ทุกคนอยากอยู่ในบ้านที่สวยและน่าอยู่กันทั้งนั้น แต่ถึงคราวจัดบ้านเองทีไร ไม่เคยสวยเหมือนตามที่ตั้งใจซะที วันนี้อยู่สบายจึงได้รวบรวม 13 TIPS แต่งบ้านให้สวยด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ แต่ละข้อนั้นสามารถนำไปใช้ได้กับทุกห้องเลย
1) จัดห้องสมดุลให้สมดุลกัน
เริ่มการหลักการจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องให้สมดุลกันค่ะ ไม่ไปกองกันอยู่ที่ด้านในด้านหนึ่งของห้อง โดยต้องคำนึงถึงรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์และสีสันของมันด้วย อย่างเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม หรือวัสดุที่มีลวดลายเยอะๆ จะให้ความรู้สึกหนาและหนักกว่าเฟอร์นิเจอร์สีสว่างๆ และสีลวดลายน้อย
อย่างห้องตัวอย่างที่เห็นนี้จะจัดเฟอรนิเจอร์สีขาวไว้ทางด้านซ้าย และเอาเฟอร์นิเจอร์สีเข้มไว้ทางด้านขวา ทำให้ห้องดูหนักมาทางด้วยขวา ไม่ค่อยสมดุลกัน
การจัดห้องให้สมดุลนั้นจะจัดได้ทั้ง สมดุลแบบสมมาตร (Symmetrical Balance) หรือสมดุลแบบอสมมาตร (Asymmetrical Balance) ได้ทั้งนั้นค่ะ สมดุลแบบสมมาตราหมายความว่า ทั้งสองด้านสมดุลกันด้วยวัตถุที่เหมือนกัน ขนาดเท่ากัน แต่ถ้าเป็นแบบสมดุลแบบอสมมาตร คือทั้งสองด้านสมดุลกันด้วยวัถตุที่มีหน้าตาต่างกันแต่ขนาดหรือน้ำหนักเท่ากันค่ะ
ห้องแรกนี้จะจัดแบบสมมาตร โดยจัดโต๊ะกลางห้องไว้ตรงกลางห้อง แล้ววางโซฟาที่มีหน้าตาเหมือนกัน สีเดียวกัน ทรงเดียวกันไว้ทั้งสองฝั่ง ณ ตำแหน่งที่ตรงกันด้วย โคมไฟก็ซื้อแบบเดียวกันมาสองอันวางขนาบข้างเตาผิง ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาเข้าห้องมาแล้วห้องจะดูสมดุลทั้งสองฝั่ง เพราะห้องไม่ดูเทและให้น้ำหนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป
แต่ถ้าแบบแรกที่เป็นสมดุลแบบสมมาตร จะทำให้ห้องดูเป็นทางการไปหน่อย ก็สามารถจัดให้สมดุลแบบอสมมาตรแบบห้องตัวอย่างต่อไปนี้ก็ได้ ห้องนี้เลือกใช้โซฟาทรงสี่เหลี่ยมมีพนักพิงและเท้าแขนสีน้ำตาลเข้ม จำนวนสองตัวไว้ทางซ้าย สมดุลกับโซฟาสีดำยาว แต่ไม่มีพนักเก้าอี้ไว้ด้านขวา แม้จะมีหน้าตาไม่เหมือนกันแต่ด้วยโทนสีและรูปทรงทำให้ดูมีน้ำหนักเท่ากันค่ะ
2) ที่เก็บของ
แม้เราจะจัดห้องให้สวยแล้ว แต่ถ้าปล่อยให้บ้านรกจัดบ้านสวยแค่ไหนก็ดูไม่สวยงามค่ะ
หาตู้สวยๆ มาเก็บให้เรียบร้อย หรือคัดของทิ้งไปบ้างค่ะ แม้กระทั่งพื้นใต้ใต้บันไดก็สามารถดัดแปลงเป็นชั้นเก็บของได้เช่นกัน
3) การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์
เวลาซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่ละครั้ง อย่าลืมคำนึงถึงสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่มีอยู่ก่อนบ้างแล้วค่ะ จะได้ไม่หลากหลายรูปทรงสนเกินไป
และควรจะวัดขนาดห้องก่อนซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ห้องที่เล็กไม่ควระเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูอวบอั๋นเกินไปเพราะจะยิ่งทำให้ห้องดูเล็กลง แบบห้องนี้ค่ะ
ห้องนี้เลือกใช้ขนาดของตู้และเก้าอี้ไม่เข้ากันค่ะ ตู้ดูใหญ่และตันไป เมื่อวางไว้ใกล้กับโซฟา โซฟาจะดูเล็กและรู้สึกโดนเบียด
ให้ลองเลือกจัดเฟอร์นิเจอร์ อย่างตู้กับโซฟาที่มีสัดส่วนดูเข้ากันค่ะ ห้องนี้ใช้โซฟาสีเทาตัวหญ่เข้ากับตู้สีน้ำตาลเข้มด้านหลัง บานตู้ทึบบ้างเป็นกระจกบ้าง เพื่อไม่หนาเกินไปค่ะ
ห้องนี้เลือกใช้เก้าอี้ขาโปร่งๆ ตัวตู้ชั้นวางของจึงเลือกใช้สีสว่างและไม่ปิดบานทึบเพื่อให้ดูเข้ากันค่ะ
4) การแต่งห้องด้วยลวดลายที่ชอบ
ต้องระวังอย่าใช้ลายที่ชอบกับทุกสิ่งมากเกินไป เช่น ทั้งวอลเปเปอร์ ผ้าม่านและผ้าปูเตียง เพราะจะทำให้ห้องดูลายตาเกินไปค่ะ
ควรจะเลือกเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ หรือผนังห้องบางด้านให้มีลวดลายที่ชอบก็พอ แล้วจับคู่กับสิ่งอื่นๆ ที่มีสีหรือลวดลายเรียบง่าย อย่างห้องตัวอย่างนี่ เลือกพรมเป็นลายที่ชอบเพราะดูกลางห้องและเด่นดี และเลือกองค์ประกอบอื่นให้มีสีสันบ้างเล็กน้อย ผนังห้องสีเบจ โซฟาสีเทาอ่อน หมอนตกแต่งสีสันบ้างแต่ไม่มากจนเกินไปแย่งความเด่นของลายที่พรมค่ะ
5) คุมโทนสีห้อง
อยากได้ห้องสีชมพู เลยซื้อทุกอย่างเป็นสีชมพูแต่งห้อง แต่พอแต่งออกแล้วกลายเป็นว่าห้องดูเลี่ยนไป ซึ่งอาจเกิดจากที่เราเลือกใช้สีเดียวกันแต่งแต่งของทุกอย่างในห้องค่ะ
อาจจะลองเลือกสีชมพูแค่บางชิ้น แล้วจับคู่กับสีโทนอื่นๆ ที่เข้ากันได้กับทุกสีอย่าง สีขาว เทา และสีดำ บ้างเพื่อให้สีชมพูดูเด่นขึ้นมา ห้องไม่เลี่ยนกับสีใสดสีหนึ่งมากจนเกินไป หรือไม่ก็ไล่ความเฉดของสีบ้าง เช่น สีชมพูสด สีชมพูอ่อน ไปจนถึงสีขาวค่ะ
6) ของตกแต่ง
ของตกแต่งให้ห้องนั้นก็คล้ายกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากัน ห้องนี้เลือกใช้หมอนทั้งลายทางสีขาว ลายตาราง สีชมพู ลายเสือสีดำ ไปจนถึงสีทองวิ้งๆ ซึ่งจะดูไม่มีสไตล์ที่ชัดเจนค่ะ
อาจจะเลือกคุมโทนสีซักนิดว่าจะเอาสีอะไรเป็นหลักแล้ว จับคู่กับสีเรียบๆ หลักการคล้ายกับการเลือกแต่งห้องด้วยลวดลาย
7) ผ้าม่านกับหน้าต่าง
ถ้าม่านที่หน้าต่างในห้องเรา ติดรางม่านใกล้ขอบหน้าต่างบนพอดี และความยาวของรางม่านเท่ากับความกว้างของหน้าต่าง เมื่อเราเปิดม่านตัวม่านไปด้านข้าง ตัวม่านจะยังคงบังบานหน้าต่างต่างอยู่ ทำให้แสงที่เข้าห้องมาน้อยลงไปอีก หน้าต่างจะดูแคบลงไปกว่าเดิม ดังนั้นควรจะติดรางม่านให้สูงขึ้นไปใกล้ฝ้าเพดาน แล้วเลือกรางม่านที่มีความยาวเลยความกว้างหน้าต่างออกไปเสียหน่อย เพื่อให้เวลาเปิดม่าน ม่านจะไปอยู่ตรงกับผนังไม่ใช่บังหน้าต่าง ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ และความสูงของม่านจะช่วยหลอกตาให้หน้าต่างดูบานใหญ่และห้องดูสูงขึ้นด้วยค่ะ
8) ทาสีห้องให้สดใส
คอนโดส่วนใหญ่จะให้ห้องทาสีขาวมา อาจจะยังไม่สดใสสมใจเรามากนัก เพียงทาสีที่ชอบไปที่ผนังด้านนึงก็ทำให้ห้องดูสดใสมีชีวิตมากขึ้นแล้วค่ะ สมัยนี้ทาสีเองได้ไม่ยากด้วย
9) ห้องที่มีฝ้าเพดานสูง
ห้องที่มีฝ้าเพดานสูง ทำให้คนที่อยู่ภายในห้องรู้สึกไม่อบอุ่นเท่าไหร่
อาจจะลองเลือกโคมไฟแขวนที่เข้ากับสไตล์ห้องมาห้อยดูบ้าง จะช่วยเติมเต็มให้ห้องดูอบอุ่นมากขึ้น ห้องไม่ว่างจนเกินไปค่ะ โดยควรติดโคมไฟให้มีระดับที่สูงเหนือหัวขึ้นไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เดินชนค่ะ
10) พรมแต่งห้อง
การเลือกพรมที่เหมาะกับห้องนั้น มีผลอย่างมากกับภาพรวมของห้อง ห้องตัวอย่างห้องนี้เลือกใช้พรมที่มีขนาดเล็กเกินไป เมื่อวางไว้กลางห้องแล้วทำให้ของแต่ละชิ้นดูอยู่คนละทิศละทางไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเดียวกัน
ควรจะเลือกใช้พรมที่มีขนาดใหญ่พอ ที่จะเหลื่อมเข้าไปใต้เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นได้ จะช่วยทำให้ทั้งห้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พร้อมกับวางโต๊ะซักตัวไว้กลางห้องเพื่อลดความกว้างของห้องลง และเหมือนมีจุดเชื่อมกันอยู่ตรงกลาง ห้องจะได้ดูอบอุ่นมากขึ้น แต่เมืองไทยไม่นิยมใช้พรมกันมากนัก อาจจะลองหาเสื่อลายเก๋ๆ มาวางดูก็ได้ค่ะ
ยกตัวอย่างอีกซักห้อง
เมื่อปูพรมเข้าไปกลางห้องแล้วจะทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ห้องดูเต็มมากขึ้นค่ะ
นอกจากห้องนั่งเล่นแล้ว พรมยังเหมาะกับห้องครัว และห้องนอนด้วย สามารถใช้ภาพกราฟิกนี้เป็นไกด์เวลาซื้อพรมค่ะ กราฟิกสีเขียวเป็นตัวอย่างพรมที่ควรเลือกใช้ ส่วนกราฟิกสีแดงเป็นตัวอย่างของการเลือกใช้พรมไม่ควรทำค่ะ
11) รูปแต่งบ้าน
รูปเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผนังบ้าน ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งในห้องที่มีความสำคัญ แต่การที่รูปแต่รูปใช้กรอบรูปไม่เหมือนกันเลย ทำให้ดูเละเทะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน
ควรจะเลือกกรอบรูปแบบใดแบบหนึ่งก็พอ และถ้าอยากจะให้ดียิ่งขึ้นก็คุมโทนสีของรูปให้เป็นโทนเดียวกันไปด้วยก็จะยิ่งสวยค่ะ ซึ่งอยู่สบายเคยรวบรวมแนวทางการแต่งบ้านด้วยรูปถ่ายสามารถไปดูเป็นไอเดียได้ที่นี่
12) ระดับรูปแต่งห้อง
ถึงจะติดกรอบรูปไว้ก็จริง แต่ทำไมมันยังไม่สวย เป็นเพราะติดรูปผิดระดับนั่นเองค่ะ ห้องนี้ติดรูปสูงเกินไป
ระดับที่เหมาะสมคือ ควรจะจัดรูปให้อยู่ในระดับสายตาค่ะ
13) สายไฟ
ทุกบ้านขาดไม่ได้เลยกับพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ละบ้านนั้นมีกันหลายเครื่อง ทั้งคอมพิวเตอร์ ทั้งสายโน็ตบุ๊ค โคมไฟต่างๆ โดยเฉพาะกับห้องทำงานค่ะ สายไฟพวกนี้ทำให้ห้องดูยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย
วิธีการง่ายๆ แทบไม่ต้องลงทุนอะไร แค่เอาคลิปหนีบกระดาษตัวเล็กมารวบสายไฟต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็จะช่วยให้ห้องเป็นระเบียบมากขึ้นแล้ว
หรืออีกทีเอาสก็อตเทปมาพันเอาไว้กับโต๊ะเลยก็ได้ค่ะ