Ashton Silom (แอชตัน สีลม) คอนโดมิเนียมหรูใจกลางสีลม บนหนึ่งในทำเล CBD ที่ดีที่สุด
· 2 min read[Advertorial]
อย่างที่ทราบกันว่า CBD ในกรุงเทพฯ มี 2 โซนหลัก นั่นคือ สุขุมวิทตอนต้นและตอนกลาง กับ สาทรและสีลม ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมตลาดบนในระดับ Hi-end ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกจับทำเลสุขุมวิทและสาทรเป็นหลัก เนื่องจากยังพอจะสามารถหาที่ดินได้ไม่ยากนัก แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับราคาที่ดินที่สูงมากก็ตาม แต่ทำเลหนึ่งใน CBD ของกรุงเทพฯ ที่แทบไม่มีคอนโดมิเนียมใหม่เกิดขึ้นเลยก็คือบนถนนสีลมนั่นเอง ทั้งที่จริงแล้วถนนสีลมนี้จัดเป็นถนนที่มีราคาประเมิณที่ดินสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ด้วยราคาตารางวาละ 1 ล้านบาท แต่ก็กลับไม่มีการซื้อขายกันมากนักเหมือนบนเส้นสุขุมวิท หรือไม่ว่าจะเป็นบนเส้นสาทรก่อนที่จะข้ามสะพานตากสินไปยังฝั่งธนบุรีก็ตาม เพราะว่าพื้นที่ริมถนนสีลมนั้นมีอาคารต่างๆ จับจองที่ดินริมถนนเป็นอาคารสำนักงานรวมถึงศูนย์การค้ากันไปหมดแล้ว เลยไม่น่าแปลกใจที่บรรดาดีเวลลอปเปอร์ต่างๆ ไม่สามารถหาที่ดินแปลงงามบนถนนสีลมมาพัฒนาโครงการได้ และอยู่ๆ ก็จับพลัดจับพลูเป็นทางอนันดา ดีเวลลอปเมนท์ ที่ได้ที่ดินแปลงแปลงสวยบนหัวมุมถนนสีลมมาขึ้นคอนโด และแน่นอนว่าแบรนด์บนท็อปสุดอย่าง “Ashton” จะต้องถูกหยิบมาใช้ต่อจากความสำเร็จจาก Ashton Morph 38 , Ashton Asoke และ Ashton Chula-Silom อย่างแน่นอน … ซึ่งนั่นทำให้เราจะได้เห็นคอนโด “Ashton Silom” กลายเป็นคอนโดมิเนียมแรกบนถนนสีลมในรอบหลายปี
ที่ดินของ Ashton Silom นั้นอยู่ใกล้กับแยกสีลมตัดกับถนนนราธิวาส ซึ่งสามารถมองเห็นว่าที่ตึกสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็น Landmark ในย่าน CBD อย่างโครงการ Mahanakorn ได้อย่างชัดเจน Ashton Silom จึงจัดเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่บนทำเลมีมีมูลค่าสูงในระดับต้นๆ ของเมืองไทย และแน่นอนว่าการพัฒนาโครงการในที่ดินทำเลแบบนี้ อนันดาฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าก็คงจะไม่ทำอะไรออกมาธรรมดาอย่างแน่นอน
ตัวงานสถาปัตยกรรมของโครงการคอนโดแอชตัน สีลม นั้นได้รับการออกแบบให้ทำตัวเหมือนเป็นงานประติมากรรมชิ้นหนึ่ง ที่มีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของ “The Pioneer” ที่มองว่าผู้ที่ได้เป็นเจ้าของคอนโดแอชตัน สีลม ก็เปรียบได้กับ “ผู้บุกเบิก” หรือ “ผู้เริ่มต้น” ที่เห็นคุณค่าและเห็นถึงศักยภาพของคอนโด Ashton Silom แห่งนี้
ในแง่ของการออกแบบสเปซนั้น คอนโด Ashton Silom ได้ใช้แนวคิดของ “Vertical Interlocking” ในยูนิตพิเศษของโครงการ ซึ่งคำว่า “Interlocking” จริงๆ แล้วเป็นภาษาทางการออกแบบที่เป็นการนำสเปซ 2 ส่วนมาซ้อนทับกัน จุดที่สเปซแชร์ร่วมกัน นักออกแบบทั้งหลายจะเรียกกันว่า Interlocking Space โดยแอชตัน สีลม ได้นำเทคนิคการออกแบบนี้มาใช้ในทางตั้ง ให้เกิดสเปซในห้องที่ฝ้าเพดานสูงถึง 3.6 เมตร ซึ่งในก็ยังได้ความเป็นห้องมุมและมุมมองแบบพาโนราม่าด้วย
สำหรับเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางนั้น ถ้าใครที่ติดตามดีไซน์ของทางอนันดาฯ จะเห็นว่าเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่มักจะดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางออกมาได้สวยและไม่ซ้ำกันในแต่ละโครงการ ซึ่ง Ashton Silom นี้ก็เช่นกัน ในส่วนหน้าที่เชื่อมต่อจากถนนสีลม โครงการดีไซน์เป็นสวนที่มีการเล่นระดับและน้ำตกเพื่อใช้กั้นสเปซระหว่างภายในโครงการกับภายนอกที่วุ่นวายออกจากกัน และเมื่อเดินข้ามสะพานเข้ามาในตัวอาคารก็จะมีล็อบบี้ ซึ่งดีไซน์ในแนวคิด “Time Pause” เสมือนว่าเมื่อเข้ามาในโครงการแล้วก็หยุดความวุ่นวายทุกอย่างและเข้าสู่ชีวิตในอีกโลกนึงของ The Pioneer นั่นเอง
ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ นั้นก็จัดมาเต็มเช่นเคย เป็น Quadruple Facilities มี Private Theatre Lounge, Steam Room และ Sauna Room ที่ชั้น 34 มี Social Club ที่ชั้น 48 ซึ่งเชื่อมต่อไปยัง Botanical Lounge ที่เป็นสวนด้านนอก นอกจากนั้นก็ยังมี Swimming Pool, Kid’s Pool, Onsen, Jacuzzi, Fitness, Private Fitness, Massage Room, Library และ Business Lounge
ณ วันที่เขียนบทความนี้ คอนโด Ashton Silom ก็เปิดจองไปเฉพาะกลุ่มลูกค้า VIP ของทางอนันดาฯ ซึ่งก็มีไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสเห็นห้องตัวอย่างครับ ภายในสำนักงานขายที่ใช้แนวคิดมาจากโรงสีข้าว หรือ Wind Mill ซึ่งเป็นชื่อเริ่มแรกของถนนสีลม ได้ทำห้องตัวอย่างเอาไว้ให้ดูกันทั้งหมด 3 แบบ 3 ขนาด คือ แบบ 1 ห้องนอน 48.50 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 71.5 ตารางเมตร และ 86 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแบบที่ใช้แนวคิดของ Vertical Interlocking นั่นเอง
ทางผมเองก็มีโอกาสได้เข้าไปดูกับเค้าเหมือนกัน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพมา เลยขอนำภาพจากโครงการมาให้ดูกันแทนครับ : )
เริ่มจากแปลนแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 48.5 ตารางเมตร ลักษณะการจัดแปลนแบบนี้แตกต่างจากคอนโดทั่วไปในท้องตลาด สิ่งที่น่าสนใจคือการนำเอาห้องน้ำไปไว้ยังสเปซกลางห้องที่สามารถเดินวนได้รอบ โดยแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นส่วนต่างๆ การวางผังแบบนี้ทำให้กรอบอาคารโดยรอบนั้นไม่มีผนังทึบเลย สามารถทำเป็นกระจกได้หมด ซึ่งการที่มีกระจกรอบแบบนี้ก็ทำให้ห้องนี้น่าจะดูโปร่ง โล่ง มากทีเดียว
สำหรับห้องตัวอย่างแบบต่อมานั้นเป็น 2 ห้องนอน ขนาด 71.5 ตารางเมตร ห้องแบบนี้เราจะเห็นว่าสเปซภายในนั้นค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันในครอบครัว สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ โต๊ะทำงาน โต๊ะรับประทานอาหารได้แบบสบายๆ ในขณะที่ห้องนอนก็จะถูกแยกออกไปยังอีกมุมหนึ่ง ห้องนอนใหญ่นั้นมีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet ได้สบาย รวมถึงห้องน้ำในห้องนอนก็มีส่วนอาบน้ำสำหรับยืนอาบพร้อมอ่างอาบน้ำที่อยู่ติดกัน ซึ่งห้องน้ำของคอนโดแอชตัน สีลม ก็จะใช้ดีไซน์แบบนี้เป็นหลัก
มาถึงห้องแบบสุดท้าย ที่เป็นไฮไลท์ของคอนโด Ashton Silom ด้วยการดีไซน์แบบ Vertical Interlocking ถ้าเดินเข้ามาในห้องเราจะอยู่บนพื้นระดับเดียวกับห้องนอนและส่วน pantry เตรียมอาหารที่แยกออกมาอีกฝั่ง ซึ่งจากสเปซตรง Pantry นี้จะมีสเต็ปลดระดับลงไปสู่ส่วนที่เป็นพื้นที่พักผ่อนและรับประทานอาหาร ซึ่งก็จะทำให้เพิ่มระดับความสูงของฝ้าเพดานสูงถึง 3.6 เมตร ทำให้โปร่ง โล่ง พอรวมกันกระจกเข้ามุมแล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่สเปซของห้องนี้จะถูกจัดเป็นไฮไลท์ของคอนโดแอชตัน สีลม
จากลักษณะแปลนห้องและสเปซของคอนโด Ashton Silom นั้นดีไซน์ออกมาได้น่าสนใจและมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองค่อนข้างสูง รูปแบบการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ นั้นถูกวางออกมาในแบบที่ “ไม่ใช่ของโหล” ทั่วไป แต่ทำออกมาเฉพาะตัวในดีเทลและการเก็บรายละเอียดในด้านต่างๆ ซึ่งน่าจะเหมือนกับที่คุณชานนท์ บอสใหญ่แห่งค่ายอนันดาฯ เคยพูดเอาไว้ว่าคอนโดมิเนียมทุกโครงการของอนันดาฯ จะต้องไม่เหมือนกัน คิดใหม่ ดีไซน์ใหม่ ในทุกโครงการ และก็คงแน่นอนว่าดีไซน์ของแอชตัน สีลม นั้นก็คงเป็นที่เดียวสำหรับผู้นำหรือเหล่า The Pioneer ทั้งหลายที่จะได้ครอบครองนั่นเอง
เพิ่มเติม
อยู่สบายลงพื้นที่เก็บภาพพร้อมข้อมูลพรีวิวทำเลของคอนโด Ashton Silom เอาไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว สนใจลองเข้าไปอ่านกันได้ครับ >> เจาะทำเลคอนโด Ashton Silom
Find units for rent and sale in Ashton Morph 38: http://www.bangkokcondos.co.th/condominium/ashton-morph-38/