม Landmark at Kasetsart TSH Station

โครงการเป็นคอนเซ็ปต์รูปแบบ คอนโด Mixed-Use โครงการแรกๆ ที่เกิดขึ้นบนถนนวิภาวดีแห่งนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องผิด โดยโครงการอยู่บนที่ดินประมาณ 3 ไร่ มีทั้งหมด 3 อาคาร รวมทั้งหมด 437 ยูนิต แบ่งเป็นจำนวนที่พักอาศัย 428 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต

ในส่วนของที่พักอาศัยจะแบ่งเป็น อาคาร A ที่คาดว่าจะเป็นในรูปแบบของ Branded Residence จาก Siamese Asset และอาคาร C จะเป็นส่วนของคอนโด High Rise จำนวน 236 ยูนิต ถือว่ามีจำนวนยูนิตน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแก่ลูกบ้าน เพราะจะได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่ ส่วนอาคาร B เป็นอาคารจอดรถ สามารถจอดได้ 38% หรือ 166 คัน โดยแบ่งเป็นที่จอดรถอัตโนมัติ 135 คัน และที่จอดรถปกติ 31 คัน แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน  ซึ่งเชื่อมต่อระหว่าง 2 อาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัย

สุดท้ายที่น่าจับตามองนับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่ทำให้โครงการเป็น Mixed-Use อย่างสมบูรณ์แบบ คือการเพียบพร้อมด้วยร้านอาหาร ร้านค้า และพื้นที่กิจกรรมหลากหลาย ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณด้านล่างอาคาร ยาวตลอดทั้ง 3 อาคาร โดยอาคาร A มี 6 ร้าน อาคาร B มี 2 ร้าน และ อาคาร C มี 1 ร้าน รวมทั้งหมด 9 ร้าน ทำให้ไม่ต้องออกไปไหนไกล สามารถใช้ชีวิตได้ครบจบในที่เดียว

อันนี้คือโมเดลของอาคาร C ที่เป็นคอนโดพักอาศัย ซึ่งเห็นเลยว่าแต่ละยูนิตจะได้ช่องแสงเยอะมาก ทั้งประตูระเบียง หน้าต่างห้องอเนกประสงค์ และหน้าต่างห้องนอนที่ชั้นบน

จากภาพ perspective และแปลนโครงการ จะเห็นได้ว่าร้านอาหารและร้านค้าทั้งหลาย จะอยู่ที่ชั้นล่างของทั้ง 3 อาคาร ให้ได้เลือกกินเลือกช้อปตามใจชอบ

มาต่อกันที่ส่วนกลางซึ่งแต่ละอาคารแยกใช้กันชัดเจน ไล่เรียงตั้งแต่ชั้นล่าง ล็อบบี้หรือโถงต้อนรับ มีความเรียบง่ายแต่ก็ดูทันสมัย ผนังฝั่งหนึ่งเป็นกระจก ทำให้แขกหรือลูกบ้านที่มานั่งตรงส่วนนี้มองเห็นสวนภายนอก

แต่ Facility อื่นๆ จะอยู่ที่ชั้นบนสุดอย่าง สระว่ายน้ำ พร้อม Jacuzzi

ฟิตเนส ขนาดใหญ่กรุกระจกฝั่งหนึ่งเพื่อให้มองเห็นวิวเมืองได้แบบเต็มสายตา พร้อมเครื่องออกกำลังกายครบครัน

และ สวนพักผ่อน ที่โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและต้นไม้น้อยใหญ่ เพื่อให้ออกมานั่งเล่นแบบใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างสบายอารมณ์

ROOM TYPE

สำหรับห้องของ Landmark at Kasetsart TSH Station ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ คือได้ห้องในรูปแบบ 2 ชั้น ที่ไม่ได้มีแค่ 1 ห้องนอน แต่ยังได้ 1 ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เท่านั้นไม่พอยังมีจุดเด่นตรงภายในห้อง ได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.15 เมตร เพื่อความโปร่งโล่งให้ฟีลเหมือนอยู่บ้าน ตอบโจทย์ยุค New Normal ซึ่งคนส่วนใหญ่หันมา WFH ให้ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ โดยขายแบบ Fully Fitted ได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว ตู้เสื้อผ้า วอลเปเปอร์ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ พร้อมกั้นห้องชั้นบน

สำหรับห้องพักอาศัย มีให้เลือกทั้งหมด 2 Type

• Flexi type ขนาด 38 ตารางเมตร
• Grand type ขนาด 44.5 ตารางเมตร

… … … … … … … … … … … … … … … … … … …

ห้องตัวอย่าง Landmark at Kasetsart TSH Station

ห้อง Flexi แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ขนาด 38 ตารางเมตร

Layout ห้องขนาด 38 ตารางเมตร นับว่าออกแบบจัดวางมาได้ลงตัวกำลังดี ให้ห้องนั่งเล่นรวมกับมุมรับประทานอาหาร ส่วนห้องอเนกประสงค์ ได้เป็นประตูทึบเพื่อแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน และดีไซน์ให้ห้องครัวอยู่ตรงระเบียงข้างนอกห้อง เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้มากขึ้น ขณะที่ชั้นบนเป็นห้องนอนที่ได้ช่องแสงมาด้วย พร้อมกับ Favorite corner  ที่โครงการบิวท์อินทำเป็นตู้เสื้อผ้า และมี Powder room รองรับที่ชั้นบนเรียบร้อย

เปิดประตูเข้ามารู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งของห้อง เพราะทางโครงการให้เพดานมาสูงถึง 4.15 เมตร โดยจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน

ซึ่งทางโครงการเลือกวางโต๊ะกินข้าวไว้บริเวณหน้าห้อง โดยยึดติดกับผนังไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่จะปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะกินข้าวปกติก็ได้เช่นเดียวกัน

ถัดมาถึงจะเป็นมุมนั่งดูทีวี วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และชั้นวางทีวี ก็ยังมีสเปซให้เดินผ่านได้สะดวกสบาย

ด้านในสุดขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่เห็นถึงความใส่ใจของโครงการ ตรงที่ให้หน้าต่างและช่องแสงมาด้วย และขนาดกว้างขวางพอสมควร จะทำเป็นห้องทำงานหรือห้องอื่นๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลย พร้อมห้องเก็บของใต้บันได

ขณะที่ระเบียงจะรวมกับส่วนของครัว ทางโครงการไม่ได้มีให้เราจึงดีไซน์ได้เต็มที่ ว่าอยากจะได้เคาน์เตอร์ครัวหรืออ่างล้างจานแบบไหนถึงจะเข้ากับสไตล์ห้องของเรา

เดินย้อนกลับมาที่หน้าห้อง แต่ก่อนจะขึ้นไปชั้น 2 จะเจอห้องน้ำ ให้สุขภัณฑ์มาค่อนข้างครบ ได้อ่างล้างหน้า กระจก โถสุขภัณฑ์ (ฝารองนั่งแบบ Washlet) ฝักบัว Rain Shower แต่ไม่ได้ให้กระจกฉากกั้น ส่วนตัวแนะนำว่าควรติดตั้งเพิ่มเพื่อแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง

ไปดูชั้นบนในส่วนของห้องนอนกันต่อ โดยจะมีประตูแบบบานเลื่อนกั้นอีกชั้นหนึ่งก่อนเข้าห้อง ซึ่งมีข้อดีตรงที่จะทำให้แอร์ไม่ออกนอกห้องไปถึงพื้นที่ชั้นล่าง ทำให้ช่วยประหยัดไฟได้อย่างดี

ขนาดห้องเหมาะแก่การวางเตียง 5 ฟุต กำลังสวยงาม มาพร้อมกับหน้าต่างแบบบานกระทุ้งและช่องแสง ที่ช่วยให้อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด

เดินสเต็ปก้าวขึ้นมาอีกนิด จะเจอกับโซนแต่งตัว ทางโครงการบิวท์ตู้เสื้อผ้ามาให้สุดเพดาน เก็บเสื้อผ้าได้ค่อนข้างเยอะ

และเชื่อมต่อไปยัง Powder room พร้อมชั้นเก็บของที่บิวท์มาให้เสร็จสรรพ ซึ่งนับว่าดีมากทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องขึ้นลงไปเข้าห้องน้ำให้ยุ่งยาก

ห้องตัวอย่าง Landmark at Kasetsart TSH Station

ห้อง Grand แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ขนาด 44.5 ตารางเมตร

รูปแบบ Layout จะคล้ายกับห้องแรก มีห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ชั้นล่าง และโซนครัวยังคงอยู่ตรงระเบียงเหมือนเดิม แต่สลับตำแหน่งการวาง ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องรับประทานอาหาร และห้องมีขนาดใหญ่กว่าพอสมควร ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ชั้นบนแยกเป็นสองฝั่งระหว่างห้องนอนและห้องแต่งตัวชัดเจน ซึ่งห้องนอนมีความพิเศษนอกจากได้ช่องแสงแล้ว ยังได้กระจกเข้ามุมที่มองลงไปเจอห้องนั่งเล่น ยิ่งทำให้ห้องดูกว้างขวาง เหมาะอย่างมากสำหรับอยู่กัน 2 คน

ด้วยรูปแบบ 2 ชั้น ที่ได้เพดานสูง ทำให้เวลาเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีความกว้างขวางปลอดโปร่ง

โดยอันดับแรกที่พบคือห้องนั่งเล่น  ขวามือสำหรับวางโซฟาได้ 2-3 ที่นั่ง ทั้งแบบตัวไอหรือจะเป็นรูปตัวแอลที่มีความยาวไม่มากนักก็วางได้เหมือนกัน

ตรงข้ามเป็นส่วนของชั้นวางทีวี ซึ่งแนะนำว่าเลือกแบบที่โครงการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง จะช่วยให้เก็บของได้เยอะขึ้น

ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งรูปแบบและสุขภัณฑ์ที่ได้จะเหมือนกับห้องแรก แต่ต่างกันตรงที่ได้ชั้นวางของ ที่ทางโครงการบิวท์ไว้ให้ และมีขนาดห้องน้ำที่ใหญ่กว่า เวลาใช้งานจะได้รู้สึกสะดวกสบาย

ถัดมาคือโซนนั่งรับประทานอาหาร วางโต๊ะกินข้าวได้ถึง 4 ที่นั่ง ได้แบบสบายๆ พื้นที่เหลือเฟือ แต่ความจริงแล้วถ้าอยู่แค่คนเดียวหรือ 2 คน อยากปรับโต๊ะเป็น 2 ที่นั่งก็จะทำให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง หรือเพิ่มตู้เก็บของได้สำหรับคนที่มีของเยอะ

สำหรับตู้เย็นวางไว้ติดกับประตูระเบียง ซึ่งขนาดพื้นที่ทำให้เราเลือกตู้เย็นได้ค่อนข้างหลากหลากไซซ์เลยทีเดียว

ขณะที่ตัวระเบียงจะเป็นทั้งส่วนของครัวและซักล้าง วางเคาน์เตอร์ครัว อ่างล้างจาน และเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ก็ยังพอมีสเปซให้ขยับตัวเคลื่อนไหวได้สะดวก

ด้านห้องอเนกประสงค์ ทางโครงการทำเป็นห้องนอน วางเตียง 5 ฟุต ให้ดูเป็นตัวอย่าง ทำให้เห็นว่ายังมีสเปซอีกพอสมควรในการใช้งาน

โดยจะปรับเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือห้องไลฟ์ขายของออนไลน์ก็ยังได้ เพราะหน้าต่างที่ให้มา ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้แก่ห้อง

ส่วนชั้น 2 ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งห้องนอนกับห้องแต่งตัว บวกกับ Powder room

ขวามือเป็นห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน กั้นเป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถวางเตียง 5 ฟุต รวมถึงโต๊ะหัวเตียง

แต่ที่ชอบคือการที่โครงการให้หน้าต่างบานกระทุ้ง ช่วยดึงแสงธรรมชาติและเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พร้อมกระจกเข้ามุมอีกฝั่งหนึ่ง ยิ่งทำให้ห้องนี้น่าอยู่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว

อีกฝั่งหนึ่งคือมุมแต่งตัวที่เหมือนกับมี Walk-in Closet เป็นของตัวเอง ซึ่งโครงการบิวท์ตู้เสื้อผ้ามาให้พร้อมใช้งาน และยังมีพื้นที่ให้วางตู้เก็บของเพิ่มได้อีกประมาณหนึ่ง หรือจะบิวท์ฝังไปกับผนัง เหมือนห้องตัวอย่างก็ดูสวยงามไปอีกแบบ

ปิดท้ายด้วย Powder room ได้อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และชั้นเก็บของ กลางคืนอยากใช้ห้องน้ำ ก็เข้าห้องนี้ได้โดยที่ไม่ต้องลงไปข้างล่าง

ราคาคอนโด Landmark at Kasetsart TSH Station

ราคาของคอนโด Landmark at Kasetsart TSH Station เริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาเอื้อมถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็น First Jobber หรือวัยทำงานที่อยากซื้ออยู่เองก็คุ้มค่า หรือแม้แต่กลุ่มนักลงทุนก็สามาถปล่อยเช่าทำกำไรได้สบายๆ

• ห้องขนาด 38 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท*
• ห้องขนาด 44.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.80 ล้านบาท*

เงื่อนไขการเป็นเจ้าของ :

เงินจอง , ทำสัญญา

• จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 140,000-160,000 บาท (ผ่อน 0% ได้ 10 เดือน)

หมายเหตุ :  ข้อมูลรีวิวเป็นข้อมูลที่ทีมงานรวบรวมมา ณ วันเขียนบทความเท่านั้น  โปรดสอบถามรายละเอียดโดยตรงจากโครงการอีกครั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

SUMMARY

 

ภาพรวมโครงการและไฮไลท์สำคัญ

• Landmark at Kasetsart TSH Station เป็นคอนโด Mixed-Use ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ครบจบในที่เดียว
• เดินทางสะดวกสบายรอบทิศทาง จะเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองก็ใช้เวลาไม่นาน
• มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะรวมทั้ง 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตพักอาศัยเพียง 428 ยูนิต
• รูปแบบห้องเป็น 2 ชั้น มาพร้อมกับ 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์
• ได้เพดานสูง 4.15 เมตร เสริมให้ห้องดูโปร่งโล่งน่าอยู่อาศัย
• โซนครัวอยู่ตรงระเบียง ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น

ทำเลและการเดินทาง

• โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ติดถนนใหญ่วิภาวดี ซึ่งเชื่อมไปยังถนนสายสำคัญได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนงามวงศ์วาน ถนนรัชดาภิเษก และถนนพหลโยธิน
• ใกล้จุดขึ้นลงโทลล์เวย์ ทำให้จะเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองก็สะดวกรวดเร็ว
• ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้องแบบ 0 เมตร ซึ่งนั่งไปเพียง 4 สถานี ก็จะถึงจุด Interchange ของ MRT สายสีน้ำเงิน  หรือจะเชื่อมต่อใช้สถานีกลางบางซื่อในอนาคตก็สะดวกสบาย
• รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย  ใกล้เมเจอร์ รัชโยธิน, เซ็นทรัล ลาดพร้าว  รวมถึงสำนักงานออฟฟิศที่กระจายตัวอยู่รอบโครงการ  ใกล้สนามบินดอนเมือง  และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เหมาะกับใคร?

• คอนโด Landmark at Kasetsart TSH Station เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เดินทางโดยใช้ถนนวิภาวดีเป็นหลัก  หรือทำงานอยู่ในแนวถนนวิภาวดี จตุจักร พหลโยธิน
• คนที่มีรถยนต์ส่วนตัวและต้องทำงานบริเวณลาดพร้าว รัชโยธิน หรือต้องเข้าไปทำงานในเมือง ซึ่งคุ้มค่าและจ่ายง่ายกว่าการซื้อคอนโดราคาสูงใจกลางเมือง
• บุคลากร ม.เกษตรศาสตร์ และบุคลากร รพ.วิภาวดี ที่มองหาคอนโดเดินทางสะดวกใกล้ที่ทำงาน
• นักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตส  และคนที่ทำงานเบสในสนามบินดอนเมือง
• คนที่มองหาคนโดที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ด้วยฟังก์ชันของห้องฝ้าเพดานสูง  มีชั้นลอย ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนอยู่คอนโด
• คนที่ชอบความสะดวกสบาย ลงมาข้างล่างคอนโด ก็มีทุกอย่างพร้อมเสิร์ฟทั้งกินทั้งช้อป
• คนที่ต้องการคอนโดที่เข้าถึงสถานีกลางบางซื่อได้สะดวกในอนาคต