สวัสดีค่ะ รีวิวนี้พามาชมคอนโด Maestro 02 ร่วมฤดีที่เราได้พรีวิวไว้ก่อนหน้านี้  วันนี้จะมาในรูปแบบรีวิวฉบับเต็มค่ะ โดยแบรนด์นี้ของทางเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ก่อนหน้านี้ทางอยู่สบายได้ทำการรีวิว Maestro 39 Residence (สุขุมวิท 39) ไปแล้ว

สำหรับ Maestro 02 ร่วมฤดี นี้ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยร่วมฤดี ซอย 2 (เลยเอามาตั้งเป็นชื่อของของโครงการเลย) สามารถทะลุเชื่อมไปถนนสุขุมวิทกับถนนวิทยุได้  ถึงแม้ทำเลจะอยู่ใจกลางเมืองแต่ก็ไม่ได้พลุกพล่านมากนักเนื่องจากซอยร่วมฤดี ซอย 2 เป็นซอยย่อยซึ่งเป็นซอยตัน ลองไปดูรีวิวฉบับเต็มของโครงการ Maestro 02 กันค่ะ ว่าจะออกมาเหมือนหรือแตกต่างกับที่อื่นๆอย่างไรบ้าง

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อนค่ะ

Maestro 02 Ruamrudee (มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>>  ซอยร่วมฤดี ซอย 2
• ขนาดที่ดิน >>>  1-0-62 ไร่
• จำนวนชั้น >>> อาคารที่พักอาศัย 8 ชั้น  (+ ชั้นจอดรถใต้ดิน 1 ชั้น)
• จำนวนอาคาร >>>  1 อาคาร
• ประเภทห้อง >>>  1 ห้องนอน / 2 ห้องนอน / 3 ห้องนอน / Duplex
• ขนาดห้อง >>>
  • 1 ห้องนอน 25.5 – 37 ตารางเมตร และ 32.50 – 35.50 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน 54-57 ตารางเมตร
  • แบบ Duplex
  • 1 ห้องนอน (Duplex) 47-47.5 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน (Duplex) 69.5 ตารางเมตร
  • 3 ห้องนอน (Duplex) 87 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>>  126  ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 67 คัน  (ประมาณ 55%)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  4.07 ล้านบาท (Fully Furnished) (ณ วันที่ 14/6/2014)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยประมาณ  150,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.735898, 100.550623

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

การเข้าถึงโครงการ Maestro 02 ร่วมฤดี ที่ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี ซอย 2 นั้นเข้ามาได้ 2 ทางค่ะ คือถ้าจากถนนเพลินจิต ซอยร่วมฤดีจะติดกับทางลงรถไฟฟ้าเพลินจิตเลยค่ะ และอีกทางนึง คือ ถนนวิทยุซึ่งเป็นทางที่เราใช้เดินทางไปดูโครงการกันวันนี้ค่ะ

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ถ้าหันหน้าออกจากที่ดินของโครงการจะเห็นด้านหน้าโครงการเป็นคอนโด Socio (หมายเลข1) เป็น low-rise สูง 8 ชั้น ส่วนทางด้านที่ติดกับโครงการทั้งสองด้านซึ่งด้านหนึ่งเป็นบ้านเดี่ยว ตัวบ้านทำเป็นที่ทำการของมูลนิธิสร้างสรรค์ชีวิต (หมายเลข2) ส่วนอีกด้านก็เป็นบ้านเดี่ยวเช่นกัน ถัดๆไปก็มีตึกแถว 4 ชั้นอยู่ ส่วนใหญ่ภายในซอยจะเป็นแมนชั่น, คอนโด, อพาร์ทเม้นท์ หรือบ้านและตึกแถวที่ใช้เป็นสำนักงาน อย่างถัดไปจากโครงการอีกนิดนึง จะเป็นคอนโด The Crest (หมายเลข 3) ของทาง SC Asset สูง 7 ชั้น ส่วนสุดซอยที่เป็นซอยตันเป็น โรงแรม Tenface Bangkok (หมายเลย 4) ที่มีทั้งโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์

ออกมาดูรอบๆซอยร่วมฤดีกันบ้าง ถ้าจากทางเข้าซอยร่วมฤดี 2 ฝั่งตรงข้ามจะเป้นทางเข้าโรงแรมคอนราด (หมายเลข 5) ส่วนฝั่งที่ติดกับซอยร่วมฤดี 2 ด้านหนึ่งจะเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อ Lyon ส่วนอีกด้านจะเป็นโรงแรม The Aetas Bangkok (หมายเลข 6) กลับมาทางที่จะออกไปรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต จะมีร่วมฤดี วิลเลจ (หมายเลข 7) มีร้านอาหารตั้งอยูู่หลายร้าน ถัดไปเป็น Athenee residence (หมายเลข 8) ซึ่งก็จะมองเห็นจากที่ดินของ Maestro ด้วย  ส่วนหน้าปากซอยร่วมฤดีก็มีโรงแรมโนโวเทล (หมายเลข 9) ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต ข้างๆกันตรงหัวมุมก่อนจะเลี้ยวไปถนนวิทยุ มีอาคาร Park Venture มีทั้งออฟฟิตและโรงแรมอยู่ ส่วนเยื้องๆกันเป็น Central Embassy (หมายเลข 11) ที่สามารถเดินจาก sky walk ของ BTS เพลินจิตไปได้ 

มาดูด้านถนนวิทยุกันค่ะ บรรยากาศร่มรื่น เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานและโรงแรม รวมไปถึงสถานทูตอีกหลายประเทศเลยค่ะ เริ่มจาก โรงแรมพลาซ่า แอทธินี (หมายเลข 12) ข้างๆกันเป็นสถานทูตเวียดนาม ขยับมาอีกนิดจะเป็นตึก All seasons place (หมายเลข 13) ที่มีหลายอาคารตั้งอยู่ ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นสถานทูตสหรัฐอเมริกา (หมายเลข 14) ที่จะยาวไปถึงซอยร่วมฤดีเลย ส่วนภายในซอยร่วมฤดีด้านหลัง ถ้าเข้าจากทางถนนวิทยุจะมีวัดพระมหาไถ่ (หมายเลข 15)

ถัดออกไปอีกบนเส้นถนนวิทยุคงจะไม่พูดถึงสวนลุมพินี (หมายเลข 16) คงจะไม่ได้ ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของกรุงเทพ และยังมีสมาคมราชกรีฑาสโมสรโปโลคลับ หรือ RBSC Polo Club (หมายเลข 17) เป็นที่ออกกำลังกายใกล้ๆบ้านได้อีกด้วย

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

พาไปเดินดูรอบๆในซอยกันค่ะ  ถ้าจะเดินออกไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือออกไป Central Embassy อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะระยะทางประมาณ 900 เมตร มีเหงื่อซึมๆแน่นอนค่ะ  ไม่งั้นก็คงต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซด์ออกไปหน้าปากซอยนะคะ  ทางโครงการบอกว่ามีรถไว้สำหรับลูกบ้านหนึ่งคันเอาไว้รับส่งนะคะ  แต่อย่างไรก็ตามสำหรับซอยนี้ถ้าคนที่มีรถคงจะสะดวกกว่า รถแท๊กซี่หรือวินมอไซต์จะไม่ค่อยเข้ามา ยกเว้นแต่จะมารับส่งผู้โดยสารเป็นระยะๆ ไม่งั้นก็ต้องขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้สำหรับโทรเรียก

ในซอยนี้เป็นซอยที่ค่อนข้างเงียบ ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยอย่างคอนโด Low rise ขึ้นบ้าง ไม่ก็แมนชั่น เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีราคาสูงตามระดับทำเลที่ตั้ง

ในซอยร่วมฤดี ซอย 2 นี้ด้านนึงจะติดกับแนวทางด่วน  แต่ข้อดีอย่างนึงของตำแหน่งที่ตั้ง Maestro 02 คือจะอยู่ฝั่งที่ไม่ติดทางด่วนค่ะ ลดเรื่องเสียงไปได้บ้าง สุดซอยที่มีโรงแรม+เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ก็ทำให้ซอยดูคึกคักบ้างเล็กน้อย เนื่องจากจะมีรถรับส่งลูกค้าที่พักในโรงแรมวิ่งเข้าวิ่งออก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่ต่างชาติค่ะ  คนไทยถ้าอยู่ประจำก็ซื้อคอนโดไปเลยหรือไม่ก็พักโรงแรมถ้าเป็นการพักติดต่อธุรกิจชั่วคราว

เขยิบมาดูภาพรวมในซอยร่วมฤดีเส้นหลัก ส่วนมากโรงแรมระดับหรูและเป็นตึกค่อนข้างสูง มีอยู่หลายโรงแรมเลยค่ะ ส่วนเรื่องอาหารการกินก็มีประปราย แต่การเดินทางออกไปห้างหรือร้านอาหารก็ไม่ได้ยากอะไร เนื่องจากทำเลอยู่ใกล้เมืองมากๆ ค่อนข้างสะดวกสบาย  คือออกไปหน่อยก็เจอ Central Embassy  แต่ถ้าของในนั้นราคาแพงเกินคนทั่วๆไปจับต้องไปหน่อยก็นั่ง BTS ไปสถานีนึงลงที่ BTS ชิดลม แล้วไป Central World แทนก็ได้ค่ะ

บริเวณด้านหน้าเยื้องๆกับโครงการค่ะ ฝั่งตรงข้ามมีคอนโดและแมนชั่น สูงประมาณ 8 ชั้นอยู่ ส่วนการเดินทางจะมีวินมอไซด์รับจ้างการหน้าปากซอยตรงรถไฟฟ้าเข้ามา คิดราคา 10 บาทค่ะ

ก่อนถึงโครงการประมาณ 120 เมตร จะมีคอนโด The crest ร่วมฤดี ของ SC ASSET เป็นโครงการ Low Rise 7 ชั้น สร้างเสร็จแล้ว

ฝั่งตรงข้ามโครงการค่ะ

คอนโด Socio ร่วมฤดี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ อันนี้ก็สร้างเสร็จแล้ว

มาดูฝั่งเดียวกับโครงการบ้าง ก่อนถึงโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวและตึกแถวสูง 4 ชั้นค่ะ

อีกด้านก็ติดกับบ้าน 2 เป็นมูลนิธิสร้างสรรค์ชีวิตค่ะ

สุดซอยที่เป็นทางตันจะมี โรงแรม Tenface เป็นโรงแรมบูทีคและ Service Apartment สูง 8 ชั้นค่ะ 

ออกมาดูรอบๆซอยร่วมฤดีกันบ้าง ระหว่างออกจากซอยร่วมฤดี 2 มองไปจะเห็นโรงแรมคอนราดกับตึก All Seasons place

ใกล้ๆกับหัวมุมซอยร่วมฤดี 2 เป็นที่ตั้งของ The Aetas Bangkok

หน้าปากซอยร่วมฤดี 2 ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าโรงแรมคอนราด (Conrad)

ข้างๆโรงแรมคอนราด มีร่วมฤดี วิลเลจ มีร้านอาหารตั้งอยู่หลายร้าน อย่างเช่น คอฟฟี่บีนส์บายดาว

หน้าปากซอยร่วมฤดีมีรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิตค่ะ

หัวมุมตรงปากซอยร่วมฤดีเป็นโรงแรมโนโวเทล

ถัดไปอีกนิดจะเป็นอาคาร Park Venture เป็นอาคารสำนักงาน  ชั้นบนๆเป็นโรงแรม The Okura Prestige Bangkok

Central embassy สามารถเดินจาก sky walk ที่ bts เพลินจิตไปได้ค่ะ

จากถนนเพลินจิตเข้าถนนวิทยุ มีโรงแรมพล่าซ่า แอทธินี

ตึก All seasons place ค่ะที่มองจากซอยร่วมฤดี 2 ก็เห็น

สถานทูตสหรัฐอเมริกาด้านหน้าติดถนนวิทยุค่ะ

ด้านหลังสถานทูตสหรัฐอเมริกาในซอยร่วมฤดีค่ะ

โบสถ์พระมหาไถ่ค่ะ

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เข้ามาที่สำนักงานขายกันเลยค่ะ

สำนักงานขายจะเช่าพื้นที่ข้างๆโครงการอยู่ค่ะ ไม่ได้อยู่บนพื้นที่โครงการ

อีกมุมนึงค่ะ

ที่กั้นเอาไว้ส่วนนี้เป็นพื้นที่โครงการจริงๆค่ะ

ถ่ายจากด้านหลังซอย

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ตัวที่ดินของโครงการนั้นรูปสี่เหลี่ยมขนานไปกับซอยร่วมฤดี 2 แต่ตั้งแต่ชั้น 3 ชั้นไปผังอาคารจะเป็นรูปตัว U ฝั่งตรงข้ามจะมีคอนโด socio สูง 8 ชั้น เยื้องๆก็จะมีแมนชั่นสูง 8 ชั้นอยู่ข้างๆกัน ส่วนรอบๆในฝั่งเดียวกันยังคงเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีพื้นที่สวนกั้นอยู่อย่างแน่นอน ที่จอดรถของ Maestro 02 ร่วมฤดีนี้มีอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน จึงทำให้รอบๆตึกไม่มีถนนล้อมรอบแต่เต็มไปด้วยพื้นที่อาคาร ส่วนพื้นที่สีเขียวก็ย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นดาดฟ้า

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้นเป็นรูปตัว U ตรงกลางเป็นคอร์ทซึ่งมองเห็นสวนในชั้น 2 สวนสระว่ายน้ำจะอยู่ทางด้านหน้าติดกับถนนซอย ห้องที่หันหน้าออกทางทิศตะวันออกก็จะร่ม แต่ในขณะเดียวกันก็หันหน้าเข้าไปหาเพื่อนบ้านคอนโดฝั่งตรงข้ามด้วย  ส่วนห้องด้านหลังโครงการคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนแดดบ่าย เพราะหันเข้าหาทิศตะวันตกเต็มๆแต่ก็ได้วิวโล่งๆมาแทน  เพราะด้านหลังโครงการส่วนใหญ่ก็ยังเป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่ (ถ้าอนาคตเข้าไม่ขายที่ให้ดีเวลลอปเปอร์ไปทำคอนโดนะคะ) ส่วนถ้าอยากได้ร่มๆหน่อยก็คงจะเป็นทางทิศเหนือซึ่งด้านบนของผังที่ส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน 32.5 ตารางเมตร

ส่วนสำหรับห้องที่อยู่ตรงกลางในคอร์ทนั้นก็ร่มแน่ๆ  แต่เรื่องมุมมองก็ต้องยอมรับว่าพื้นที่คอร์ทตรงกลางนั้นค่อนข้างแคบและน่าจะทำให้ดูอึดอัดอยู่บ้าง

ตำแหน่งอาคารสูงรอบๆที่มีผลต่อมุมมองจากตัวคอนโด

รูปนี้ทำกราฟิกให้เห็นคร่าวๆว่าอาคารรอบๆนั้นมีผลอะไรกับมุมมองจากตัวโครงการบ้างค่ะ แน่นอนว่าตึกโดยรอบที่ส่งผลต่อมุมมองมากที่สุดก็จะเป็นคอนโดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ที่เปิดหน้าต่างห้องมาก็เจอกันเลย แต่ก็มีข้อดีคือ มลพิิษทางเสียงจากทางด่วนก็จะไม่มากเท่าคอนโดฝั่งตรงข้ามเรา เพราะอยู่ติดทางด่วนเลยค่ะ ทางโครงการทำแปลนเป็นรูปตัว U วางพวกส่วนกลางเอาไว้ด้านที่หันเข้าหาคอนโดฝั่งตรงข้าม ให้ดูมีระยะห่างกันหน่อย ส่วนด้านอื่นๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากส่วนใหญ่ก็ยังเป็นบ้าน 2 ชั้นอยู่ ถ้ามองไปไกลๆหน่อย วิวที่ได้ก็เป็นวิวในเมืองไม่ได้ถูกบังมุมมอง โดยมุมมองตรงนี้ว่าถึงถึงเฉพาะตอนที่ทำรีวิวนะคะ อนาคตก็อาจจะเป็นได้ที่มีคอนโด Low-rise เกิดขึ้น

ส่องโมเดล

ตัวโครงการนั้นทำออกมาในคอนเซ็ป Classic Modern Twist  ซึ่งก่อนหน้านี้ตอน Maestro 12 จะเป็น Classic Modern Twist ที่เน้น Modern > Classic  ส่วน Maestro 39 จะเน้น Classic > Modern  โครงการนี้เลยเอาทั้งสองอย่างออกมาอย่างละครึ่ง เรียกว่าแบ่งสัดส่วนการดีไซน์เป็น Classic = Modern  แบ่งง่ายๆว่าถ้าดูจากตัวตึกด้านโทนสีดำจะออกแนว Modern ส่วนตึกด้านโทนสีขาวจะออกแนว Classic

ตัวตึกด้านหลังฝั่งที่เป็นแบบแบบ Modern โทนสีเทาดำ

อีกข้างนึงค่ะ เป็น Modern สลับ Classic

ทางเข้าโครงการ

ตัวตึกสีขาวให้อารมณ์คลาสสิค ห้องฝั่งนี้จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน 35.5 ตารางเมตร กับ 2 ห้องนอน 54 ตารางเมตร  ส่วนตรงชั้น 7 กับ 8 จะเป็นห้องแบบ Duplex 69.5 ตารางเมตร และ 87 ตารางเมตร มีสวนให้ด้วยค่ะ

ส่วนอาคารฝั่งโทนสีเทาดำ ด้านหน้าที่ติดถนนจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 37 ตารางเมตร และ Duplex 47 และ 47.5 ตารางเมตร เป็น Double space

สระว่ายน้ำจะอยู่ชั้น 2 วิวติดกับถนนค่ะ

ซูมให้ดูสระว่ายน้ำและสวนด้านใน

ห้องด้านในจะได้วิวสวนชั้น 2

ชั้น 7 และ 8 ตรงห้อง Duplex ด้านหน้า ทางโครงการมีสวนส่วนตัวให้ค่ะ

มาดูกันที่สวนชั้นบนสุดกันบ้าง

ซูมให้ดูแต่ละมุม มุมแรก เป็นมุม Chilling BBQ Corner ไว้จัดปาร์ตี้ได้ค่ะ

อีกมุมนึงบนสวนชั้นดาดฟ้า ทางโครงการจัดไว้ให้ในคอนเซ็ป Essence Yoga Deck ค่ะ

พาเข้าไปเดินดูที่ดินจริง

ทางโครงการเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เลยแอบเข้าไปถ่ายรูปรอบๆมาให้ดูกันค่ะ

ถ่ายให้เห็นบรรยากาศรอบๆโครงการ จากในพื้นที่โครงการจริงค่ะ ฝั่งด้านในจะติดกับบ้านสองชั้น แต่มองไปก็จะเห็นตึก สูงไม่ถึง 8 ชั้นอยู่ตึกนึง มุมนี้จะโล่งๆหน่อย

มุมตรงกลางพื้นที่โครงการก็ยังโล่งๆอยู่

มุมด้านที่ถึงโครงการก่อนมองไปจะเห็นตึก All seasons place และตึกอื่นๆ เป็นฝั่งหันเข้าหาเมืองค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

Facilities จะอยู่ที่ชั้น 2 และ ชั้นดาดฟ้า มีสระว่ายน้ำให้ที่ชั้น 2 รอบๆ สระมีห้องฟิตเนส Firmity Gym & ฺboxing และ Steam & Sauna ส่วนพื้นที่บนดาดฟ้านั้นแบ่งเป็น 2 ฝั่งหลักๆ คือ ฝั่งที่เป็น Chilling BBQ corner ที่ดูเหมาะกับการปาร์ตี้ กับ ฝั่ง Essence Yoga Deck ที่เป็นส่วนเงียบๆสงบๆไว้ออกกำลังกายบนดาดฟ้า พื้นที่ส่วนใหญ่โครงการทำเป็น Hardscape ค่อนข้างเยอะกว่าทาง Maestro 39 Residences ที่มีพื้นที่สีเขียวเยอะกว่า ส่วนพื้นที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 1 กับชั้นใต้ดิน ในส่วนของชั้น 1 จะมี Lobby กับันไดวนสามารถเดินขึ้นไปชั้น 2 ได้เลย

พื้นที่ส่วนกลางที่ได้มามีสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือปกติ แล้วก็มีฟิตเนส + ห้อง Boxing , stream & Sauna โดยห้องต่างๆนี้ก็จะอยู่รวมกันที่ชั้น 2 ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำ ด้านล่างชั้นใต้ดินและชั้น 1เป็นที่จอดรถ จากรูปหน้าตา Facilities ที่ออกมาก็ดูเรียบหรูดีค่ะ

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น  สัดส่วนลิฟต์โดยสาร 2 ตัวกับ 126 ยูนิต  เฉลี่ยออกมาได้ 63 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว สบายๆค่ะ ที่จอดรถ 67 คัน  ประมาณ 55% จอดซ้อนคันไม่ได้นะคะ เรื่องจากพื้นที่จอดรถเป็น slope เอียง ทำให้ออกมามีพื้นที่จอดรถค่อนข้างน้อย

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Floor Plan คอนโด Maestro 02 ชั้น 2 

ตัวห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 2 ส่วนชั้นใต้ดินกับชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถค่ะ ห้องพักมีทั้งหมด 126 ยูนิต ห้องที่ขายมีแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ในชั้น 2 จะมีบางห้องตรงกลางที่จะได้สวนพิเศษส่วนตัวเพิ่มมาด้วยค่ะ Facility พวกสระว่ายน้ำฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2

Floor Plan คอนโด Maestro 02 ชั้น 3 และ 5

ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปแปลนนั้นเป็นรูปตัว U โดยที่เว้าเข้าไป ห้องที่อยู่ด้านในจะเห็นวิวสวนชั้น 2 ตั้งแต่ชั้น 3 – 6 นั้น 2 ห้องนอนจะอยู่ตำแหน่งหัวมุม แต่ละด้านก็จะมีห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นหลัก จะมีบางตำแหน่งที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้สามารถซื้อแบบห้องคอมบายกันได้ ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน Duplex มีอยู่ตรงด้านหน้าโครงการด้วย

Floor Plan คอนโด Maestro 02 ชั้น 4 และ 6

แปลนชั้น 4 กับ 6 จะต่างกับแปลนชั้น 3 กับ 5 แค่ตรงด้านหน้าโครงการที่เป็น 1 ห้องนอน Duplex เท่านั้น เพราะ ชั้น 4 และ 6 จะเป็นชั้น 2 ของห้อง Duplex จากชั้น 3 และ 5

Floor Plan คอนโด Maestro 02 ชั้น 7

แปลน ชั้น 7 ก็จะคล้ายๆกับ ชั้น 3-6 คือยังมีห้อง 1 ห้องนอน Duplex อยู่ แต่ด้านหน้าอีกฝั่งนึงจะเปลี่ยนจากห้องแบบ 1 และ 2 ห้องนอนธรรมดา เป็น 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน Duplex แถมยังมีสวนส่วนตัวให้อีกด้วย

Floor Plan คอนโด Maestro 02 ชั้น 8

ส่วนชั้นสุุดท้าย ชั้น 8 เป็นชั้นต่อเนื่องจากห้องนอนแบบ Duplex ทั้งหลายในชั้น 7 ค่ะ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนของคอนโด Maestro 02 ร่วมฤดี หลักๆก็มีเป็นแบบ 1 ห้องนอน ที่มีสองแบบคือ 25.5 – 37 ตารางเมตร และ 32.50 – 35.50 ตารางเมตร ส่วน 2 ห้องนอน 54-57 ตารางเมตรส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุม และ แบบ Duplex มีตั้งแต่ 1 ห้องนอน (Duplex) 47-47.5 ตารางเมตร , 2 ห้องนอน (Duplex) 69.5 ตารางเมตร จนถึงห้องใหญ่สุด 3 ห้องนอน (Duplex) 87 ตารางเมตร

แปลนห้องคอนโด Maestro 02

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร

ห้องแบบนี้จะเป็นกึ่งๆสตูดิโอที่กั้นเป็น 1 ห้องนอนค่ะ มีขนาด 28 และ 28.5 ตารางเมตร แตกต่างกันที่พื้นที่นิดหน่อย มีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าตรงทางเข้า จุดที่แตกต่างออกไปจากห้องไซส์ประมาณนี้ของคอนโดเจ้าอื่นๆคือการจัดเอาพื้นที่ส่วนพักผ่อน, รับประทานอาหาร และเตรียมอาหารเอามาอยู่ด้วยกันในสเปซเดียวกันเลย โดยใช้โซฟาและโต๊ะทานข้าวกั้นพื้นที่ส่วนนั่งเล่นกับห้องครัวเอา  ข้อดีก็คือเวลานั่งรับประทานอาหารก็จะดูทีวีได้ตรงๆเหมือนนั่งอยู่โซฟาตามปกติ แต่ระยะดูทีวีกับการทำครัวก็อาจจะคับแคบไปนิดตามขนาดของห้อง  ส่วนห้องนอนและส่วนทำงานก็กั้นแยกออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบสูงถึงฝ้าเพดาน มีระเบียงออกไปด้านนอก

เนื่องจากทางโครงการไม่มีห้องตัวอย่างให้ดู เราจึงเอาภาพจำลองของแบบ 1 ห้องนอน 28 ตารางวามาให้ดูเพื่อให้เห็นบรรยากาศมากขึ้น ส่วนนี้เป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ทำอาหารที่แบ่งพื้นที่ใช้ร่วมกันค่ะ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนไว้ ทางโครงการขายเป็นแบบ fully furnished พวกเฟอร์นิเจอร์ก็จะได้แบบที่ใกล้เคียงกับในรูป อย่างส่วนพื้นที่นั่งเล่น ก็ทำเป็น Feature Wall ให้ สามารถวางทีวีได้ตามรูปเลยค่ะ

พื้นที่ห้องนอนก็ประมาณนี้ค่ะ

ห้องน้ำ

แปลนห้องคอนโด Maestro 02 

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 32.50 ตารางเมตร

สำหรับแปลนแบบ 32.5 ตารางเมตรนี้ หน้าห้องจะกว้างขึ้นกว่าแบบ 28 ตารางเมตร ลักษณะการกั้นห้องก็จะแตกต่างกัน คือแบบนี้จะแยกพื้นที่ของห้องนอนและส่วนพักผ่อนกับรับประทานอาหารออกจากกันอย่างชัดเจน ในพื้นที่ส่วนพักผ่อนกับห้องนอนติดด้านนอกได้แสงธรรมชาติทั้งคู่ค่ะ ระเบียงจะอยู่ตรงห้องนั่งเล่น เนื่องจากแบบนี้ได้พื้นที่มากกว่า ทำให้การจัดห้องออกมาดูเป็นสัดเป็นส่วนมากกว่าแบบ 28 ตารางเมตร

แปลนห้องคอนโด Maestro 02

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 57 ตารางเมตร

แปลนแบบ 2 ห้องนอนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ตรงหัวมุมอาคารพอดี ห้องนอนใหญ่, ห้องนอนเล็ก และส่วนพักผ่อนจะได้แสงธรรมชาติทั้งหมด แต่จะมีตรงห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะได้รับแสงน้อยกว่าห้องนั่งเล่นเพราะติดกับตรงคอมเพรสเซอร์แอร์พอดี ในแบบ 2 ห้องนอนนี้พื้นที่ตรงส่วนเตรียมอาหารให้มาใหญ่ดีทีเดียว  ในแง่การวางฟังก์ชั่นแล้วแปลนแบบนี้จัดวานออกมาได้ดีทีเดียว  แต่ขอคอมเม้นท์ในส่วนเรื่องของสัดส่วนช่องหน้าต่างตรงห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กที่พื้นที่ส่วนนึงถูกทำเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ไป  ทำให้มีส่วนของหน้าต่างที่รับแสงธรรมชาติเข้ามาน้อยไปหน่อย

แปลนห้องคอนโด Maestro 02

แบบ Duplex ขนาด 47.5 ตารางเมตร

แบบ Duplex นี้จะอยู่เฉพาะหน้าโครงการมีแค่ไม่กี่ยูนิต โดยรวมไม่ต่างจากแบบ Duplex ทั่วไปนัก คือมีบันไดขึ้นชั้นบนอยู่ด้านข้าง ห้องนอนอยู่ด้านบนกั้นแยกกันและมีกระจกบานใหญ่มองลงมาเห็นสเปซด้านล่าง เน้นเป็น Double space ให้ห้องดูกว้างและโล่งขึ้น

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

โครงการนี้เหมือนกับโครงการ Maestro 39 เลยค่ะ คือไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูเลยรีวิวในส่วนนี้รวมถึงส่วนวัสดุให้ไม่ได้ ขอข้ามไปดูเรื่องค่าใช้จ่ายแทนเลยนะคะ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นวันที่แวะเข้าไปทำรีวิว (14 มิถุนายน 2557) แบบ 1 ห้องนอน 28 ตารางเมตรที่เป็นห้องเล็กที่สุดเริ่มที่ 4.07 ล้านบาทที่ชั้น 2 ค่ะ ส่วนแบบ 2 ห้องนอน 57 ตารางเมตร ในชั้น 2 เช่นกัน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.3 ล้านบาท  ส่วนใครสนใจห้อง Duplex แบบ 3 ห้องนอนที่เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุด พื้นที่ 87 ตารางเมตร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านกันเลย ก็ต้องเป็นเศรษฐีตังค์เหลือๆหน่อย  เพราะราคาก็อยู่ที่ 19.46 ล้านบาท นะคะ !!!

ราคา ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2557 

ราคาเริ่มต้น :

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท เฉลี่ย 145,650 บาท/ตร.ม.

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 8,302,050 บาท เฉลี่ย 145,650 บาท/ตร.ม

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท เฉลี่ย 223,689 บาท/ตร.ม

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

1-2 Bedroom จอง 50,000 บาท

3 Bedroom Duplex จอง 100,000 บาท

เงินทำสัญญา 5%

• ผ่อนดาวน์

ค่างวดรายเดือน 10% 24 เดิอน

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง   50  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี)

ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคนครับ  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  85% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท ผ่อนประมาณ 23,740 บาท/เดือน

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 8,302,050 บาท ผ่อนประมาณ 48,687 บาท/เดือน

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท ผ่อนประมาณ 114,249 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  85% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท ผ่อนประมาณ 25,090 บาท/เดือน

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 8,302,050 บาท ผ่อนประมาณ 51,457 บาท/เดือน

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท ผ่อนประมาณ 120,749 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  85% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท ผ่อนประมาณ 27,352 บาท/เดือน

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 8,302,050 บาท ผ่อนประมาณ 56,095 บาท/เดือน

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท ผ่อนประมาณ 131,631 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  85% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท ผ่อนประมาณ 31,474 บาท/เดือน

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 8,302,050 บาท ผ่อนประมาณ 64,549 บาท/เดือน

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท ผ่อนประมาณ 151,471 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  85% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

1 bedroom  พื้นที่ 28 ตร.ม. ชั้น 2  ราคา 4,078,200 บาท ผ่อนประมาณ 40,302 บาท/เดือน

2 bedroom  พื้นที่ 57 ตร.ม. ชั้น 17 ราคา 8,302,050 บาท ผ่อนประมาณ 82,654 บาท/เดือน

3 bedroom Duplex พื้นที่ 87 ตร.ม. ชั้น 7 ราคา 19,460,999 บาท ผ่อนประมาณ 193,955 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางนั้นจัดว่าค่อนข้างสะดวกทีเดียวเลยค่ะ เนื่องจากซอยร่วมฤดีนั้นเรียกได้ว่าอยู่กลางเมืองเลย  สามารถทะลุออกถนนใหญ่ไปถนนสุขุมวิทหรือถนนวิทยุก็ได้  ถ้าออกไปทางวิทยุก็จะตรงเข้าสู่สาทรหรือไปสีลมได้ไม่ยาก  ถ้าจะใช้โครงข่ายทางด่วนก็สะดวกดี เพราะอยู่ใกล้กับแนวทางด่วนเลย  แถมหน้าปากซอยยังมีรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิตตั้งอยู่ด้วย

ในแง่ของที่ตั้งแล้วจัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี  แต่ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดในการเข้าถึงอยู่บ้าง คือ ภายในซอยร่วมฤดีอาจจะแคบไปนิด และมีรถติดบ้างเป็นบางเวลาโดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน  แต่ถ้าเข้ามาถึงซอยร่วมฤดี 2 ที่เป็นซอยตันแล้ว รถไม่ค่อยจะเข้ามามากนัก บรรยากาศก็เลยดูเงียบสงบกว่าด้านนอก(ซอยร่วมฤดี)อย่างเห็นได้ชัด  แต่ก็จะยากนิดนึงถ้าไม่ได้ใช้รถส่วนตัวเพราะอย่างที่บอกว่าเป็นซอยตัน แท๊กซี่หรือพี่วินมอเตอร์ไซต์ก็จะไม่ค่อยเข้ามาเนื่องจากไม่ใช่ทางผ่าน  ถ้าจะเดินไป BTS เองก็ไกลอยู่เกือบ 1 กิโลค่ะ

สรุปง่ายๆก็คือเป็นทำเลที่ออกไปสู่กลางเมืองได้สะดวก  แต่ข้อจำกัดก็คือเป็นทางตันนั่นเอง ยกเว้นถ้าใครมองว่าเป็นข้อดีที่ได้เปรียบในเรื่องของความเงียบก็ได้ค่ะ  ตรงนี้ trade-off กันไป

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ทำเลที่ตั้งโครงการอย่างที่รู้ๆกันว่าอยู่ใจกลางเมือง ที่ดินแถวนั้นก็เรียกได้ว่าแพงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว  ถึงแม้ในด้านโครงสร้างพื้นฐานโซนนี้ไม่ได้มีการพัฒนาใหม่ๆในอนาคตแต่ก็ถือว่ามีรองรับอยู่ครบแล้ว อย่างการที่รายล้อมไปด้วยโรงแรมระดับหรู office building ชั้นนำหรืิอแม้แต่ห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวด้วยความหรูหราอย่าง Central Embassy ก็ทำให้พื้นที่ย่านนี้มีศักยภาพสูงทีเดียว

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

ตัวโครงการนั้นมาแนวแบ่งแยกสไตส์ด้านหน้าอาคารกันอย่างชัดเจน ระหว่างคลาสสิคกับโมเดิร์นด้วยรูปแบบวัสดุและโทนสี ถ้าใส่โทนสีดำเรียบๆด้วยเส้นสายแบบโมเดริ์นไปหมดตัวตึกก็จะดูมืดมนเกินไป  อันนี้แทรกโทนสีขาวที่มีคิ้วบัวและลวดลายของอาคารแบบคลาสสิคเข้าไปก็ช่วยให้อาคารออกมามีความเปรียบต่าง(contrast)กันอย่างแปลกตา  อย่างที่เล่าไปแล้วว่าโครงการมาเอสโตรก่อนหน้านี้ 2 โครงการ (มาเอสโตร ราชเทวี และ มาเอสโตร 39) เวลาดีไซน์ก็จะมีสัดส่วนของความเป็น Classic และความเป็น Modern หนักไปทางใดทางหนึ่ง  พอมาโครงการ มาเอสโตร ร่วมฤดี นี้ออกแบบสัดส่วนของ Classic กับ Modern มาอย่างละครึ่งพอๆกัน  ก็ต้องรอดูว่างานจริงออกมาจะประสานกันได้ลงตัวแค่ไหน  เพราะคิิดว่าดีไซน์ที่ออกมาในสัดส่วนเท่าๆกันแบบนี้ทำยากและท้าทายกว่าการเน้นหนักไปที่ดีไซน์ทางใดทางหนึ่งแน่นอน

การเอาที่จอดรถลงไปใต้ดินกับชั้น 1 ก็ช่วยให้ทำให้สร้างอาคารได้มีพื้นที่ขายมากขึ้น  ตัวคอนโดเป็นรูปตัว U (หรือจะมองเป็นตัว C ก็ได้นะคะ ^^”) ดูแล้วสัดส่วนของพื้นที่คอร์ทตรงกลางดูเล็กไปหน่อยนึง  สำหรับแปลนห้องนั้นจัดออกมาได้โอเคดี  ที่แปลกใหม่คือแบบ 1 ห้องนอน 28 ตารางเมตรก็จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้แปลกแหวกแนวกว่าแปลนคอนโดไซส์นี้ทั่วๆไปในโครงการอื่นๆอย่างที่ได้เล่าไปแล้ว  น่าเสียดายเช่นเดียวกันตัว Maestro 02 คือไม่มีห้องตัวอย่างให้ได้ดูแบบชัดๆต้องอาศัยการจินตนาการแทน (อยากเห็นสเปซจริงๆห้อง 28 ตารางเมตรค่ะ)  สำหรับด้านวัสดุนั้นคอมเม้นท์ไม่ได้เนื่องจากไม่เห็นของจริงค่ะ  ตรงนี้เลยขอข้ามไปทั้งในส่วนรีวิววัสดุและการให้คะแนนสรุป  ด้านเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่มากับห้องแต่ละยูนิตถ้าสนใจทางโครงการมีระบุไว้ชัดเจนที่สำนักขาย  ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ  เนื่องจากแต่ละยูนิตมีให้มาแตกต่างกัน  เลยไม่ได้เอามาลงเว็บไว้

พื้นที่ส่วนกลาง ชอบตรงที่สวนบนดาดฟ้านั้นแบ่งฟังก์ชั่นใช้สอยแยกเป็นมุมเฮฮาปาร์ตี้กับส่วนมุมสงบๆให้อยู่คงละฝั่ง แต่สามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ สวนบนดาดฟ้านี้คงใช้งานในตอนเช้าๆหรือเย็นๆอาจจะดีกว่า เพราะตอนกลางวันบ่ายๆเที่ยงๆตัวอาจจะเกรียมแดดเอาได้ยิ่งมีพื้นที่บางส่วนที่เป็นไม่ได้ทำเป็นสีเขียวส่วนกลางทั้งหมดด้วย   ด้านสัดส่วนการใช้งาน Facilities อย่างที่ชั้น 2 ก็ให้มาแบบพอเหมาะกับราคาห้องที่จ่ายไปดีค่ะ  สำหรับที่จอดรถถ้ามีให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยก็จะดีมาก  นอกจากนี้บางห้องก็จะได้พื้นที่สีเขียวของอาคารไปไว้ในห้องตัวเองเป็นส่วนตัวด้วย

ด้านตัวเลือกอื่นๆ

โครงการบริเวณรอบๆในซอยมี The Crest ร่วมฤดี ของ SC ASSET กับ Socio ที่สร้างเสร็จไล่ๆกันไปเมื่อปีสองปีก่อน จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการด้านที่ติดกับทางด่วน ส่วนปัจจุบันในซอยนี้ นอกจาก Maestro 02 ก็ยังไม่มีไหนเปิดตัวค่ะ (ที่ดินก็แทบไม่เหลือแล้วด้วยแหละค่ะ)

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่) และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นนะคะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ