ทักทายเพื่อนๆ ทุกคนเช่นเคยครับ  บทความนี้ผมแวะเข้าไปรีวิวคอนโดที่เป็น Flagship ของทาง Singha Estate ซึ่งก็คือ THE ESSE at SINGHA COMPLEX (ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์) ซึ่งเป็นคอนโดแบบ Full Furnished โดยโครงการนี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ของบริเวณ SINGHA COMPLEX ที่เป็น mix-used project ของทางสิงห์  มีทั้งอาคารสำนักงานเกรด A, ร้านค้า และคอนโดมิเนียม

สำหรับคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX นี้  เป็นแบรนด์ THE ESSE ตัวที่ 2 ที่เปิดในย่านอโศก  ต่อจาก THE ESSE ASOKE ที่ขายไปได้เกือบหมดแล้ว  และกำลังก่อสร้างอยู่  ซึ่งโดยระดับราคาแล้ว  ถือว่า THE ESSE at SINGHA COMPLEX นั้นวาง positioning ไว้สูงกว่า THE ESSE ASOKE ครับ (THE ESSE ASOKE เฉลี่ย 220,000 บาท/ตร.ม.  ส่วน THE ESSE at SINGHA COMPLEX เฉลี่ย 275,000 บาท/ตร.ม.)

Fact Sheet

THE ESSE at SINGHA COMPLEX

(ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท สิงห์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด  (ในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน))
• ที่ตั้งโครงการ >>> หัวมุมสี่แยกอโศก-เพชรบุรี ติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพชรบุรี
• ขนาดที่ดิน >>> 2-0-98.2 ไร่
• จำนวนชั้น >>> 39 ชั้น
• จำนวนอาคาร >>> 1 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • 1 ห้องนอน ขนาด 34.75-47.75 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน ขนาด 70.00-77.00 ตารางเมตร
  • Penthouse  215.50 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 319 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 87 % (รวมจอดซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 8.6 ล้านบาท (ราคา ณ วันเปิดตัว ก.พ.60)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ประมาณ 275,000  บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.748068,100.5634568
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• โทร >>> 1221

ที่ตั้งของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX นั้นเดิมเป็นที่ดินของสถานฑูตญี่ปุ่น  ที่ทางสิงห์ได้ซื้อเก็บเอาไว้หลายปีแล้ว  ข้อได้เปรียบหนึ่งของบริษัทที่มีเงินทุนมหาศาลก็คือการที่สามารถถือที่ดินเอาไว้ได้นานนี่แหละครับ  ไม่จำเป็นต้องรีบพัฒนามาก  เพราะไม่ต้องไปกังวลกับภาระดอกเบี้ยหรือต้นทุนจม  เอาจริงๆ ราคาที่สิงห์ซื้อตอนนั้น กับราคาตอนนี้ ค่าที่ดินก็ขึ้นไปมหาศาลเทียบกันไม่ได้แล้ว  ถ้านับพื้นที่ทั้งหมดที่เป็น SINGHA COMPLEX ก็มีกว่า 11 ไร่  ในส่วนที่เป็นคอนโดมีประมาณ 2 ไร่

โดยที่ตั้งก็คือว่าอยู่ระหว่างรอยต่อของ CBD ปัจจุบันในสุขุมวิท  กับ CBD ที่ค่อยๆ เกิดใหม่อย่างตรงพระราม 9  จุดที่ได้เปรียบของตรงนี้ คือเรื่องของการคมนาคมครับ  เพราะมีทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT, Airport Rail Link (ARL), จุดขึ้นลงทางด่วนพระราม 9  (จริงๆ มีการเดินทางทางเรือที่ท่าเรือคลองแสนแสบ  กับทางรถไฟสายตะวันออกสถานีมักกะสันด้วย  เพียงแต่จริงๆ คนระดับที่ซื้อคอนโดแบบนี้เค้าไม่นั่งเรือ หรือรถไฟไทยกันอยู่แล้วครับ)

ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX  ก็คือถ้าขับรถเข้าโครงการ  จะต้องเข้าจากถนนเพชรบุรีเท่านั้น  ไม่สามารถเข้าจากถนนอโศกมนตรี (สุขุมวิท 21) ได้  เนื่องจากที่ดินฝั่งถนนอโศกของโครงการนั้นติดกับสะพานข้ามคลองแสนแสบ  ทำให้ไม่สามารถทำทางเข้าออกของรถยนต์ได้ตามกฎหมาย  ถ้าขับรถมาทางถนนอโศกดินแดง  จะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่  แล้วไปกลับรถมาตรงหน้าตึก Italthai  เช่นเดียวกับถ้าขับรถมาทางถนนอโศกมนตรี  ก็จะต้องเลี้ยวขวาที่แยกอโศก-เพชรบุรี  แล้วไปกลับรถมาเหมือนกัน  แต่สำหรับการเดินเข้าออก  ก็สามารถเข้าออกได้จากทางฝั่งถนนอโศกเลย

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

เรื่องการเดินทาง และเรื่องสภาพแวดล้อมรอบคอนโดของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ผมคงไม่ได้เน้นมากเหมือนกับรีวิวอื่นๆ นะครับ  เพราะคิดว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็คงรู้จักพื้นที่ตรงนี้กันดีพอสมควรอยู่แล้ว  และในโครงการก็มีรายละเอียดและดีเทลอื่นๆ ให้พูดถึงอยู่อีกมากทีเดียว  ไปโฟกัสตรงนั้นกันเป็นหลักดีกว่า

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

ผมพาเดินสำรวจรอบๆ เล็กน้อย  ก่อนที่จะเข้าไปในสำนักงานขายของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ครับ

รูปนี้ถ่ายจากตรงทางเข้าที่จอดรถของสำนักงานขาย  ซึ่งน่าจะเป็นทางเข้าชั่วคราวนะครับ

สี่แยกอโศก-เพชรบุรี  มองไปเห็นสถานี Airport Link มักกะสัน อยู่ถัดออกไป

เดินข้ามไปดูตัวสถานี Airport Link มักกะสัน กันหน่อย

มีรางรถไฟสายตะวันออกเลียบขนานไปกับถนนกำแพงเพชร 7

ฝั่งนี้มองไปทางตัวสถานี ARL ครับ  มีรางรถไฟขนานตลอดเช่นกัน

จากสำนักงานขายโครงการ  มองไปทางด้านข้าง  ก็จะเห็นคอนโดมิเนียมบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่หลายตึกที่สร้างเสร็จไปแล้ว

แนวที่ดินฝั่งติดถนนอโศก  จะเป็นแนวแบ่งของพื้นที่เขตราชเทวี กับเขตห้วยขวาง  ซึ่งทำให้ตัวคอนโดนั้นอยู่ในพื้นที่เขตห้วยขวางนะครับ (ถ้าข้ามถนนไปก็จะเป็นโซนเขตราชเทวี)

ตามแนวที่ดินของโครงการฝั่งติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่  ตอนนี้ล้อมรั้วก่อสร้างเอาไว้อยู่  ทำให้เหลือฟุตบาทแคบ (คือมันแคบมานานแล้ว  โครงการไม่ได้ไปกินที่นะ)  แต่ถ้าโครงการเสร็จ  พอรื้อแนวรั้วออก  คราวนี้คนทั่วไปก็น่าจะเดินสบายมากขึ้น  เพราะมีทางตัดไปลงรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยครับ

คลองแสนแสบติดกับด้านหลังโครงการ  ตัวที่ดินของโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือครับ (ที่เห็นเครนกำลังก่อสร้างอยู่นั่นแหละ)

ส่วนท่าเรือจะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง (ด้านหลังคอนโด Q Asoke)  ไปตามคลองนี้จะถึงตรง Central World ได้เลย

มองจากบนสะพานข้ามคลอง  เข้าไปยังอโศก

รูปนี้มองออกไปทางแยกอโศกเพชรบุรี

โรงพยาบาลจักษุรัตนิน  เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านตา อยู่เลยจากโครงการไปนิดเดียว  ด้านข้างมีทางเดินเข้าไป มศว. ได้ด้วย

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เดินดูรอบๆ โครงการกันสักพักแล้ว  คราวนี้เข้าไปในสำนักงานขายกันดีกว่าครับ

ด้านข้างจะติดกับทางขึ้นลงสะพานพอดี  (คาดว่าเป็นทางเข้าออกชั่วคราวนะครับ)

เข้าไปดูด้านในกัน

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ในเรื่องของการเข้าถึงคอนโด THE ESSE เล่าคร่าวๆ ไปแล้วว่าถ้าขับรถจะต้องเข้าจากทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ตรงด้านหน้าของอาคารสำนักงานเท่านั้น  (ส่วนทางคนเดินเข้าก็คงเปิดทางไว้ให้เข้าตรงฝั่งอโศกได้ด้วย)

ตัวที่ดินของทั้งหมดของ SINGHA COMPLEX จะแยกอาคารออกเป็น 2 อาคาร  ซึ่งเข้ามาแล้วจะเจออาคารสำนักงาน  โดยด้านล่างตรงโพเดียม 4 ชั้น ทำเป็นพื้นที่ retail ขนาด salable area ประมาณ 4,500 ตร.ม. ส่วนด้านบนเป็นสำนักงานที่มีผู้เช่าหลัก (Anchor tenant) เป็นทางเครือบุญรอดเอง  ที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย  โดยวาง positioning ของส่วน SINGHA COMPLEX เอาไว้เป็นอาคารสำนักงานเกรด A  ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับ LEED Certification ระดับ Gold ด้วย  (LEED มีทั้งหมด 3 ระดับ คือ Silver, Gold และ Platinum ครับ)  เทียบเท่ากับสำนักงานใน CBD หลักอย่างสาทร สีลม เลยทีเดียว

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

การวางตัวอาคารของคอนโดนั้นจะหันด้านหน้าออกไปทางถนนอโศก  สัดส่วนของตัวอาคารเกือบจะเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัส  ฝั่งด้านหน้าจะเป็นทิศตะวันตก  ซึ่งจะร้อนกว่าด้านอื่น  เพราะได้แดดบ่าย  แต่ในแง่มุมมองก็จะถือเป็นฝั่ง prime สุด เพราะหันหน้าเข้าอโศกด้วย  ส่วนฝั่งทิศตะวันออก (ด้านหลัง) อาจจะถูกบางส่วนของอาคารสำนักงานบังวิวบ้าง  ซึ่งฝั่งนี้ก็จะเป็น 1 ห้องขนาดไซส์เล็กสุดครับ

โมเดลอาคาร

มาดูที่โมเดล  จะได้เห็นสัดส่วนจริงๆ ครับ  เทียบกับอาคารสำนักงานที่อยู่ด้านข้าง  ตัวตึก THE ESSE at SINGHA COMPLEX ผอมเพรียวกว่าพอสมควร

มุมจากฝั่งแยกอโศก-เพชรบุรี  (มองจากคอนโด The Address Asoke ก็จะเห็นมุมประมาณนี้ครับ)

มองจากฝั่งเพชรบุรีขาเข้า (ฝั่งอาคารสำนักงาน SINGHA COMPLEX)

มุมด้านนี้มองจากฝั่งมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร (มศว.)

ตัวโพเดียมด้านหน้าและด้านข้างในส่วนที่เป็นที่จอดรถ  มีแผงบังสายตาเพื่อความสวยงามและเรียบร้อย  ด้านล่างบางส่วนทำเป็น Green Wall

พื้นที่สวนด้านหน้าโครงการ  มองออกมาจากล็อบบี้ ตรงนี้เราจะเห็นดีไซน์ที่ใช้การยกแนวกำแพงขึ้นมาและกดพื้นที่สวนลงไปเป็น Green Amphitheatre  และมีการยกแนวพื้นหญ้าขึ้นมาเป็น slope เพื่อบังสายตาจากความวุ่นวายริมถนน  พื้นที่ด้านใต้ slope ที่ยกขึ้นมาก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้ด้วย  โครงการตั้งชื่อเก๋ๆ กว่า Hidden Pavilion

ที่ชั้น 8 ทำเป็น Sanctuary Terrain Garden มีสวนยกขึ้นเป็นสเต็ป และบ่อน้ำเล็กๆ

ที่ชัั้น 37 ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางและสระว่ายน้ำยื่นออกมา  ตรงนี้เราจะเห็นแนวเส้นเฉียงบนผนังอาคาร  ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้ Inspiration มาจากรวงข้าวบาร์เล่ย์  ซึ่งก็เป็นคอนเซ็ปหลักของรูปทรงอาคารด้วยครับ

ผนังอาคารนี่กระจกทั้งตึกนะครับ

ด้านหลังฝั่งทิศตะวันออก  จะมีพื้นที่สวนเล็กๆ ซอยอยู่ทุกๆ 3 ชั้น

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

พื้นที่ส่วนกลางของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ก็จัดมาหลากหลาย  ดีไซน์ภายในจะเน้นเส้นเฉียง และเส้นโค้ง  คุมโทนสีให้ออกเป็นโทนเดียวกัน  ดูหรูหรา ใช้วัสดุมันเงาเข้ามาตกแต่งเยอะ  ส่วนพื้นที่สวนด้านนอกเป็นสวนดีไซน์เน้นความเรียบ  ดูไม่เยอะสิ่ง และไม่ฟูมฟาย  โดยใช้แพทเทิร์นเส้นเฉียงตามแบบที่ใช้กับตัวอาคารงานสถาปัตยกรรมมาเป็นเส้นสายหลักในงานออกแบบ

พื้นที่ส่วนกลางที่ได้  จัดว่าหลากหลาย จะกระจายกันอยู่  ที่ชั้น 1, 8, 36, 36 (Mezzanine), 37, 37 (Mezzanine) และ Roof Top ซึ่งถ้าเทียบจากความหนาแน่นแล้วก็ถือว่าให้มาดีครับ

• Lobby + Business Lounge
• Mailbox & Private Storage (เก็บถุงกอล์ฟ และกระเป๋าเดินทาง)
• สวนด้านหน้าโครงการ (Hidden Pavilion + Green Amphitheatre)
• สวนที่ชั้น 8 (Sanctuary Terrain Garden)
• Library + Co-working space
• The Sky social lounge
• The Residencial Lounge (มีพื้นที่สำหรับจัด private party ได้ มีส่วนที่เป็น reception room และ dining area เพิ่มเติมให้ด้วย)
• Private Theatre
• Meeting Room
• Sky Edge Swimming Pool + Kid’s Pool
• On the Cloud Fitness (มีห้องยิม, ปีนหน้าผา  และโซนสำหรับมวยไทย)
• Onsen + Stream Room
• Private Exercise Room
• Private SPa & Salon
• Sky Terrace

สำหรับสัดส่วนลิฟต์ในโครงการ มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว กับ 319 ยูนิต เฉลี่ยออกมาได้ 80 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว  ในแง่ของ high-rise condominium จัดว่าดีมากๆ  สมกับเป็น Super Luxury Segment  และก็มีลิฟต์บริการแยกต่างหาก  สัดส่วนที่จอดรถให้มา 87% แบบรวมจอดซ้อนคัน  ในแง่ของการใช้งานจริง น่าจะพออยู่แล้ว  เนื่องจากคอนโดแพงๆ คนก็มักไม่ได้อยู่กันเต็มตลอด  แต่ด้วยระดับราคาคิดว่าถ้าได้ที่จอดรถมาทุกยูนิตเลยก็น่าจะดีกว่า

ที่ชั้นล่างตัวล็อบบี้จะล้อมรอบด้วยกระจกทั้งหมด  และมองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวข้างนอก  ที่ยก slope ขึ้นมากั้นแนวถนนเอาไว้อย่างที่เล่าไปแล้วครับ  ส่วน Lift Lobby จะอยู่เข้าไปด้านใน  ที่พิเศษขึ้นมาหน่อยเป็นพื้นที่ของ Private Storage ที่สามารถให้ลูกบ้านมาเช่าเก็บของชิ้นใหญ่ พวกอุปกรณ์กอล์ฟหรือกระเป๋าเดินทางได้  เพื่อที่จะไม่เปลืองพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง

ที่ชั้น 8 ก็เป็นสวนออกมา โดยห้องที่อยู่ในชั้นนี้จะมีประตูกั้นแยกจากโถงลิฟต์อีกชั้น  เพื่อความปลอดภัยครับ

ที่ชั้น 36 จะมีส่วนกลางเป็นห้อง Meeting Room, Library, co-working space, Sky social lounge และก็มี Private Theatre ที่เชื่อมกับ Residencial lounge ที่สามารถมาเช่าจัด Private Party ก็ได้ครับ

ที่ชั้น 37 จะมีสระว่ายน้ำ (Sky Edge Swimming Pool) ที่แยกสระเด็กออกมาต่างหาก  ในชั้นนี้จะมีฟิตเนส , Onsen และ Stream Room ให้ด้วย  โดยฟิตเนสจะแยกเป็น Passive Zone พวกเครื่องเล่นต่างๆ  และ Active Zone เช่น โซนอุปกรณ์ชกมวย, โซนปีนหน้าผาจำลอง เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ Active Zone นี้จะเป็น Double Space ด้วย

ส่วนถ้าเดินขึ้นมาที่ชั้นลอย  จะมี Private Exercise Room จะมาจองใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายส่วนตัว เช่น โยคะ ก็ทำได้ครับ

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Floor Plan คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

(ชั้นที่  9-10, 12-12A, 15-16, 18-19, 21-22, 24-25)

Floor Plan ของคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX วางพื้นที่ส่วนลิฟต์, บันไดหนีไฟ เอาไว้ตรงกลาง ซึ่งจะสังเกตว่าตรงด้านหลังลิฟต์ทั้งลิฟต์โดยสารและลิฟต์บริการ  จะมีช่องว่างของงานระบบอยู่  ทำให้ไม่มีผนังห้องไหนที่ติดกับผนังโครงสร้างลิฟต์โดยตรง  ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าน่าจะช่วยป้องกันปัญหาเรื่องเสียงจากห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์ได้ดีครับ  จำนวนยูนิตต่อห้องก็ไม่เยอะ อยู่ที่ 12 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งทำให้ห้องแต่ละชั้นในคอนโดมีห้องมุมถึง 4 ห้อง (1 ใน 3 เลยทีเดียว) โดยห้องเล็กสุดแบบ 1 ห้องนอน 34.75 ตร.ม. จะวางเอาไว้ด้านหลังของอาคาร

Floor Plan คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

(ชั้นที่  11, 14, 17, 20, 23)

ในชั้น 11, 14, 17, 20, 23 แปลนการจัดวางห้องก็ไม่ต่างกันกับชั้นอื่นๆ เพียงแต่มีพื้นที่ด้านนอกอาคารด้านหลังเอาไว้ให้ออกไปนั่งเล่นได้ด้วย (แบบที่ถ่ายรูปให้ดูในโมเดลด้านบน)  แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นในดีไซน์ว่าจะทำออกมายังไงครับ

Floor Plan คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

(ชั้นที่  27-28, 30-31, 33-35)

ที่ชั้นสูงๆ เหล่านี้  แปลนก็จะคล้ายกับชั้นล่างๆ เพียงแต่จำนวนห้องจะลดลง  เนื่องจาก 1 ห้องนอน 34.75 ตร.ม. ทั้งทางฝั่งทิศเหนือและใต้  ถูกนำมา combined กันเป็นห้องขนาด 70 ตร.ม. แทน  ความหนาแน่นก็เลยจะอยู่แค่ 10 ยูนิตต่อชั้น

Floor Plan คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

(ชั้นที่  26, 29, 32)

ที่ชั้น 26, 29, 32 ก็จะมีพื้นที่สวนเล็กๆ เพิ่มเข้ามาให้ทุกๆ 3 ชั้น เช่นกันครับ  ส่วนแปลนห้องต่างๆ ก็เหมือนกันเป๊ะ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอน (A1-1, A1-2) ขนาด 34.75 ตารางเมตร

แปลน 1 ห้องนอน จะมี 2 แบบ คือ A1-1 และ A1-2  ซึ่งขนาดเท่ากันทั้ง 2 แบบ แต่อยู่คนละตำแหน่งกันครับ  แบบที่เอามาทำเป็นห้องตัวอย่างคือ A1-2  โดยภาพรวมการแบ่งพื้นที่ของทั้ง 2 แบบนี้ ทำออกมาคล้ายกัน  ต่างกันที่ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจัดส่วน Walk-in Closet และส่วนที่นั่งรับประทานอาหาร

ทั้ง 2 แบบนี้มีครัวเปิดแยกส่วนชัดเจน  สเปซส่วนห้องนอนและส่วนนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ติดกัน  และเชื่อมด้วยประตูบานเลื่อนกระจก  ห้องนอนได้กระจกเต็มบาน  ตรงส่วนนั่งเล่นมีระเบียงออกไป  ส่วนตัวแล้วมองว่า แบบ A1-2 จะดีกว่าหน่อย  ตรงที่ได้เคาน์เตอร์ pantry ใหญ่กว่า  และตำแหน่งห้องอยู่ในทิศที่วิวโล่งกว่าครับ

แปลนห้องคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

แบบ 1 ห้องนอน (1B-1) ขนาด 47.75 ตารางเมตร

แบบ 1B-1 นี้เป็นแบบที่เอามาใช้ทำห้องตัวอย่างเช่นกัน  โดยจะเป็นห้องที่อยู่หัวมุมอาคาร  การจัดสรรพื้นที่ในห้องนั้นแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนดี  สเปซทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นส่วนรับประทานอาหาร, ส่วนนั่งเล่นพักผ่อน  และห้องนอน ได้แสงธรรมชาติเข้ามาทั้งหมด  ห้องนอนจะอยู่ตรงมุมอาคาร  ได้กระจกเข้ามุมด้วย  ซึ่งก็จะทำให้ห้องดูค่อนข้างโล่ง  โปร่ง  ในส่วนของห้องน้ำจะเป็น sexy bathroom แยกส่วนอ่างอาบน้ำ และพื้นที่ยืนอาบเอาไว้ชัดเจนครับ

แปลนห้องคอนโดแบบ 2 ห้องนอน (2C-2) ขนาด 77.00 ตารางเมตร

แบบ 2 ห้องนอน 77 ตารางเมตร เป็นแบบห้องใหญ่สุดในโครงการ (ไม่นับ Penthouse)  ซึ่งด้วยขนาดพื้นที่ที่มาก  ก็ทำให้จัดสเปซต่างๆ ออกมาได้ลงตัวดีครับ  พื้นที่ส่วนเตรียมอาหารนั้นใหญ่มาก   ชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้กันได้สบาย  ตำแหน่งห้องแบบนี้จะอยู่ตรงมุมอาคารด้านหน้าสุด (ฝั่งหันเข้าหาถนนอโศก)  ซึ่งก็เป็นตำแหน่ง prime สุดของโครงการ  ได้แสงธรรมชาติเข้ามาทั้ง 2 ด้านเช่นกัน  เดี๋ยวไปดูรูปห้องตัวอย่างที่ถ่ายมาให้ชมกันครับ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX มีทั้งหมด 3 ห้อง  ซึ่งทำมาแบบตกแต่งเหมือนจริง  เพราะโครงการขายแบบ Fully Furnished พร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย  สเปซในห้องตัวอย่างฝ้าเพดานสูง 3 เมตร และส่วนที่ drop ฝ้างานระบบอยู่ที่ 2.7 เมตรครับ

ห้องตัวอย่าง คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

แบบ 1 ห้องนอน (1A-2)  ขนาด 34.75 ตารางเมตร

เริ่มจากห้องเล็กสุดกันเลย  เปิดประตูเข้ามาจะยืนอยู่ในส่วน pantry  มองเห็นส่วนนั่งเล่นพักผ่อน  และห้องนอนที่อยู่ถัดเข้าไปครับ

กั้นห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน  เลื่อนปิดปุ๊ป  ก็ยังดูโปร่งอยู่  เพราะเป็นกระจกเต็มบาน

เดินถัดเข้ามาอีกหน่อย

ช่อง walk-in closet ครับ  ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำ

พื้นที่เตรียมอาหาร  กว้างขวาง  ใช้งานสะดวก  เคาน์เตอร์ pantry ได้มาตามแบบห้องตัวอย่างเลย

สเปซส่วนห้องนอนเหลือพื้นที่ข้างเตียงเยอะ  เดินผ่านสะดวก  เปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้

มองจากส่วนห้องนอนเข้าไปตรงส่วนนั่งเล่น  ผนัง Featured Wall ที่เห็นตรงทีวีเป็นหินอ่อนนำเข้า  โครงการทำมาให้เลยนะครับ

จากด้านข้างที่นอน  มองไปตรงทางเข้าออกห้อง

มุมตรงจากส่วนพักผ่อน  มองไปตรง pantry ครับ

สเปซส่วนนอน  รูปนี้จะเทียบให้ดูตอนเปิดประตูเลื่อนกระจก  กับตอนที่ปิด

เวลาปิดแล้ว  ก็ดูเรียบร้อยดี  ไม่ได้อึดอัดเท่าไหร่  เพราะเป็นกระจกใส

ห้องตัวอย่าง คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

แบบ 1 ห้องนอน (1B-1)  ขนาด 47.75 ตารางเมตร

แบบนี้เข้าห้องมา  ก็จะเป็นส่วนของ Pantry เช่นกัน  มองไปสเปซจะโล่งมาก

มุมนี้มองจากส่วนรับประทานอาหาร  ผ่านส่วนนั่งเล่น  ไปยังทางเข้าห้องนอนครับ

มุมตรงๆ กันบ้าง  ตรงทีวีก็มี Feature Wall ที่เป็นหินอ่อนเช่นกัน

มองกลับไปยังส่วนรับประทานอาหาร  แต่ผนังหินอ่อนตรงส่วนรับประทานอาหารนี่ไม่ได้ให้นะครับ  ตกแต่งให้ดูในห้องตัวอย่างเฉยๆ

สเปซนี้วางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้แบบฟิตสุดๆ  เวลาเดินเข้าออกด้านหลังอาจจะต้องเอี้ยวตัวนิดหน่อย

สเปซส่วนห้องนอน  การได้กระจกเข้ามุมก็ทำให้ห้องดูกว้างมาก

มองออกไปจากห้องน้ำ  เป็น sexy bathroom กระจกมาเต็ม  ทีเด็ดของห้องน้ำอยู่ตรงนี้ครับ

กดปุ่มเดียว!  กระจกใสจะทึบกลายเป็นกระจกฝ้าแทน  ชนิดที่ไม่ต้องติดม่านหรือมูลี่บัง  ให้เกะกะ

ห้องตัวอย่าง คอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX

แบบ 2 ห้องนอน (2C-2)  ขนาด 77.00 ตารางเมตร

มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายครับ  ห้องนี้เป็นขนาด 77 ตารางเมตร  เข้าห้องมาฝั่งหนึ่งจะเป็นสเปซส่วนเตรียมอาหาร  มี island อยู่ตรงกลาง

มองไปอีกด้านเป็นส่วนรับประทานอาหาร นั่งเล่น พักผ่อน

ขยับมาดูกันใกล้ๆ

ผนังหินอ่อนตรงชั้นวางทีวี  ก็ทำมาให้เป็น standard ของห้องเลยเช่นกัน  หินแผ่นใหญ่ สวยมากกกกกก

มองย้อนกลับไปตรงส่วนเตรียมอาหาร  สเปซกว้างขวาง สบายๆ

ทางด้านซ้ายสุดเป็นชั้นวางรองเท้า  ถัดมาเป็นตู้เย็น 2 ตู้  และก็เป็นเคาน์เตอร์ครับ

เข้ามาในห้องนอนใหญ่กัน  ใด้กระจกเข้ามุมเช่นกัน  เพราะเป็นห้องมุมอาคารหมด

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กว้าง และสว่างมาก  เป็นกระจกฝ้าเต็มบานครับ

เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแบบ His&Her

กระจกกั้น sexy bathroom กับห้องนอน  มองไปก็จะเห็นห้องโล่งๆ  แต่กดปุ่มเดียวก็กลายเป็นกระจกฝ้าได้เช่นกัน

เข้ามาในห้องนอนเล็กครับ  ห้องนี้มีติอยู่หน่อย  ตรงที่รู้สึกว่าทางเดินปลายเตียงแคบไปนิดครับ  จริงๆ ถ้าดูจากแปลนน่าจะแบ่งสัดส่วนจากห้องนอนใหญ่มาให้ได้อีกสักหน่อย

ปิดท้ายกันด้วยห้องน้ำด้านนอกครับ  โทนสีวัสดุกระเบื้องในห้องน้ำทุกแบบก็จะคล้ายๆ กัน  เป็นสีน้ำตาลเข้มอมเทา  ดูหรูแบบขรึมๆ หน่อย  มีผนังหินจริงอยู่ 1 ด้าน  (ผนังที่มองตรงเข้าไปตรงส่วนอาบน้ำ)

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมของคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX ก็ถือว่าจัดมาให้เต็มที่  และเป็นวัสดุเกรดดีนะครับ  วัสดุที่ให้มาผิวสัมผัส (touching) ดี  ดูหรูหรา  ภายในห้องให้มาครบแบบ Fully Furnished มีวอล์เปเปอร์ และเฟอร์นิเจอร์ด้วย รวมถึงมี Featured Wall บางส่วนอย่างตรงจุดแขวนทีวี  ซึ่งเป็นหินอ่อนที่นำเข้าจากทางยุโรป  โครงการแจ้งว่ามีหินอ่อนจากกรีซ, ฝรั่งเศส แล้วก็สเปน

ผมแบ่งรีวิวส่วนวัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Material) ครับ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

pantry ครัวของแบบ 34.75 ตร.ม. เปิดดูทั้งหมด  สามารถเก็บข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เยอะดี

ส่วนนี่เป็นครัวของแบบ 47.75 ตร.ม. ครับ

หน้าบานตู้ทุกบานเป็น  coated glass  สีออกเทาอมเขียว ดูมันเงา อันนี้สวยมาก

ตรงกำแพงด้านข้างปูด้วยหิน Composite Quartz ทำผิว Satin (แบบเดียวกับที่ปู Top เคาน์เตอร์) เป็นลายหินอ่อน  ดูสวยงามดี

ตู้เย็นทำ built เก็บซ่อนเรียบร้อย

เปิดมาเป็นแบบนี้ครับ

อ่างล้างจานแบบฝั่งในเคาท์เตอร์ ของ Franke เคาะผิวสแตนเลสดูแล้ว  แข็งแรงดีครับ

ตัว Top เคาท์เตอร์เป็นหิน Composite Quartz  ที่ทำผิวเป็น Satin ลายหินอ่อน  ซึ่งสัมผัสจะเป็นผิวด้านๆ หน่อย  พอดูตัดกับ Coated Glass แล้วก็ออกมาดูดีทีเดียว  ตัวขอบของลิ้นชักและบานตู้จะปิดด้วยสแตนเลส

ก็อกหัวโค้ง ของ Franke

ลิ้นชักก็เตรียมช่องเก็บของต่างๆ เอาไว้ให้  เป็น Soft-colsed นะครับ

แบบ 34.75 ตร.ม. จะได้เตาไมโครเวฟของ Küppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์เยอรมัน  ครัวแพงๆ  มักใช้ยี่ห้อนี้กันเยอะครับ

ส่วนห้องขนาดอื่นๆ จะได้เป็น Combined Over มีทั้งไมโครเวฟ และเตาอบด้วย เป็นของ Küppersbusch เช่นกัน

เตาเซรามิคของ Küppersbusch

ฮูดดูดควัน  ขอบบางฝังเอาไว้ใต้ตู้ลอย  มองจากด้านนอกแทบไม่เห็นเลย  เนียนตาดี

แบบ 1 ห้องนอน 34.75 ตร.ม. จะได้ชุดโต๊ะรับประทานอาหารที่ built ต่อมากับ pantry เลย

แบบ 2 ห้องนอน จะมี island เตรียมอาหารเล็กๆ เอาไว้ให้ด้วย

วัสดุห้องน้ำ

โทนสีต่างๆ ในห้องน้ำทุกแบบจะออกมาเป็นโทนเดียวกัน  ดูหรูแบบขรึมๆ หน่อย  ใช้กระเบื้องเชดออกน้ำตาลเข้มอมเทา  ตัดกับกระจกบานใหญ่ที่ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น  มีการซ่อนไฟหลืบเพื่อสร้างบรรยากาศ

มีเคาท์เตอร์วางของตลอดแนว  ซ่อนไฟ LED ส่องลงมา

เคาท์เตอร์ลอยแบบแขวนผนัง  ด้านล่างมีช่องเก็บของให้

สำหรับแบบ 2 ห้องนอน จะเป็นแบบ His&Her มี 2 อ่างใช้งานได้พร้อมกัน  เหมือนตามโรงแรม 5 ดาว

ก็อกน้ำทรงเหลี่ยมโมเดิร์นของ Grohe

สเปซส่วนอาบน้ำของแบบ 1 ห้องนอน  ขอบธรณีประตูจะปาดเฉียงลง  ทำให้ถ้าเดินสะดุดก็ไม่เจ็บมาก  เวลาเดินวางเท้าลงไปบนธรณีกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งได้

แบบ 2 ห้องนอน  ขนาดของพื้นที่อาบน้ำก็จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย

รางระบายน้ำ ดีไซน์เอาไว้สวยดี  เรียบร้อย  และมีพื้นที่ drain เยอะ  ทำให้น้ำระบายได้ไวกว่าเป็น drain ที่จุดเดียว

ฝักบัวเป็น Rain Shower ของ Grohe และมีฝักบัวถืออาบแยกให้

บางห้องทำไฟหลืบซ่อนไว้เหนือฝ้าให้ด้วย  สวยดีๆ

ฝักบัวแบบหัวเหลี่ยม  ดีไซน์เท่ดี  แต่ถ้าคนมือใหญ่ๆ อาจจะรู้สึกจับได้ไม่เต็มไม้เต็มมือเท่าไหร่

ผนังตรงส่วนพื้นที่อาบน้ำ  ฝั่งหนึ่งจะเป็นหินผิวมัน (จุดที่คนเดินเข้ามาเห็นจุดแรก)  นอกนั้นจะเป็นผิวด้าน

อ่างอาบน้ำซึ่งมากับแบบ 1 ห้องนอน 47.75 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปครับ

หัวก็อกดีไซน์แบบเดียวกับฝักบัว  และ Rain Shower

ห้องน้ำใน Master Bedroom ของแบบ 2 ห้องนอน เป็นกระจกฝ้าบานใหญ่  ดีไซน์ให้ฝ้าเพดานไม่ชนกับแนวผนังที่เป็นกระจก  ทำให้ดูเบาและแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะมาก  ดูโปร่ง

ธรณีประตูห้องน้ำทำ slope เทเข้าด้านในเล็กน้อย  ระหว่างหินกับพื้นไม้ engineering wood ด้านนอก  มีคิ้วสแตนเลสกั้น  จริงๆ slope น้อยแบบนี้เวลาทำความสะอาดส่วนแห้งด้านในอาจจะไม่เหมาะกับการล้างด้วยน้ำ  ทำความสะอาดด้วยวิธีใช้ผ้าเช็ดน่าจะดีกว่า  เพื่อป้องกันน้ำเลอะออกมาด้านนอกด้วยครับ

กระจกส่องหน้าเปิดเข้ามาด้านในจะเป็นชั้นเก็บของใช้ต่างๆ

ประตูห้องน้ำแบบ 34.75 ตร.ม. เป็นบานเลื่อนนะครับ  ติด fitting เอาไว้ด้านบน

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำส่วนใหญ่ก็เป็น TOTO Washlet  ดีไซน์เรียบหรู ดูดี

แอบมียกเว้นห้องน้ำด้านนอก  ของแบบ 2 ห้องนอน  จะให้มาเป็น TOTO รุ่นปกติ  ไม่มีระบบอัตโนมัติ

มาจบส่วนวัสดุห้องน้ำกันด้วยไฮไลท์  ที่เป็นกระจกของ sexy bathroom ครับ  ได้กระจกมาเต็มบานแบบนี้

กดปุ่มเดียวตรงทางเข้าห้อง  เสี้ยววินาที  ก็จะกลายเป็นกระจกฝ้า  มองไม่เห็นจากทั้งในห้องน้ำและในห้องนอน  ซึ่งก็แก้ปัญหาเรื่องที่ต้องติดมูลี่สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวบางเวลา  เพราะการติดมูลี่หรือม่าน  ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีน้ำกระเด็นเลอะ  เช็ดกันยาก  เป็นแบบนี้เช็ดทำความสะอาดกระจกอย่างเดียวง่ายดีครับ  ดูเรียบร้อยด้วย

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

ประตูเข้าห้องติด Digital Door Lock ของ Yale

พื้นไม้เป็น Engineering Wood 12 มม. ผิวสัมผัสดีทีเดียว  อันนี้ชอบโทนสี  บัวพื้นเป็น PVC แต่ค่อนข้างหนาครับ  ลองเคาะดูแล้วไม่ก๊องแก๊ง  ติดวอล์เปเปอร์โทนสีแบบในรูปมาให้ (สีเดียวกับแบบห้อง 34.75 ตร.ม.)

ประตูบานใหญ่เต็มบาน  ลองเปิดปิดดู  ไม่หนักมาก  ถือว่าทำ Fitting มาดี

ช่องเก็บเครื่องซักผ้า  ปิดเอาไว้เป็นสัดส่วน

ด้านบนช่องเก็บเครื่องซักผ้า มีพัดลมดูดอากาศติดเอาไว้ด้วย  น่าจะเผื่อเอาไว้เรื่องระบายความชื้นออกไป

รอยต่อของพื้น engineering wood กับพื้นกระเบื้องตรงส่วนครัว  ปิดด้วยเส้นสแตนเลส

บานประตูในห้องก็สูงเกือบชนฝ้า

สวิตซ์ Schneider สีเงิน  ดีไซน์สวย  ดูดี

บานกรอบเป็นอลูมิเนียม Power Costed สีเทาดำ  หน้าตัดหนา  ดูแข็งแรงดี

มือจับหน้าต่างบานกระทุ้ง

ระเบียงด้านนอกถือว่าไม่ใหญ่  แค่พอออกไปยืนสูดอากาศได้

ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย  ส่วนราวจับเป็นสแตนเลส

คอมเพลสเซอร์แอร์มีแผงบังสายตาให้เรียบร้อย

แอร์ในห้องเป็นแบบ  conceal ฝังฝ้าทั้งหมด  ทำมาให้เลยดูเรียบร้อยดี

ประตูบานเลื่อนที่กั้นแบบ 1 ห้องนอน  เป็นกระจกใสสีอมเทานิดๆ สูงจรดฝ้า

ลองเลื่อนประตูกระจกดู  ผมถือว่าไม่หนัก  เหมือนเทียบกับขนาดกระจกเต็มบานที่ได้มา  แสดงว่า fitting ด้านบนของรางทำดีทีเดียว  แต่ด้วยความทีมีแต่รางบน  และหน้าบานกว้าง  ทำให้เวลาเลื่อนปิด-เปิด  ก็ยังมีอาการกระพือบ้างเล็กน้อย

บานตู้ในห้องพวกเคาท์เตอร์ครัว  หรือตู้เก็บเครื่องซักผ้า  ตู้รองเท้า หรือตู้เย็น  ก็เป็นผิว Coated Glass เทาอมเขียวนิดๆ  ขอบเก็บดีเทลด้วยสแตนเลส  เรียบร้อย สัมผัสดี

ด้านล่างระบบตู้เย็นมีช่องระบายความชื้นเอาไว้ให้อยู่

ตรงจุดแขวนทีวีของทุกห้อง  โครงการจะบุหินจริงมาให้  เป็น Featured Wall โดยแต่ละห้องก็จะได้หินต่างกันไป  อย่างห้อง 34.75 ตร.ม. จะได้หินอ่อนสีขาว White Volakas ที่นำเข้าจากกรีซ

แบบ 47.75 ตร.ม. เป็นหินชื่อ St.Laurent Marble นำเข้าจากฝรั่งเศส  ดีเทลรอยต่อของหินอ่อนทุกห้องจบกันเป็นร่องตัว V  สวยงาม

ส่วนหินแบบ 2 ห้อง นี่สวยสุด  ชื่อ Nero Marquina Marble เป็นหินอ่อนแผ่นใหญ่ พื้นสีดำ สวยมากกกกกก

หน้าบานตู้เสื้อผ้า Built-in ในแต่ละห้องเป็นกระจกสีเทาเข้ม

ด้านในเป็นพาทิเคิลสีเทา

ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนใหญ่แบบ 2 ห้องนอน มีซ่อนไฟให้ด้วย  สวยดีครับ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นของแบบ 1 ห้องนอน ราคา pre-sale อยู่ที่ 8.6 ล้านบาท ส่วนแบบ 2 ห้องนอน อยู่ที่ 20.17 ล้านบาท  โดยราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการที่ 275,000 บาท/ตร.ม.  ซึ่งด้วยระดับราคานี้  เป็นกลุ่ม Super Luxury Segment ที่มีน้ำหนักการซื้อด้วยอารมณ์และความชอบ (Emotional Benefit) สูงมากกว่าการมองความคุ้มค่าด้วยตัวเงินเพียงอย่างเดียว

ราคา ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 

ราคาเริ่มต้น :

1 ห้องนอน  เริ่มต้น 8.6 ล้านบาท

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

1 ห้องนอน  จอง 100,000 บาท

2 ห้องนอน  จอง 200,000 บาท

Penthouse จอง 300,000 บาท (ยังไม่เปิดขาย)

ทำสัญญา 3%  ของราคาห้อง

• ผ่อนดาวน์

ผ่อนดาวน์ เริ่มเมษายน 2560 งวดบอลลูน 5 งวด

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง  90  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 900 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

• ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

โครงสร้างพื้นฐานในย่าน CBD ใจกลางเมืองนั้นครบๆ อยู่แล้วครับ  แทบไม่ต้องพูดอะไรกันมาก  ช่วงหลังมานี้มีคอนโดเปิดใหม่อยู่หลายโครงการในทำเลย่านอโศก แต่ตัวที่ดันราคาและวาง Position ตัวเองในระดับ Super Luxury ในโซนนี้ยังมีไม่เยอะ  ตัวที่ดินบริเวณนี้ก็เริ่มจะหายากไปทุกที ในแง่ของมูลค่าทำเลนี้นั้นคิดว่าไม่มีตกอยู่แล้ว  ซึ่งด้วยปัจจัยต่างๆ ก็ส่งผลให้ราคาคอนโดที่เปิดตัวบริเวณนี้นับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ  ถ้าจะพูดถึงโครงการที่จะเกิดขึ้นในย่านนี้ ไม่รวมคอนโดต่างๆ นอกจากโครงการมักกะสัน คอมเพล็กซ์  ที่เถียงกันอยู่พักหนึ่งว่าจะทำเป็นสวนสาธารณะ หรือทำเป็น commercial หรือว่าจะเป็นผสมกันไป  (แต่ตอนนี้ข่าวก็เงียบๆ ไปแล้ว)  ก็คงจะเป็นพื้นที่ของ SINGHA COMPLEX เอง ที่ตัวคอนโดตั้งอยู่นั้นแหละครับ  โครงการนี้เป็นโครงการ  Mixed-use project  ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรด A, ศูนย์ประชุม และพื้นที่ Retail ตั้งอยู่หัวมุมแยกอโศก-เพชรบุรีเลยน่าจะช่วยเพิ่มความคึกคักและมูลค่าในพื้นที่บริเวณแยกนี้อีกเยอะ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

โครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ออกแบบรูปแบบสถาปัตยกรรมด้วยแนวคิดของรวงข้าวบาร์เล่ย์  ซึ่งเป็นแนวคิดที่สะท้อนลงไปในรูปแบบของสถาปัตยกรรมทั้งในส่วนของตัวคอนโดเอง  และก็ในส่วนของอาคารสำนักงานของสิงห์ คอมเพล็กซ์ ด้วย  ซึ่งที่ปรึกษาการออกแบบใช้ KPF เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังมากทางฝั่ง New York  ร่วมกับนักออกแบบชาวไทย  ซึ่งจากคอนเซ็ปของรวงข้าวบาร์เล่ย์  ทำให้ตัวอาคารนั้นใช้ cladding สี champagne gold (สีเดียวกับบอดี้สีของของ iPhone หล่ะครับ) เข้ามาเป็นโทนสีหลักภายนอก  ร่วมกับกระจกสีอมเทา  มีการใช้เส้นเฉียงตัดขึ้นไปตรงยอดอาคารซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นไอเดียที่ได้มาจากเส้นสายของรวงข้าวนั่นเอง

ด้านการวางผังของโครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกับ SINGHA COMPLEX แต่ก็วางสัดส่วนไม่ให้ปะปนกัน  เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย  ด้านส่วนที่ติดกับถนนอโศกดีไซน์งานภูมิสถาปัตยกรรมเป็นเนินดินยกตัวขึ้นมา  เพื่อสร้างพื้นที่ความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ในล็อบบี้  เพราะภายนอกบริเวณนั้นเรียกได้ว่าวุ่นวายมากทีเดียว  ซึ่งจากดีไซน์นี้ก็ทำให้ได้พื้นที่สวนในรูปแบบที่ไม่ใช่พื้นที่เรียบๆ ธรรมดา

ในส่วนของการวางแปลนของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX นั้น  โดยรวมก็จัดออกมาได้ดี  ค่อนข้างลงตัว  ด้วยการวางสเปซห้องขนาดใหญ่  ทำให้จัดฟังก์ชั่นได้ง่าย แม้กับห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์  ซึ่งรูปของแปลนดูเหมือนจะเป็นซอกเข้าไป  แต่ก็ยังดีไซน์แก้ปัญหาได้จนดูลงตัว  อันนี้ต้องให้เครดิตกับผู้ออกแบบมากทีเดียว  นอกจากนี้การที่ระยะความสูงฝ้าเพดานสูง 3 เมตร และให้กระจกบานใหญ่เต็มบานทุกห้อง  ก็ช่วยทำให้ดูโปร่งมากขึ้นด้วย

สำหรับวัสดุนั้นให้มาเกรดดี  สัมผัสโดยรวมของวัสดุนั้นดีมาก  ดูแพง  พวกประตูหน้าหน้าต่างทั้งหลายทำ fitting มาแข็งแรงดี  คุมโทนสีวัสดุให้ห้องได้ดี  ครัวให้ของเกรดดีมาก ใช้ Top Brand อย่าง Küppersbusch เช่นเดียวกับห้องน้ำที่ใช้ Grohe และ TOTO Washlet  ผิวสัมผัสของวัสดุดูแพง  มีให้ Featured Wall เพิ่มเติมแต่ละห้อง  ด้วยหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศ

ด้านพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX ให้มาดี  และมีหลายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น

• Lobby + Business Lounge
• Private Storage
• สวนด้านหน้าโครงการ (Hidden Pavilion + Green Amphitheatre)
• สวนที่ชั้น 8 (Sanctuary Terrain Garden)
• Library + Co-working space
• The Sky social lounge
• The Residencial Lounge
• Private Theatre
• Meeting Room
• Sky Edge Swimming Pool + Kid’s Pool
• Fitness
• Onsen + Stream Room
• Private Exercise Room

ดีไซน์ของพื้นที่ส่วนกลางภายในทำมาดี  คุมโทนสีและบรรยากาศได้ดี  ส่วนข้างนอกจะเรียบๆ หน่อย  ซึ่งน่าจะเป็นแนวคิดที่พยายามทำให้สัมพันธ์กับรูปแบบของตัวสถาปัตยกรรมด้านนอกด้วย

สัดส่วนของลิฟต์อยู่ทึ่ 80 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว  ถือว่าดีมาก  ส่วนที่จอดรถที่ 87% แบบรวมจอดซ้อนคัน  ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สมเหตุสมผลกับการใช้งาน  คือ 87% สำหรับคอนโด segment นี้  ยังไงก็ใช้งานพอ  เพราะว่าคนอยู่จริงไม่เต็มอยู่แล้ว  แต่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะใส่ให้เต็ม 100% ไปเลยจะหล่อขึ้นอีกมากๆ

Summary

สำหรับบทสรุปของคอนโด THE ESSE at SINGHA COMPLEX นี่ผมไม่ได้สรุปคะแนนในเชิงความคุ้มค่าให้เหมือนกับรีวิวอื่นๆ  เนื่องจากโครงการอยู่ใน Super Luxury Segment ซึ่งการซื้อหาคอนโดเหล่านี้จะไม่ได้มองในมิติของความคุ้มค่าเงินอย่างเดียว  น้ำหนักของ Emotional Benefit นั้นมีเยอะมากๆ   ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับความพึงใจของลูกค้าแต่ละคน  ที่วัดออกมาเป็นตัวเงินไม่ได้  ซึ่งจากที่ดูข้อมูลบนกระดาษ  ณ ตอนนี้  ก็ต้องบอกว่าสิงห์ทำได้น่าประทับใจ  ต้องรอดูตอนตึกเสร็จสุดท้ายว่าจะออกมากลายเป็น Flagship Project ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกได้หรือไม่  เพราะดูแล้วสิงห์น่าจะขยายตลาด Super Luxury อีกหลายตัวจากนี้ต่อไป  เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสอยที่ดินติด BTS ทองหล่อ จาก Fragrant มาไว้ในครอบครองไว้ได้ในราคาตารางวาละ 1.7 ล้านบาท  และก็มีแผนจะเปิดโครงการในปีนี้ด้วย

ก็ต้องรอดูความคืบหน้าของ THE ESSE at SINGHA COMPLEX  โดย SINGHA ESTATE กันต่อไป  ^_____^

Additional Info :

ใครสนใจก็ไปชมห้องตัวอย่างได้ที่ Sale Gallery THE ESSE at SINGHA ESTATE  และจะมีเปิด pre-sale 4-5 มีนาคม 2560  ลงทะเบียนรับข้อเสนอพิเศษในวันงานได้ที่  >>  http://www.singhaestate.co.th/singhacomplex/condo