สวัสดีครับเพื่อนๆ  บทความนี้เป็นรีวิวฉบับเต็มของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 ของทาง SINGHA ESTATE  ที่หมายมั่นปั้นมือจะทำให้โครงการนี้กลายเป็น Flagship Project  อีกตัวในพอร์ท  โดยที่ผ่านมาทาง SINGHA ESTATE ก็โฟกัสจับตลาดในกลุ่ม Luxury และ Super Luxury มาโดยตลอด  ซึ่งโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 นี้มีความพิเศษหน่อยก็ตรงที่การใช้ที่ปรึกษาการออกแบบที่เป็นดีไซน์เนอร์ระดับโลกในการทำอาคารสูงอย่าง SOM  มานำทีมดีไซน์ในโครงการนี้ครับ

ความน่าสนใจในดีไซน์ของ THE ESSE SUKHUMVIT 36  นอกจากจะเป็นเรื่องทำเลที่อยู่ติด BTS ทองหล่อ แล้ว  ก็คงเป็นเรื่องของงานดีไซน์  ที่สิงห์ เอสเตท กล้าจับเอาคาเรคเตอร์ของความเป็นไทยมาใส่ไว้ในคอนโดใน luxury segment  เพราะโดยปกติแล้วคอนโดกลุ่มนี้จะไม่ค่อยมีใครกล้าเอาคาเรคเตอร์ความเป็นไทยแบบนี้มาใส่เท่าไหร่   ก็ถือเป็นจุดที่น่าสนใจอีกอย่างของโครงการนี้ครับ

ตามผมไปดูรีิวิว ดิ เอส สุขุมวิท 36 กันเลยครับ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการครับ

THE ESSE SUKHUMVIT 36

(ดิ เอส สุขุมวิท 36)

• เจ้าของโครงการ >> SINGHA ESTATE  ร่วมทุนกับ HONGKONG LAND
• ที่ตั้งโครงการ >>> ปากซอยสุขุมวิท 36 ติดรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ
• ขนาดที่ดิน >>> 2-2-0 ไร่
• จำนวนชั้นและจำนวนอาคาร >>>
  • อาคารชุดพักอาศัย สูง 43 ชั้น 1 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • 38.5-252  ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 338 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 100% (มีทั้งแบบปกติ 30% และ Automatic Parking 70%)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  12 ล้านบาท
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> 330,000 บาท/ตร.ม.
• พิกัด GPS >>> 13.724620, 100.577671
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• เบอร์ติดต่อ 1221
• คาดว่าจะแล้วเสร็จ >>> ตุลาคม ปี 2563
• มูลค่าโครงการ  6,500 ล้านบาท

อย่างที่คงทราบกันมาแล้วว่าตัวโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 นี้อยู่ติด BTS ทองหล่อ ที่ปากซอยสุขุมวิท 36 เลย  ที่ดินของ THE ESSE นี้ทาง SINGHA ESTATE แบ่งซื้อต่อมาจาก Fragrant Property อีกทีครับ   โดยที่ทาง Fragrant นั้นมีที่ดินรวมตรงนี้ประมาณ 7 ไร่  ทางสิงห์ก็แบ่งซื้อมา 2 ไร่กว่า  แต่ยังกันพื้นที่ด้านข้างโครงการเอาไว้ให้สามารถเข้าไปที่ดินด้านในของ Fragrant ด้วยครับ

(คลิกที่รูปเพื่อดูแผนที่ขยายได้ครับ)

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

วันนี้ผมจะขอเน้นหนักและเจาะลึกไปที่ตัวโปรดักส์ของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นหลักนะครับ  เรื่องของทำเลเคยได้เขียนเล่ากันอย่างละเอียดไปแล้วทีหนึ่ง  ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหรือสนใจอ่านย้องหลังก็ตามไปดูกันได้ครับ >> พรีวิวทำเล THE ESSE SUKHUMVIT 36

เราพาบุกไปที่สำนักงานขายกันเลยครับ

จากบน BTS ทองหล่อ  ก็จะเห็นที่ตั้งของโครงการเลย

ตัวสำนักงานขายก็มองเห็นได้จากบน BTS ครับ  โดยที่ดินจะยาวเข้าไปตามแนวขนานกับซอยสุขุมวิท 36

ที่หน้าสำนักงานขายของ THE ESSE SUKHUMVIT 36

อยู่ติดกับลิฟต์ที่ลงมาจากทางเชื่อมบน BTS ทองหล่อ เลยครับ  โครงการบอกว่าห่าง 20 เมตร  จาก BTS ทองหล่อ  ซึ่งผมว่าจะเรียกติดเลยก็ได้มั๊งครับ  อันนี้ชื่นชมในความเที่ยงตรงของการโฆษณา 555

ตัวสำนักงานขาย  มองจากปากซอยสุขุมวิท 36

ความกว้างที่ดินของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จะสุดแค่ขอบของแนวตัวสำนักงานขายนะครับ  จุดที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่จะเป็นที่ดินของทาง Fragrant ที่ทำถนนเข้าไปถึงที่ดินด้านในที่ยังไม่ได้ขายครับ  ด้านข้างเราจะเห็นว่ามี Noble Remix อยู่  แต่ก็จะไม่ได้ถึงกับบล็อกวิวกันจังๆ  เพราะโครงการก็คิดในเรื่องของการถอยระยะตัวตึกให้เหลื่อมกันพอควร  เดี๋ยวจะเล่าให้อ่านกันต่อไปครับ

จากที่ดินของ THE ESSE มองไปเพื่อนบ้านข้างเคียง

ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง 

แม้ว่าที่ดินของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จะติดกับ BTS ทองหล่อ  แต่ตัวตึกจะถูกวางถอยร่นออกมาค่อนข้างห่างครับ  ซึ่งปัจจัยหลักอย่างหนึ่งก็คือจะต้องวางตัวตึกหลบกับ Noble Remix ที่อยู่ติดกันนั่นเอง  ซึ่งการวางแนวอาคารแบบนี้  จะทำให้ห้องของ THE ESSE ส่วนใหญ่ไม่โดนบล็อควิวครับ  ถ้าจะมีโดนบังวิวบ้างก็เป็นส่วนชั้นล่างๆ ทางทิศตะวันตก  ที่ติดกับโพเดียมสูง 11 ชั้นของ Noble Remix ระยะห่างฝั่งนี้อยู่ที่ 46 เมตร  ส่วนระยะจากมุมอาคารถึงตัวสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 84 เมตรครับ

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดจะวางทำมุมกับแกนทิศเหนือ-ทิศใต้เล็กน้อยครับ  ด้านฝั่งซอยสุขุมวิท 36 จะร้อนกว่า  เพราะได้แดดบ่าย  ถ้าไม่ชอบร้อนก็ต้องเลือกฝั่งที่หันไปทางเอกมัยครับ

ส่องโมเดล

ตัวอาคารของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จะดีไซน์โดยใช้รูปทรงที่เรียบง่าย  และ Simple

ด้านหน้าทิ้งสเปซไว้เป็นพื้นที่สวน  และส่วนของโพเดียมที่จอดรถ

Top View

ถนนด้านข้างที่ขนานกับสุขุมวิท 36 จะกว้างประมาณ 12.5 เมตรครับ

ตัวตึกก็พยายามออกแบบให้ถอยร่นจากรถไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด  ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการลดเสียงจากแนวรถไฟฟ้าด้วย  และที่สำคัญที่สุดก็คือหลบมุมมองไม่ให้โดน Noble Remix มาบล็อกวิวนั่นเอง  พอหลบมุมได้ ไม่ได้บังกันเอง  ก็ถือว่าแฮปปี้ทั้งทาง THE ESSE และเพื่อนบ้านที่อยู่มาก่อนอย่าง Noble Remix ครับ

มองหน้าตรงกันบ้าง  จะเห็นว่าดีไซน์ของตัวคอนโดนั้นบางมากกกกก  ซึ่งก็เนื่องมาจากการดีไซน์ด้านนอกตึกแยกออกเป็น  3 layers เสมือนว่ามาประกบกัน   (เทา-ขาว-เทา)

ดูมุมนี้จะเห็นชัดขึ้นครับ  เสมือนว่าตัวอาคารเป็น layer ที่ถูกเฉือนออกไปนั่นเอง  พื้นที่ด้านบนก็ทำเป็น Facilities ด้วยนะ

ย้อนกลับมาดูที่พื้นที่สวนด้านหน้า  มีดีไซน์ feature ของงานแลนด์สเคปเป็นเบิมดินขึ้นมา เลียนแบบนาขั้นบันได  พื้นบังสายตาจากด้านนอก  ช่วยสร้าง privacy ตรงพื้นที่ด้านหน้าครับ

อันนี้เป็นส่วนของ Roof Top ที่เก๋คือ มี Roof orchard ทำเป็นพื้นที่แปลงผักสวนครัว  แบบไทยๆ  ใครอยู่คอนโดแต่อยากมี feeling แบบปลูกพืชผักสวนครัวเล็กๆ เอาไว้  ก็สามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้ด้วย

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

Facilities ของตัวคอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36 จะอยู่ที่ชั้น 1, 7, 8, 41, 43 และ Roof Top ครับ  เรียกว่ากระจายอยู่หลายจุดทีเดียว

ที่ชั้น 1 นอกจากล็อบบี้แล้ว จะมี  Sunken Lawn Garden ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่  ที่เป็นเสมือน buffer กั้นระหว่างตัวอาคารกับพื้นที่วุ่นวายภายนอก, มี The Reading Lounge  ซึ่งดีไซน์ลักษณะเป็นเหมือนลอยอยู่ในน้ำที่เป็น Water Feature รอบๆ  มีสเปซสำหรับนั่งพักผ่อนภายนอกด้วย

ลักษณะการเข้าถึงสเปซนั้นมีลำดับขั้นตอน  จากด้านหน้าเดินเข้ามากว่าจะถึงล็อบบี้ก็ต้องผ่านพื้นที่ต่างๆ  ที่ได้ถูกดีไซน์ไว้  สเปซการเข้าถึงที่มีลำดับขั้นตอนแบบนี้ก็เป็นลักษณะของสเปซการเข้าถึงแบบ “บ้านไทย” สมัยก่อนครับ  ถือเป็นการเอามาประยุกต์กับ Modern Space ในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

ตรงบริเวณสวนหน้าโครงการที่เป็น buffer เวลามองเข้าไปจากภายนอกก็จะเป็นแนวกำแพงทึบมองไม่เห็นอะไรครับ

ด้านในทำสเต็ปเลียนแบบนาขั้นบันได

สเปซส่วนทางเข้ากับล็อบบี้จะแยกกัน  มีถนนที่วิ่งเข้าที่จอดรถอัตโนมัติผ่ากลาง

ภายในล็อบบี้  แต่งแบบเรียบหรู ดูผู้ดี  คุม mood & Tone ให้ออกมาดูขรึมๆ นิ่งๆ หน่อย

จากชั้น 1 เราก็มาดูกันที่ชั้น 7 และ 8 ครับ  ชั้นนี้จัดเป็นชั้นที่เป็น Main Facilities  โดยระดับความสูงของชั้นนี้จะสูงเลยแนวของหลังคารถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ ไปแล้ว  เพราะฉะนั้นเวลาใช้ Facilities มองออกไปด้านหน้าก็จะไม่มีอะไรขวาง  และก็ไม่ได้ถูกคนที่อยู่บนรถไฟฟ้ามองขึ้นมาได้ด้วยครับ

พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้  หลักๆ จะมีสระว่ายน้ำ ที่อยู่เหนือโพเดียมที่จอดรถ  ภายในตัวอาคารมี Kid Room, Treatment Room  และที่เป็นจุดเด่นคือส่วนของ Horizon Onsen แยกชายหญิง  ซึ่งสเปซใน Onsen นั้นทำใหญ่มาก  โครงการเคลมว่าออนเซนที่นี่จริงจังแน่นอน มีบ่อ 2 อุณหภูมิ  แบ่งสเปซเป็นสัดส่วนทั้งส่วนล้างตัว อาบน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้า  ทำให้เป็นลักษณะเหมือนกับต้นแบบที่ญี่ปุ่นครับ  ตรงนี้ถ้าใครจะเก็บเป็นทรัพย์สินไว้ปล่อยเช่าญี่ปุ่นระดับผู้บริหาร  ก็น่าจะดึงดูดได้ดีทีเดียว

ลักษณะการดีไซน์ของฟังก์ชั่นในพื้นที่ส่วนกลาง  ก็ยังเป็นสเปซเชื่อมต่อแบบไทยๆ  คือมีแกนชัดเจน  และมีทางเดินแยกเข้าไปถึงพื้นที่ต่างๆ ได้จากตรงกลางทางเดิน  รวมถึงมี Water Feature ล้อมรอบครับ

ดูรูป Facilities กันครับ  มุมนี้สระว่ายน้ำที่เป็นแกนวิ่งตรงเข้าหาตัวอาคาร  โดยมีพื้นที่แยกสระเด็กเอาไว้ให้ข้างๆ  ถ้าจะว่ายสโตรคยาวๆ ก็ทำได้เลย

มุมมองออกไปตรงสระว่ายน้ำ  ระดับความสูงของชั้นนี้จะเลยหลังคา BTS ไปแล้ว  ก็จะไม่เห็นแนวรางรถไฟฟ้านะครับ

ภายในห้อง Kids room

ออนเซนแบบจริงจัง

ขึ้นมาที่ชั้น 8 ก็จะมีส่วนของ Fitness, Golf Simulator Room  และห้อง Virtual Bike ครับ

ในห้องฟิตเนส  ใช้กระจก Full Height ของจริงน่าจะดูโปร่งมาก

ขยับขึ้นมาที่ชั้น 41 ด้านบน จะเป็น Sky Lounge, The Residence Lounge และ Sky Theatre ซึ่งหันหน้าออกไปทางทิศตะวันตก  ฝั่งที่เป็นทางเอกมัยครับ  อีกฝั่งจะเป็นสวนและพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน  ซึ่งตรงสวนก็ทำเป็นลูกเล่น Step Lawn

ในห้อง Sky Theatre ครับ

และสุดท้าย  กิมมิคน่ารักๆ บนชั้น 43 และ Roof top ที่ทำเป็น Roof orchard  ไว้ให้ปลูกผักสวนครัวได้ในคอนโด  เป็น facilities ที่แปลกใหม่ทีเดียว

สำหรับเรื่องของความหนาแน่นนั้น  โครงการมีจำนวนยูนิตไม่เยอะ  ให้ลิฟต์โดยสารมา 4 ตัว  และลิฟต์บริการอีก 1 ตัว  เฉลี่ยความหนาแน่นของลิฟต์โดยสารได้ 85 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว  ถือว่าสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ดีมาก  ความหนาแน่นน้อย  ส่วนที่จอดรถก็มี 100% (รวมจอดซ้อนคัน) เป็นที่จอดรถแบบ Conventional 30%  และที่จอดรถแบบ Automatic Parking อีก 70% ครับ  โดยสัดส่วนก็ถือว่าดีมากเช่นกัน

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Typical Floor Plan ชั้น 10-35

คอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36

ในแต่ละชั้นนั้นจะมียูนิตไม่เยอะครับ  มากสุดก็แค่ 12 ยูนิต  ถือว่า private ทีเดียว  โดยในแปลนจะมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง  และแยกทางเดินซ้ายขวา  วางห้องไว้เป็นกรุ๊ปละ 3 ยูนิต ทั้ง 4 มุมอาคาร  รวม 12 ยูนิต  ซึ่งแต่ละมุมก็จะประกอบด้วยห้อง 38.5, 43.25 และ 73.5 ตารางเมตร (ห้องมุม)

ข้อดีของแปลนแบบนี้คือแต่ละยูนิตไม่ต้องเดินไกล  ออกจากลิฟต์นิดเดียวก็ถึงประตูหน้าห้องเลย  ตรงแนวแกนกลางอาคารมีหน้าต่างเปิดให้ระบายอากาศในโถงลิฟต์ออกไปด้านนอกได้  เพียงแต่แสงธรรมชาติอาจจะเข้ามาไม่ได้เยอะนักเนื่องจากทางเดินอยู่ลึกเข้ามาครับ

Floor Plan ชั้น 36-38

คอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36

ที่ชั้นสูงๆ อย่างชั้น 36-38 ยูนิตจะเหลือเพียงแค่ 6 ยูนิตต่อชั้นครับ  เป็นห้องใหญ่ทั้งสิ้น  ขนาดตั้งแต่ 77-124.25 ตร.ม.

แปลนห้องดีไหม?

แปลนของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 นั้นวางโปรดักส์เป็นห้องขนาดใหญ่ครับ  เน้นสเปซที่กว้าง  เนื่องจากไม่จำเป็นต้องจำกัดขนาดพื้นที่เพื่อให้ได้ราคาขายที่ต่ำ  เพราะคนที่ซื้อคอนโดใน segment นี้  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับคนรวยที่มีเงินและมีทรัพย์สินมากพอในระดับที่จ่ายได้แบบไม่ต้องลำบากอยู่แล้ว  สเปซที่จัดวางฟังก์ชั่นมาก็เลยดูสบายๆ  หลวมๆ   ผมเอาแปลนห้องมาให้ดูกัน 3 แบบ  เป็นแบบที่จัดเป็นกรุ๊ป 3 ยูนิตในชั้น typical floor นั่นแหละครับ

แปลนห้องคอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.5 ตารางเมตร

แปลนของแบบนี้สัดส่วนเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสครับ  แบ่งสเปซเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายขวา  ด้านหนึ่งเป็นส่วนเตรียมอาหาร, ส่วนรับประทานอาหาร  และส่วนนั่งเล่นพักผ่อนที่มีระเบียงออกไปด้านนอก  ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนที่เข้าห้องน้ำได้จากด้านใน  โดยห้องน้ำจะมี Bathtub ให้ด้วย  ซึ่งปกติเจ้า Bathtub นี่แหละเป็นฟังก์ชั่นที่ถ้าจะต้องการให้มีลูกค้าญี่ปุ่นในโครงการ  ยังไงก็ต้องใส่ไว้ครับ  และก็ต้องมีส่วนอาบน้ำแยกต่างหากด้วย  รวมๆ แล้วแปลนแบบนี้ก็จัดมาลงตัวดี  ไม่มีปัญหาอะไร  ขนาดพื้นที่ส่วนต่างๆ ไม่ได้ถูกบีบ  ใช้งานได้สบาย  เพียงแต่ว่าถ้าทำอาหารแบบจริงจัง  การมีตัวเลือกเฉพาะครัวเปิดโล่ง  ก็จะทำให้กลิ่นติดห้องได้  เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ทำ cooking กันเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าครับ

แปลนห้องคอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 43.25 ตารางเมตร

ห้องแบบ 1 ห้องนอน  43.5 ตารางเมตร  ถ้าเป็นตลาดคอนโดสมัยนี้ถือว่าใหญ่มากทีเดียวครับ  ฟังก์ชั่นก็จัดมาหลวมๆ สบายๆ เน้นสเปซตรงส่วนเตรียมอาหาร, รับประทานอาหาร และส่วนพักผ่อน เป็นแบบ open plan เปิดโล่งถึงกันหมด  โดยสามารถรับประทานอาหารและดูทีวีไปด้วยกันได้เลย  ส่วนสเปซภายในห้องนอนและห้องน้ำขนาดก็จะพอกันกับแบบ 38.5 ตารางเมตรครับ

แปลนห้องคอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36

แบบ 2 ห้องนอน 73.50 ตารางเมตร

แบบนี้เป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ตำแหน่งจะเป็นห้องมุมอาคารทุกด้านครับ ฟังก์ชั่นและสเปซโดยรวมก็ถือว่าหลวมๆ  ใช้งานได้สบาย  ส่วนด้านหน้าเป็นครัวที่มี island ตรงกลาง  พร้อมพื้นที่รับประทานอาหาร  บางทีผมคิดว่าส่วนครัวนี่อาจจะใหญ่ไปด้วยซ้ำ  แปลนนี้แยกส่วนของห้องนอนและห้องน้ำเอาไว้ด้านใน  ห้องนอนใหญ่ได้กระจกเข้ามุม  โดบรวมๆ ก็จัดว่าลงตัวดีนะครับ

เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีทั้งหมด 3 ห้อง  เป็นห้องขนาด 38.5, 43.25 และ 73.5 ตารางเมตรครับ  ความสูงฝ้าภายในห้องอยู่ที่ 2.7 เมตร ในส่วนของ Living area และส่วนของ Pantry ครัว  ถ้าเป็นในห้องนอนจะสูง 3 เมตร  เน้นให้ดูโปร่ง  ส่วนในห้องน้ำจะสูง 2.65 เมตร  เพราะต้องมีพื้นที่เหนือฝ้าเพดานเดินท่องานระบบสุขาภิบาลนั่นเองครับ

ป.ล. ในรูปห้องตัวอย่าง  จะแทรกรูปจากโครงการไปบางส่วนนะครับ เนื่องจากตอนเข้าไปรีวิว เป็นช่วงแรกที่ได้เข้าไปดู  วัสดุบางส่วนอย่างเช่นผ้าม่าน  ยังติดตั้งไม่เรียบร้อย  เลยมีรูปของจริงจากโครงการหลังทำเสร็จแล้วมาให้ชมก็ด้วยครับ

ห้องตัวอย่างคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50 ตารางเมตร

เข้าห้องมา  มองจากตรง pantry ไปครับ

ขอสลับไปกับรูปถ่ายของโครงการนะครับ    เพราะตอนแวะเข้ารีวิวยังไม่ได้ติดผ้าม่าน Black out  ของจริงก็จะได้ม่านทึบแบบในรูปมาด้วย

ส่วนรับประทานอาหารจะอยู่ติด pantry เป็นเซตเดียวกันเลย

pantry ที่ให้มาหน้าบานเป็นกระจกเงา  ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ด้วย   ดูแพงทีเดียว

ทางเข้าห้องนอนใหญ่  ผนังหินตรงที่เป็นช่องแขวนทีวีนั่นโครงการก็ทำติดมาในห้องให้เลยนะครับ  ทั้ง 3 ห้องลายหินจะไม่เหมือนกัน  อย่างห้องนี้เป็น White Marmara

เข้าไปในห้องนอนกันครับ

ระยะปลายเตียงแขวนทีวีแล้วก็ยังเดินได้อยู่นะครับ

ด้านข้างเตียงก็เหลือสเปซ  เปลี่ยนผ้าปูที่นอนสะดวก

มองไปทาง Walk-through closet บ้าง

ห้องตัวอย่างคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 43.25 ตารางเมตร

เข้ามาดูแบบ 43.25 ตารางเมตร กันบ้างครับ  สเปซส่วนของ Living, Dining และ Pantry ห้องนี้จะรวมกันเป็น Open plan  วางเป็นสัดเป็นส่วนดี

มองย้อนกลับไปบ้าง  ด้วยความที่พื้นที่ห้องค่อนข้างเยอะสำหรับการเป็น 1 ห้องนอน  ก็เลยจัดฟังก์ชั่นได้หลวมๆ ครับ

นั่งทานข้าวไป ดูทีวีไปได้

ส่วนของ Pantry ครัวครับ  ที่นี่จะเป็นครัวเปิดหมด

ภายในห้องนอน  มองจากส่วน Walk-through Closet

หันไปมองตรง Walk-through closet บ้าง

ในห้องน้ำปูกระเบื้อง  และจะมีผนังส่วน shower ด้านหนึ่งที่ปูหินจริงครับ

วัสดุโดยรวมก็ดูดีทีเดียว สวยงาม

ห้องตัวอย่างคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50 ตารางเมตร

เข้ามากันที่ห้องสุดท้าย  แบบ 2 ห้องนอนครับ  แบบนี้ก็สเปซเหลือๆ หลวมๆ เช่นกัน  เข้าห้องมาจะเป็นบริเวณของ pantry ที่มี Island และวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งได้  ห้องนี้จะได้ผ้าม่านทึบนะครับ

ขยับเข้ามาด้านใน  แสงธรรมชาติเข้าได้ 2 ด้าน

มองย้อนกลับไปทางเข้าห้องครับ

กระจกเงาตรงหน้าบานของ pantry นี่ช่วยทำให้รู้สึกห้องกว้างขึ้นได้จริงๆ

เข้าไปดูห้องนอนกันบ้างครับ

สุดทางตรงทางเข้า Master bedroom  จะเป็นมุมนั่งทำงานเล็ก  เป็นส่วนตัวดี  อยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำครับ

ใน master bedroom  ได้กระจกบานใหญ่เข้ามุม อลังดี

สเปซรอบๆ เตียงก็เหลือพอสมควรครับ  ไม่ได้อึดอัด

จบกันด้วยภายในห้องนอนเล็ก  ถึงเป็นห้องนอนเล็กก็วางเตียง 5 ฟุต ได้  ไม่ได้รู้สึกแน่นไป

เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”

ในภาพรวมวัสดุที่ให้มาก็จัดว่าเป็นของเกรดดีมาก  มีการคิด colour scheme และ mood & tone ต่างๆ ให้ดูไปในแนวทางเดียวกัน  ห้องที่ได้จะเป็นแบบ Fully Fitted มีชุด pantry ครัว หน้าบานกระจกสีชาทอง, มี Built-in ชั้นเก็บรองเท้า และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นเครื่ีองซักผ้า, ชุด Walk-through closet ที่ทำบิ้วมาให้เรียบร้อย  รวมถึงทำบิ้วชั้นวางผนังทีวีที่กรุด้วยหินอ่อนนำเข้า  รวมถึงมีการเพิ่ม Value Added เข้าไปอย่างการไป co กับแบรนด์สินค้าต่างๆ  ตามลักษณะที่ Branded Residence ชอบทำ  ซึ่งของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 ก็มีไป co กับทาง Jim Thompson ออกแบบสีของวอลล์เปเปอร์ในห้องและม่าน Black out  ให้เป็นสีเฉพาะของโครงการนี้  ไม่มีใช้ที่อื่นนะ

โดยรวมๆ แล้วสำหรับวัสดุที่ให้มาก็ถือว่าน่าประทับใจทีเดียว  ซึ่งก็เป็นไปตามระดับราคาหล่ะนะครับ  คนจ่ายในระดับราคานี้  ก็คงต้องคาดหวังอะไรที่ดูพรีเมียมอยู่แล้ว

อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Material)  เพื่อให้ส่องกันง่ายๆ ครับ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

Pantry ของแบบ 1 ห้องนอน 38.5 ตร.ม.  หน้าบานกระจกสีชาทอง  ช่วยให้ดูหรูมากทีเดียว

เปิดเก็บของได้เยอะครับ  ด้านบนเป็นระบบ Hydraulic  สามารถเปิดแล้วดันขึ้นไปได้เลย  ข้อดีของบานเปิดยกขึ้นแบบนี้คือเวลาเราเปิดไว้แล้ว  ถ้าจะทำนู้นทำนี่โดยที่ยังไม่ปิดก็ได้  ไม่ชนฝาตู้เหมือนบานเปิดแบบธรรมดาครับ

pantry แบบ 43.25 ตร.ม. ครับ  จะใหญ่กว่าพอสมควร

เปิดให้ดูว่าเก็บของได้เยอะมากเช่นกัน

อ่างล้างจานแบบฝังใต้เคาน์เตอร์  ของ Franke ครับ

หัวก๊อกทรงสูง  เวลาล้างภาชนะใหญ่ๆ จะได้ไม่ติด

เตา Induction ของ Kuppersbusch

Hood แบบ super slim ฝังเข้าไปใต้ตู้เลย  เวลามองจากระยะสายตาปกติจะไม่เห็น  ดูเรียบร้อยดี

ให้ combi oven ของ Kuppersbusch ฝังมาเรียบร้อย  เป็นได้ทั้งเตาไมโครเวฟและเตาอบครับ

ตู้ด้านล่างก็มีลิ้นชักเก็บของหลายรูปแบบ

ตู้ด้านบน  ภายในกรุลามิเนตเอาไว้ให้เพื่อความเรียบร้อย  สีน้ำตาลก็จะไม่ค่อยเลอะเทอะครับ

ผนังปูหิน composite quartz มาให้เพื่อกันเลอะ  และทำความสะอาดง่าย  เป็นหินแบบเดียวกับที่ทำ Top เคาน์เตอร์ครับ  ลายสวยเชียว

ถ้าเป็นแบบ 2 ห้องนอน  ก็จะได้อ่างล้างจาน 2 หลุม

เตาไฟฟ้าก็เป็นแบบ 4 หัวครับ ของ Kuppersbusch เช่นกัน

ตู้เย็นซ่อนซะเนียนเลย  บิ้วอินมาให้เสร็จ  แบบไม่บอกว่าบานไหนก็จะไม่รู้  กลมกลืนไปกับสเปซอินทีเรียครับ

อันนี้คอมเมนท์หน่อยละกัน  ตรงมุมบานเปิดเป็นมุมอะลูมิเนียม  ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างคมเลย  ถ้าจับไม่ระวังอาจจะเจ็บได้  ยังไงถ้าแก้ได้ก็อยากให้แก้ครับ  เจียลบมุมขอบอะลูมิเนียมหน่อยก็ดี

เคาน์เตอร์เป็น composite quartz ครับ  ลายบน top กับผนังด้านข้างต่อกันด้วย  สวยมาก

ใต้ sink ก็ไม่ลืมทำถังขยะให้ด้วย

วัสดุห้องน้ำ

สุขภัณฑ์เป็น TOTO Washlet ก็จัดว่าใช้ตัวท็อปครับ

นั่งเฉยๆ  กดปุ่มอย่างเดียว  ทำความสะอาดให้เสร็จ

อ่างล้างหน้า TOTO ฝั่งใต้เคาน์เตอร์ เรียบร้อยดี

ก๊อกเหลี่ยมๆ ทรงโมเดิร์น  ของ GESSI แบรนด์นำเข้าจากอิตาลี

Top เคาน์เตอร์เป็นหินอ่อนนำเข้า  Laurent Brown ครับ สวยดี

ผนังตรงส่วนอาบน้ำด้านหนึ่งจะกรุหินอ่อน Black Marquina ให้นะครับ (ทางขวา) ส่วนทางซ้ายก็เป็นกระเบื้องลายหินอ่อนสีเทา

พื้นที่ส่วนอาบน้ำ  มุมนี้จะเห็นหินอ่อน Black Marquina เต็มผนัง

เตรียมช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ เอาไว้ให้ครับ

ชุดฝักบัว Rain Shower ใช้แบรนด์ GESSI เช่นกัน แต่ด้วยความที่ rain shower มาเป็นชุดกับฝักบัวปกติ  ทำให้ระดับ Rain Shower ไม่สูงมากครับ  ถ้าเป็นฝรั่งตัวใหญ่ๆ ต้องปรับระดับกันหน่อย  ไม่งั้นจะติดศรีษะ

ต้องปรับด้วยการเบี่ยงหน้า rain shower ออกมาแบบนี้ครับ

ฝักบัวถืออาบก็เป็นทรงเหลี่ยม แบบโมเดิร์น

Bathtub ครับ

เก็บดีเทลเล็กๆ ได้เรียบร้อย  ตรงรอยต่อกระเบื้องหินอ่อนกับท็อปหินก็เดินคิ้วสแตนเลสสีทองไว้

ระดับพื้นส่วนเปียกและส่วนแห้งเท่ากันเลย  มีธรณีบางๆ กั้นไว้ให้

กระจกในห้องน้ำเป็นแบบครึ่งตัว

เปิดออกมาก็เก็บของได้พอสมควรครับ

ร่องระบายน้ำของส่วนอาบน้ำ  ทำออกมาเนียนดี  ดูเรียบร้อยสวยงาม

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

Digital Door Lock ของ Samsung ครับ

จากด้านในห้อง

บานประตูกรุลามิเนตสีน้ำตาล  Fitting แข็งแรงมาก

ประตูมีโช้คอัพให้ด้านบนครับ  ไฟดวงเล็กๆ ที่เห็นในรูปเป็น Welcome Light พอเปิดประตูเข้ามาก็จะติดอัตโนมัติ  กลับมาคอนโดดึกๆ ก็ไม่ต้องคลำหาสวิตซ์ไฟ

ซับวงกบสีน้ำตาลไหม้

วอลลเปเปอร์สีที่ทาง Jim Thompson ทำให้พิเศษสำหรับโครงการนี้  (พยายามถ่ายให้สีใกล้เคียงกับของจริงที่สุดแล้วนะครับ  ^^” )

พื้นเป็น Engineering Wood สี Dark Oak ปูเป็นลายก้างปลาครับ (herringbone)

ส่วนพื้นครัวจะเป็นกระเบี้องสีขาวครีม  ขนาด 60×60 ซม.  ตรงส่วนครัวเป็นกระเบื้องก็จะทำความสะอาดง่ายเวลาใช้งานแล้วเลอะครับ

บานประตูเลื่อนและหน้าต่างเป็นอะลูมิเนียม Power Coated สีเทา  Fitting ก็แข็งแรงดี

ไฟห้องเป็นดาวน์ไลท์ LED

ตามปกติของ Segment นี้ที่แอร์จะต้องเป็น conceal ฝังฝ้าครับ

สวิตซ์ schindler หน้าตาดูดี

Built-in ในส่วนของ Walk-through Closet มาให้  ตู้เสื้อผ้าโล่งๆ แบบนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ  ส่วนตัวแล้วผมชอบแบบปิดเรียบร้อยมากกว่า

Built-in มาให้ทั้ง 2 ฝั่งเลยนะครับ

รางม่านเป็นแบบอัตโนมัติด้วย  ให้เป็นผ้าม่านของ Jim Thompson ครับ ซึ่งจะให้เฉพาะในส่วนของม่านทึบ Black out

ระเบียงกันตกเป็นกระจกนิรภัยลามิเนต  ราวจับเป็นสแตนเลส

รางระบายน้ำตรงระเบียงปูกระเบื้องให้ด้วย  เรียบร้อยดี

ระดับพื้นในห้องกับนอกห้องไม่ต่างกันมาก

ตรงส่วนของเครื่องแอร์  มีประตูเปิดเปิดได้เป็น Perforated Metal ดูเรียบร้อยดีครับ

เปิดออกไปเซอร์วิสได้  ตรงฐานแอร์ก่อปูนขึ้นมา  ไม่ได้วางเครื่องแอร์กับพื้น  ป้องกันน้ำขังครับ

ตู้เก็บของ Built-in ที่ด้านล่างเป็นตู้รองเท้า  ทำมาให้เรียบร้อย  เก็บรองเท้าได้เยอะมาก  (ตู้นี้ของห้องแบบ 38.5 ตร.ม. ซึ่งเก็บได้เยอะกว่าแบบ 43.25 ตร.ม. ด้วยนะ)

ตรงชั้นแขวนทีวี  จะกรุผนังด้วยหินอ่อนนำเข้าจากอิตาลีทุกห้องครับ  แต่ละห้องก็จะลายแตกต่างกันไป  อย่างอันนี้เป็นของห้อง 43.25 ตร.ม.  จะได้หินลาย Black Marquina

แบบ 2 ห้องนอน จะได้เป็น Atlantic Grey

แบบ 1 ห้องนอนเล็กสุด 38.5 ตร.ม. จะเป็น White Marmara ครับ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาของ THE ESSE SUKHUMVIT 36 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12 ล้านบาท  เฉลี่ยอยู่ที่ 330,000 บาท/ตร.ม. นะครับ  ราคานี้ไม่ได้เป็นราคาที่คนวัยทำงานทั่วไปจะซื้อหากันได้  คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ก็จะเป็นระดับที่ประสบความสำเร็จแล้ว  มีทรัพย์สินเหลือกินเหลือใช้  ซึ่งเป็นระดับราคาที่ไม่ได้มองมิติในเชิงความคุ้มค่าอย่างเดียว  แต่มีมิติอื่นๆ ทางด้านอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  ไม่ว่าจะเป็นความชอบส่วนตัว  หรือความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ  ประมาณว่าเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นแหละครับ  ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้มีเครื่องมืออะไรมาวัดว่าคุ้มหรือไม่คุ้มอยู่แล้ว  เป็นไปด้วยความพึงพอใจล้วนๆ  เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดเรื่องราคากันนะครับ  สรุปเลยละกัน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

อยู่ทองหล่อแถมติดสุขุมวิทนี่ไปไหนในเมืองก็สะดวกครับ  คงไม่ต้องพูดกันมาก  (ถ้าไม่นับปัญหารถติด  ซึ่งยังไงก็แก้ไม่ได้หล่ะนะ) ไม่ว่าจะเข้าไปทาง Mid-Sukhumvit อโศก, เพลินจิต หรือออกไปนอกเมืองทางบางนา  นอกจากนี้ซอยสุขุมวิท 36 ก็สามารถทะลุพระราม 4 ได้ด้วย  โดยภาพรวมก็จัดเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก  ยิ่งการที่อยู่ติด BTS ทองหล่อด้วยแล้ว  สบายๆ ครับ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ปกติแล้วก็อย่างที่รู้กันว่าทำเลทองหล่อเป็นทำเลใจกลางเมืองที่มีมูลค่าสูงมาก  จัดเป็นโซนของ residential ชั้นดีครับ  ปัจจัยพื้นฐานการใช้ชีวิตค่อนข้างครบถ้วน  ไม่ว่าจะเป็นในแง่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ  แหล่งกินดื่ม แฮงค์เอ้าท์ ช้อปปิ้ง มีหมด  มีคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมดและก็มาเรื่อยๆ

ในโซนนี้การเป็นสุขุมวิทฝั่งเลขคู่และเลขคี่ก็มีคาร์เรคเตอร์แตกต่างกันอยู่บ้าง  ฝั่งของเลขคี่จะค่อนข้างมีความเป็น Commercial  คึกคักและ Active กว่า  ส่วนฝั่งเลขคู่ที่โครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 อยู่จะมีความเป็น Residential สูงกว่า ดูเงียบสงบมากกว่า  ก็แล้วแต่ชอบหล่ะนะ

ส่วนตลาดเช่าก็มีรองรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นนี่เยอะมาก  ปัจจุบันราคา property ใหม่ๆ ในโซนทองหล่อ จึงกลายเป็นตลาดเฉพาะคนมีฐานะ  มีสตางค์เยอะเท่านั้นจึงจะครอบครองได้ครับ  ในอนาคตก็มีแผนงานของรถไฟฟ้าสายสีเทาตามเส้นทองหล่อด้วย

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

คอนโด THE ESSE SUKHUMVIT 36 นี้่ประเด็นเรื่องการออกแบบเป็นจุดที่น่าพูดถึงครับ  ทาง SINGHA ESTATE ดึงเอา SOM  สถาปนิกจากทางฝั่งอเมริกามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบ  ซึ่ง SOM นี้ก็จัดเป็นหนึ่งในบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงในการออกแบบอาคารสูงมาตั้งแต่อดีตยุคเริ่มแรกที่โลกนี้เริ่มสร้างตึกสูงกันเลยทีเดียว  ผลงานที่มีชื่อเสียงของ SOM ที่คนทั่วไปน่าจะรู้จักกันดีก็อย่างเช่น Burj Khalifa ที่เป็นตึกสูงที่สุดในโลกตอนนี้ ที่ดูไบนั่นเองครับ

ดีไซน์ของ THE ESSE SUKHUMVIT 36  ใช้การออกแบบโดยตีความจากธีม A Harmony of Contrast  ซึ่งแม้จะใช้ที่ปรึกษาการออกแบบเป็นบริษัทต่างชาติมาทำงานร่วมกับสถาปนิกไทย  แต่ก็วางคอนเซ็ปโดยใช้ความเป็นไทยเข้ามาไว้ในสเปซและองค์ประกอบการตกแต่งหลายส่วนครับ

ลักษณะของตัวอาคารเป็นรูปทรงเรียบง่าย เหลี่ยมๆ Simple ไม่ซับซ้อน  ดีไซน์ผิวอาคารให้เป็นเสมือนเลเยอร์ 3 เลเยอร์ ที่เฉือนกันอยู่  เพื่อให้ตัวตึกนั้นดูบาง  และวางตำแหน่งของตัวที่พักอาศัยให้หลบกับคอนโดข้างๆ อย่าง Noble Remix ให้ได้มากที่สุด  และถอยร่นระยะจาก BTS เข้ามาให้ลึกที่สุดท่าที่จะทำได้ครับ

ห้องในโครงการนั้นวางขนาดค่อนข้างใหญ่  เริ่มต้นที่ 38.5 ตร.ม.  เลยทำให้ภาพรวมของการวางแปลนและฟังก์ชั่นนั้นสามารถใช้งานได้สบายๆ  ไม่ได้มีจุดที่เป็นสเปซเล็กหรือแคบจนเกินไปใช้งานไม่สะดวก  โดยที่สเปซส่วนใหญ่ได้กระจกแบบบานใหญ่ ทำให้ภายในดูค่อนข้างโปร่งและก็โล่งไม่อึกอัดครับ  ส่วนวัสดุพื้นฐานที่ให้มาในห้องก็ถือว่าดี  ซึ่งก็แน่นอนหล่ะว่าเป็นสิ่งที่ควรจะได้ตามราคาครับ  วัสดุในห้องให้เกรดดีมาก  ทั้งในแง่ของการใช้งาน ผิวสัมผัส รวมไปถึงแบรนด์

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นมีกระจายอยู่หลายชั้น  ผมชอบลักษณะการวาง sequence การเข้าถึงสเปซต่างๆ  ที่ใช้คอนเซ็ปสเปซของบ้านไทย  ที่มีพื้นที่ชานแจกไปยังส่วนต่างๆ  รวมถึงมีลำดับการเข้าถึงที่ชัดเจน  พื้นที่ส่วนกลางเด่นๆ ที่ได้มามี The Reading Lounge, Swimming Pool, Treatment Room, Kids Room, Horizon Onsen ซึ่งเป็น Onsen แบบเต็มรูปแบบ แยกหญิงชาย, Fitness, Virtual Bike Room, Golf Simulator Room, Sky Lounge, Residence Lounge, Sky Theatre และ Roof Orchard ครับ  ดูสิ่งที่ให้มากับจำนวนยูนิตก็ถือว่าจัดเต็มในแง่ของ Facilities ทีเดียว

ด้านสัดส่วนการใช้งานลิฟต์กับที่จอดรถก็สบายๆ ครับ  มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว กับ 338 ยูนิต เฉลี่ยที่ 85 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว  ก็จัดว่าดีมาก  เช่นเดียวกับที่จอดรถที่ 100%  ก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถครับ  เพราะโดยปกติคอนโดแพงๆ แบบนี้ หลายคนก็ซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สิน  ไม่ได้อยู่กันตลอดก็มี  โดยส่วนตัวแล้วแอบคาดหวังกับ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เมื่อตึกเสร็จไว้มากทีเดียว  ก็คิดว่า SINGHA ESTATE ก็คงไม่ทำให้ผิดหวังนะครับ  ^^”

Additional Info

ใครสนใจก็ไปลงทะเบียนกันได้ตามลิ้งค์นี้ครับ  http://www.singhaestate.co.th/condominium/the-esse-sukhumvit-36/  

Score Summary

โครงการนี้ไม่มีคะแนนให้นะครับ  อย่างที่บอกไปแล้วว่าคอนโดในกลุ่มระดับราคานี้  วัดความคุ้มค่ากันไม่ได้  เนื่องจากซื้อหาด้วย Emotional Benefits เป็นส่วนสำคัญ   ประมาณว่ามีเงิน  อยากได้  ก็ซื้อได้เลย  ^____^

ลาไปก่อนนะครับ  สวัสดีครับ

สามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy