สวัสดีค่ะ  รีวิวนี้พามาชมคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังจะเปิดใหม่อีกโครงการ กับ Chapter One Shine Bangpo (แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ)  เป็นคอนโด High Rise สูง 33 ชั้น ซึ่งเป็นคอนโดตัวที่ 2 ของ พฤกษา เรียลเอสเตท บนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ซึ่งตัวแรกนั้นก็คือ The Tree Bangpo Station ที่ Sold out ปิดโครงการไปเรียบร้อยหลายปีแล้ว  ที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจาก MRT บางโพ ไปประมาณ 650 เมตร ตัวคอนโดถึงจะไม่ได้มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็จะยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ

แบรนด์คอนโด Chapter One จะเป็นแบรนด์ที่วาง Position สูงกว่า The Tree อยู่  โครงการ Chapter One Shine Bangpo เลยใส่คอนเซ็ปของความเป็น Modern Chinese เข้าไป  เพื่อให้มีความเป็น Boutique มากขึ้น   สำหรับรายละเอียดเจาะลึกของคอนโด Chapter One Shine บางโพ จะเป็นอย่างไรนั้น ตามเข้าไปดูรีวิวโครงการอย่างละเอียดกันดีกว่าค่ะ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน

Chapter One Shine Bangpo (แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ)

• เจ้าของโครงการ >> บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนประชาราษฎร์สาย 1  (ช่วงประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25)
• ขนาดที่ดิน >>> 3-1-40 ไร่
• จำนวนชั้นและจำนวนอาคาร >>>
  • อาคารชุดพักอาศัย สูง 33 ชั้น 1 อาคาร
  • อาคารจอดรถ สูง 5 ชั้น  1 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • สตูดิโอ 22.45-23.35  ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน 28.80-29.30 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน Exclusive 48.90 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน Riverfront 44.85 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน Riverfront 56.80 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 615 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  1.79 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่เปิดตัว)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> 85,000 บาท/ตร.ม.
• พิกัด GPS >>> 13.812520, 100.521559
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• เบอร์ติดต่อ 1739
• เริ่มก่อสร้างปี 2560
• คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562

คอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1  ฝั่งซอยเลขคี่ที่เป็นซอยติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นช่วงของโค้งน้ำเจ้าพระยาพอดี ไม่ไกลจากแยกบางโพที่มีรถไฟฟ้า MRT บางโพตั้งอยู่ ซึ่งตัวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 62 …จากแผนที่ Graphic ที่โครงการทำขึ้นมาจะเห็นได้ว่าบริเวณรอบๆ จะมีแนวรถไฟฟ้าที่มีด้วยกัน 3 สาย ได้แก่ แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางซื่อ-ท่าพระ , รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน และ รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน  แต่ที่สะดวกกับการเข้าถึงที่สุดก็เป็นสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ – ท่าพระ)  นอกจากนี้ก็ยังสามารถเดินทางทางเรือ แล้วทางรถนั้นก็อยู่ใกล้กับทางด่วนศรีรัชใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปไม่นานมานี้

(คลิกที่รูปเพื่อดูแผนที่ขยายได้นะคะ)

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

วันนี้เราเริ่มเดินทางจากตรงสามแยกเตาปูน  ที่มีสถานีเตาปูนที่เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ก็ให้ขับรถตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมาตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 จนถึงแยกบางโพแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปประมาณ 650 เมตรก็ถึงที่ตั้งโครงการที่อยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ถ้าพูดถึงภาพรวมของคอนโดโซนนี้จะเน้นเทไปอยู่ที่ฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่เป็นที่นิยมของ Developer เนื่องจากใกล้สถานีเตาปูนที่เป็นสถานี Interchange Station และถนนสายนี้เป็นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งยาวตลอดถนน ทำให้ถนนเส้นนี้มีโครงการคอนโดเกิดขึ้นเพียบ และราคาก็พุ่งตัวค่อนข้างสูงค่ะ  ภาพรวมๆของโซนนั้น สามารถเข้าตัวเมืองได้ไม่ยากนัก เป็นย่านเก่าแก่และเป็นที่พักอาศัย ไม่ค่อยมีศูนย์การค้าเท่าไหร่ ที่เห็นก็มีแต่ Tesco Lotus สาขาประชาชื่น ตรงแยกประชาชื่น นอกนั้นก็เป็นตลาดใหญ่ (ตลาดเตาปูน) แล้วแหล่งชุมชน แล้วก็จะมีร้านค้าเล็กๆ ในตึกแถวตลอดสองข้างทาง ในอนาคตอันใกล้แถวๆ นี้คงเจริญได้อีกค่ะ เพราะมีหลายโครงการใหญ่ๆที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ อย่างรัฐสภาใหม่และสะพานเกียกกาย ที่จะข้ามไปจรัญสนิทวงศ์  รวมไปถึง Hub รถไฟฟ้าสถานีกลางบางซื่อ  ที่ก็น่าจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางในอนาคต

ถ้าเรายึดเอาแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นหลัก  คอนโด High rise จะไม่สามารถไปขึ้นโครงการทางด้านทิศใต้ของแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้มากนัก เพราะติดเรื่องกฎหมายความสูงจากแนวรัศมีของรัฐสภาใหม่ด้วยค่ะ

ตัวโครงการ แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ มีตัวที่ดินติดกับ ซอยประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 แต่ทางเข้าออกจะอยู่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 ทางเดียว ส่วนสำนักงานขายโครงการนั้นจะไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการค่ะ จะอยู่ด้านข้างซึ่งก็เป็นแปลงที่ดินของพฤกษาเช่นกัน  ซึ่งถ้าให้เดา ก็เป็นได้ว่าอนาคตจะเป็นโครงการเฟสต่อไปของ Chapter One Shine นี่แหละค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าออกโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น (หมายเลข 1) รวมไปถึงโกดังไม้ชั้นเดียวที่ติดกับที่ดินโครงการ ส่วนด้านหลังก็จะเป็นโรงงานไม้และบ้านพักอาศัยค่ะ ด้านข้างฝั่งที่ติดกับคลองจะเป็นโครงการคอนโดราชองค์รักษ์ (หมายเลข 3) ซึ่งไม่ได้เปิดขายให้กับบุคคลทั่วไป  เป็นอาคารสูงประมาณ 20 กว่าชั้น  ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ก็จะเป็นร้านขายไม้และวัสดุก่อสร้าง (หมายเลข 4) โซนนี้จะเป็นโซนของโรงงานไม้ ร้านค้าขายไม้รวมถึงวัสดุก่อสร้างมีให้เห็นค่อนข้างเยอะ ไม่ไกลจากที่ตั้งโครงการจะมีตลาดศรีเขมา (หมายเลข 5) บริเวณนั้นก็จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึง 7-11 และ Family Mart  ส่วนพอเลี้ยวซ้ายมาตามถนนหัวมุมก็จะเป็นโรงเรียนโยธินบูรณะ (หมายเลข 6) ที่ย้ายมาจากที่ดินที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่  และติดกับโรงเรียนก็จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ White Mall  (หมายเลข 7) ด้านในก็จะมีร้านค้า และ Max Valu ตั้งอยู่ด้วยค่ะ ถัดไปจะเป็นวัดสร้อยทอง (หมายเลข 8) ที่ด้านในจะมีท่าเรือวัดสร้อยทอง อยู่ด้วย  ตรงข้ามกับตำแหน่งของวัดสร้อยทองจะเป็นทางขึ้นทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (หมายเลข 9) ทางด่วนใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานเชื่อมกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกเข้ามาในตัวเมืองตรงจตุจักร

มาดูฝั่งที่จะไปแยกบางโพกันบ้าง  ติดกับซอย 28 จะเป็นโรงเรียนกุลวรรณศึกษา (หมายเลข 10) ซึ่งซอยนี้จะเชื่อมต่อกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แต่จะเป็นถนนเดินรถทางเดียวมาจากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี  ถัดมาที่ซอย 24  เป็นซอยดังรู้จักกันในชื่อซอยประชานฤมิตรหรือซอยโรงไม้นั่นเองค่ะ เป็นซอยเป็นถนน One-way เช่นกัน แต่จะเป็นฝั่งที่วิ่งจากประชาราษฎร์สาย 1 ไปถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ใกล้กับซอยนี้เราจะเจอกับคอนโดรุ่นพี่ของบริษัทเดียวกันอย่าง The Tree Bangpo Station (หมายเลข 11) ที่ขายหมดและสร้างเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ฝั่งตรงข้ามกับซอย 24 จะเป็นซอย 19 ในซอยจะมีสถานีตำรวจนครบาลบางโพ (หมายเลข 12)

พอมาถึงที่แยกบางโพ แน่นอนว่าบริเวณนั้นก็เป็นที่ตั้งของสถานีบางโพ ซึ่งขาของสถานีนี้นั้นจะไปสุดถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ตรงนั้นจะมีท่าเรือบางโพอยู่ ติดกับท่าเรือจะเป็นคอนโดริมน้ำราคาแพงอย่าง 333 Riverside (หมายเลข 13) ซึ่งในอนาคตทาง Land and Houses ก็จะพัฒนาพื้นที่ข้างคอนโดที่ติดกับตัวสถานีรถไฟฟ้าให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กด้วย  คนที่อยู่ Chapter One Shine Bangpo เวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้าก็พลอยได้อานิสงค์ไปด้วย

พอมาถึงตรงเส้นถนนประชาราษฎร์สาย 2 นอกจากคอนโดของหลายเจ้าที่ขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าแล้วก็จะมีโรงพยาบาลบางโพ (หมายเลข 14) ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ดินว่าที่เป็นโครงการ The Market เก่าของ TCC  แว่วๆ มาว่ามีแผนกำลังพัฒนาเป็นศูนย์การค้า Gateway (หมายเลข 15) ซึ่งที่ดินก็จะติดกับ The Tree Interchange Condo ซึ่งก็เป็นของพฤกษาเช่นกันค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

ก่อนเข้าไปที่โครงการ Chapter One Shine Bangpo เราไปสำรวจสภาพแวดล้อมรอบโครงการกันก่อนดีกว่าค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าออกโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างและไม้ค่ะ สีเหลืองสะดุดตา

ด้านข้างทางเข้าจะเป็นตึกแถวที่ชั้นล่างจะขายไม้เช่นกัน

ตึกแถวอีกฝั่งเป็นร้านทำป้ายไวนิล

บ้านพักอาศัยสูง 7 ชั้น ติดกับตึกแถว

คอนโดของราชองครักษ์ที่มองเห็นจากที่ดินโครงการ

คลองวัดเสาหินที่ติดกับที่ดินของพฤกษาที่เป็นสำนักงานขาย

ประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 ที่อยู่ติดด้านข้างที่ดินโครงการ

บรรยากาศด้านในซอยมีทั้งบ้านพักอาศัยและโรงงานไม้

โรงงานไม้ที่อยู่ด้านข้างติดกับที่ดินโครงการค่ะ

ตามแนวถนนประชาราษฎร์สาย 1 จะมีทั้งร้านขายไม้ที่อยู่ในอาคารพาณิชย์ และเป็นอาคารชั้นเดียวแบบในรูป

โรงเรียนโยธินบูรณะที่อยู่ตรงหัวมุม

สะพานลอยและป้ายรถประจำทางจะอยู่ใกล้กับโรงเรียนโยธินบูรณะ

จากบนสะพานลอย ถ่ายบรรยากาศของถนนประชาราษฎร์สาย 1 มาฝาก เริ่มจากฝั่งที่มองไปแยกบางโพและที่ตั้งโครงการ ช่วงนี้จะเป็นถนนฝั่งละ 3 เลน มีเกาะกลาง

ฝั่งที่จะไปวัดสร้อยทอง ถนนจะโค้งไปตามทาง จะมีที่กลับรถเลยโค้งไปหน่อย

อาคารพาณิชย์บนถนนประชาราษฎร์สาย 1

ข้ามสะพานลอยไปเจอแฟมิลี่มาร์ท

จากหัวมุมถนนมองไปจะเป็นโซนของตลาดศรีเขมา

โค้งตามถนนมาเรื่อยๆ แล้วตรงไปจะเป็นทางขึ้นทางด่วนจตุจักรที่เพิ่งเปิดใหม่ หรือที่เรียกว่า ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ

White Mall ด้านในมีร้านค้า และ แม็กซ์แวลู ทันใจ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง  แล้วก็มี Golden Place ที่เป็นร้านค้าโครงการหลวงด้วยนะคะ  ส่วนฝั่งติดกับคอมมูนิตี้มอลล์ จะเห็นพระอารามหลวงวัดสร้อยทอง

ร้านค้าด้านในค่ะ

มาดูบรรยากาศบริเวณถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งจะไปแยกบางโพกันต่อ

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นร้านขายของชั้นล่างค่ะ

โรงเรียนกุลวรรณศึกษา ติดประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 30

ธนาคารกรุงเทพติดถนนใหญ่

ถนนประชาราษฎร์สาย 1 มองไปเห็นคอนโด The Tree Bang Po Station

ประชาราษฎร์สาย 1  ซอย 19 หรือซอยโอมาวาส เป็นทางเข้าสถานีตำรวจนครบาลบางโพ

ซอยประชานฤมิตร หรือซอยโรงไม้ เดินรถทางเดียวไปออกซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 5

ธนาคารกสิกรไทย บนถนนประชาราษฎร์สาย 1

ช่วงต้นถนนประชาราษฎร์สาย 1  จากแยกบางโพจะมองเห็น MRT สถานีบางโพอยู่

ออกมาดูที่แยกบางโพ จนถึงถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตามแนวรถไฟฟ้ากันต่อค่ะ

หัวมุมแยกบางโพมีโรงรับจำนำ และพี่วินมอไซค์อยู่

แยกบางโพชัดๆ ตอนนี้ตัวสถานีก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว (เมษายน 60)

ขาของสถานีบางโพจะมีมาลงตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับท่าเรือบางโพ อารมณ์คล้ายๆ กับตรง BTS สะพานตากสินเลยค่ะ

จากท่าเรือบางโพ มองไปแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ข้ามไปฝั่งธนฯ ถนนจรัญสนิทวงศ์  ปัจุบันท่าเรือปิดให้บริการยาวไปเลย  จนกว่าจะสร้างรถไฟฟ้าเสร็จนั่นแหละค่ะ  ถึงจะกลับมาเปิดใช้บริการกันอีกที

คอนโด 333 Riverside ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรอยู่ที่แสนกว่า

ออกมาแยกบางโพอีกรูป มุ่งหน้าไปถนนประชาราษฎร์สาย 2

เก็บภาพตัวสถานีบางโพมาชัดๆ กันอีกรูปจากฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 2

แนวถนนประชาราษฎร์สาย 1  ก็ยังมีตึกแถวอยู่ค่ะ มีที่ทำการไปรษณีย์บางโพ

โรงพยาบาลบางโพ

ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลบางโพ จะเป็นที่่ว่างล้อมรั้วไว้ ป้ายขึ้นว่าจะเป็นห้าง Gateway ค่ะ ส่วนด้านหลังที่เห็นเป็นอาคารสูงนั้นเป็นคอนโด The Tree Interchange สูง 39 และ 40 ชั้น 2 อาคาร จากพฤกษา

สถานีเตาปูน ตรงแยกเตาปูนที่เป็นสถานี Interchange ระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน

เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ตรงสี่แยกประชาชื่น

สะพานสูงที่ข้ามจากหน้า SCG ไปลงแยกประชาชื่น

MRT บางซื่อที่ตอนนี้เป็นสถานีปลายทาง  ซึ่งเดือนสิงหาคม (ปี 60) ที่จะถึงนี้ก็จะมีการเชื่อมต่อกับสถานีเตาปูนที่เป็นสถานี interchange

สถานีรถไฟบางซื่อที่ในอยาคตพื้นที่จะถูกพัฒนาเป็น Hub ใหญ่ของขนส่งมวลชนระบบรางค่ะ

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เข้ามาที่สำนักงานขายกันต่อเลย

เริ่มจากด้านหน้าถนนทางเข้าออกโครงการค่ะ มองเข้าไปด้านในฝั่งขวามือจะเป็นสำนักงาน ส่วนฝั่งซ้ายมือที่ล้อมรั้วไว้อยู่จะเป็นที่ตั้งโครงการจริง

หน้าตาสำนักงานจะเป็นสีขาวคล้ายกับตัวอาคารจริง  โครงการวางคอนเซ็ปการออกแบบเป็นสไตล์ Modern Chinese เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความคลาสสิกอยู่พอสมควร  ตัวสำนักงานจะอยู่ในที่ดินแปลงข้างๆ ที่เป็นที่ของพฤกษาฯ เช่นกัน

พื้นที่จอดรถสำหรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ

มองย้อนกลับไปทางเข้าออกโครงการ จะมีอาคารพาณิชย์ตั้งขนาบข้างอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง

เดินเข้าไปดูด้านในสำนักงานกันค่ะ ตัวผนังอาคารจะเป็นสีขาว ตัดกับสายเส้นสีทอง ทำให้ดูหรูขึ้นอีกนิด

พอเข้ามาด้านในส่วนที่เป็น Indoor แล้วก็จะเริ่มมีความเป็นจีน ดูได้จากโคมไฟที่ตกแต่งเรียงกันมา

บรรยากาศด้านในก็ยังเป็นโทนสีขาวครีมสะอาดตาอยู่ มีกลิ่นไอความจีนสมัยใหม่อยู่ดูเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน

ป้ายชื่อโครงการ Chapter One Shine Bang Po

ด้านนอกจะมีส่วนที่เป็น Outdoor Lobby ที่จะทำมาเหมือนกับที่ตัวอาคารจริง

เดินออกมาชมกันหน่อย ด้านนอกจะมี Sunken Seating ลงไปนั่งได้

เดินเข้ามาบริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องตัวอย่างกันต่อ ทางโครงการจะทำเป็น gallery ภาพถ่ายประวัติความเป็นมาของย่านนี้  ไล่ย้อนไปตั้งแต่การโล้สำเภาจากจีนมายังไทยโดยผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาโน้นเลย (นานไปม๊ะ :P) ซึ่งก็เป็นที่มาของ Concept Modern Chinese

ห้องน้ำส่วนกลางค่ะ ตกแต่งสวยงาม

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

โครงการ แชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ จะมีทางเข้าออกอยู่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 ส่วนตัวที่ดินโครงการจริงจะอยู่เข้ามาประมาณ 60 เมตร (วัดระยะตาม Google map) ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นที่ดินข้างๆ ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานโครงการ จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่โครงการจริงค่ะ แต่ตัวที่ดินผืนนี้ก็เป็นที่ดินของทางพฤกษาฯ เอง ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีโครงการขึ้นเป็นเฟสที่ 2 ก็เป็นได้ เพราะขนาดตัวที่ดิน ถ้าดูด้วยตาเปล่าก็จะเท่าๆ กันค่ะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น  ถนนทางเข้าโครงการก็น่าจะจดเป็นถนนภาระจำยอมใช้ทางเข้าออกร่วมกันด้วย

ตัวที่ดินของโครงการฝั่งทิศใต้จะติดกับประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 ภายในซอยส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยและโรงงานไม้  ด้านหลังโครงการที่เป็นทิศตะวันตก (มองออกไปทางแม่น้ำ) จะห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปประมาณ 200 เมตร  ซึ่งก็ไม่น่าจะมีโครงการอะไรขึ้นมาระหว่างตัวคอนโด Chapter One Shine บางโพ กับแม่น้ำเจ้าพระยาได้  เพราะด้วยเรื่องของกฏหมายความกว้างของถนนในการขึ้นอาคารสูง (คือ ถ้าโครงการอื่นจะซื้อที่โรงไม้มาทำคอนโด  ก็จะต้องใช้ซอยประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 25 เป็นทางเข้าออก  ซึ่งความกว้างของถนนไม่พอค่ะ)

ส่วนด้านหน้าติดถนนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าถัดไปจากแปลงที่ดินของพฤกษาที่เป็นสำนักงานขายอยู่ก็จะเป็นคลองวัดเสาหินที่ไหลไปแม่น้ำเจ้าพระยา หัวมุมจะมีบ้านพักอาศัยที่เป็นอาคารสูง 7 ชั้นตั้งอยู่ด้วย ฝั่งตรงข้ามคลองจะมีการก่อสร้างอาคารสูงประมาณ 20 กว่าชั้นอยู่ด้วยเป็นคอนโดของราชองครักษ์  ส่วนฝั่งตรงข้ามกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 ก็จะเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างชั้นเดียวสลับกับอาคารพาณิชย์ รอบๆ นี้จะยังไม่ค่อยมีตึกสูงขึ้นให้เห็นมากนัก

ที่ดินโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายค่ะ ส่วนสำนักงานจะอยู่ในแปลงที่ดินพฤกษาข้างๆ

ด้านข้างจะติดกับโรงงานไม้ ส่วนด้านหน้าจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ติดถนนประชาราษฎร์สาย 1

รั้วที่ติดโครงการที่ติดกับสำนักงานขายค่ะ มองไปไกลๆ นั้นคอนโด 333 Riverside ค่ะ

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีปลายฝั่งด้านที่ใกล้กับถนนใหญ่ยื่นออกมาเล็กน้อย ซึ่งตรงนั้นก็จะเป็นพื้นที่ของโถงลิฟต์ด้วยค่ะ การวางห้องถ้าพูดเรื่องทิศ จะเป็นออกเป็น 2 ฝั่งให้เข้าใจง่าย คือห้องทิศเหนือและทิศใต้ (ทำมุมเฉียงนิดๆ) ห้องด้านที่ยื่นออกมาจะเป็นห้องฝั่งทิศใต้ที่ติดกับอาคารจอดรถสูง 5 ชั้น ซึ่งความสูงก็น่าจะอยู่ประมาณชั้น 4 ของอาคารพักอาศัย ดังนั้นห้องทางทิศใต้ตั้งแต่ชั้น 2-4 ก็อาจจะโดนบังวิวด้วยอาคารจอดรถของโครงการนั้นแหละค่ะ  พอสูงขึ้นมาก็จะพ้นเห็นวิวโล่ง   ซึ่งห้องฝั่งทิศใต้นี้จะร้อนกว่าอีกฝั่งในช่วงที่โดนแดดบ่ายเป็นปกติ  ส่วนห้องทางทิศเหนือนั้นจะหันไปเจอกับที่ดินของพฤกษาเอง ซึ่งในอนาคตถ้าสมมติว่ามีการทำโครงการในที่ดินผืนนี้ ก็คงต้องมีการหลบเลี่ยงการบังวิวซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุดค่ะ  คงไม่ได้ทำออกมาบังกันเองหรอก  ไม่งั้นจะขายยากเปล่าๆ  ส่วนห้องมุมที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มๆ จะเป็นฝั่งทิศตะวันตก ร้อนหน่อย แต่ได้วิวแม่น้ำและพระอาทิตย์ตก  ซึ่งถือว่าชดเชยกับเรื่องแดดไป

ส่องโมเดล

ดูทำเลและผังของโครงการกันไปคร่าวๆ แล้ว ไปดูโมเดลกันต่อเลยค่ะ

เริ่มจากด้านหน้าทางเข้าโครงการ

เข้ามาจากถนนใหญ่จะเจออาคารพักอาศัยก่อนค่ะ ด้านข้างจะเป็นอาคารจอดรถ

ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวน และ Co-working Space ระหว่างอาคารจอดรถกับอาคารพักอาศัยจะมีทางเดินเชื่อมพร้อมหลังคาคลุมให้ด้วยค่ะ

ฝั่งทิศใต้ค่ะ

ฝั่งทิศตะวันตกที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา

ห้องฝั่งทิศตะวันตกที่เป็น Type Riverfront จะได้หน้าต่างเข้ามุม

ฝั่งทิศเหนือที่ติดกับที่ดินของพฤกษาเอง

ซูมให้ดูหน้าตาของห้อง รวมทั้งโทนสีอาคารกันหน่อย

จบด้วยพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดที่เรียกว่า Sky Facility มีสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Lounge และพื้นที่สวน หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

Facilities ของคอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ จะมีหลักๆ อยู่ด้วยกัน 2 จุดที่ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน คือ Garden Facility บนชั้น 5 ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ และ Sky Facility ชั้น 32-33 ของอาคารพักอาศัย ซึ่งเป็นชั้นบนสุดเช่นกัน

มาพูดถึงส่วนของ Garden Facility ที่เป็นสวนพักผ่อนขนาดใหญ่กันก่อน แบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่สวนเซนเรียกว่า Zen Chamber  เน้นความสงบ, Private Court ที่เป็นคอร์ทสวนหิน, Play Yard สวนสำหรับเด็กเล่นพร้อมบ่อทราย, Yoga Yard ลานเล่นโยคะ พร้อมมุม Meditation Area สำหรับทำสมาธิ นอกจากนี้ก็ยังมีพื้นที่ของ Co-Working Space 2 ชั้นที่อยู่ด้านในอาคาร ไว้สำหรับนั่งทำงานอีกด้วย

ส่วน Sky Facility ที่ชั้น 32-33 นั้นแน่นอนว่าก็จะต้องมีสระว่ายน้ำที่เป็น Infinity Edge Pool ว่ายไปชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไป (คือ ถ้าขายคอนโดวิวแม่น้ำ แล้วไม่ทำ Infinity Edge Pool นี่ผิดมากๆ) พร้อม Sunset Deck ที่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก, Sky Garden, Sky Fitness และ Sky Lounge ที่ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างทั่วถึง คนที่ไม่ได้อยู่ห้องชั้นสูงๆ หรือห้องฝั่งที่หันไปเจอโค้งน้ำเจ้าพระยาเต็มๆ ก็สามารถขึ้นมาชมวิวที่ส่วนกลางได้ค่ะ นอกจากนี้ที่ชั้น 1 ก็ยังจะมี Lobby ทั้งส่วนที่เป็น Indoor และ Outdoor ไว้ให้อีกด้วย รวมไปถึงพื้นที่ร้านค้าที่เตรียมไว้อีก 2 ห้อง

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น  สัดส่วนลิฟต์โดยสาร 3 ตัว กับ 615 ยูนิต  เฉลี่ยออกมาได้ 205 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว  ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นสักหน่อย ในชั่วโมงเร่งด่วนก็จะต้องอดทนรอกันนิด  ตัวอาคารจอดรถจะอยู่แยกกับอาคารพักอาศัยไปเลย จอดได้ที่ชั้น 1-4 แล้วก็จะมีทางเดินเชื่อมไปถึงอาคารพักอาศัยค่ะ ที่จอดรถ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้ารวมซ้อนคันแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 50% ก็ถือว่าใช้ได้อยู่ สำหรับคอนโดที่ไม่ได้อยู่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก  แต่อาจจะไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินไปได้สบายๆ  ทางโครงการเลยมีบริการ Shuttle bus ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าสถานีบางโพอีกด้วย

เอาภาพบรรยากาศจำลองของพื้นที่ส่วนกลางมาฝากกัน เริ่มจากส่วนของ Lobby กันก่อน เน้นเป็นที่โทนสีขาวครีมคล้ายๆ กับตัวสำนักงานขาย

Outdoor Lobby ที่หน้าตาคล้ายๆ กับตรงสำนักงาน  จากภาพบรรยากาศจำลองจำเห็นหน้าตาทางเชื่อมระหว่างอาคารพักอาศัยกับอาคารจอดรถด้วยค่ะ

หน้าตาของห้อง Co-Working Space  มองออกไปเป็นพื้นที่สวนที่ชั้น 5 ของอาคารจอดรถ

สวนดาดฟ้าของอาคารจอดรถ มองไปเห็นอาคารพักอาศัยที่ตัวอาคารเป็นโทนสีน้ำตาล-ขาว

Sky Lounge ไว้นั่งเล่น ชมวิวพระอาทิตย์ตก

Sky Fitness หันไปทางโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา  ได้โค้งเป็นรูปตัว U พอดี  สวยเชียว

สระว่ายน้ำดาดฟ้า

ภาพบรรยากาศจำลองของส่วนกลางชั้นบนสุดของอาคารพักอาศัยอีกรูปค่ะ ตัวส่วนกลางทั้งหลายหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาหมด ได้วิวสวยงาม

เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan

Master Plan คอนโด Chapter One Shine Bang Po

เริ่มที่ชั้น 1 กันเลย เข้ามาในพื้นที่โครงการแล้วจะเจอกับอาคารพักอาศัยก่อน ตัว Drop-off จะอยู่เข้าไปด้านในตามแนวถนนที่อยู่ติดกับที่ดิน ส่วนทางเข้าอาคารจอดรถจะอยู่ทางด้านหลังสุดของที่ดินค่ะ ตัวอาคารพักอาศัยจะแยกกับอาคารจอดรถอย่างชัดเจน อาคารจอดรถจะจอดได้ที่ชั้น 1-4 อยู่ห่างจากอาคารพักอาศัยประมาณ 25-30 เมตร มีทางเดินพร้อมหลังคาคลุมไปยังอาคารพักอาศัย  เวลาฝนตกก็ไม่เปียก ส่วนในอาคารพักอาศัยที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ Lobby ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor แล้วก็จะมีร้านค้าอยู่ 2 ร้านด้านหลังสุดอาคาร (พื้นที่สีเหลือง)

Floor Plan ชั้น 2-4 และ Typical Floor Plan ชั้น 5-26

คอนโด Chapter One Shine BangPo

ด้วยความที่เอาที่จอดรถไว้แยกกับอาคารพักอาศัย ห้องพักอาศัยก็เลยเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลยค่ะ ที่ชั้น 2-4 จะมีด้วยกัน 12 ห้องต่อชั้น ห้องที่อยู่ทางทิศใต้จะยังไม่มีค่ะ ยกเว้นส่วนปลายสุดของอาคารที่เป็นห้องแบบ Riverfront หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา

ขอยกอธิบายแปลนอย่างละเอียด ที่ Typical Floor Plan นะคะ จะมีด้วยกัน 22 ห้องต่อชั้น ห้องพักอาศัยจะแบ่งออกเป็น 4 Type ด้วยกัน แบ่งเป็นห้องที่ได้วิวแม่น้ำเต็มๆ ที่อยู่ปลายสุดของอาคาร เรียกว่าห้อง Riverfront คือห้องแบบ 1 ห้องนอน 44.85 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน 56.80 ตารางเมตร

ส่วนห้องที่หันไปทางทิศเหนือใต้หลักๆ ของโครงการจะเรียกเป็นห้อง River View  ถึงจะไม่ได้หันไปหาแม่น้ำเจ้าพระยาตรงๆ แต่ก็จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยามาด้วย (เพราะเป็นโค้งน้ำรูปตัว U) จะแบ่งเป็นห้องแบบสตูดิโอขนาด 22.45-23.35 ตารางเมตร กับ 1 ห้องนอน 28.80-29.30 ตารางเมตร ถ้าเป็นส่วนห้องตำแหน่งกลางๆ ของอาคาร ห้องที่หันไปฝั่งทิศใต้จะเป็นห้องสตูดิโอ ส่วนทางทิศเหนือจะเป็นห้อง 1 ห้องนอน ส่วนห้องตำแหน่งใกล้กับโถงลิฟต์จะสลับกัน คือ ห้องทิศใต้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนทางทิศเหนือจะเป็นแบบสตูดิโอ

Floor Plan ชั้น 27-31 คอนโด Chapter One Shine Bang Po

ส่วนที่ช่วงชั้นบนสุดของห้องพักอาศัยที่ชั้น 27-31 จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบห้องทางทิศทิศใต้ที่จากเดิมที่เป็นห้องสตูดิโอ จะเปลี่ยนมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน EXCLUSIVE ขนาด 44.90 ตารางเมตร แล้วเหลือห้องสตูดิโอที่ฝั่งทิศใต้เพียง 1 ห้อง ที่ติดบันไดหนีไฟค่ะ นอกนั้นตำแหน่งห้องอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ที่ช่วงชั้นนี้จะเหลืออยู่ 19 ห้องต่อชั้นค่ะ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนของคอนโด  Chapter One Shine Bangpo จะมีทั้งแบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนค่ะ แต่จะแยกย่อยเข้าไปอีกเป็น 5 แบบด้วยกัน ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นห้องที่เป็น Riverfront ที่หันไปหาแม่น้ำเจ้าพระยาตรงๆ กับห้อง River View ที่มองเห็นวิวเจ้าพระยา แต่ยังไม่ได้หันไปเจอแม่น้ำตรงๆ

แปลนห้องคอนโด Chapter One Shine Bang Po

แบบสตูดิโอ ขนาด 22.45-23.35 ตารางเมตร

ห้องไซส์เล็กที่สุดในโครงการ จะมีทั้งที่หันไปทั้งทิศเหนือและทิศใต้ค่ะ ได้เป็น River View แปลนห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แคบและยาวเข้าไป ด้านหน้าที่ติดกับทางเข้าออกห้องจะเป็น Pantry ครัว มีห้องน้ำอยู่ติดทางเข้าห้องออกอีกฝั่ง ถัดไปจะเป็นเตียงนอน ซึ่งปลายเตียงจะวางชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าเอาไว้ ส่วนด้านในสุดจะมีสเปซไว้สำหรับนั่งเล่นและนั่งรับประทานอาหาร มีหน้าต่างให้ตรงส่วนนี้ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นระเบียงห้องค่ะ อยู่ติดกับเตียงนอน  แปลนห้องแบบนี้ที่สเปซทุกส่วนของห้องจะเชื่อมต่อกันหมด ถ้าจะทำอาหารแบบจริงๆ จังๆ ก็คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะตำแหน่งส่วนพื้นที่ครัวอยู่ติดกับทางเข้าออกห้องเลย แถมใกล้กับเตียงมากๆ ด้วย ห้องขนาดประมาณนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว (อย่างมาก 2 คน) และไม่ค่อยชอบทำอาหาร  อาจจะแค่ Cooking เบาๆ  หรือชอบทานข้าวนอกบ้านเป็นหลัก

แปลนห้องคอนโด Chapter One Shine Bang Po

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28.80-29.30 ตารางเมตร

มาดูที่แบบ 1 ห้องนอน ที่เป็น River View กันต่อ แบบนี้จะเป็นแบบที่มีมากที่สุดในโครงการ มีทั้งห้องที่หันไปทั้งฝั่งทิศเหนือและทิศใต้  แปลนห้องเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพื้นที่ครัวกับพื้นที่นั่งเล่น กับส่วนของพื้นที่นอนและห้องน้ำ เข้าามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Pantry ครัวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น มีระเบียงอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นเลยค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามกับ Pantry จะมีโต๊ะเข้ามุม พร้อมเก้าอี้เอาไว้ให้

ด้านหลังพื้นที่นั่งเล่นจะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่นอน ส่วนห้องน้ำนั้นจะอยู่ในห้องนอน  เวลาเปิดประตูบานเลื่อน  สเปซก็จะรวมกัน  ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนก็ต้องติดม่านเพิ่มเอาค่ะ  ส่วนถ้าชอบสเปซโล่งๆ สบายๆ ก็เลื่อนประตูลานเลื่อนออกให้สเปซของพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอนเชื่อมกัน แล้วพอจะทำครัวก็ปิดเอา แปลนห้องแบบนี้จะยังพอสามารถทำครัวมื้อหนักได้อยู่ กลิ่นไม่ติดห้องนอนเหมือนแบบสตูดิโอ แต่ก็กระทบตรงพื้นที่นั่งเล่นอยู่บ้าง

แปลนห้องคอนโด Chapter One Shine Bang Po

แบบ 1 ห้องนอน EXCLUSIVE ขนาด 44.90 ตารางเมตร

1 ห้องนอนอีกแบบ คือ 1 ห้องนอน Exclusive ขนาด 44.90 ตารางเมตร ที่จะมีอยู่แค่ชั้น 27-31 ทางฝั่งทิศใต้เท่านั้นค่ะ เป็น 1 ห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์ (เป็นแปลนที่เอาสตูดิโอ 2 ห้องมารวมกัน) ห้องแบบนี้จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนครัว+พื้นที่นั่งเล่น+ห้องน้ำ กับ ส่วนของห้องนอน+ห้องอเนกประสงค์

เข้ามาด้านในห้องจะเจอส่วน Pantry ครัวก่อน มีห้องน้ำอยู่ใกล้ทางเข้าออกห้อง ส่วนนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ในสุด มีระเบียงอยู่ติดพื้นที่นั่งเล่นจุดนึง ส่วนอีกฝากจะเป็นส่วนห้องของนอนและห้องอเนกประสงค์ค่ะ ตรงห้องอเนกประสงค์ พอที่จะวางเตียง 3 ฟุตครึ่ง  ทำเป็นห้องนอนเด็กได้อยู่  แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้วห้องจะดูแคบไปหน่อยสำหรับการอยู่อาศัยจริง  บางทีดัดแปลงเป็นห้องทำงานได้ก็อาจจะดีกว่า  ส่วนห้องนอนนั้นจะมีพื้นที่นั่งสำหรับวาง Daybed ให้ แล้วก็มีระเบียงอยู่อีกจุดนึงตรงห้องนอนด้วย

แปลนห้องคอนโด Chapter One Shine Bang Po

แบบ 1 ห้องนอน RIVERFRONT ขนาด 44.85 ตารางเมตร

มาดูห้องแบบ Riverfront กันบ้าง เริ่มจากห้องแรกที่เป็นแบบ 1 ห้องนอน 44.85 ตารางเมตร มีแค่ชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ตัวห้องนอนกับระเบียงจะหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นทิศตะวันตกค่ะ ภายในห้องจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนของครัว พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น กับส่วนห้องนอนและห้องน้ำ

เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเป็นทางเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน มี Pantry ครัวยาวขนานกับผนังห้อง เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งก็มีระเบียงอยู่ตรงพื้นที่นั่งเล่นด้วย ส่วนห้องนอนจะกั้นเป็นสัดเป็นส่วนเอาไว้ มีห้องน้ำอยู่ด้านใน สเปซในห้องนอนค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว  รวมๆ แล้วแบบนี้จัดออกมาได้ลงตัวดี

แปลนห้องคอนโด Chapter One Shine Bang Po

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.80 ตารางเมตร

มาถึงแบบสุดท้ายที่เป็นขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการกันค่ะ กับแบบ 2 ห้องนอน 56.80 ตารางเมตร ซึ่งก็เป็นห้องแบบ RIVERFRONT เช่นกัน มีแค่ 1 ห้องต่อชั้นเท่านั้น แปลนห้องจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน มีทางเข้าออกอยู่ที่ส่วนตรงกลางของแปลน เปิดเข้ามาภายในห้องจะเป็นพื้นที่ Pantry ครัวเข้ามุม เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น มีระเบียงยาวอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น  ได้แสงธรรมชาติจากด้านนอก

ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องนั้นจะแยกออกคนละฝั่ง ห้องนอนเล็กจะมีห้องน้ำในตัวเลย พื้นที่ห้องนอนค่อนข้างกว้าง วางเตียงควีนไซส์ได้ ส่วนห้องนอนใหญ่นั้นก็มีพื้นที่โล่งๆ ใช้งานได้สบายๆ มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน ห้องน้ำของแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่ในห้องนอนทั้งคู่ มีข้อเสียนิดหน่อย คือ ถ้ามีเพื่อนมาเยี่ยมที่คอนโด แล้วจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเดินไปเข้าจากในห้องนอนนั่นแหละค่ะ

เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีให้ดู 3 แบบ คือ แบบห้องสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน River View ที่เป็นห้อง Type หลักของโครงการ กับแบบ 2 ห้องนอน Riverfront ที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มๆ ความสูงฝ้าของห้องโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่ 2.70 เมตร ห้องที่ได้จะเป็นแบบ Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว พร้อมแอร์ให้ด้วยค่ะ

ห้องตัวอย่างคอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ

แบบสตูดิโอ A1 ขนาด 22.55 ตารางเมตร

เริ่มกับห้องแบบที่ขนาดเล็กสุดในโครงการกันก่อน กับห้องสตูดิโอ ขนาด 22.55 ตารางเมตร เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอพื้นที่ Pantry ครัว และห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับครัวค่ะ ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่นอน

เคาท์เตอร์ครัวที่อยู่ติดทางเข้าออก จะได้แบบในห้องตัวอย่างเลย ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่จะไม่ได้

เข้ามาที่โซนด้านในจะเป็นพื้นที่นอน และพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ร่วมกันค่ะ

มุมเตียงนอน มีระเบียงอยู่ติดกับหัวเตียง

สเปซด้านข้างของเตียงนอน ระยะเปลี่ยนที่นอนได้อยู่  มีโต๊ะเล็กข้างเตียงให้ทั้ง 2 ฝั่ง

ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีให้ ไว้สำหรับนอนดูทีวี

สเปซด้านข้างฝั่งที่ติดกับระเบียงก็มีโต๊ะหัวเตียงให้เช่นกัน

มุมนั่งเล่นติดหน้าต่างห้องค่ะ ส่วนนี้ใช้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารไปในตัว

เคาท์เตอร์ครัวจะวางเรียงมาติดกับตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวี

จากด้านในสุดของห้อง มองออกมาดูบริเวณทางเข้าออกห้อง ทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับครัว ส่วนโต๊ะที่อยู่หน้าห้องน้ำ ห้องจริงจะไม่ได้นะคะ เป็นแค่พร็อพตกแต่ง

ห้องตัวอย่างคอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ

แบบ 1 ห้องนอน B2 ขนาด 29.15 ตารางเมตร

แบบ 1 ห้องนอน River View มองเห็นแม่น้ำอยู่บ้าง เปิดประตูห้องเข้ามาจะเป็นส่วนของพื้นที่ครัว เชื่อมต่อไปด้านในที่เป็นพื้นที่นั่งเล่น

โต๊ะทานข้าววางชิดผนังให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเคาท์เตอร์ครัว ใกล้กับทางเข้าออกห้อง ติดกันกับจะมีตู้เก็บรองเท้า Built-in ไว้ให้

พื้นที่นั่งเล่นดูทีวี มีระเบียงห้องอยู่ตรงฝั่งนี้

พื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ระยะห่างกำลังดีค่ะ

ส่วนด้านหลังโซฟาจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน

เข้ามาในห้องนอน มีเตียงขนาดควีนไซส์ให้พร้อมโต๊ะหัวเตียง

ห้องนอนจะมีหน้าตาบานกระจกพร้อมบานกระทุ้งให้ ส่วนระเบียงจะอยู่ตรงห้องนั่งเล่น

ระยะของเตียงกับผนังห้องกว้างขวางดี เปลี่ยนผ้าปูได้สะดวก

อีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำ ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำจะวางตู้เสื้อผ้า Built-in ไว้

ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะเป็นบานเปิด เวลาเปิดตู้ก็ยังมีระยะห่างจากเตียงที่พอเดินได้ค่ะ

ตัวประตูบานเลื่อนที่กั้นห้องเป็นแบบ 3 ตอน พอเลื่อนเปิดก็จะเก็บอยู่ตรงผนังเรียบร้อย ทำให้สเปซห้องดูกว้างขึ้น

ตำแหน่งเตียงจะอยู่ตรงกับชั้นวางทีวี ดูบนเตียงก็ดูทีวีได้ ส่วนเคาท์เตอร์ครัวนั้นก็จะวางอยู่ใกล้กับชั้นวางทีวีเช่นกัน

ห้องตัวอย่างคอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.80 ตารางเมตร

มาดูที่แบบ 2 ห้องนอนที่เป็นไซส์ใหญ่สุดกันต่อ เปิดห้องเข้ามาจะเป็นส่วนกลางที่เป็นพื้นที่ครัว มีเคาท์เตอร์วางเข้ามุม ติดกันเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่

ส่วนกลางของห้องจะเป็นพื้นที่ครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นค่ะ มีระเบียงอยู่ตรงพื้นที่นั่งเล่นด้วย ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่แยกกันคนละฝั่ง

สเปซดูทีวีที่ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ครบ ยกเว้นทีวี ส่วนเครื่องปรับอากาศก็ได้ด้วย

ติดกับชั้นวางทีวี และส่วนรับประทานอาหารจะเป็นทางเข้าห้องนอนเล็ก

หน้าตาของห้องนอนเล็ก วางเตียง 5 ฟุตหรือควีนไซส์ได้ มีโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าให้เช่นกัน

ปลายเตียงจะค่อนข้างแคบ แต่ก็เดินได้  ถ้าแขวนทีวีที่ผนังจะแน่นไปนิด

ส่วนด้านข้างก็ถือว่าค่อนขว้างกว้าง แปลน 2 ห้องนอนแบบนี้ ข้อดีคือห้องนอนเล็กนั้นวางเตียงขนาดไซส์ใหญ่ได้

มีห้องน้ำให้ในตัวด้วย แต่จะไม่มีห้องน้ำอยู่ตรงส่วนกลางของห้อง

มาดูที่ห้องนอนใหญ่ จะได้เป็นหน้าต่างเข้ามุม

ปลายเตียงจะไม่สามารถวางชั้นวางทีวีได้ ต้องติดทีวีแบบแขวนเอา  แต่ห้องนอนใหญ่ติดเวลาแขวนทีวีแล้วก็ยังเดินได้อยู่

ส่วนข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างเข้ามุมก็ได้พื้นที่กว้างขวางดีค่ะ

โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ

จบด้วยจากหน้าห้องน้ำมองไปยังส่วนที่วางเตียง โครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาเช่นกัน

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมของคอนโด  Chapter One Shine Bangpo ห้องที่ได้เป็นแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบทั้งแบบ Built-in และลอยตัวของ Starmark ห้องน้ำก็จะได้แบบห้องตัวอย่าง รวมไปถึงแอร์ก็ได้เช่นกัน

อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Materials)  เพื่อให้ส่องกันง่ายๆเช่นเคยค่ะ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

เคาน์เตอร์ครัวของห้องแบบ 2 ห้องนอนจะเป็นเคาท์เตอร์รูปตัว L เข้ามุม Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว และหน้าบานผิวเมลามีนลายไม้สีอ่อน

เปิดให้ดูแบบนี้ว่ามันเก็บของได้เยอะดี เคาท์เตอร์ด้านล่างจะมีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้ากับไมโครเวฟให้

แบบ 2 ห้องนอนนั้นจะได้เตาไฟฟ้ากับเครื่องดูดควันเพิ่มขึ้นมาด้วย เป็นของ MEX

หน้าตาเคาท์เตอร์ของแบบสตูดิโอ ที่ใส่ไมโครเวฟจะวางลอยอยู่ด้านบน ส่วนด้านข้างเคาท์เตอร์ครัวของทุกแบบจะมีทำช่องสำหรับเก็บตู้เย็นให้เรียบร้อย  มีช่องเก็บของให้ด้านบนด้วย

เคาท์เตอร์ด้านล่างของแบบสตูดิโอจะมีตู้เก็บรองเท้าซ่อนอยู่

ตู้ลอยเก็บของด้านบนของแบบสตูดิโอค่ะ เนื่องจากไม่มีเครื่องดูดควันก็เลยมีพื้นที่เก็บของได้เต็มๆ

แบบ 1 ห้องนอนก็จะได้คล้ายๆ กับแบบสตูดิโอ แต่ช่องใส่ไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่างแทน ไม่มีที่วางเครื่องซักผ้าให้

เปิดให้ดูพื้นที่เก็บของด้านในกันหน่อย

ลิ้นชักใส่อุปกรณ์รับประทานอาหารของแบบสตูดิโอ

ส่วนแบบ 1 ห้องนอนกับ 2 ห้องนอนจะได้ลิ้นชักที่กว้างกว่า

ที่จับบานเปิดก็ออกแบบมาให้ดูเข้ากับ Concept Modern Chinese

ปลั๊กไฟตรงเคาท์เตอร์ครัวของ Schneider  ส่วนด้านหลังผนังเคาท์เตอร์ครัวจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ  ไม่ใช่กระจกแบบในรูป

อ่างล้างจานของ MEX พร้อมก๊อกน้ำทรงสูง

เตาไฟฟ้า 4 หัวของ MEX ได้เฉพาะแบบ 2 ห้องนอน

ใต้ตู้ลอยด้านบนจะมีซ่อนไฟไว้ให้ด้วย

โต๊ะทานข้าวของแบบ 2 ห้องนอน ในห้องตัวอย่างได้เป็น 3 ที่ แต่ห้องจริงจะให้มา 4 ที่นั่งนะคะ

วัสดุห้องน้ำ

ห้องน้ำของแบบสตูดิโอ เปิดมาเจออ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะอยู่ด้านในสุด

ส่วนแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 29 ตารางเมตร เปิดมาเจออ่างล้างหน้า ติดกันเป็นพื้นที่อาบน้ำ จะไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำนะคะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่เข้าไปมุมไป

ห้องน้ำของแบบ 2 ห้องนอนในห้องนอนเล็ก

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ของแบบ 2 ห้องนอน เปิดมาเจอโถสุขภัณฑ์ ส่วนอ่างล้างหน้าจะอยู่ด้านข้าง

หน้าตาพื้นที่ตรงอ่างล้างหน้าของห้องนอนใหญ่

ชุดอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าของ  Lavenz  สีขาว บน Top เคาน์เตอร์หล่อเรซินสีขาว  มีที่เก็บของใต้อ่าง

บานเปิดใต้อ่างล้างหน้า 2 บาน พร้อมที่วางของ

ถ้าเป็นอ่างล้างหน้าของห้องแบบอื่นจะได้ขนาดที่เล็กลงมาค่ะ เป็นของ Lavenz เช่นกัน

ตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า

ก๊อกน้ำ Prema

กระจกเหนืออ่างล้างหน้าของห้องนอนใหญ่แบบ 2 ห้องนอน ความกว้างเท่ากับอ่างล้างหน้าเลย

บานกระจกเหนืออ่างล้างหน้าของห้องน้ำทั่วไป

โถสุขภัณฑ์ของ Cotto

ห้องน้ำจะปูกระเบื้องขนาด 30×30 ซ.ม ตรงส่วนเปียกกับส่วนแห้งระดับเท่ากัน แต่จะมีธรณียกสูงขึ้นมาประมาณ 5-6 ซม.

พื้นที่ส่วนอาบน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้าของแบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร จะไม่ได้อยู่เข้ามุมไปแบบอื่นๆ โครงการไม่ได้มีฉากกั้นให้นะคะ ต้องติดเอง

ฝักบัวที่ได้จะเหมือนกันทุกห้องค่ะ ก๊อกฝักบัวของ American Standard

หน้าตาฝักบัวชัดๆ เป็นของ Prema

มีที่วางสบู่ให้ตรงฝักบัว แต่คงต้องซื้อพวกชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเพิ่มเอา

แบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร มีช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำให้ข้างๆ โถสุขภัณฑ์

ที่แขวนผ้าของ Prema ในห้องน้ำแบบสตูดิโอ

ราวแขวนผ้าของแบบ 2 ห้องนอน

ได้โคมไฟโดนัท

พื้นระหว่างห้องน้ำกับห้องด้านนอนจะระดับเท่าๆ กัน มีธรณีประตูยกสูงมาประมาณ 5 ซม.

หน้าตาบานกระทุ้งตรงส่วนพื้นที่อาบน้ำของห้องนอนใหญ่

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

พื้นห้องทั่วไปปูด้วยลามิเนต ส่วนผนังห้องจะฉาบเรียบทาสีขาว มีบัวพื้นสีเดียวกับพื้นลามิเนต

บานกรอบประตูห้องต่างๆ จะเป็นสีขาวเหมือนผนังห้อง

สวิตซ์ Schneider

โคมไฟในห้องเป็นโคมซาลาเปา

แอร์ในห้องจะได้เป็นของ Samsung

ตู้รองเท้ามีตะแกรงระบายอากาศให้ด้านล่าง หน้าตาแบบนี้เป็นตู้ของแบบ 2 ห้องนอนค่ะ

เฟอร์นิเจอร์ Built-in ของ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร ด้านหน้าทางเข้าออกห้อง

มีตู้รองเท้าและตู้เก็บของให้ แผงควบคุมไฟห้องก็ซ่อนอยู่ด้านในตู้

โต๊ะทานข้าว พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ที่สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย  แต่ต้องหันหน้าชนกำแพงนะ

มุมนั่งเล่น+รับประทานอาหารของแบบสตูดิโอ จะได้เฟอร์นิเจอร์เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มีโต๊ะกลม โซฟาแบบ 2 ที่นั่ง และเก้าอี้

ส่วนพื้นที่นั่งเล่นของแบบ 1 และ 2 ห้องนอนก็จะได้โซฟา โต๊ะกลม และชั้นวางทีวี

หน้าตาโซฟาที่ได้

ชั้นวางทีวีของแบบสตูดิโอจะได้ลิ้นชัก 2 ตอน

ส่วนแบบ 1 และ 2 ห้องนอน จะได้ลิ้นชั้น แบบ 3 ตอน

เตียงนอนพร้อมฟุก ขนาดควีนไซส์ 5 ฟุต

มีลิ้นชักเก็บของให้ที่ข้างเตียงด้วย

หน้าตาโต๊ะหัวเตียงของแบบ สตูดิโอและ 1 ห้องนอน

ถ้าแบบ 2 ห้องนอนจะได้โต๊ะหัวเตียงขนาดยาวกว่าค่ะ

โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนใหญ่ของแบบ 2 ห้องนอน ได้มาหน้าตาเหมือนชั้นวางทีวี

ลิ้นชักแบบ 2 ตอน มือจับดีไซน์มาเป็นห่วงกลมแบบจีน

ตู้เสื้อผ้าหน้าบานเป็นบานกระจกสีดำ มองเห็นด้านในเล็กน้อย แบบสตูดิโอได้เป็นบานเปิด 2 บาน

หน้าตาด้านในตู้เสื้อผ้าของบานเปิด 2 บาน

ส่วนตู้เสื้อผ้าของแบบ 1 ห้องนอนจะได้เป็น 3 บาน

เช่นเดียวกับในห้องนอนใหญ่ ของแบบ 2 ห้องนอน

พื้นที่เก็บของด้านใน มีชั้นวางของเพิ่มขึ้นมา

มือจับบานเปิดตู้เสื้อผ้า

ถ้าเป็นตู้เสื้อผ้า 3 บาน จะได้ลิ้นชักเก็บของ 2 ชั้นแบบนี้ค่ะ

ส่วนตู้เสื้อผ้าบานเปิด 2 บานจะได้ลิ้นชั้นยาวไปกับความกว้างของตู้

ประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม 3 ตอนกั้นห้องนอนของแบบ 1 ห้องนอน

ความสูงของประตูบานเลื่อนจะสูงจรดฝ้าเพดาน

มือจับประตูบานเลื่อนอลูมิเนียม

หน้าต่างเข้ามุมในห้องนอนใหญ่ แบบ 2 ห้องนอน บานกรอบอลูมิเนียมเช่นกัน

ห้องนอนอื่นๆ จะได้เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน บานกรอบอลูมิเนียม

เปิดออกได้ประมาณนี้ค่ะ

มือจับของบานกระทุ้ง

มือจับประตูบานเลื่อนตรงระเบียง พร้อมที่ล็อค

หน้าตามือจับส่วนนอกระเบียง

พื้นระเบียงกับพื้นห้องจะมีธรณีประตูยกสูงมากั้น

ระเบียงห้องของแบบสตูดิโอขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โครงการเตรียมที่วางเครื่องซักผ้าไว้ที่เคาท์เตอร์ครัวแทน

แบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรเป็นระเบียงสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางเครื่องซักผ้าได้

แบบ 2 ห้องนอนจะได้ระเบียงยาวเช่นกัน

ระเบียงทำจากเหล็กกล่องทาสีเทาดำ

คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนลอยอยู่ มีเสาไว้บังให้ตัวคอมเพรสเซอร์

สเปซซักล้างด้านนอก

มีปลั๊กไฟพร้อมที่ครอบให้

หน้าตาโคมไฟตรงระเบียงพร้อมท่องานระบบ (แอร์) ที่ทาสีเดียวกับผนังด้านนอก

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นคอนโดแชปเตอร์วัน ชายน์ บางโพ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1.79 ล้านบาท เป็นแบบสตูดิโอ  ขนาด 22.45-23.35 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 79,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นห้องแบบ River View ที่จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ด้วย แต่จะไม่ได้หันเข้าแม่น้ำตรงๆ ส่วนห้อง Riverfront ที่อยู่มุมใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระนั้น ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรอยู่ที่ 100,000 บาทค่ะ ทั้งหมดขายเป็นห้องแบบ Fully furnished  ส่วนราคารายห้องของโครงการ (ตอนที่เราเข้าไปรีวิว เมษายน 2560) ยังไม่ได้เคาะออกมานะคะ

ราคา ณ วันที่ 24 เมษายน 2560

ราคาเริ่มต้น :

Studio  ราคาเริ่มต้น 1,790,000 บาท เฉลี่ยเริ่มต้น 79,000 บาท/ตร.ม

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

n/A

• ผ่อนดาวน์

n/A

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง n/A บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  n/A บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางนั้นถ้าเป็นทางรถยนต์ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ไม่ใช่ถนนสายหลักแต่ก็อยู่ไม่ไกลจากถนนสายหลักที่เป็นเส้นเข้าเมืองมากนัก  ล่าสุดทางด่วนศรีรัชใหม่ที่เปิดให้บริการก็มีจุดขึ้นลงที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า  แม้โครงการจะไม่ได้อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าตรงๆ แต่จะมีรถไปส่งที่ตัวสถานีบางโพ ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้จะสร้างเสร็จในปี 2562 ช่วงเวลาพอๆ กับที่โครงการเสร็จเลยค่ะ

ส่วนรถประจำทางวิ่งผ่านถนนประชาราษฎร์สาย 1 อยู่หลายสาย รวมไปถึง Taxi สามล้อและพี่วินมอไซค์ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชนเก่า มีคนอาศัยอยู่เยอะพอสมควร นอกจากนี้พอ Chapter One Shine Bangpo เป็นโครงการอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เลยมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นมานั้นก็คือการเดินทางด้วยเรือค่ะ มีท่าเรืออยู่ที่วัดสร้องทอง และท่าเรือบางโพ ตรง MRT บางโพเลย  (ท่าบางโพจะเปิดใช้งานหลังจากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ)

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ถ้าจะพูดถึงการเติบโตของตลาดคอนโดในเส้นประชาราษฎร์สาย 1 ตรงๆ ก็อาจจะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่  ตลาดคอนโดที่แข็งขันกันเยอะๆ จะไปหนักก็ตรงบริเวณแนวถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่เป็นแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมากกว่า   แต่ Chapter One Shine ก็มีจุดขายต่างกันไปตรงที่ได้วิวของแม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งคอนโดบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ชัดเท่า  และต้องเป็นชั้นสูงๆ  เท่านั้น  อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่คนให้น้ำหนักความสำคัญอะไรมากกว่า

พวกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และโครงดารเกิดใหม่  นอกจากรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่  ก็มีโปรเจคขนาดใหญ่ที่กำลังพัฒนาอย่างรัฐสภาแห่งใหม่, โครงการสร้างสะพานข้ามแยกเกียกกายไปฝั่งจรัญฯ เพื่อรองรับปริมาณคนที่มากขึ้นตามการสร้างรัฐสภาใหม่ ,โครงการสถานีกลางรถไฟที่บางซื่อ-จตุจักร รวมไปถึงรถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งสีน้ำเงิน ม่วง และแดง ทำให้บริเวณมีโครงการคอนโดขึ้นมาจับจองพื้นที่อยู่หลายโครงการ (ยิ่งใกล้แนวรถไฟฟ้า ติดแม่น้ำมาเท่าไหร่ ก็ยิ่งแพงเท่านั้นค่ะ)

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

คอนโด Chapter One Shine Bangpo ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงๆ แต่ทางโครงการก็เคลมไว้ว่าจะได้วิวสวยๆ ของโค้งน้ำเจ้าพระยาแน่นอนค่ะ ตัวโครงการมี Concept ในการออกแบบค่อนข้างชัดเจน ตั้งแต่ป้ายโฆษณายันสำนักงานขาย ที่มาสไตล์ Modern Chinese มีความเรียบง่ายแบบทันสมัย แต่ก็แฝงไปด้วยคลาสสิก ซึ่งตัวคอนเซ็ปต์จีนก็ดึงเอามาจากกลุ่มชุมชนที่อยู่อาศัยบริเวณนี้มาเป็นเวลานาน  พอนึกถึงความเป็นจีน หลายคนอาจจะนึกไปถึงสีแดง แต่ทางโครงการจะดึงความเป็นจีนมาจากลวดลายและรายละเอียดเล็กๆ น้อย ส่วนโทนสีที่ใช้จะเป็นสีขาว-น้ำตาล-ทองเป็นหลัก ไม่ได้ใช้สีแดงเลย  ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

ส่วนการวางอาคารนั้น ส่วนใหญ่ห้องจะหันไปทางทิศเหนือ-ใต้  ห้องทางทิศใต้จะเป็นฝั่งที่หันไปทางแนวรถไฟฟ้าสายน้ำเงิน ส่วนฝั่งทิศเหนือจะเป็นสะพานพระราม 7   ด้านทิศเหนือจะมีอาคารสูงขึ้นอยู่ใกล้ๆ 1 อาคาร (คอนโดราชองครักษ์) แต่ก็มีระยะห่างอยู่พอสมควรจากแนวที่ดินอีกแปลงของพฤกษา  ทางโครงการบอกไว้ว่าห้องพักอาศัยจะสามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้หมดทุกห้อง เพียงอาจจะไม่ได้วิวแม่น้ำเต็มๆ ทุกห้อง จะมีห้องริมสุดของอาคารอยู่ชั้นละ 2 ห้อง ที่จะหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาตรงๆ ค่ะ ซึ่งจะเป็นห้องใหญ่แบบ 2 ห้องนอน 56.80 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอน 44.85 ตารางเมตร ราคาต่อตารางเมตรก็จะเพิ่มขึ้นมาหน่อย  ด้วยความที่โครงการแยกอาคารจอดรถออกจากอาคารพักอาศัย ก็เลยทำให้ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 เลย ซึ่งถ้าเป็นห้องฝั่งทิศใต้ที่ชั้น 2-4 บางห้องก็จะหันไปเจออาคารจอดรถด้วย  ซึ่งก็น่าจะเป็นห้องที่เอาไว้ใช้ทำราคาเปิดตัวของโครงการนั่นเองค่ะ  อันนี้ให้เป็นข้อมูลไว้เวลาเลือกห้องด้วย

สำหรับแปลนห้องของ Chapter One Shine บางโพ จะได้เป็นครัวเปิดทั้งหมด ตำแหน่งอยู่ใกล้กับทางเข้าออกห้องเหมือนกันทุกแบบ ลักษณะการจัดฟังก์ชั่นในห้องสตูดิโอจะมีแชร์พื้นที่โต๊ะระหว่างพื้นที่ทานข้าวกับนั่งเล่นเพื่อให้ใช้งานได้ทั้ง 2 ฟังก์ชั่นด้วยความที่เห็นมีพื้นที่จำกัด และจะต้องนั่งดูทีวีจากบนเตียง แน่นอนว่าพื้นที่ห้องแบบนี้  คงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารจริงจังมากนัก  ส่วนแบบ 1 ห้องนอนแบบที่มีมากสุดในโครงการจะกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน  ถ้าชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็ติดม่านเพิ่มเอา ส่วนแบบ 1 ห้องนอนไซส์ใหญ่ขึ้นมาอีก 2 แบบ อันนั้นก็งั้นห้องมาเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ด้วยความที่ขนาดเพิ่มขึ้น สเปซต่างๆ ก็เลยลงตัวขึ้นค่ะ

สำหรับ 2 ห้องนอน ตำแหน่งห้องอยู่ในทิศที่ดี หันไปหาแม่น้ำตรงๆ ก็ได้พื้นที่มากว้างขวางดี  จัดแปลนออกมาได้สวยดี แต่แปลน 2 ห้องนอนแบบนี้จะมีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ไม่มีห้องน้ำตรงโซนพื้นที่นั่งเล่นและครัวให้นะคะ ข้อดีคือห้องนอนเล็กเป็นห้องที่นอนได้จริง วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ

ด้านวัสดุ Chapter One Shine Bangpo นั้นให้มาระดับโอเคดีในภาพรวม ในแบบ fully furnished เฟอร์นิเจอร์ built-in ทำมาให้ค่อนข้างครบ ให้ผิวสัมผัสของวัสดุที่ค่อนข้างดี มีพื้นที่เก็บของมาให้พอสมควร มีตั้งแต่ตู้รองเท้า ตู้เก็บของแบบมีบานเปิดกับชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ชั้นดูทีวี เตียงพร้อมฟูก โต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งค่ะ แทบจะไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเลย เพราะค่อนข้างวางเต็มพื้นที่อยู่แล้ว รวมไปถึงเคาท์เตอร์ครัว ช่องวางตู้เย็น และสุขภัณฑ์ห้องน้ำที่ก็ได้มาครบ ยกเว้นฉากกั้นอาบน้ำที่ต้องติดเพิ่มเอง นอกจากนี้ก็ยังมีแอร์ให้ตามขนาดห้องค่ะ

ด้านพื้นที่ส่วนกลาง Chapter One Shine Bangpo ให้มาเยอะพอสมควร มีด้วยกัน 2 โซนอย่าง Sky Facility ที่ชั้นบนสุดของอาคารพักอาศัยก็มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องเลานจ์ และระเบียงชมพระอาทิตย์ตกดิน ส่วน Garden Facility ที่ชั้น 5 อาคารจอดรถ ก็จะมี สวนเซน พื้นที่เล่นโยคะ พื้นที่ทำสมาธิ ลานเด็กเล่น และห้อง Co-working space

เรื่องสัดส่วนการใช้ลิฟต์ที่ 205 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัวนั้น ค่อนข้างจะหนาแแน่นทีเดียวแหละ  แต่ที่จอดรถ 40%  แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้าจอดซ้อนแล้วได้ 50% ก็ถือว่าโอเคอยู่  ตัวโครงการไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินไปรถไฟฟ้าสบายๆ  ก็เลยจัดให้มี Shuttle bus ไปส่งที่ตัวสถานีด้วย  ส่วนอาคารจอดรถที่แยกเป็นอาคารอยู่ด้านท้ายโครงการจะมีทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารพักอาศัยกับอาคารจอดรถ มีหลังคาคลุม ไม่ต้องกังวลว่าฝนตกแล้วจะเดินไปยังอาคารพักอาศัยไม่ได้ค่ะ

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ