พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร
ส่วนกลางของ Life Asoke-Rama 9 ในภาพรวมถือว่าให้มาเยอะมาก เหมาะสมกับจำนวนยูนิตที่เยอะค่ะ เรื่องความพอเพียงจึงตัดไปได้ส่วนหนึ่ง ที่ชั้นล่างมีสวนขนาดกว่า 3 ไร่, มี Pavillion นั่งเล่นใกล้ประตูทางออกคนเดิน, มีร้านค้าในโครงการอยู่ 2 ร้าน เป็น Family Mart ไปแล้ว 1 ร้าน, โถงต้อนรับทั้งอาคาร A, B เชื่อมต่อเนื่องกัน และเนื่องจากมีฝ้าเพดานค่อนข้างสูง จึงทำชั้นลอยเหนือโถงอาคาร B ทำเป็นพื้นที่นั่งทำงานและห้องประชุมได้ด้วย
ส่วนกลางต่อไปจะอยู่ที่ชั้นเหนือโพเดียมเป็นสวนและมีที่นั่งทำงานภายในสวน ส่วนชั้นดาดฟ้าจะรวมส่วนกลางเอาไว้เยอะที่สุด มีสระว่ายน้ำ 3 สระ, Jacuzzi, Amphitheater, ฟิตเนส 2 ชั้น, Sky Lounge และจุดชมวิวต่างๆ จัดว่ามาเต็ม
สำหรับที่จอดรถมีให้ 905 คัน หรือ 40% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่ากลางๆ สำหรับคอนโดในระยะเดินถึงรถไฟฟ้า ส่วนลิฟต์นั้น อาคาร A มี 1,298 ยูนิต มีลิฟต์ให้ 7 ตัว อาคาร B มี 950 ยูนิต ลิฟต์ 6 ตัว เฉลี่ยความหนาแน่นออกมาที่ 185 และ 158 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว จะเห็นว่าอาคาร A หนาแน่นกว่าหน่อย สัดส่วนก็กลางๆ ค่ะ ช่วงเวลาเร่งด่วนก็อาจจะต้องรอกันบ้างเป็นธรรมดา
นอกจากส่วนกลาง Life Asoke-Rama 9 ที่ทำพื้นที่ไว้ให้เยอะแล้ว ก็ใช้พวกระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ในกาอยู่อาศัยเข้ามาใช้ เช่น ระบบ RFID ติดเครื่องส่งสัญญาณที่รถเลยไม่ต้องยืนมือออกมาตี๊ดบัตรเวลาเข้าออก , เฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ Co-Working Space มีอุปกรณ์ไร้สายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และมีจอทัชกรีนให้ รวมถึงมี Wireless Phone Charger ให้ด้วย และสำหรับยุคที่ทุกคนใช้มือถือ ก็มี Application หรือ Home Automation สามารถจองพื้นที่ส่วนกลาง, แจ้งซ่อมห้อง, รับข่าวสาร, Check ค่าใช้จ่ายผ่านมือถือได้ค่ะ ตรงนี้เห็น AP พยายามเริ่มใส่มาตั้งแต่ Life Ladprao , Life 1 Wireless มาจนถึง Life Asoke-Rama 9 นี่แหละ น่าจะเป็นความพยายามในการ set standard ของแบรนด์ Life ขึ้นมาใหม่ด้วย
จากผังชั้นล่าง จะเห็นสวนต่างๆ รวมถนนแล้วมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ล้อมตัวอาคาร
ชั้น 2 จะมีชั้นลอยเหนือโถงต้อนรับอาคาร B สามารถมานั่งทำงานได้กันได้
ชั้น 7 จะเป็นชั้นเหนือโพเดียม มีห้องพักอาศัยและสวนล้อมรอบ
ไฮไลท์ของส่วนกลาง Life อโศก-พระราม 9 จะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ที่เชื่อมระหว่างอาคาร A, B เข้าด้วยกันแบบเล่นระดับ รวมพื้นที่ประมาณไร่ครึ่ง
ทีนี้เรามาไล่ดูจากดาดฟ้าอาคาร A ก่อน จะเป็นชั้น 42 มีสระว่ายน้ำ ยาว 40 เมตรพร้อม Jacuzzi , ใกล้ห้องน้ำ, ห้องดูหนัง และ Sky Deck
ส่วนดาดฟ้าอาคาร B จะอยู่ชั้น 45 ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ Lap Pool ขนาด Olympic Size 1 สระ ยาว 50 เมตร ออกกำลังกายได้จริง และสระว่ายน้ำเล็กลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำแรก เหมาะกับแช่ตัวเล่นๆ และตรงกลางที่เชื่อมสองอาคารจะเป็นห้องฟิตเนส 2 ชั้น อยู่ใกล้ๆ กับ Sky Lounge ค่ะ ทิศใต้ที่เป็นฝั่งที่เห็นวิวโล่งๆ จะมี Amphitheater เล่นระดับอยู่ปลายอาคารด้วย เพื่อใครอยากดู city view ทางสุขุมวิทตอนกลางคืน
ภาพนี้จะเห็นได้ชัดว่าที่จอดรถชั้นล่าง 1 – 6 จะเชื่อมกัน แล้วก็จะเชื่อมกับอีกทีที่ชั้นดาดฟ้าเลย มีเล่นระดับของยอดตึกที่สูงไม่เท่ากันด้วย
ทางเข้าโครงการจากถนนจตุรทิศจะมาเจอกับทางเข้าจากอโศก-ดินแดง สวนด้านหน้าจัดให้เล่นระดับโค้งไปกับถนน
บริเวณ Drop-Off ด้านหน้า Lobby อาคาร มีน้ำพุและเล่นกับโคมไฟ
ศาลานั่งเล่นในสวนชั้นล่าง มานั่งเล่นทำงานนอกอาคารได้
ตลอดแนวที่ดินที่ติดกับคลองสามเสน โครงการบอกว่าจะปลูกต้นไม้บังคลอง ลดเสียงและกลิ่นรบกวน ซึ่งอันนี้ก็คงต้องรอให้ต้นไม้โตกันก่อน ไม่รู้ว่าโครงการจะลงต้นไม้ใหญ่ให้เลยหรือเปล่า
โถงต้อนรับของอาคาร A ฝ้าสูง 4.4 เมตร ตกแต่งด้วยสีครีม + สีทอง โดยใช้วัสดุที่มีความวาว เพิ่มความหรูหรา
โถงต้อนรับอาคาร B จะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน มีฝ้าสูง 6 เมตร กั้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ใช้เส้นสายโค้งให้ดู smooth ดี
ชั้นสองเหนือโถงอาคาร B จะจัดเป็น Co-Working Space ค่ะ เก้าอี้ที่เห็นชั้นล่างจะเป็นเก้าอี้แบบ Co-Coon เหมือนที่ถ่ายรูปให้ดูในสำนักงานขาย โดยจะมีฉากข้างเก้าอี้ห้อมล้อมทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ส่วนชั้นลอยจะจัดเป็นห้องประชุม ใช้มานั่งทำงานนัดประชุมกับลูกค้า ก็ดูสะดวก สัดเป็นส่วนดี
สวนชั้น 7 ใส่ที่นั่งที่มีหลังคาให้ด้วย เอาไว้บังแดดเวลานั่งทำงานเนอะ
Pocket Garden อาคาร A ที่ชั้น 36 เปิดวิวไปทางทิศตะวันออก มองเห็น Super Tower