สวนป่าเบญจกิติ สวนป่าแห่งใหม่ ใจกลางกรุง อากาศสดชื่นเต็มปอด ออกกำลังก็ดี มุมถ่ายเช็คอินเยอะมาก
· ~ 1 min readไปมารึยัง? สวนป่า “เบญจกิติ” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่พื้นที่กว้างขวางมากมายถึง 450 ไร่ เปิดให้เข้าไปพักผ่อน ออกกำลัง หรือเดินชิลถ่ายรูปได้แล้ว
เปิดประสบการณ์ใหม่กับการเดินสวนป่า ใจกลางกรุง
แนวคิดการการสร้างพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนป่า สวนสาธารณะใจกลางกรุง เป็นแนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับคนเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงมีการอยู่อาศัยที่หนาแน่นให้มีพื้นที่พักผ่อนกับธรรมชาติได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลออกนอกเมือง โดยเราจะพบเห็นเมืองใหญ่สำคัญของโลกมากมายที่มีสวนป่าลักษณะนี้ใจกลางเมือง เช่น สวนเซ็นทรัลพาร์คที่มหานครนิวยอร์ค สวนป่าเมจิ สวนป่าชินจูกุเกียวเอ็น ในกรุงโตเกียว หรือในมหานครขนาดใหญ่อื่น ๆ ทั่วโลก
สำหรับในกรุงเทพของเราที่นับว่ามีพื้นที่สีเขียวค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว การมีสวนป่าแห่งนี้เพิ่มขึ้นมานับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลย เพราะนอกจากจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายสำหรับผู้ที่อาศัยในโซนสุขุมวิท นานา พร้อมพงษ์แล้ว เหล่าซารารี่แมนที่ทำงานในโซนอโศก สุขุมวิทก็ยังสามารถมาใช้งานพักผ่อน ออกกำลังหลังเลิกงานที่คลายเครียดสร้างเสริมสุขภาพที่ดีได้อีกด้วย
นอกจากจะมีผลดีในด้านสภาพแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว การมีสวนป่าใจกลางกรุงฯ ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่โดยรอบให้มีความน่าซื้อ น่าเช่า ขึ้นอีกมากมายทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้สูง เช่น ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงาน และพำนักในประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลในช่วงก่อนหน้า โควิด 19 จะเห็นว่าคอนโดมิเนียมทำเลใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะ เช่น สวนเบญจกิติ สวนลุมพินี สวนจตุจักร ได้รับความนิยม และมีโอกาสปล่อยเช่าง่าย ได้ผลตอบแทนดีกว่า
บรรยากาศภายในของสวนป่าเบญจกิติ นั้นก็มีความเป็น “สวน” + “ป่า” ครับ โดยลักษณะการปลูกการจัดวางต้นไม้ด้านในจะไม่ได้เป็นแนวแถวระเบียบเรียบร้อยเหมือนสวนสาธารณะนะครับ แต่จะเป็นการจัดพื้นที่ปล่อยให้ต้นไม้ใบหญ้าเติบโต จำลองระบบนิเวศน์ขึ้นในฟอร์มของธรรมชาติ โดยมีการดูแลไม่ให้สวนนั้นรกจนเกินไป โดยมีทางเดินลัดเลาะไปตามพื้นที่โซนต่าง ๆ ที่ถูกจัดไว้ เพื่อให้เราได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติ และระบบนิเวศน์โดยรอบได้
สวนป่าเบญจกิติ “ปอดแห่งใหม่” ต่อขยายจากสวนเบญจกิติ
สวนป่าเบญจกิติเป็นพื้นที่ส่วนต่อขยายของสวนเบญจกิติเดิมที่ติดศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่ของโรงงานยาสูบ แต่เมื่อพอโรงงานยาสูบได้ย้ายออกไปแล้ว พื้นที่เดิมจึงถูกเนรมิตใหม่เป็นพื้นที่ปอดขนาดใหญ่ให้แก่ชาวกรุงเทพ
โดยตอนนี้ภายในพื้นที่ของสวนป่ายังมีอีกหลาย ๆ โซนที่อยู่ระหว่างการพัฒนานะครับ โดยเฟสที่ 2-3 ก็ยังเห็นมีการก่อสร้างอยู่ รวมถึงมีการปรับปรุงอาคารเดิมเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ และอาคารกีฬา โดยส่วนที่เหลือนี้มีกำหนดเปิดให้บริการ เมษายน 2565 นี้ครับ
ต้นไม้ 8 พันกว่าต้นสำหรับการเรียนรู้ และพักผ่อนไปพร้อมกัน
สวนป่าเบญจกิติยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่ จำนวนต้นไม้ทั้งหมดของสวนนี้มีต้นไม้ 8,888 ต้น โดยจะเป็นต้นไม้เดิม 1,733 ต้น และต้นที่ปลูกใหม่อีก 7,155 ต้น รวมไปถึงพันธ์ไม้หายาก ด้วยนะ โดยต้นไม้ทั้งหมดถูกปลูกโดยจำลองตามระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกันไปครับ เท่าที่เดินดูเราได้เห็นพันธุ์ไม้ที่แทบไม่พบเห็นในพื้นที่เมืองกรุงแล้วเยอะทีเดียว นับว่าช่วยอนุรักษ์พันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่เริ่มลดน้อยลงไปได้อีกทาง และยังเป็นพื้นที่พาลูกหลานมาเดินชมศึกษาเรียนรู้ในวันหยุดได้อีกด้วยนะ
ภายในจะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ โซนได้แก่ สวนป่าบึงน้ำ 130 ไร่ ทางเดินสำหรับลัดเลาะไปตามบึงน้ำเสพบรรยากาศ นั่งพักผ่อนสบาย ๆ และยังมีทางวิ่ง ทางปั่นจักรยาน และทางเดินลอยฟ้าที่ยกสูงขึ้นจากพื้น 4-8 เมตร ให้ได้พักผ่อนชมวิวสวนป่าได้แบบกว้าง ๆ โดยมีบรรดาตึกสูงของกรุงเทพเป็นฉากพื้นหลัง ยิ่งเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกบรรยากาศของที่นี่เรียกว่าสวยงาม โรแมนติดไปอีกแบบ
สวนป่าเบญจกิติ มาง่าย ไปต่อก็ง่าย เพราะอยู่ใจกลางกรุง
สำหรับการเดินทางมายัง สวนป่าเบญจกิติ ถือว่าง่าย และสะดวกทีเดียวครับ เพราะสามารถมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า หรือถ้าพักอาศัยอยู่คอนโดใจกลางเมืองก็สามารถเดินมาได้เลย โดยหากขับรถมาเองแต่ก็ต้องเจอรถติดเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์รถไม่เยอะมากก็สะดวกเลยครับ ที่จอดรถของสวนก็รองรับได้เยอะเหมือนกัน โดยสามารถขับมาตามพิกัดนี้ได้เลย พิกัดสวนป่าเบญจกิติ
หรือถ้านั่งรถไฟฟ้ามาลง BTS อโศก หรือ MRT สุขุมวิท ก็เดินต่อตามถนนรัชดาภิเษกไปทางศูนย์สิริกิติ์อีกประมาณ 15 นาที ก็ถึงสวนป่าเฟสใหม่นี้แล้ว นอกจากนี้ตัวสวนป่าเบญจกิติเองยังมีทางเชื่อมไปสะพานเขียวทำให้สามารถเดินต่อเนื่องไปยังสวนลุมพินีได้ด้วย ช่วงเช้า และช่วงเย็นจะมีคนที่วิ่งออกกำลังระหว่างสองสวนนี้ค่อนข้างเยอะทีเดียว ถ้ามีแพลนจะมาวิ่งออกกำลังกายก็เลือกช่วงเวลาเหมาะ ๆ ตอนเช้าช่วง 6.00-7.00 ถือว่ากำลังดียังไม่เจอแดดร้อนมาก ส่วนช่วงเย็นสัก 18.00 จนถึงหัวค่ำก็น่าจะได้บรรยากาศแสงอาทิตย์ก่อนตกดิน
ส่วนขากลับหลังเดินพักผ่อนออกกำลังกายเสร็จใช้ทางลัดไปยังสุขุมวิทซอย 10 หาอะไรหร่อย ๆ กินที่ Korea Town ก่อนกลับบ้านก็เป็นไอเดียที่ดีนะ