รีวิวครั้งนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาเปิดประสบการณ์การอยู่อาศัยในย่านสายไหม อีกหนึ่งแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ย่านไหน เราอยู่กันที่ อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ (Eternity Saimai-Phahol) บอกเลยว่าพอได้มาดูสเปซจริงคือมันมีหลายจุดเลยนะที่ทำให้เรารู้สึกว้าว ส่วนที่เรารู้สึกชอบเป็นพิเศษคืองานดีไซน์ของตัวคลับเฮาส์ ตลอดจนฟังก์ชันก์ในบ้านที่จัดออกมาได้อย่างน่าสนใจ ส่วนข้างในจะเป็นยังไงเดี๋ยวรีวิววันนี้เราจะพาไปชมกัน

โครงการ Eternity สายไหม-พหลฯ นั้นตั้งอยู่ติดกับถนนสายไหมเลยค่ะ ด้วยความที่โซนนี้มีคนอยู่เยอะเลยเป็นแหล่งที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกเอาไว้มากมาย ซึ่งจุดที่ตั้งโครงการก็ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 สถานีทั้ง BTS คูคต และ BTS แยก คปอ. คือขับรถไปได้ใกล้มาก นั่งสายเดียวตรงเข้าเมืองได้แบบสะดวกสุด ๆ

โครงการนี้พัฒนาบนที่ดิน 12 ไร่เศษ ยูนิตน้อยรองรับ 92 ครอบครัว ใครที่ชอบบ้านบรรยากาศเป็นส่วนตัวหน่อยเราว่าโครงการนี้ทำสเกลออกมาได้ค่อนข้างตอบโจทย์ ซึ่งแบบบ้านของที่นี่จะเป็นแบบบ้านแฝดที่ด้านข้างบ้านจะไม่ติดกัน ทำให้ฟีลลิ่งการอยู่อาศัยคือแทบไม่ต่างกับบ้านเดี่ยวเลยค่ะ  และรีวิวตัวนี้เราจะพาไปดูบ้านครบทั้ง 2 แบบ แล้วมาดูกันว่าแบบไหนจะโดนใจเพื่อน ๆ บ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

ข้อมูลโครงการ

อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ

Eternity Saimal-Phahol

LOCATION : ทำเลโครงการ

Eternity Saimai-Phahol

ตัวโครงการ อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ ตั้งอยู่ติดถนนสายไหมเลยค่ะ เรื่องการเดินทางในโซนนี้ก็ถือว่าสะดวกเชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธิน ถนนกาญจนาภิเษก และถนนสุขาภิบาล 5 และเรายังสามารถใช้ซอยย่อยสายไหม 39 ทะลุไปออกถนนลำลูกกาได้ นอกจากนี้เรายังใช้ทางด่วนฉลองรัชเข้าโซนวัชรพล หรือรามอินทราได้อีกด้วยค่ะ

จากแผนที่เราจะเห็นว่าจุดที่ตั้งโครงการนั้นตั้งอยู่ช่วงใกล้กับฝั่งถนนพหลโยธิน ซึ่งบริเวณนั้นจะเป็นแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากโครงการก็จะใกล้ 2 สถานี ทั้ง BTS คูคต และ BTS แยก คปอ. เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือใกล้สนามบินดอนเมือง ใครที่มีไฟล์ทบินที่ดอนเมือง ก็ให้ที่บ้านขับมาส่งได้

ขยายเข้ามาเราจะเห็นว่าโครงการสามารถเข้า-ออก ได้จากหลายเส้นทางทั้งจากฝั่งถนนพหลโยธิน และถนนลำลูกกา และสำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้า ก็สามารถใช้ ซอยสายไหม 39 ลัดไปออกถนนลำลูกกา จุดนั้นก็จะใกล้กับ BTS คูคต  แต่ถ้าเราวิ่งไปอีกทางใช้ ถนนจันทรุเบกษา เชื่อมไปออกถนนพหลโยธิน จุดนั้นก็จะใกล้ BTS แยก คปอ. ค่ะ

ซึ่งตัวถนนสายไหมเองก็เรียกว่าเป็นโซนที่จัดว่าอุดมสมบูรณ์ทีเดียว มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ Community Mall และห้าง Hyper Market อีกหลายแห่ง นอกจากนี้ก็มีโรงพยาบาลและสถานศึกษาชื่อดังอีกด้วยค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าก็เลือกขึ้นได้ 2 สถานีทั้ง BTS แยก คปอ. และ BTS คูคต ขับมาได้สบาย ๆ จากโครงการประมาณ 4 กม. ใครที่ขับรถมาเองก็เลือกได้เลยว่าจะไปขึ้นที่ไหนเพราะเค้ามีอาคารจอดแล้วจร รองรับทั้ง 2 สถานีเลย

มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกบนถนนสายไหมกันบ้าง เรื่องของกินเนี่ยคืออุดมสมบูรณ์สุด ๆ อย่างตรงซอยสายไหม 56 จุดนั้นจะมี PTT Mall ปั๊มขนาดใหญ่ที่รวมทั้งร้านอาหารชั้นนำไว้หลายร้านเลยค่ะ ซึ่งด้านในสุดจะมี Foodland พอทานข้าวเสร็จก็ซื้อต่อได้เลยไม่ต้องขับไปไหนไกล จุดนี้ห่างจากโครงการแค่ 1.1 กม. คือขับรถมาได้แบบแป๊บเดียวถึง

เลยมาอีกหน่อยก็มี Community Mall ขนาดใหญ่ อย่าง Saimai Avenue ห่างจากโครงการ 3.3 กม. ตรงนี้คือมีของกินให้เลือกมากมาย ตอบโจทย์ทุกกลุ่มครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ อยากกินอะไรที่นี่รับจบได้หมด ซึ่งเค้าไม่ได้มีแค่ร้านอาหารอย่างเดียวแต่ยังมี Tops ร้านเสริมสวย และฟิตเนส มาที่นี่คืออยู่กันได้ยาว ๆ

นอกจากนี้รัศมีรอบโครงการก็มีโรงเรียนชื่อดังอย่าง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม ลูก ๆ บ้านไหนเรียนที่นี่ไม่ต้องตื่นเช้ามากก็ไปโรงเรียนได้ทัน หรือวันไหนเราเกิดเจ็บป่วยก็มีโรงพยาบาลใกล้เคียงทั้ง โรงพยาบาล CGH สายไหม และโรงพยาบาลสินแพทย์ลำลูกกา อีกด้วยค่ะ

THE PROJECT

เราพามาเริ่มกันที่ซุ้มหน้าโครง การออกแบบเน้นโทนสีครีม มีการเลือกใช้วัสดุโทนไม้ในการตกแต่ง ภาพรวมให้ Mood & Tone ที่ดูอบอุ่น มีการเล่นกับรูปแบบทรงกลมทำให้ดูไม่น่าเบื่อค่ะ

ซึ่งข้างหน้าโครงการเค้าก็จะมีไม้พุ่มประดับทำให้ภาพรวมของซุ้มหน้าโครงการดูมีมิติมากขึ้น

สำหรับทางเข้าโครงการจะเป็นแบบไม้กระดกกั้นค่ะ

ลูกบ้านเข้า-ออกโครงการได้สะดวกด้วยระบบ Easy Pass ในส่วนของผู้มาติดต่อจะต้องทำการแลกบัตรก่อนเข้าโครงการทุกครั้ง และมีกล้อง CCTV บันทึกข้อมูลเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

นอกจากนี้ภายในโครงการก็มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งกล้อง CCTV ควบคู่กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

FACILITIES : พื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางที่นี่จะอยู่ฝั่งด้านหน้าโครงการ แบ่งเป็นส่วนของคลับเฮาส์ 3 ชั้นและพื้นที่สวน ซึ่งตัวคลับเฮาส์เค้าสร้างเป็นอาคารเดียวกับตัวป้อมหน้าโครงการเลย เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ทำให้ได้พื้นที่สวนที่เต็มขึ้น เห็นภาพรวมก็อาจจะดูธรรมดาใช่มั้ยคะ แต่พอเราได้เห็นดีไซน์การออกแบบข้างในตัวคลับเฮาส์ความคิดในตอนแรกเราถูกปัดตกลงไปเลยทันที ส่วนข้างในจะเป็นยังไงจะน่าสนใจขนาดไหน เดี๋ยวเราพาไปดูพร้อมกัน

มาเริ่มด้วย Mood แบบชิล ๆ กับพื้นที่สวนกันก่อน ส่วนนี้ก็จะมีทั้งสนามเด็กเล่นสำหรับน้อง ๆ และ Walking Track ให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่นออกกำลังกายกันได้

โดยเค้าเลือกวางจุดนั่งพักไว้เป็นช่วง ๆ  ตลอดแนวทางเดินประดับด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ เปิดรับมุมมองพื้นที่สีเขียวได้แบบเต็มตา

จะมาเดินเล่นออกกำลังกายช่วงเย็น ๆ หรือมานั่งเล่นพักสายตา ก็ทำได้ตามชอบเลย

ครอบครัวไหนที่มีลูกที่นี่เค้าก็มีสนามเด็กเล่นให้น้อง ๆ หนู ๆ ได้มาปล่อยพลังกัน

มีทั้งสไลเดอร์ ชิงช้า และที่ปีนหน้าผาจำลองขนาดย่อม โดยตัวพื้นเค้าปูเป็น Absorbtion Floor พร้อมให้น้อง ๆ มาเล่นซนกันได้อย่างเต็มที่

มาถึงไฮไลท์อย่าง Grand Clubhouse กันบ้าง อย่างที่เกริ่นไปว่าส่วนนี้เค้าสร้างเป็นส่วนเดียวกับป้อมหน้าโครงการ ทำให้ภายนอกก็จะได้ Mood & Tone ที่ดูอบอุ่นกลมกลืนกันค่ะ

ซึ่งฟังก์ชันภายในก็จะเป็นคลับเฮาส์ 3 ชั้น มีทั้ง สระว่ายน้ำ Co-Working Space และ Fitness

เข้ามาก็จะเจอกับมุมที่นั่ง Sunbed ไว้มานั่งรอนั่งเล่นชิล ๆ ริมสระว่ายน้ำกันได้

แต่สิ่งที่ทำให้เราว้าวเลยคือการออกแบบภายในที่ Contrast กับภายนอกที่ดูเรียบ ๆ มีการเส้นโค้งเข้ากับการออกแบบรูปทรงกลม ทำให้เวลาเรามองลงมาก็จะได้เห็นมุมมองแตกต่างกันไปในแต่ละชั้น เล่นกับรูปทรงการออกแบบของตัวอาคาร

ส่วนนี้คือ Lagoon Pool ค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 5 x 17 ม. การออกแบบเป็นสระแบบโค้งดูเข้ากับดีไซน์ของตัวอาคารเลย

ด้านข้างเค้าจะมี Facade กั้นเป็นเหมือนมุมรับสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน มองออกไปก็จะเห็นพื้นที่สวนได้แบบนี้เลย

งั้นเดี๋ยวเราขอพาขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้อง Fitness ค่ะ

ห้อง Fitness มีอุปกรณ์ออกกำลังกายมาให้ครบ รองรับหลากหลายกิจกกรรมไม่ว่าจะเป็นดัมเบล ลู่วิ่ง และเครื่องปั่นจักรยาน

สำหรับการตกแต่งในห้องนี้ก็จะมีดีไซน์โค้งเว้าตามรูปแบบอาคาร มีการใช้กระจกเต็มบานในบางจุดเปิดรับมุมมองสีเขียวจากพื้นที่สวนด้านล่างได้

มุมนี้เป็นอีกมุมที่รับรู้ได้ถึงดีเทลการออกแบบ แม้จะเป็นแค่มุมบันไดก็ยังมีวางองค์ประกอบด้วยรูปทรงต่าง ๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปแนวอาร์ตเล่นกับแสงและรูปทรงเราว่ามุมนี้เหมาะเลยค่ะ

ซึ่งชั้นนี้จะเป็นในส่วนของ Co-Working Space และด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำค่ะ

ส่วนตัวเรามองว่าห้องนี้ให้ Mood & Tone ที่เหมาะกับการพาเพื่อน ๆ มานั่งเล่น นั่งคุยกันได้

การตกแต่งของห้องนี้เน้นโทนที่ดูไม้ ๆ ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีฉูดฉาดให้ความรู้สึก Active เราจะเห็นว่าห้องนี้เค้าเล่นกับเส้นโค้งและทรงกลมเยอะเป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่น่าสนใจ

และด้านนอกก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ

HOME TYPE : แบบบ้าน อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ

ส่วนในเรื่องของงานดีไซน์ทางฝั่งของตัวบ้านนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นการออกแบบสไตล์นอร์ดิกที่มีความโมเดิร์นอยู่ค่ะ ดูทันสมัยและมีความเข้ากันกับธรรมชาติ โดยแบบบ้านจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบบ้าน Wellness ขนาดพื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. และแบบบ้าน Balance ขนาดพื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. ซึ่งบ้านแต่ละแบบก็จะมีการจัดวางเลย์เอ้าท์ที่แตกต่างกันออกไป รองรับตั้งแต่คู่รักไปจนถึงครอบครัวขนาดเริ่มต้นอยู่ร่วมกันได้แบบสบาย ๆ

แบบบ้าน Wellness

3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 35.8 ตร.ว.

พาเริ่มกันที่แบบบ้าน Wellness เป็นแบบบ้านหน้ากว้าง 10 เมตร การออกแบบสไตล์นอร์ดิก เน้นการใช้โทนสีธรรมชาติทำให้บ้านดูอบอุ่นและน่าอยู่ รองรับตั้งแต่คู่รักไปจนถึงครอบครัวขนาดเริ่มต้นที่กำลังมองหาบ้านหลังแรก

แปลนชั้น 1 จัดออกมาได้อย่างน่าสนใจ สามารถเข้าบ้านได้จากทั้งประตูฝั่งโรงรถและประตูบานเลื่อนกระจกหน้าบ้าน แบ่งพื้นที่การใช้งานหลักกับโซน Service ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยฝั่งนึงจะเป็นพื้นที่ Common Area จัดวางเลย์เอ้าท์เป็นรูปตัวแอล ส่วนอีกฝั่งโซน Service ได้แก่ ห้องน้ำและพื้นที่จัดเตรียมอาหารที่เชื่อมต่อออกไปยังครัวไทยด้านหลังบ้านได้

ส่วนชั้น 2 จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอนโดยเลือกวางตำแหน่งไว้ฝั่งหน้าบ้านทั้งหมด สำหรับห้อง Master Bedroom มีพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet และมีห้องน้ำมาให้ในตัว ส่วนห้องนอน 2 และ 3 จัดฟังก์ชันได้เพียงพอต่อการใช้งานเป็นแบบใช้ห้องน้ำร่วมกัน

เราจะเห็นว่าการดีไซน์จะเป็นสไตล์นอร์ดิกเน้นการใช้โทนสีเทา น้ำตาลและขาว ภาพรวมออกมามีความโมเดิร์นดูได้ไม่เบื่อ มีการวางช่องแสงไว้ในจุดต่าง ๆ ของบ้าน เพื่อให้ในบ้านรับแสงธรรมชาติได้ดี

โรงจอดรถรับได้ทั้งหมด 2 คัน พื้นเป็นแบบเทปูนเอาไว้ให้ สำหรับใครที่ต้องการต่อเติมหลังคาคลุมรถเพิ่มก็สามารถต่อเติมเองได้เลยค่ะ

ประตูฝั่งโรงรถมาเค้าติดตั้ง Digital Door Lock ของ Home Shield มาให้

ประตูฝั่งหน้าบ้านติดตั้งเป็นประตูบานกระจกสไลด์มาให้ค่ะ มีพื้นที่เฉลียงยื่นออกมาเล็กน้อยตรงนี้ถ้าเราติดตั้งกันสาดเพิ่มเองทำเป็นมุมวางร่มวางรองเท้าเล็ก ๆ ก่อนจากบ้านได้

เข้ามาจากประตูฝั่งหน้าบ้านก็จะเจอกับพื้นที่ Common Area เป็นแบบ Open Plan จากมุมนี้เราจะเห็นว่ามีการวางช่องแสงไว้รอบตัวบ้านเลย ทำให้ บ้านนั้นดูโปร่งและโล่งมาก สำหรับความสูงฝ้าเพดานของชั้นนี้อยู่ที่ 2.8 เมตร ค่ะ

โซนนั่งเล่นเราวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง แบบนี้ก็ยังเดินได้แบบสบาย ๆ หรือจะวางเป็นรูปตัวแอลจัดพื้นที่ให้ดูเป็นสัดส่วนก็ทำได้ตามชอบเลย

โซนนี้รับแสงได้ดีทั้งจากฝั่งหน้าบ้านและด้านข้างเลย ดูโปร่งสุด ๆ

ถัดมาจะเป็นโซนรับประทานอาหาร ตรงนี้ไอเดียดีมากค่ะ เค้าทำเป็นโต๊ะเคาน์เตอร์ยาวจัดเป็น 2 ฟังก์ชัน โดยฝั่งนึงจะเป็นโซนรับประทานอาหารและอีกฝั่งก็สามารถจัดเป็นมุมชงกาแฟ หรือมุมเครื่องดื่มได้

จากมุมนี้เราก็จะเห็นทุกโซนภายในบ้านได้แบบนี้เลย

สำหรับตัวมุม Pantry จะเป็นส่วนที่ตรงกับประตูฝั่งโรงจอดรถ ซึ่งโซนนี้จะเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ครัวไทยด้านหลังบ้านได้

ส่วนด้านข้างจะเป็นส่วนของบันไดและห้องน้ำ ตัวพื้นชั้นล่างเค้าปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวเอาไว้ให้เข้าได้ง่ายกับทุกโทนการแต่งบ้าน

อย่างมุมด้านข้างตรงนี้เราก็สามารถทำตู้เก็บอุปกรณ์ครัวและวางตู้เข้ามุมแบบนี้ได้

พื้นที่ครัวไทยด้านหลังบ้านเค้าก่อเคาน์เตอร์ครัวปูนพร้อมช่องเก็บของเอาไว้ให้

ก่อนขึ้นไปดูชั้น 2 เราขอแวะห้องน้ำชั้นล่างกันก่อน

ห้องน้ำให้อุปกรณ์มาครบใช้เป็นของ Cotto มีสเต็ปแยกพื้นที่โซนแห้ง-เปียก สามารถนำฉากกั้นอาบน้ำมาติตดั้งเองภายหลังได้

ภายในโซนเปียกติดตั้งฝักบัวอาบน้ำและที่วางสบู่เอาไว้ให้

มาถึงชั้น 2 พอเราขึ้นบันไดมาก็จะเจอพื้นที่นั่งทำงาน และมุมข้างบันไดมีพื้นที่มากพอที่จะวางเป็นมุมทำงานอดิเรกแบบนี้ได้

ส่วนนี้โครงการทำเป็นมุมนั่งทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดีย และด้วยความที่บ้านก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาจะต่อเติมขยายพื้นที่จัดทำเป็นอีกหนึ่งห้องนอนก็ปรับเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระค่ะ

ส่วนพื้นที่ระเบียงถ้าเราไม่ต่อเติม ก็สามารถนำต้นไม้มาวางเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชั้นบนได้

ส่วนห้องนอน 2 และ Master Bedroom จะอยู่ถัดเข้าไปด้านในค่ะ โดยเค้าเลือกห้องน้ำไว้ตรงข้ามกับห้องนอน 2 ให้สามารถใช้งานร่วมกันได้สะดวก

เราขอพามาดูห้อง Master bedroom กันก่อน ห้องนี้พื้นที่กว้างขวางมากวางเตียง King Size ได้แบบยังเดินได้สบาย มีพื้นที่มากพอที่จะวางโต๊ะข้างเตียงได้อีก 2 ตัว

มุมนี้ติดม่านกรองแสงแบบนี้รับแสงได้แบบกำลังดีเลย ดูอบอุ่นน่านอนมากค่ะ

ห้องนี้มีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และวางโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้ได้

เดินเข้ามาด้านในก็จะเป็นห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำให้อุปกรณ์มาครบ แยกโซนแห้ง-เปียก สามารถนำฉากกั้นอาบน้ำมาติดตั้งทีหลังได้

ส่วนห้องนอน 2 ก็จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กลงมาแต่สามารถจัดฟังก์ชันได้เพียงพอต่อการใช้งาน เหมาะกับการเป็นห้องของลูก ๆ

ห้องนี้วางเตียงเดี่ยว และมีพื้นที่มากพอที่จะจัดเป็นมุมนั่งทำงานภายในห้องได้

มุมปลายเตียงก็สามารถทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของแบบนี้ได้ค่ะ

ตรงข้ามกับห้องเมื่อกี้ก็จะเป็นห้องน้ำที่อยู่ฝั่งหลังบ้าน ห้องนี้ให้อุปกรณ์มาครบ มีสเต็ปแยกโซนแห้ง-เปียกมาให้เหมือนกัน

แบบบ้าน Balance

2 ห้องนอน  1 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 36.5 ตร.ว.

ต่อมาเป็นแบบบ้านแนวลึกที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่ได้แตกต่างกันบ้านหลังที่แล้วเท่าไหร่ มีลักษณะการวางเลย์เอ้าท์คล้ายสี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งถ้าใครที่ชอบบ้านที่มีพื้นที่แบบ Open Space เราว่าหลังนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ

ชั้น 1 เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Common Area ก่อน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นสเปซแบบ Open Plan ดูโปร่งโล่ง แบ่งการใช้งานเป็นโซนนั่งเล่นและโซนรับประทานอาหาร โดยฝั่งด้านข้างของบ้านเค้าจะวางเป็นพื้นที่บันได ห้องน้ำ และห้องครัวที่เชื่อมต่อออกไปโซนซักล้างด้านหลังบ้านได้

พอขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับพื้นที่ Family Area ที่สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมนั่งทำงาน ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน โดยเลือกวางห้อง Master ไว้เต็มฝั่งหน้าบ้าน มีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนรองจะอยู่ฝั่งหลังบ้านเลือกวางตำแหน่งไว้อยู่ติดกับห้องน้ำเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกค่ะ

แบบบ้านหลังนี้ก็จะเลือกใช้โทนสีขาวและเทาเป็นหลักค่ะ การออกแบบยังคงเน้นเรื่องการวางช่องแสงไว้ในจุดต่าง ๆ ของบ้านเพื่อให้ในบ้านดูโปร่งและสว่าง

โรงจอดรถของรองรับได้ทั้งหมด 2 คัน ซึ่งจุดนี้เค้าจะทำพื้นที่เก็บของมาให้ด้วยค่ะ

ข้างในมีพื้นที่พอสมควร ใช้เก็บของหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้

เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Common Area โดยเค้าเลือกวางพื้นที่บันไดไว้ฝั่งหน้าบ้าน ทำให้ส่วนนี้ได้พื้นที่ใช้สอยไปแบบเต็ม จริง ๆ ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่แบบ Open Plan ค่ะ แต่โครงการกั้นพื้นที่ด้วย Built-in ตรงกลางไว้ให้ดูเป็นไอเดียสำหรับคนที่ชอบพื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วน

โซนนั่งเล่นจัดวางเป็นโซฟารูปตัวแอลขนาด 6 ที่นั่งได้แบบเหลือ ๆ ยังมีพื้นที่ที่จะวางเก้าอี้เดี่ยวด้านข้างได้อีกหนึ่งตัว ส่วนนี้รับแสงได้ดีจากด้านข้างได้ดีเลยดูโปร่งและน่าอยู่สุด ๆ

ถัดมาเป็นโซนรับประทานอาหาร วางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้ ส่วนนี้รับแสงได้แบบเต็ม ๆ ทั้งจากฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน

เรามองว่าภาพรวมของบ้านหลังนี้ทำออกมาได้ดูสดใสมากค่ะ และการที่มี Built-in ชั้นวางของตกแต่งแบบนี้ก็ช่วยทำให้บ้านดูกิมมิค แถมยังช่วยกั้นพื้นที่โซนนั่งเล่นกับโซนรับประทานอาหารออกจากได้แบบไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป

และด้านในจะเป็นส่วนของห้องครัววางเป็นเคาน์เตอร์บาร์ จัดเป็นเป็นมุมเครื่องดื่มเล็ก ๆ แบบนี้ได้

ข้างในก็ทำเป็นพื้นที่ห้องครัวสำหรับจัดเตรียมอาหาร ซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมต่อออกไปโซนซักล้างด้านหลังบ้านได้

ถัดเข้ามาก็จะเป็นห้องน้ำ แน่นอนว่าห้องนี้ก็ให้สุขภัณฑ์มาครบ มีสเต็ปแยกโซนแห้ง-เปียกสามารถนำฉากกั้นมาติดตั้งภายหลังได้

มาค่ะ เดี๋ยวเราพาขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อ

ขึ้นมาก็จะเจอกับพื้นที่ Family Area ก่อน หลัก ๆ  ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน แยกห้อง Master Bedroom ไว้เต็มฝั่งหน้าบ้าน และวางอีกหนึ่งห้องนอนไว้ฝั่งหลังบ้านติดกับห้องน้ำ

ส่วนตัวเราชอบพื้นที่ Family Area ของบ้านหลังนี้มากค่ะ ตรงนี้เค้าให้พื้นที่มาเยอะมาก จะจัดเป็นมุมทำงานสำหรับลูก ๆ หรือจะวางเป็นอีกหนึ่งมุมนั่งเล่นชั้นบนก็ดัดแปลงได้ตามชอบเลย

พื้นที่ส่วนนี้กว้างมากจัดการใช้งานได้หลายฟังก์ชันทั้งมุมทำงานมุมนั่งเล่น และมุมทำงานอดิเรกลูก ๆ สเปซตรงนี้คือรับจบได้หมด หรือถ้าบ้านไหนต้องการอีกหนึ่งห้องนอนก็สามารถกั้นห้องนี้ทำเป็นอีกหนึ่งห้องนอนได้ค่ะ

ขอพามาดูห้อง Master Bedroom กันก่อน อย่างที่เกริ่นว่าห้องนี้กินพื้นที่ฝั่งหน้าบ้านทั้งหมด ทำให้มีสเปซการใช้งานที่เยอะมาก จัดฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ

แน่นอนว่าห้องนี้เราวางเตียง King Size ได้สบายเลยค่ะ มีพื้นที่เหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้อีก 2 ตัว

ห้องนี้มีพื้นที่กว้างมากพอที่จะจัดวางอีกหนึ่งฟังก์ชันการใช้งานภายในห้อง จะทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบนี้หรือจะวางโต๊ะทำงานเข้ามุมก็ปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ

ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet จะทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่สำหรับคนที่เสื้อผ้าเยอะหรือจะแบ่งครึ่งวางโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้ก็ดูเข้าท่า

ห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบค่ะ ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องข้างล่าง มีสเต็ปแยกพื้นที่แยกโซนแห้ง-เปียก ภายในโซนเปียกเจาะผนังสี่เหลี่ยมสำหรับวางผลิตภัณฑ์อาบน้ำมาให้เลย

ถัดมาเป็นห้องนอนรองฝั่งหลังบ้าน ห้องนี้ก็จะมีขนาดที่เล็กลงมา แต่จัดฟังก์ชันได้เพียงพอต่อการใช้งานค่ะ

ห้องนี้เราสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ค่ะ หรือจะวางเป็นเตียง 3 ฟุต แล้วทำเป็นพื้นที่นั่งทำงานด้านข้างแบบนี้ก็ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบ

มุมปลายเตียงจะวางตู้เสื้อผ้าแบบนี้หรือทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเต็มพื้นที่ก็ทำได้ตามต้องการเลย

ตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ติดกับห้องนอนเลยค่ะ แน่นอนว่าห้องนี้ก็ให้สุขภัณฑ์มาครบเช่นกัน

ราคา อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ

(Eternity Saimai-Phahol)

โครงการ Eternity สายไหม-พหลฯ เป็นโครงการบ้านแฝดแบบผนังไม่ติดกัน ก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบา ส่งมอบบ้านเปล่า ในราคาเริ่มต้น 5.39 ล้านบาท*

แบบบ้านที่เราพาไปดู คือ

• แบบบ้าน Wellness ราคาเริ่มต้น 5.39 ล้านบาท*
• แบบบ้าน Balance ราคาเริ่มต้น 5.39 ล้านบาท*

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

• ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตารางวา/เดือน

*หมายเหตุ : ข้อมูลรีวิวเป็นข้อมูลที่ทางทีมงานรวบรวมมา ณ วันที่เขียนบทความเท่านั้น โปรดสอบถามรายละเอียดโดยตรงจากโครงการอีกครั้ง

SUMMARY

ภาพรวมโครงการ

• โครงการ อิเธอร์นิตี้ สายไหม-พหลฯ เป็นโครงการบ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยวติดถนนสายไหม ใกล้รถไฟฟ้า รอบโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
• แบบบ้านสไตล์นอร์ดิกผสมโมเดิร์น ดูอบอุ่นและมีความเข้ากันกับธรรมชาติ
• แบบบ้านมี 2 แบบ ได้แก่ แบบบ้าน Wellness พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. และแบบบ้าน Balance พื้นที่ใช้สอย 162 ตร.ม.
• การออกแบบเน้นวางช่องแสงไว้ในจุดต่าง ๆ เพื่อให้บ้านดูโปร่งรับแสงได้ดี
• จัดวางฟังก์ชันมาอย่างหลวม ๆ ก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบาง่ายต่อการต่อเติม
• ยูนิตน้อย บรรยากาศเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่าน
• พื้นที่ส่วนกลางบรรยากาศร่มรื่นด้วยพื้นที่สวน มีไฮไลท์เป็นคลับเฮาส์ 3 ชั้น มีทั้ง สระว่ายน้ำระบบเกลือ, Co-Working Space และ Fitness

ทำเลและการเดินทาง

• โครงการ Eternity Saimai-Phahol ตั้งอยู่ติดถนนสายไหม เชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้หลายเส้นทั้ง ถนนพหลโยธิน-ถนนกาญจนาภิเษก-ถนนสุขาภิบาล 5
• ใช้ซอยย่อยสายไหม 39 ทะลุไปออกถนนลำลูกกาได้
• เข้า-ออกโครงการได้หลายเส้นทางทั้งจากฝั่งถนนพหลโยธิน, ถนนลำลูกกา และถนนกาญจนาภิเษก
• ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว 2 สถานี ได้แก่ BTS คูคต และ BTS แยก คปอ. ห่างจากโครงการประมาณ 4 กม.
• ใกล้สนามบินดอนเมือง
• เป็นโซนที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ Community Mall และห้าง Hyper Market อีกหลายแห่ง
• นอกจากนี้ก็รัศมีรอบโครงการมีโรงพยาบาลทั้ง โรงพยาบาล CGH สายไหม และโรงพยาบาลสินแพทย์ลำลูกกา และสถานศึกษาชื่อดัง อย่าง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม อีกด้วย

เหมาะกับใคร

• กลุ่มคนที่อาศัยโซนสายไหมอยู่แล้ว มองหาบ้านหลังแรกในการเริ่มสร้างครอบครัว
• กลุ่มคู่รักไปจนถึงครอบครัวเดี่ยว
• ครอบครัวที่ชอบแบบบ้านดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ดูอบอุ่น
• ครอบครัวที่ชอบความเป็นส่วนตัว
• กลุ่มคนที่มีงบประมาณ 5 ล้านขึ้นไปในการซื้อบ้าน