เคยสงสัยกันไหมว่าที่ดินของเรานั้นทำอะไรได้บ้าง? เวลาเราจะตัดสินใจซื้อที่ดิน หรือมีที่ดินอยู่แล้วและคิดจะสร้างอะไรซักอย่าง สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นเครื่องมือในการช่วยตัดสินใจเบื้องต้นคือ “กฎหมายผังเมือง” นั่นเองค่ะ เราควรจะต้องเริ่มจากการตรวจสอบว่า ที่ดินที่เราสนใจหรือที่เราถืออยู่นั้น สามารถทำอะไรได้บ้าง ? เพราะบางพื้นที่ก็ห้ามสร้างโรงงาน ห้ามสร้างปั๊มน้ำมัน ห้ามสร้างอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนด้านอสังหาฯ ควรจะรู้เท่านั้น คนทั่วไปก็ควรจะรู้ไว้ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากและขั้นตอนนั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ประชาชนทั่วไปสามารถดูได้ง่ายๆ ยิ่งยุคนี้แล้ว ขอแค่มีคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ พร้อมสัญญาณอินเตอร์เน็ต ก็ตรวจนสอบได้ทั้งหมด วันนี้อยู่สบายจะมาอธิบายให้ฟังกันแบบง่ายๆ และมีขั้นตอนแบบ Step by Step ให้ดูกันด้วยค่ะ
เริ่มจากมาทำความเข้าใจกับผังเมืองและกฎหมายผังเมืองกันก่อน
ผังเมือง
ผังเมืองออกแบบโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองค่ะ กำหนดความเป็นอยู่ของคนในเมืองนั้นๆ เลยทีเดียว ว่าจะมีถนนหนทางเป็นอย่างไร มีอะไรอยู่ตรงไหน ซึ่งแต่ละเมืองจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมรวมถึงแนวความคิดและวิสัยทัศน์ เมืองที่มีการออกแบบผังเมือง บ้านจะเมืองจะเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ สำหรับเมืองที่มีการออกแบบพังเมืองอย่างดีนั้น เราจะสามารถเห็นแนวความคิดได้ชัดเจนจากภาพถ่ายทางอากาศ ตัวอย่างที่ชอบหยิบยกมาศึกษา เช่น ผังเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ที่นับว่าเป็นสุดยอดของงานออกแบบผังเมืองแห่งหนึ่ง เมืองนี้ออกแบบเป็น Grid เป็นบล็อค หรือจะเป็นผังเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส จะออกแบบเหมือนใยแมงมุม ซึ่งต่างคนก็ต่างมีแนวทางการออกแบบ ขึ้นอยู่กับแนวคิดและสภาพแวดล้อมรวมถึงการเติบโตของเมืองนั้นๆ ด้วย
ผังเมืองนั้นก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของนักผังเมืองออกแบบไปค่ะ แต่เรื่องที่คนทั่วไปอย่างเราๆ ที่ควรจะสนใจนั้น เป็นเรื่องของกฎหมายผังเมือง
กฎหมายผังเมือง
กฎหมายผังเมืองในประเทศไทยมีขึ้นเพื่อกำหนดพื้นที่ใช้สอยโดยรวมของประเทศ ให้เป็นระเบียบและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน หากไม่มีกฎหมายผังเมืองแล้วจะเกิดปัญหา เช่น ชุมชนแออัด อากาศเป็นพิษ หรือไม่มีที่ดินเหลือทำเกษตร โดยกฎหมายจะกำหนดไว้ว่าพื้นที่ไหนสร้างอะไรได้บ้าง ห้ามสร้างอะไรบ้าง หรือสร้างได้แต่จำกัดความสูง ประชาชนทั่วไปสามารถเปิดดูกฎหมายกันได้ที่ เว็ปไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง “http://www.dpt.go.th/” โดยตัวกฎหมายผังเมืองจะมี 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. เนื้อหากฎหมายผังเมือง (กฎกระทรวง) เป็นลายลักษณ์อักษร ผังเมืองแต่ละจังหวัดจะอยู่กันคนละฉบับค่ะ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านที่ได้ในกฎหมายผังเมืองค่ะ โดยจะเรียงลำดับจากกฎหมายที่มีการอัพเดตกฎหมายล่าสุดก่อน ในตัวกฎหมายก็จะอธิบายถึง ความหมายคำต่างๆ, ประเภทของทีดินแบ่งเป็นกี่ประเภท, มีอะไรบ้าง, สีต่างๆ หมายถึงอะไร, รหัสตัวอักษรต่างๆ เช่น ย พ ต หมายถึงอะไร และรวมไปถึงห้ามสร้างอะไรได้บ้าง
2. แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือผังสีจะแนบท้ายตัวกฎหมาย เพื่อแสดงสีของที่ดินต่างๆ สามารถเปิดดูได้ที่นี่เลยค่ะ ซึ่งเราต้องทราบตำแหน่งของที่ดินที่เราสนใจ แล้วมาดูในผังสีนี้ค่ะ ว่าอยู่ในเขตสีอะไร ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะมีข้อกำหนดแตกต่างจากกรุงเทพฯ ยกตัวอย่างมาเทียบให้ดู 2 จังหวัด คือ จังหวัดกรุงเทพฯ และจังหวัดนครนายก ซึ่งก็จะเห็นว่ากรุงเทพฯ มีสีสันเยอะกว่านครนายกมาก ซึ่งก็เป็นเพราะในกรุงเทพฯ มีงานใช้งานที่ดินที่หลากหลายประเภทกว่าในจังหวัดนครนายกนั่นเองค่ะ
ซึ่งด้านข้างของผังเมืองรวม ก็จะมีแถบสีบอกว่า สีอะไรหมายถึง เป็นที่ดินประเภทไหน ตัวอย่างตามนี้นะคะ
3. ตารางสรุปข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 จะอยู่แนบท้ายกฎหมายอีกเช่นกัน สามารถดูได้ที่นี่ค่ะ จะเป็นตารางที่สรุปจากตัวกฎหมายว่า สีและรหัสต่างๆ สามารถจะสร้างหรือไม่สามารถสร้างอะไรได้บ้าง เพื่อให้ดูกันได้ง่ายๆ สิ่งก่อสร้างใดที่สามารถสร้างได้จะเป็นช่องสีขาวเปล่าๆ ถ้าสร้างไม่ได้ในตารางจะกากบาทเอาไว้ค่ะ แต่ถ้าช่องไหนมีข้อกำหนดเพิ่มเติม จะมีตัวเลขระบุอยู่ในช่อง ซึ่งตัวเลขนั้นมีความหมายว่าอะไรให้อ่านด้านล่างตาราง เช่น หมายเลข 4 มีเงื่อนไขเรื่องที่ตั้ง ซึ่งก็จะเฉพาะเจาะจงลงไปอีก
นอกจากนี้ท้ายตารางยังมีข้อกำหนดขนาดของอาคารที่สามารถสร้างได้ นั่นคือค่า FAR (Floor Area Ratio) หรือ อัตราส่วนของพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน และค่า OSR (Open Space Ratio) หรืออัตราส่วนพื้นที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม ซึ่งจะเล่าให้อ่านกันในหัวข้อต่อไปค่ะ
ยากทรายที่ดินสีชมพูกับสีน้ำตาลค่ะ