รีวิวนี้พามาชมคอนโดใหม่ล่าสุดบนถนนเพชรเกษมที่ชื่อ The Prodigy เพชรเกษม 62 โครงการนี้ชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูในตลาดคอนโดนัก  เพราะว่าเป็นแบรนด์ใหม่ของผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดคอนโดบ้านเรา  เนื่องจากผู้ลงทุนนั้นมาจากประเทศจีน  คอนโด The Prodigy นั้นเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนมีนาที่ผ่านมา  ทางอยู่สบายเองก็เคยลงพรีวิวข้อมูลไว้คร่าวๆแล้วรอบนึง  ซึ่งชื่อโครงการก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่บนถนนเพชรเกษม ตรงซอยเพชรเกษม 62  ที่ดินนั้นอยู่ในแนวเส้นรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง ห่างจากสถานี MRT บางแคประมาณ 350 เมตร

อยู่สบายแวะเข้าไปเก็บรีวิวมาให้ชมกันอย่างละเอียดเช่นเคยค่ะ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน

The Prodigy Phetkasem 62

(เดอะโพรดิจี้ เพชรเกษม62) 

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท จี ดี ที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (GDT Property)
• ที่ตั้งโครงการ >>>  ถนนเพชรเกษม ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีบางแค
• ขนาดที่ดิน >>>  6-2-16.6 ไร่
• จำนวนอาคาร >>>  2 อาคาร
• จำนวนชั้น >>> อาคาร A 31  และอาคาร B 33 ชั้น
• ประเภทห้อง >>> สตูดิโอ / 1 ห้องนอน / 2 ห้องนอน
• ขนาดห้อง >>>
  • สตูดิโอ 23 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน พลัส (1 Bedroom Plus) 33.5 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน 50.5 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน ห้องมุม 50 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>>  1,273  ยูนิต และ ร้านค้า 5 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> ประมาณ 50% (รวมจอดซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  1.69 บาท (ห้อง 23 ตารางเมตร ณ วันที่ 2/5/2015)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยประมาณ  78,000 – 80,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.712511, 100.426390

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

วันนี้เราใช้เส้นทางจากถนนราชพฤกษ์ค่ะ  เราขับรถมาตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสเรื่อยๆ  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษมตรงช่วงสถานี BTS บางหว้าค่ะ  พอเข้าถนนเพชรเกษมแล้วตัวโครงการจะอยู่ทางขวามือต้องไปกลับรถมาก่อน จากนั้นก็ตรงมาเรื่อยๆจนมากลับรถบริเวณประมาณซอยเพชรเกษม 41  ทางเดียวกับที่จะไปโลตัส บางแค (แต่จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อรถไฟฟ้าเสร็จในอนาคตแล้วจะกลับรถได้ตรงจุดไหนบ้าง  เดี๋ยวพี่ตำรวจเขาคงจัดการเรื่องการจราจรอีกที) พอกลับรถมาแล้วตัวโครงการจะอยู่ตรงก่อนถึงซอยเพชรเกษม 62 ข้ามสะพานข้ามคลองราชมนตรีมาก็เจอเลย

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ดูแผนที่ในภาพรวมกันก่อนค่ะ โครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ติดกับซอยเพชรเกษม 62 ซึ่งอยู่ระหว่างถนนพุทธมนฑลสาย1 กับถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตกค่ะ จะไปราชพฤกษ์ก็ไม่ไกล หรือถัดไปอีกนิดก็สามารถข้ามสะพานตากสิน ออกไปสาทรได้ค่ะ และที่สำคัญถนนเพชรเกษมกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วง หัวลำโพง – บางแค ด้วยค่ะ  แน่นอนว่าตอนนี้รถก็จะติดกันหน่อย แต่พอรถไฟฟ้าเสร็จแล้วก็น่าจะสบายขึ้นค่ะ

ดูภาพกว้างๆแล้วก็มาดูพื้นที่รอบๆโครงการกัน ด้านข้างโครงการติดกับคลองราชมนตรี พอเลยสะพานข้ามคลองไปก็เป็นอาคารพาณิชย์สูงตั้งแต่ 2-4 ชั้น ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า (หมายเลข 1) ส่วนด้านข้างอีกด้านหนึ่งติดกับอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยในซอยเพชรเกษม 62 (หมายเลข 2) ฝั่งตรงข้ามโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์เช่นกัน และก็มีสถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค (หมายเลข 3)  ถ้าจะข้ามไปซื้อของฝั่งตรงข้ามก็ง่ายดายเพราะมีสะพานลอยอยู่บริเวณซอยเพชรเกษม 62 และฝั่งตรงข้ามโครงการก็เป็นตลาดบางแค (หมายเลข 4) โซนนี้ก็คนเยอะค่อนข้างคึกคักเพราะเป็นตลาดใหญ่ในย่านนี้ หาของกินของใช้สะดวก  ติดกับตลาดเลยเป็นสถานีรถไฟฟ้า MRT บางแค ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ตอนนี้ก็เห็นเป็นตัวสถานีขึ้นมาแล้วค่ะ  ตามข้อมูลนั้นรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง – บางแค) จะแล้วเสร็จประมาณปี 61  ส่วนตัวโครงการเองมีแผนจะเสร็จปี 60 ก่อนรถไฟฟ้าจะเปิด  ถ้าเดินจากโครงการจะมีระยะทางประมาณ 350 เมตรค่ะ

ฝั่งทางจะไปพุทธมนฑลสาย 1 หรือถนนราชพฤกษ์ หรือ BTS สถานีบางหว้า นั้นมีโรงพยาบาลเพชรเกษม 2 (หมายเลข 5) และห้างซีคอน บางแค (หมายเลข 6) ซึ่งตรงซีคอนนั้นจะติดกับตัวสถานี MRTภาษีเจริญค่ะ

กลับมาฝั่งที่จะไปถนนกาญจนาภิเษกและถนนบางแค เลยโครงการไปนิดหน่อยมีโรงเรียนราชวินิตประถมบางแค (หมายเลข7) อยู่ในซอยเพชรเกษม 62/4 ค่ะ ถัดไปหน่อยเป็น โลตัส บางแค (หมายเลข 8) ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสดของก็มาซื้อของโลตัสได้ ส่วนตรงบริเวณแยกตัดกับเส้นกาญจนาภิเษก ก็มีเดอะมอลล์ บางแค (หมายเลข10) อยู่ติดกับรถไฟฟ้า MRT สถานีหลักสองเลยค่ะ ส่วนติดกันกับตัวสถานีจะมี อาคารจอดรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (หมายเลข 9) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นกันค่ะ ฝั่งตรงข้ามกันเป็นคอนโดเดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม (หมายเลข 11) ที่เปิดตัวไปปีก่อนด้วย

เนื่องจากแถวนี้เป็นแหล่งชุมชนคนเยอะ  บรรดาโครงการคอนโดต่างๆที่ทำเลไม่ได้อยู่บนถนนเพชรเกษมช่วงนี้ก็ยังมาตั้งสำนักงานขายแถวนี้กันเยอะ เช่น Fuse Sense’ บางแค สำนักงานขายอยู่เส้นเพชรเกษม แต่ว่าตัวโครงการจะอยู่ติดถนนพุทธมณฑลสาย 2 ต้องเลยไปอีกค่ะ และ โครงการ The Niche ID บางแค ที่สำนักงานขายอยู่เส้นเพชรเกษมเช่นกัน แต่ตัวโครงการจะอยู่ตรงถนนเทอดไทค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

ฟุตบาทด้านหน้าโครงการ  สภาพค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว

ฝั่งทางเดินไปซอยเพชรเกษม 62

ติดพื้นที่โครงการเป็นคลอง และก็มีทางเดินเลียบคลองด้วยค่ะ

คลองราชมนตรีค่ะ

อีกด้านฝั่งที่อยู่ใกล้กับซอยเพชรเกษม 62 ด้านหน้าจะติดกับอาคารพาณิชย์ 2 คูหา เป็นร้าน-อาหารตามสั่งค่ะ  เลยจากตรงนี้ไปก็จะเป็นตึกแถวตลอดแนวริมถนนเพชรเกษมเลย

ส่วนด้านหลังจะเป็นบ้านพักอาศัยที่อยู่ในซอยเพชรเกษม 62  มองเข้าไปเราจะเห็นมัสยิดอยู่ไกลๆด้วย

ซอยเพชรเกษม 62 มีสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ใกล้ๆค่ะ

ฝั่งตรงข้ามโครงการค่ะ ถ่ายจากสะพานลอยตรงซอยเพชรเกษม 62 เป็นตลาด

อีกด้านก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร  แถวนี้คึกคักไม่ต้องกลัวอดค่ะ

วกกลับมาดูฝั่งทางเดินไป MRT บางแคกันบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์เช่นกัน

ตึกนี้เป็น IT Grand บางแค

ถนนเพชรเกษม ฝั่งที่จะไปโครงการค่ะ

ตลาดบางแคฝั่งตรงข้ามโครงการ

ตัวสถานี MRT บางแค ค่ะ ห่างจากโครงการประมาณ 350 เมตร

ปั้มซัสโก้

โลตัส บางแค อยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก  แต่จะต้องไปวนกลับรถมา

สำนักงานขาย The Niche ID บางแค  ตัวโครงการจริงๆอยู่ติดถนนเทอดไท

ส่วนนี่เป็นสำนักงานขาย Fuse Sense’ บางแค ซึ่งตัวโครงการจริงๆจะอยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 2  จะเห็นว่าช่วงนี้ถือเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยสำคัญของโซนนี้เลย ขนาดคอนโดมิเนียมที่อยู่ไกลออกไปก็ยังเลือกมาตั้งสำนักงานขายแถวนี้ ไม่ตั้งที่โครงการเอง 😛

เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม

ของนาราย พร๊อพเพอร์ตี้

MRT หลักสอง  อยู่ติดๆกับ The Mall บางแค

เดอะมอลล์บางแค  ศูนย์การค้าเก่าแก่ของย่านนี้

อาคารจอดรถขาจร MRT  คอนเซ็ปก็เหมือนอาคารจอดแล้วจรตามแนวรถไฟฟ้า  คนขับรถมาทิ้งไว้ที่นี่ตอนเช้า  นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานแล้วก็กลับมาเอารถตอนเย็นๆ

รถสองแถวที่วิ่งผ่านโครงการค่ะ รถประจำทางก็มีหลายสายนะคะ การเดินทางถือว่าสะดวก

โรงพยาบาลเพชรเกษม 2 จากหน้าโครงการไปรวมระยะทางกลับรถแล้วก็ประมาณ 950 เมตรค่ะ ถือว่าไม่ไกลเลย

ห้างซีคอน บางแค เป็นอีกศูนย์การค้าบนถนนเพชรเกษมช่วงนี้

MRT ภาษีเจริญ ที่อยู่ตรงหน้า Secon บางแค พอดี

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

พาอ้อมไปดูรอบๆที่ตั้งโครงการกันแล้ว  ถึงคิวเข้าไปดูข้อมูลโครงการในสำนักงานขายกันค่ะ

เริ่มจากด้านหน้าสำนักงานขายเลย

ทางเข้าจะอยู่เลยมานิดหน่อย  หน้าโครงการนี่ต้นไม้ร่มรื่นทีเดียว

ตัวสำนักงานขายจะตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการจริงเลยค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มกั้นพื้นที่ก่อสร้างแล้ว

พื้นที่จอดรถด้านในโครงการ

แต่ถ้าจะมาดูโครงการ ขับไปตามทางนี้เลยค่ะ

ที่จอดรถด้านหน้าสำนักงานขายค่ะ

ป้ายสำนักงานขายด้านหน้า

หน้าตาของสำนักงานขายซึ่งทางโครงการจะทำเป็นส่วนของร้านค้าด้านหน้าโครงการต่อไป เมื่อปิดการขายแล้วค่ะ

เข้ามาด้านในกันดีกว่า

บรรยากาศโดยรวมของสำนักงานขายค่ะ ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดำ และน้ำตาลค่ะ

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ตัวคอนโดนั้นอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม ใกล้กับซอยเพชรเกษม 62 ค่ะ มีอยู่ด้วยกัน 2 ตึก คือ ตึก A กับ ตึก B โดยที่ ตึก A จะอยู่ด้านหน้าติดถนนมากกว่า เป็นรูปตัว l ส่วนตึก B จะอยู่ด้านในเป็นอยู่ตัว L ทางเข้าอาคารด้วยรถยนต์จะอยู่ทางฝั่งตึก A ส่วนที่ติดกับคลองจะเป็นพื้นที่สวนค่อนข้างเยอะ

พื้นที่รอบๆส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่อยู่อาศัยค่ะ ด้านที่ติดกับซอยเพชรเกษม 62 ด้านหน้าจะเป็นอาคารพาณิชย์ แต่เข้าไปด้านในจะเป็นบ้านพักอาศัยทั้งหมด อีกด้านที่ติดกับคลองจะมีทางเดินเลียบแนวริมคลอง  ส่วนใหญ่บ้านรอบๆบริเวณเลียบคลองก็เป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นค่ะ

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้น ตึก A จะวางอาคารในแนวทิศเหนือ-ใต้  โดยบิดทำมุมนิดหน่อย  ส่วนที่เป็นทิศตะวันตกจะร้อนกว่าด้วยแดดบ่ายแต่ว่าฝั่งนี้จะมีสวนให้ค่ะ ส่วนตึก B รูปตัว L มีคอร์ทส่วนกลางให้ทางทิศตะวันออกซึ่งก็จะค่อนข้างร่มกว่าด้านที่หันออกคลองที่เป็นทิศตะวันตกเยอะ  แต่ตรงนี้จะโดนบีบมุมเรื่องวิวไปก็เลยต้องชั่งน้ำหนักกันเอาค่ะ  ส่วนด้านหลังของตึก B ที่หันไปทางทิศเหนือจะเป็นบ้านพักอาศัย วิวโล่งๆค่ะ ไม่มีอะไรมาบัง

ส่องโมเดล

เริ่มจากด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนเพชรเกษมค่ะ ด้านหน้าจะเป็นตึก A ด้านหลัง ตึก B (เงาสะท้อนเยอะหน่อยนะคะ)

ด้านหน้าจะมีร้านค้าอยู่ชั้นล่าง  5 ยูนิต มีทางเข้าออก แยกกับทางรถเข้าออกของโครงการ  ซึ่งส่วนนึงก็คือพื้นที่สำนักงานขายที่ถ่ายรูปให้ดูกันไปแล้วด้วย

ด้านข้างติดกับคลองราชมนตรี

สวนชั้น 1 ด้านหลังร้านค้าค่ะ

ทางด้านหลังค่ะ ตึก B 

สวนยาวไปตลอดแนวพื้นที่ดินเลย มีมุมนั่งเล่นให้เป็นส่วนๆ

ฝั่งที่ติดกับซอยเพชรเกษม 62 ค่ะ ทางเข้าออกของรถยนต์จะอยู่ด้านนี้

วงเวียน Dropped-off อยู่ระหว่างตึก A และ B  ตรงนี้เป็นสเปซโปร่งโล่ง  ลมน่าจะพัดดีทีเดียวตรงนี้

ส่วนอาคารจอดรถจะอยู่ด้านหลัง ใน ตึก B  ตึก A จะไม่มีส่วนจอดรถ

ซูมให้ดูส่วนอาคารจอดรถในตึก B ค่ะ ตรงส่วนจอดรถนั้นโล่งๆไม่ได้ตกแต่งอะไร ด้านหลังก็จะมีพื้นที่จอดรถกลางแจ้งด้วยค่ะ

ด้านบนอาคารจอดรถเป็นชั้นส่วนกลาง สระว่ายน้ำตัว L อยู่ระหว่างตึก A และ B  มีมุมเล็กมุมน้อยให้มาพอสมควรค่ะ  คอร์ทตรงนี้จะดีในแง่ที่ได้ร่มเงาเกือบตลอดทั้งวัน เพราะว่ามีตัวอาคาร B นั้นช่วยบังแดดบ่ายให้ค่ะ

สระว่ายน้ำอีกมุมมองจากด้านหน้าค่ะ

ซูมให้ดูหน้าตาของอาคารกันบ้าง ตัวตึกจะเป็นสีเทาสลับกับเส้นขาวค่ะ  โทนสีเทานี้คิดว่าดูอ้างอิงเอาจากตัวสีเทาของสำนักงานขายก็ได้

สวนชั้นดาดฟ้า ตึก A แต่งด้วยแผงระแนงสีเหลือง  เท่าที่สังเกตดีเวลลอปเปอร์จากจีนจะชอบใช้สีเหลืองทองบนยอดอาคาร  อย่างคอนโด TC Green ตรงพระราม 9 ยอดตึกก็เป็นสีทองแบบนี้

สวนชั้นดาดฟ้า ตึก B มุมตึกด้านหน้าจะมี Sky Lounge เป็น Double Volume ด้วยค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

เอาภาพบรรยากาศจำลองของส่วนกลางมาฝากกันค่ะ เริ่มจากส่วนร้านค้าด้านหน้าทางเข้าโครงการ  รูปนี้ดูหรูมาก

สวนชั้นล่าง

โถง Lobby  ถ้าเทียบกับระดับราคาของคอนโดแล้วทำออกมาได้จริงๆแบบนี้ถือว่าดีทีเดียวแหละ

โถง Lobby อีกมุมค่ะ

สระว่ายน้ำที่ชั้น 6

สระว่ายน้ำจากมุมสูง  ชอบ pattern ของงานภูมิสถาปัตย์นะคะ  ตรงริมๆสระมี sunken court ไว้นั่งเล่น อีกฝั่งในสระว่ายน้ำก็มีเก้าอี้ที่นั่งแช่น้ำได้น่าจะชิลล์ทีเดียวค่ะ  การที่ตำแหน่งสระอยู่ตรงนี้ก็ช่วยหลบมุมจากแนวสายตาของรถไฟฟ้าได้มากทีเดียว

Sky Lounge  ดูหรูหราเมื่อเทียบกับระดับราคานะ

ภาพมุมสูง เห็นสวนชั้นดาดฟ้าของทั้งสองตึกค่ะ  แต่สวนด้านบนจะเป็นลักษณะไม้พุ่มและสนามเล็กๆ  ไม่ได้ลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้

ด้านหลังสำนักงานขายมีจำลองพื้นที่สวนเอาไว้ให้ดูด้วย  แต่เนื่องจากสวนใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกตอนบ่ายๆก็อาจจะร้อนหน่อย  เวลาบ่ายแนะนำให้ย้ายไปนั่งเล่นมุมอื่นในส่วนที่เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำซึ่งจะมีเงาของตัวตึก B มาบังทำให้ร่มตลอดวัน หรือจะไปนั่งเล่นใน indoor lobby ภายในตัวคอนโดก็ได้ค่ะ  เพราะมีที่ให้หลายจุดทีเดียว ไว้เย็นๆค่อยออกมาตรงสวนก็ได้  ถ้านั่งกลางวันนี่จะร้อนอยู่เยอะ

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Floor Plan คอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 ชั้น 1 

เริ่มที่ชั้น 1 กัน  ด้านหน้าและตรงใต้ตึก A จะมีร้านค้า 5 ยูนิตค่ะ สามารถเดินเข้าออกโครงการได้จากบริเวณนี้  ตรงนี้เวลาเปิดจริงถ้าให้คนนอกเข้ามาได้ด้วยอาจจะต้องดูเรื่อง security และขอบเขตที่จะให้เดินเข้ามาได้ด้วยนะคะ  ถ้าจะเข้าออกด้วยรถยนต์จะอยู่ด้านข้างตรงตึก A ค่ะ จะมี Dropped-off อยู่ระหว่างตึก A กับ B เข้ามาจะเจอกับ Lobby ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตึกเป็นแบบ Tripple Opened-air Lobby สูง 3 ชั้น  และมี Lobby ภายในอาคารแยกไปอีก  โดยล็อบบี้ของตึก A และ B จะแยกกันแต่เชื่อมถึงกันได้

ส่วนที่จอดรถนั้นจะอยู่บริเวณตึก B ตั้งแต่ชั้น 1-4 และมีที่จอดรถกลางแจ้งให้ด้านหลังตึก B  ส่วนด้านหลังร้านค้าจะเป็นโซนสวนประมาณ 1.7 ไร่ค่ะ

Floor Plan คอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 ชั้น 4-5

ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4 ในตึก A ค่ะ ส่วน ตึก B ยังเป็นที่จอดรถอยู่ แปลนตึก A เป็นรูปตัว l  ลิฟต์จะอยู่ด้านที่ติดกับตึก B ห้องฝั่งทิศตะวันตกจะเป็น 1 ห้องนอน พลัส (สีฟ้า) 33.5 ตารางเมตรทั้งหมดค่ะ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องสตูดิโอ (สีเขียว) 6 ห้อง อยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็น 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร (สีน้ำตาล)ค่ะ  ส่วนชั้น 5 ตึก A แปลนจะเหมือนกับชั้น 4 เลยค่ะ แต่ตึก B จะไม่ใช่ที่จอดรถแล้ว เป็นส่วนของงานระบบสระว่ายน้ำส่วนกลางในชั้น 6

Typical Floor Plan คอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 ชั้น 7-31

ตึก A พอมาที่ชั้น 7-31 จะต่างจากชั้น 4-5 ตรงที่ทางด้านทิศตะวันตกจะกลายเป็นห้อง 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรเกือบทั้งหมดยกเว้นห้องมุมด้านหน้าสุดที่ยังคงเป็น 33.5 ตารางเมตร ส่วนฝั่งตะวันออกจะไม่ได้ต่างจากเดิม เพียงแต่จะเพิ่มห้อง 33.5 ตารางเมตร มาตรงมุมด้านหลัง

ส่วนตึก B จะมาเริ่มห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นส่วนกลางค่ะ ลิฟต์จะอยู่ตรงกลางอาคาร  พอออกจากลิฟต์มาเดินไป 2 ฝั่งระยะทางไม่ต่างกันมาก ห้องส่วนใหญ่จะเป็น 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร (สีน้ำตาล) ที่หันออกด้านนอกโครงการค่ะ และก็มีห้องสตูดิโอเล็กๆแทรกไว้เพื่อทำราคาขาย  ฝั่งที่หันเข้าหาสระว่ายน้ำของตึก B นี้จะวางไว้เฉพาะห้องขนาดใหญ่ๆ เช่น แบบ 1 ห้องนอนที่ 33.5 ตารางเมตร (สีฟ้า) และแบบ 2 ห้องนอนที่ 50.5 ตารางเมตร (สีชมพู)

ในเรื่องของความหนาแน่นนั้น ตึก A จะมี 17 ห้อง  ส่วนตึก B จะมี 29 ห้อง ต่อชั้นค่ะ

Floor Plan คอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 ชั้น 32-33

ในชั้น 32 ตึก A จะไม่มีห้องพักแล้วค่ะ จะเป็นสวนดาดฟ้าแทน ส่วนตึก B จะเหลือแค่ 23 ห้อง หายไป 6 ห้องด้านหน้า กลายเป็นสวนและ Sky Lounge แทน ส่วนชั้น 33 จำนวนห้องเท่าเดิมในตึก B แต่สวนจะหายไปค่ะ เพราะตรง Sky Lounge ในชั้น 32 เป็น Double Volume ขึ้นมาถึงชั้น 33ค่ะ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนห้องนั้นมีอยู่ 5 ขนาด คือ สตูดิโอ 23 ตารางเมตร, 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร, 1 ห้องนอน พลัส 33.5 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน 50.5 ตารางเมตร และ  2 ห้องนอน (ห้องมุม) ขนาด 50 ตารางเมตรค่ะ ห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรค่ะ

แปลนห้องคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 แบบสตูดิโอ 23 ตารางเมตร

เริ่มจากแปลนห้องขนาดเล็กสุดของโครงการ 23 ตารางเมตร สัดส่วนของแปลนนั้นหน้ากว้างจะมากกว่าความลึก  เปิดเข้ามาเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นและชั้นวางทีวี ติดกับโซฟาวางโต๊ะเครื่องแป้งได้โดยโครงการทำมาเป็นเฟอร์ฯ Built-in ให้  ตรงกลางจะมีทางเข้าไปครัวที่มีพื้นที่รับประทานอาหารไว้มุมด้านนึง แต่ว่าไม่มีประตูครัวมาให้เลยต้องมาหาติดเพิ่มเอาเองค่ะ  พื้นที่ครัวจะอยู่ติดกับระเบียงทำให้ระบายอากาศได้ดีแต่ว่าตรงเคาน์เตอร์ครัวก็จะได้มาเล็กๆเนื่องจากพื้นที่จำกัด (แอบคิดเพิ่มว่าจริงๆแล้วถ้าลองขยับเคาน์เตอร์ครัวมาไว้ตรงผนังห้องน้ำด้านนอกแล้วย้ายตำแหน่งตู้เย็นไปไว้ตรงที่เป็นอ่างล้างจานก็จะได้พื้นที่ของเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้นอีกนิดค่ะ) ข้อสังเกตอีกอย่างของแบบนี้คือเรื่องพื้นที่เก็บของที่ดูขาดไป  โดยรวมๆของแปลนนี้ก็จัดมาโอเคอยู่  มีตินิดหน่อยเรื่องขนาดของพื้นที่  แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นปัญหาปกติของคอนโดห้องพื้นที่ขนาดเล็กแบบนี้

แปลนห้องคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 แบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร

แปลน 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรเป็นห้องที่มีมากที่สุดในโครงการค่ะ เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นและส่วนพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ห้องครัวกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ทำอาหารได้สบายไม่ต้องกังวลกลิ่นรบกวนภายในห้อง  แต่ขนาดของเคาน์เตอร์ครัวก็ยังเป็นเท่าเดิม  ด้านนอกมีระเบียงให้  ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องนอนค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ด้านในห้องนอนเลย ถ้าเพื่อนมาห้องก็ต้องผ่านห้องนอนก่อนถึงจะไปเข้าห้องน้ำได้  ห้องแบบนี้จะดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้นและลงตัวมากกว่าห้องสตูดิโอค่ะ ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะได้พื้นที่เพิ่มมาอีก  จัดอะไรก็มีพื้นที่มากขึ้น

แปลนห้องคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 แบบ 1 ห้องนอน พลัส 33.5 ตารางเมตร

แปลน 1 ห้องนอนอีกแบบค่ะ ขนาดเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย คือ 33.5 ตารางเมตร แปลนต่างจากแบบ 29 ตารางเมตรเยอะค่ะ  ดูจากห้องตัวอย่างแล้วค่อนข้างชอบสเปซห้องนี้มากทีเดียว  เข้าห้องมาพอเปิดประตูมาเป็นเคาน์เตอร์ pantry ครัวกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารฝั่งตรงข้าม ถัดจากเคาน์เตอร์ pantry ไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งไม่ได้วางติดกำแพงทึบเหมือนแบบอื่น  แต่จะมีกระจกเชื่อมกับสเปซห้องนอนด้วย  ข้างๆทีวีก็สามารถวางโต๊ะทำงานติดกับระเบียงค่ะ

ส่วนห้องนอนจะกั้นเป็นห้องนึงแยกไปเลย และห้องน้ำก็จะอยู่ด้านในของห้องนอนเช่นเดียวกับแบบ 29 ตารางเมตรค่ะ ห้องแบบนี้เหมาะสำหรับคนไม่ชอบทำอาหารเพราะไม่ได้เป็นครัวปิด  ถ้าทำครัวหนักๆห้องอาจจะติดกลิ่นอาหารไปหมดค่ะ  การที่ห้องนี้มีกระจกเชื่อมระหว่างห้องนอนกับสเปซห้องนั่งเล่นด้านนอกก็ช่วยทำให้ดูสเปซนั้นกว้างขึ้นมากเลย  และข้อดีอีกอย่างของแบบนี้คือมีพื้นที่สำหรับโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาด้วย

แปลนห้องคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62

แบบ 2 ห้องนอน 50-50.5 ตารางเมตร 

2 ห้องนอนจะมีแต่ในตึก B เท่านั้นค่ะ แต่ละชั้นจะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้นในแบบ 50.5 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอนห้องมุม 50 ตารางเมตร รวมๆแล้วการวางฟังก์ชั่นห้องไม่ได้ต่างกันค่ะ  แปลนนั้นจัดมาได้ดีทั้งคู่  เปิดมาก็เจอครัวกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร ส่วนนี้ห้องทั้ง 2 แบบจะต่างกันค่ะ แบบ 50.5 ตารางเมตร เคาท์เตอร์ครัวจะยาวกว่าแบบ 50 ตารางเมตร เนื่องจากตำแหน่งประตูทางเข้าห้องที่ต่างๆกัน พื้นที่ครัวและส่วนรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อไปกับพื้นที่นั่งเล่นเป็นสเปซเดียวกัน  ระเบียงจะอยู่ตรงห้องนั่งเล่น มีทางเดินกลางเข้าห้องน้ำด้านนอก ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนเล็กซึ่งมีพื้นที่ริมหน้าต่างเพิ่มมา อาจจะวางโต๊ะทำงานเล็กๆเพิ่มได้ค่ะ  ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว สัดส่วนพื้นที่ค่อนข้างกว้างพอๆกับห้องนั่งเล่นกับครัวรวมกันค่ะ รวมๆแล้วแปลนก็ทำออกมาน่าจะใช้งานได้ดี  ลงตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีห้อง 3 แบบ ค่ะ เป็นแบบ สตูดิโอ และ 1 ห้องนอนทั้ง 2 ขนาด ส่วน 2 ห้องนอนนั้นไม่มีให้ดูค่ะ ห้องที่ได้เป็นแบบ Fully Furnished ระยะความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตร

ห้องตัวอย่างคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62

แบบสตูดิโอ 23 ตารางเมตร

เริ่มจากห้องสตูดิโอค่ะ เปิดห้องเข้ามาเจอพื้นที่นั่งเล่น และเตียงนอน

เตียงเกือบชิดกับผนังค่ะ

เข้ามาในครัว ไม่ได้มีประตูกั้นให้นะคะ ถ้าคิดว่าทำอาหารเองบ่อยก็ติดประตูเพิ่มเข้าไปดีกว่า กลิ่นจะได้ไม่รบกวนห้องนอน (ติดมาให้เลยหน่อยก็ไม่ได้ ^^”)

พื้นที่รับประทานอาหารในห้องครัวค่ะ

ในห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับห้องครัว

แยกโซนเปียกกับโซนแห้งมาเรียบร้อย

ห้องตัวอย่างคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62

แบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร

เข้ามาเจอส่วนห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ ด้านในแบ่งเป็น 2 ห้อง คือห้องนอนกับห้องครัว แยกกันชัดเจน  กระจกประตูบานเลื่อนตรงครัวนั้นไม่สูงเท่าไหร่น่าจะทำให้แสงเข้ามาน้อยไปหน่อย

ติดกับโซฟานั่งเล่นเป็นส่วนรับประทานอาหาร

จากมุมรับประทานอาหารค่ะ ด้านหน้าห้องมีตู้วางรองเท้าให้ด้วย  ชั้นวางทีวีก็ได้มาแบบนี้เลยนะคะ

เข้ามาดูในห้องนอนกัน

เตียงวางชิดกับผนังค่ะ

ปลายเตียงวางโต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เก็บของเล็กๆ

ครัว เป็นประตูบานเลื่อนเปิดปิด เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น ชุดครัวเหมือนกับห้องสตูดิโอเลยค่ะ

จบด้วยพื้นที่พักผ่อน ถ่ายจากตรงโซฟา ให้เห็นระยะดูทีวีค่ะ ถือว่าระยะห่างกำลังดี ไม่ใกล้จนเกินไป

ห้องตัวอย่างคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62

แบบ 1 ห้องนอน 33.5 ตารางเมตร

มาดูห้องตัวอย่างแบบสุดท้ายกันค่ะ 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 33.5 ตารางเมตร เปิดมาเจอครัว ถ่ายจากครัวค่ะ เป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น  ลองสังเกตดูตรงที่เป็นกระจกกั้นส่วนพักผ่อนกับห้องนอน  จะเห็นว่าทำให้สเปซดูกว้างขึ้นมากเลยทีเดียว

มองกลับไปเห็นครัว กับ โต๊ะรับประทานอาหารหน้าห้อง

จากพื้นที่รับประทานอาหาร จะเห็นชั้นวางทีวี เชื่อมต่อกับพื้นที่ทำงานค่ะ ซึ่งห้องก่อนหน้านี้จะไม่มีพื้นที่ส่วนนี้ให้  และแสงธรรมชาติก็เข้ามาได้มากกว่าด้วย

เข้ามาดูในห้องนอนกัน

ผนังห้องนอนส่วนที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจะเป็นกระจกส่วนนึงค่ะ ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น  ถ้าอยากเป็นส่วนตัวหน่อยเวลาใช้สเปซแยกกันก็ต้องหาผ้าม่านมาปิดค่ะ

ห้องน้ำในห้องนอนค่ะ คล้ายๆแบบห้องแบบอื่น  แต่ขนาดจะกว้างกว่า

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุที่ให้มาจัดเป็นเกรดปานกลางเทียบกับระดับราคา  ข้อดีคือได้มาแบบ Fully Furnished ซื้อเสร็จแล้วไม่ต้องมาทำเองเพิ่มเท่าไหร่  มีแอร์ติดห้องให้และได้ครัวของ Modernform ที่เป็น Top หินแกรนิตมาด้วย  อยู่สบายแยกประเภทของวัสดุเป็น 3 ส่วน คือ ครัว ห้องน้ำ และวัสดุทั่วไปเพื่อให้ดูกันง่ายๆเช่นเคยค่ะ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

เคาท์เตอร์ครัวที่ได้แบบ 1 ห้องนอน  พื้นที่ใช้สอยบนเคาน์เตอร์นั้นดูจะจำกัดไปหน่อย แต่ว่าก็ได้ Modernform มาเลย (ส่วน 2 ห้องนอน มีเตากับฮูดให้ด้วย)

ที่เก็บของด้านในนิดหน่อยค่ะ ด้านบนมีชั้นวางไมโครเวฟให้ แต่ไม่มีเตาและฮูดให้มาด้วยนะคะ

ชุดครัว Modernform  ถ้าจะติดตั้งเตาและฮูดดูดควันก็จะต้องรื้อชั้นวางไมโครเวฟด้านบนออก  ทางทีดีก็แนะนำว่าใช้เตาไฟฟ้าเล็กๆแบบเสียบปลั๊กถอดเก็บได้น่าจะดีกว่า  เพราะเดี๋ยวนี้ไลฟ์สไตล์คนอยู่คอนโดห้องเล็กๆแบบนี้ก็เน้นรวดเร็ว สะดวกสบายไม่ได้ทำอาหารแบบมื้อหนักๆจริงจังมากเท่าไหร่

อ่างล้างจาน MEX  ถือว่ามียี่ห้อนะครับ ปกติคอนโดราคาประมาณนี้มักจะให้ของโนเนม

Top เคาท์เตอร์ครัวได้เป็นหินแกรนิตสีดำ  ถือว่าให้มาดีเช่นกัน

แบบ 1 ห้องนอน 33.5 ตารางเมตร ตำแหน่งอ่างล้างจานวางติดชิดกับตู้เย็น

ตู้ด้านบนมีช่องเก็บให้ ส่วนอีกด้านเป็นชั้นวางไมโครเวฟ

โต๊ะทานข้าวได้เหมือนกันค่ะ

ห้องครัวของ 29 ตารางเมตร เป็นประตูกระจกบานเลื่อน

พื้นห้องครัวปูกระเบื้อง กับพื้นห้องนั่งเล่นปูลามิเนตค่ะ อยู่ระดับเดียวกัน ประตูเป็นบานเลื่อนเดี่ยว  ตรงรางที่พื้นเวลาเดินเข้าออกอย่าเดินลากขานะคะ อาจจะสะดุดได้

วัสดุห้องน้ำ

กระจกตรงอ่างล้างหน้าเป็นแบบติดกับผนัง มีที่วางของให้ตรงบนอ่างล้างหน้า

ฝักบัว American Standard

อ่างล่างหน้าก็ของ American Standard

ก๊อกน้ำ American Standard

โภสุขภัณฑ์  American Standard อีกเช่นกันค่ะ

สเปซส่วนอาบน้ำ  ไม่มีฉากกั้นมาให้นะคะ จะมีก็แล้วแต่โปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ พื้นที่ธรณีให้แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง  ใช้วิธีลดระดับลงไปนิดนึง

พื้นห้องน้ำกับห้องอื่นๆจะอยู่ระดับเดียวกัน มีธรณีกั้น

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

ชั้นวางรองเท้าของห้อง 29 ตารางเมตร  ตู้ด้านบนแขวนกุญแจและเก็บของเล็กๆน้อยๆได้  ชุดนี้ให้มากับห้องเลย

ด้านในค่ะ  เห็นตู้เล็กๆแต่ถ้าวางเรียงดีๆนี่เก็บรองเท้าได้เยอะมาก (12 คู่)

พื้นลามิเนต บัวพื้นสีเดียวกับพื้น  เกรดตามมาตรฐาน

พื้นระหว่างห้องค่ะ

พื้นห้องและส่วนห้องนอนที่กั้นกระจกของแบบ 33.5 ตารางเมตร

สวิตซ์ Panasonic สีขาวค่ะ

โซฟา และโต๊ะกลางของห้องสตูดิโอ ได้มาพร้อมกับห้องเช่นกันค่ะ

1 ห้องนอน โต๊ะกลางมีช่องเก็บของเพิ่มมาด้วย

ชั้นวางทีวี ด้านบนมีชั้นวางของ  ตรงชั้นวางทีวีนั้นเป็นแบบลอยตัวยื่นออกมา  ถ้าจะซื้อทีวีไซส์ใหญ่มากๆอาจจะต้องลองสอบถามสเปคกับทางโครงการดูว่าเจ้าชั้นนี่มันรับน้ำหนักได้สูงสุดเท่าไหร่นะคะ

โต๊ะเครื่องแป้งเป็นแบบชั้นลอยตัวยื่นออกมาจากผนัง แต่กระจกด้านข้างไม่ได้ให้มานะคะ  มีมาเฉพาะกระจกที่อยู่เหนือชั้นที่ยื่นออกมาเท่านั้น

ตู้ด้านในห้องนอน

ตู้เสื้อผ้าค่ะ มือจับดีไซน์มาแปลกตาดี  แต่ลองเปิดดูแล้วใช้งานลำบากนิดนึง  ถ้าจะเปิดบานใหญ่จะต้องจับมือจับตัวเล็กสุด  ถ้าจับตัวใหญ่(ที่ดูจับถนัดมือกว่า)จะต้องออกแรงมากพอควรในการเปิดเมื่อเทียบกับมือจับตัวเล็ก

บานกรอบประตูสีขาว

หน้าต่างบานเลื่อนตรงห้องนอน

ธรณีประตูกั้นด้านนอก

ประตูบานเลื่อนแบบเดียวกับตรงห้องครัว

พื้นระเบียงแต่ละห้องขนาดพอๆกันค่ะ ประมาณ 1 x 1.5 เมตร

ราวกันตกเป็นเหล็กกล่องทาสีเทา

คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนด้านบน  เป่าเข้าหาระเบียง

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

Add Media

ราคาเริ่มต้นวันที่แวะเข้าไปทำรีวิว (2 พฤษภาคม 2558) ห้อง Studio พื้นที่ 23 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.69 – 1.84 ล้านบาท ส่วน 1 ห้องนอน พื้นที่ 29 ตารางเมตร เริ่มต้นอยู่ที่ราคา 2.14 ล้านบาท ส่วน 2 ห้องนอน จะเริ่มต้นที่ 3.84 ล้านบาทค่ะ

ราคา ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2558

ราคาเริ่มต้น :

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคา 1,699,000-1,840,000 บาท  เฉลี่ย 73,870 – 80,000 บาท/ตร.ม.

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000-2,407,000 บาท  เฉลี่ย 74,000- 83,000 บาท/ตร.ม

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000-2,780,500 บาท เฉลี่ย 76,985 – 83,000 บาท/ตร.ม

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000-4,191,500 บาท เฉลี่ย 76,800- 83,000 บาท/ตร.ม

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

Studio – 1 ห้องนอน จอง 10,000 บาท / ทำสัญญา 30,000 บาท

2 ห้องนอน จอง 20,000 บาท / ทำสัญญา 80,000 บาท

• ผ่อนดาวน์

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. 3,900 บาท (20 งวด) / บอลลูน  25,000 บาท (2 งวด)

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม.  4,900 บาท (20 งวด) / บอลลูน  35,000 บาท (2 งวด)

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. 6,900 บาท (20 งวด) / บอลลูน  35,000 บาท (2 งวด)

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม.  9,900 บาท (20 งวด) / บอลลูน  50,000 บาท (2 งวด)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง   40  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

ค่าธรรมเนียมโอน 2% (ผู้ซื้อ 1% , ผู้ขาย 1%)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคาขาย 1,699,000 บาท   ผ่อนประมาณ 11,215 บาท/เดือน

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 บาท  ผ่อนประมาณ 14,116 บาท/เดือน

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000  บาท  ผ่อนประมาณ 17,024 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000 บาท  ผ่อนประมาณ 25,348 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคาขาย 1,699,000 บาท   ผ่อนประมาณ 11,853 บาท/เดือน

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 บาท  ผ่อนประมาณ 14,972 บาท/เดือน

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000  บาท  ผ่อนประมาณ 17,993 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000 บาท  ผ่อนประมาณ 26,790 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคาขาย 1,699,000 บาท   ผ่อนประมาณ 12,921 บาท/เดือน

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 บาท  ผ่อนประมาณ 16,321 บาท/เดือน

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000  บาท  ผ่อนประมาณ 19,614 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000 บาท  ผ่อนประมาณ 29,205 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคาขาย 1,699,000 บาท   ผ่อนประมาณ 14,869 บาท/เดือน

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 บาท  ผ่อนประมาณ 18,781 บาท/เดือน

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000  บาท  ผ่อนประมาณ 22,571 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000 บาท  ผ่อนประมาณ 33,607 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

Studio  พื้นที่ 23 ตร.ม. ราคาขาย 1,699,000 บาท   ผ่อนประมาณ 19,040 บาท/เดือน

1 bedroom  พื้นที่ 29 ตร.ม. ราคา 2,146,000 บาท  ผ่อนประมาณ 24,409 บาท/เดือน

1 bedroom plus พื้นที่ 33.5 ตร.ม. ราคา 2,579,000  บาท  ผ่อนประมาณ 28,901 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 50-50.5  ตร.ม. ราคา 3,840,000 บาท  ผ่อนประมาณ 43,033 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

ถ้ามองเทียบในโซนพื้นที่ย่านนี้ก็ถือว่าการเดินทางนั้นค่อนข้างสะดวกค่ะ โครงการติดถนนใหญ่ อย่างที่ทราบกันว่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วง หัวลำโพง – บางแค กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ จะเสร็จหลังโครงการสร้างแล้วประมาณ 1 ปี พอมีรถไฟฟ้าแล้วการเดินทางก็คงสะดวกสบายมากขึ้น เพราะตอนนี้ถนนเส้นนี้ก็แอบรถติดอยู่พอสมควรค่ะ จากโครงการเดินไปรถไฟฟ้าประมาณ 350 เมตร  ไม่ได้ใกล้มากแต่ก็ไม่ได้ไกลจนเดินไม่ได้  ถ้าจะเดินทางด้วย Taxi รถประจำทางและรถสองแถว ก็มีวิ่งตลอดเพราะเป็นเขตชุมชนค่ะ ระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จก็คงต้องไปขึ้นที่บีทีเอสบางหว้าก่อน ซึ่งก็ไม่ได้ไกลมากนัก

ส่วนถ้าจะใช้รถยนต์นั้น ถนนเพชรเกษม ถ้าจะเข้าเมืองก็สามารถวิ่งเล่นราชพฤกษ์เข้าสาทร หรือจะออกบางแคเข้ากัลปพฤกษ์ ไปยังสาทรได้ไม่ลำบาก  นอกจากนี้ก็มีถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไปไกลหน่อยจะทะลุออกบรมราชชนนีซึ่งไปโซนปิ่นเกล้า  แต่ที่ดูจะขาดไปก็คือระบบทางด่วนเพราะอยู่ไกลไปหน่อย  ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นด่านพระราม 2 ค่ะ ใช้เส้นกาญจนาภิเษกเอา

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

พื้นที่ในย่านนี้นั้นเป็นโซนที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างหนาแน่นพอสมควรและก็อยู่กันมานานแล้วค่ะ  ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานแน่นอนถ้าจะพูดถึงโซนฝั่งธนฯ ย่านเพชรเกษม ก็ต้องเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง – บางแค โดยสถานีท่าพระก็จะเป็นสถานี Interchange กันภายในสายสีน้ำเงิน ระว่างช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และ ช่วงหัวลำโพ-บางแค  เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จเราสามารถเข้าเมืองไปยังสีลมได้เลยโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสายของรถไฟฟ้าค่ะ ส่วนถ้าจะไปบีทีเอสก็สามารถไปเปลี่ยนได้ที่สถานีบางหว้า หรือจะไปช่วงบางซื่อก็ไปเปลี่ยนที่สถานีท่าพระค่ะ โดยโครงการสายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2561 ค่ะ  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อรถไฟฟ้าเสร็จก็น่าจะมีดีเวลลอปเปอร์มาขยายตลาดคอนโดในพื้นที่โซนนี้เพิ่มขึ้นค่ะ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

ด้วยความที่ตัวคอนโด The Prodigy เพชรเกษม 62 นั้นวางตัวแบ่งเป็นทิศตะวันออกและตะวันตก พอวางแปลนออกมาแล้วจะมีด้านที่โดนแดดบ่ายเต็มๆชัดเจนอยู่บ้าง แถมยังติดกับคลองที่ยังมีการใช้งานสัญจรกันด้วย แต่ก็มีสวนมาให้ชดเชยที่ชั้นล่างค่อนข้างเยอะค่ะ ส่วนด้านที่ร่มกว่าได้วิวสระว่ายน้ำที่ค่อนข้างใหญ่มาด้วย หน้าตาอาคารออกมาก็เป็นดีไซน์โมเดริ์น  ตัวตึกเน้นไปที่โทนสีเทาเข้ม ขาว และมีระแนงสีเหลืองทองตรงชั้นบนในส่วนยอดอาคาร

ด้านการวางแปลน ห้องสตูดิโออาจจะเล็กไปนิดทั้งนี้ก็เพื่อให้ทำราคาขายได้หยิบจับต้องง่ายสำหรับคนไม่มีงบประมาณมาก แปลนสตูดิโอนั้นแยกครัวออกมาชัดเจนเป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตร ที่มีมากที่สุดในโครงการ โดยรวมการแบ่งพื้นที่ก็ดูลงตัวดีค่ะ แยกพื้นที่ใช้สอยในแต่ละห้องออกมาชัดเจน  ซึ่งสำหรับสตูดิโอและ 1 ห้องนอนขนาดเล็กเรื่องที่ขาดไปดูจะเป็นพื้นที่เก็บของ (ซึ่งก็เข้าใจนะว่าห้องมันขนาดไซส์เล็ก) อาจจะต้องลองขยับเฟอร์นิเจอร์แล้วหาตู้หรือทำ Built-in มาใส่  ห้องจะได้ไม่รกเวลาอยู่ใช้งานจริงค่ะ  ส่วนถ้าต้องการพื้นที่ห้องนั่งเล่นเยอะๆและไม่ชอบทำอาหาร ก็แนะนำเป็นห้องแบบ 33.5 ตารางเมตรเลยค่ะ ได้พื้นที่เพิ่มมาหน่อย ส่วน 2 ห้องนอน รวมๆแล้วก็ไม่มีอะไรให้ติมากค่ะ เป็นแปลน 2 ห้องนอนที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว

ด้านวัสดุนั้นให้มาระดับกลางๆค่ะ ขายเป็นแบบ Fully Furnished ซึ่งก็สะดวกกับผู้อยู่อาศัยดี  เพราะไม่ต้องเหนื่อยตกแต่งเองเยอะมาก จะซื้อเพิ่มก็แค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ ถ้ามองเทียบกับบราคาขายแล้วก็ถือว่าโอเคอยู่  ห้องแต่ละแบบจะได้เฟอร์นิเจอร์คล้ายๆกัน มีเพิ่มบ้างลดบ้าง  อย่างห้องสตูดิโอจะไม่มีชั้นวางรองเท้าให้ค่ะ ขาดนิดนึงตรงครัวของแบบ 23 ตารางเมตรที่ไม่ได้ให้ประตูกั้นห้องครัวมา  เพราะยังไงก็ต้องมาติดเพิ่มเองอยู่ดี  และถ้าจะมาติดตั้งฮูดดูดควันเองก็จะต้องรื้อตู้ด้านบนออกค่ะ  วัสดุแบบ 2 ห้องนอนนั้นก็จะอัพเกรดขึ้นมาจากแบบ 1 ห้องนอนอยู่ในบางจุดค่ะ อย่างเตาและเครื่องดูดควันที่จะแถมให้

ด้านพื้นที่ส่วนกลางนั้นให้มาครบค่ะ  ดีไซน์ในภาพรวมทำออกมาได้สวยงาม  มีการใช้เส้นสายที่น่าสนใจโดยเฉพาะพื้นที่ส่่วนกลางตรงสระว่ายน้ำ  บรรยากาศของจริงน่าจะดีค่ะ  ส่วนกลางภายในอาคารค่อนข้างหรูหราเกินราคาทีเดียว  มีข้อสังเกตจุดนึงคือสวนส่วนกลางที่ชั้นล่างนั้นจะอยู่ฝั่งที่รับแดดบ่ายตลอด  เพราะฉะนั้นช่วงเวลาบ่ายๆก็อาจจะสลับไปใช้พื้นที่ส่วนกลางตรงอื่น  เช่น สระว่ายน้ำ ซึ่งจะร่มเกือบตลอดวัน จริงๆสวนตรงฝั่งทิศตะวันตกนั้นถ้าเพิ่มในส่วนศาลาหรือเป็นสเปซที่มีหลังคาคลุมกันแดดได้เข้ามามากขึ้นก็น่าจะทำให้มีโอกาสใช้งานสเปซได้หลากหลายช่วงเวลามากขึ้นค่ะ  โครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางทั้งสวนที่ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้า (ไม่รวมพื้นที่ถนน) รวมกันประมาณ 2.5 ไร่  ถือว่าขนาดไม่เล็กเลยหล่ะ  ค่อนข้างเยอะทีเดียว  สระว่ายน้ำรูปตัว L ก็กว้างขวางดีค่ะ รวมไปถึงห้องฟิตเนสด้วย   สัดส่วนการใช้ลิฟต์ที่ 255 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัวนั้นถึงว่าน้อยกว่ามาตราฐานค่ะ จำนวนยูนิตในโครงการค่อนข้างหนาแน่นพอสมควรเลย  ที่จอดรถ 50% เมื่อเที่ยบกับราคาแล้วสัดส่วนถือว่าไม่ได้แย่เลยอยู่ในระดับกลางๆค่ะ ถึงแม้จะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า แต่โครงการอยู่ฝั่งธนการใช้รถก็อาจจะยังจำเป็นอยู่มากค่ะ

ด้านตัวเลือกอื่นๆ

โครงการบริเวณรอบๆที่ยังเห็นมีสำนักงานขายอยู่บนถนนเพชรเกษม ก็มี  Fuse Sense’ บางแค แต่ตัวโครงการจะอยู่ติดถนนพุทธมณฑลสาย 2 ค่ะ และ โครงการ The Niche ID บางแค โครงการจะอยู่ตรงถนนเทอดไทค่ะ  แต่สำหรับ 2 ตัวนี้จะว่าไปจริงๆแล้วก็ไม่ได้จัดเป็นตัวเลือกที่ชนกันตรงๆเท่าไหร่  เพราะทำเลของ The Prodigy นั้นค่อนข้างจะดีกว่าพอควร  นอกจากนี้ก็มีเดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เดอะมอลล์บางแคค่ะ ใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว  ส่วนโครงการอื่นๆก็จะเป็นโซนเข้าไปในเมืองหน่อยตรงรถไฟฟ้าบีทีเอสบางหว้า วุฒากาศค่ะ ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีก

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆครับ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ