Trade War ประเด็นการเมืองโลกเดือด : อำนาจ ศรัทธา กับภาระที่อาจไปตกอยู่ที่ตัวเอง

· ~ 1 min read

หนึ่งในประเด็นร้อนแรง ที่ทำเอาตลาดปั่นป่วนกันไปหมด เราว่าหลายคนน่าจะได้ยินข่าวที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจและการลงทุน  อาจจะยังงง ๆ และไม่คุ้นเคยกับคำนี้ ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้เราจะมาสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังกันแบบสั้น ๆ เข้าใจง่าย

บทวิเคราะห์ Trade War

 

ย้อนกลับไปเมื่อในสมัย Trump 1.0 ก็เคยใช้มาตรการนี้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ  โดยขึ้นภาษีศุลกากรและประกาศสงครามการค้ากับจีนไปแล้วรอบหนึ่ง  และพอมาถึง Trump 2.0 ก็กลับมาในเวอร์ชันที่รุนแรงและก้าวร้าวกว่าเดิม  ก่อนจะประกาศ “Liberation Day Tariffs” เมื่อ 2 เมษายน ที่ผ่านมา

สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์เริ่มต้น จากการที่ทรัมป์ประกาศทยอยประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ  แต่เก็บหนักสุด ๆ เลย คือ จากจีน →  จีนไม่ยอม พร้อมโต้กลับประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ → ตลาดสหรัฐปั่นปวนคนแห่ซื้อสินค้านำเข้า → ตลาดหุ้นสหรัฐตกแรงทันที 10% → ทรัมป์ประกาศเลื่อนวัน → ทรัมป์โพสข้อความเชิงชวนให้ “เข้าซื้อ” ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังปรับตัว →  หุ้นดีดกลับขึ้นมา 10%  เรียกว่าปั่นป่วนตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ทั่วโลกแบบกลับไปกลับมา  แถมยังทำให้ราคาทองคำซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยขึ้นไปทำ All Time High อีกด้วย

ประเด็นวิเคราะห์ที่น่าสนใจ

ซึ่งความเปลี่ยนแปลงแบบสุดโต่ง นี้ก็อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสหรัฐและคนทั้งโลกต้องเผชิญ Mission to the moon podcast EP.2388 ได้พูดเกี่ยวกับประเด็นที่น่าสนใจ เกี่ยวกับแพทเทิร์นที่คล้ายคลึงกันในเหตุการณ์ Nixon Shock ที่เกิดขึ้นในปี 1971 กับการขึ้นภาษีนำเข้า 10%  เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้โลกทั้งใบต้องยอมรับ “ระเบียบใหม่” ที่ดอลลาร์คือผู้ครองอำนาจเด็ดขาด ในขณะที่ยุคทรัมป์แม้จะเดินหมากคล้ายกัน แต่โลกตอนนี้อาจจะไม่ได้ยอมจำนนเหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยบริบทโลกที่เปลี่ยนไป อาจส่งผลให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบเริ่มมองหา “ตัวเลือกอื่น” เพิ่มมากขึ้น

มองภาพระยะสั้นอาจจะยังไม่มีสกุลเงินที่แข็งแกร่งมากพอที่จะมาแทนเงินดอลล่าได้ แต่ในอนาคตก็อาจจะเกิดการรวมกลุ่มหรือทางเลือกอื่น ๆ  ที่อาจนำไปสู่การผันผวนของเงินดอลล่าที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลง และเกิดปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้ จากเดิมที่สหรัฐ “กำหนดกติกา” โลกอย่างเบ็ดเสร็จ วันนี้อาจจะกำลังกลายเป็นผู้ “แบกรับ” ระบบที่ตัวเองสร้างขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แล้วทั้งโลกรวมถึงไทยเรา จะได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง?

ผลกระทบระดับโลก เริ่มตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทานที่สะดุด การลงทุนชะลอตัว ไปจนถึงความไม่แน่นอนที่ทำให้บริษัทข้ามชาติต้องปรับฐานการผลิต ไม่พึ่งพาจีนมากเกินไป และย้ายไปยังประเทศที่เสี่ยงน้อยกว่า เช่น เวียดนาม อินเดีย หรือแม้แต่ไทยเอง นี่อาจเป็น “โอกาส” ที่ดูดีในระยะสั้น แต่ถ้าภาวะไม่แน่นอนยืดเยื้อ เศรษฐกิจเปิดอย่างไทยก็ย่อมได้รับแรงสั่นสะเทือนจากตลาดโลกเช่นกัน

ในด้านภาค อสังหาริมทรัพย์ไทย สิ่งที่เราเริ่มเห็นคือ นักลงทุนต่างชาติโยกย้ายความสนใจจากจีนมาสู่ประเทศที่มีความเสถียรมากกว่า ทำให้ตลาด Luxury Condo และ อสังหาฯ เพื่อการลงทุน ในไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าชาวจีน เวียดนาม และฮ่องกง

สุดท้ายแล้ว ในภาคอสังหาฯ ฝั่งไทยในระยะสั้น อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ แต่ “บรรยากาศ” การลงทุนของโลก และการโยกย้าย Supply Chain จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ยังคงต้องจับตา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
icon-yusabuy-titleRELATED ARTICLE
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก