นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า จากแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ ใน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดหมายการพักอาศัยระดับโลก บริษัทจึงตัดสินใจขยายธุรกิจไปสู่จังหวัดภูเก็ต โดยจับมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจตลาดภูเก็ตเป็นอย่างดี และร่วมผลักดันตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ให้เติบโต ผ่านตลาดต่างชาติ
ล่าสุด แอสเซทไวส์ ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเป็นหนึ่งในสอง
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ใน จ.ภูเก็ต ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยแอสเซทไวส์จะถือหุ้น 57% ผ่านบริษัทย่อยของแอสเซทไวส์ โดยถือเป็น Good Timing (เวลาที่ดี) Good Deal (ข้อตกลงที่ดี) และ Good Company (บริษัทที่ดี) ที่จะหนุนให้การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
เหตุผลในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็น Good Timing เพราะสถานการณ์การท่องเที่ยวภูเก็ตดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ชดเชยความต้องการที่ชะลอตัวลงช่วงโควิด 3 ปีที่ผ่านมา โดย TITLE สามารถเปิดขายและโอนทุกโครงการได้ทั้งหมด 100% อย่างรวดเร็ว ขณะที่โครงการล่าสุดที่ได้เปิดขายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 อย่างโครงการ THE TITLE HALO 1 NAIYANG สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 79 % คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก ปี 2567
ด้าน Good Deal ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า พันธมิตร และนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ด้วยความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัท มีส่วนสำคัญในการร่วมผลักดันตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตให้เติบโต พร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และ TITLE ก็จะช่วยให้ช่องทางรับรู้รายได้ของ แอสเซทไวส์เพิ่มขึ้น
ขณะที่ Good Company มาจากการที่ TITLE เป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมใน จ.ภูเก็ต ซึ่งมีทีมผู้บริหารที่อยู่ในธุรกิจนี้มายาวนานกว่า 10 ปี มีเครือข่ายที่น่าเชื่อถือ มีที่ดินในทำเลศักยภาพพร้อมพัฒนาโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง TITLE หรือ บมจ. ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ และแอสเซทไวส์ มี DNA ที่คล้ายคลึงกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีใจรักในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มี Passion ในการพัฒนาโครงการที่ดี ใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบ ควบคุมต้นทุนได้ดี ในขณะเดียวกันก็ได้รับการยอมรับอย่างมากในคุณภาพการก่อสร้าง และมีบริการหลังการขายที่ดี ประกอบกับมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ของ TITLE อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ ด้วยจุดแข็งของโครงการในด้านการออกแบบ และการตกแต่งให้สามารถใช้งานได้ตรงกับความต้องการ และบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางในโครงการที่ร่มรื่น มีขนาดใหญ่ และสมบูรณ์กว่าเจ้าอื่น ๆ ซึ่งจุดนี้จะเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีต่อไปในอนาคต
นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานหลังจากนี้ TITLE มีโครงการที่เตรียมพัฒนาไปจนถึงปี 2569 ทั้งหมด 9 โครงการ รวมมูลค่า 14,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ใน 3 ทำเลศักยภาพของภูเก็ต ได้แก่ หาดในยาง ทั้งหมด 5 โครงการ, หาดบางเทา 3 โครงการ และหาด ราไวย์ 1 โครงการ ประกอบกับ จ.ภูเก็ต อยู่ในระหว่างการขยายสนามบินนานาชาติเฟสที่ 2 และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้แอสเซทไวส์ คาดการณ์ว่า จะเป็นปัจจัยเสริมให้การพัฒนาโครงการดังกล่าว สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทที่วางไว้ ใน 3 ปี (2567 – 2569) ต่อจากนี้ได้อย่างแน่นอน
สำหรับการร่วมมือกับ TITLE ในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่า แอสเซทไวส์ มั่นใจในศักยภาพการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต และยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาของ แอสเซทไวส์ให้เติบโตด้วยการขยายตัวไปในทำเลใหม่ ๆ ในตลาดที่หลากหลายเพิ่มขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังกับบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ในภูเก็ต เพื่อพัฒนาโครงการ BOTANICA Grand Avenue (โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว) ให้เป็นพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ที่ดีที่สุดบนหาดบางเทา คาดว่าจะพร้อมเปิดให้ชมในเดือนกันยายนปีนี้