CHIC REPUBLIC เปิดแผนธุรกิจปี 60 ปั้นแบรนด์ “RINA HEY” จับดีมานด์คนรุ่นใหม่

· ~ 1 min read

เปิดแผนธุรกิจ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด ปี 2560 ตั้งเป้ายอดขายเติบโตอยู่ที่ 5-10% รับผลบวกตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับกลยุทธ์สู่ตลาดระดับกลางบน เตรียมเก็บรายได้สาขาใหม่บนถนนราชพฤกษ์เต็มปี พร้อมเดินหน้าปั้นแบรนด์ใหม่ “RINA HEY” (ริน่า เฮย์) ตอบโจทย์คนอยู่อาศัยคนรุ่นใหม่ วัยเริ่มทำงานและสร้างครอบครัว เสริมทัพเพื่อยกระดับแบรนด์ CHIC REPUBLIC ชูกลยุทธ์ “ความคุ้มค่ายิ่งกว่าราคาจ่าย” ให้กับลูกค้า มุ่งสู่เจ้าตลาดสินค้าตกแต่งบ้านระดับกลางบนครอบคลุมทุกกลุ่มวัย เร่งปรับพื้นที่ขายสินค้า ริน่า เฮย์ ครบทุกสาขาของชิค รีพับบบลิค และวางแผนขยายอีก 1 สาขา

CHIC REPUBLIC เปิดแผนธุรกิจปี 60
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด
โฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านมาตรฐานยุโรปและอเมริกา ภายใต้แนวคิด “Home Fashion Store” เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของ Chic Republic ในปี 2560 ว่า บริษัทมีความมั่นใจในการเติบโตของตลาดเฟอร์นิเจอร์ไทยและโฮมแฟชั่นสโตร์ระดับกลางบน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงซบเซา แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีความชัดเจนของแบรนด์ชิค รีพับบลิค เป็นกลุ่มที่ยังคงมีกำลังซื้อพร้อมจับจ่ายใช้สอย และยังมองเห็นโอกาสจากแผนงานและนโยบายทางธุรกิจของผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่เริ่มปรับกลยุทธ์การพัฒนาโครงการสู่ตลาดระดับกลางบนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านกำลังซื้อ และปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งการปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์นี้ถือเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรงของบริษัท

CHIC REPUBLIC เปิดแผนธุรกิจปี 60

ทั้งนี้ในปี 2560 บริษัทมีแผนธุรกิจที่ต้องการมุ่งเน้นกลยุทธ์การมอบความคุ้มค่ายิ่งกว่าราคาจ่ายให้กับลูกค้า และเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและมอบประสบการณ์ใหม่ ส่งมอบผ่านเรื่องราวของสินค้าแต่ละประเภทให้ลูกค้าได้รับรู้ จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายตลอดระยะเวลา 3-5 ปี เฉลี่ย 15-20 % ขณะที่ในปีนี้ ตั้งเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้น 5-10 % เมื่อเทียบกับยอดขาย 860 ล้านบาทในปี 2559 ที่ผ่านมา

ปีนี้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ที่ตั้งอยู่บนราชพฤกษ์อย่างเต็มปี โดยโฮมแฟชั่นสโตร์ชิค รีพับบลิค สาขาราชพฤกษ์ นับว่าตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่มีแนวโน้มการเติบโตและกำลังซื้อที่สูง สะท้อนจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ ทยอยเปิดโครงการใหม่ระดับกลางบนจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่พื้นที่จัดวางสินค้าของสาขาราชพฤกษ์ถือว่ามากที่สุดกว่า 15,000 ตารางเมตร อยู่บนที่ดินกว่า 12 ไร่ โดยมีความโดดเด่นของการออกแบบอาคารในสไตล์ “European Village” มาพร้อมกลิ่นอาย Provence และมีความสะดวกสบายของพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 250 คัน รวมทั้งมีร้านอาหารชื่อดังมากมาย รองรับทุกความต้องการทุกไลฟสไตล์ ทำให้สามารถดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น

ริน่า เฮย์ (RINA HEY)

บริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ริน่า เฮย์ (RINA HEY) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในสไตล์ “Industrial Loft” ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้เช่นเดียวกัน โดยตลาดของ ริน่า เฮย์ จะรองรับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยเริ่มทำงาน และกลุ่มคนที่เริ่มสร้างครอบครัว ที่มีความเป็นตัวเอง บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจนอย่างยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่มีพื้นที่จำกัด อาทิ บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ขนาดเล็ก หรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่เล็กลง หรือที่อยู่อาศัยแนวโมเดิร์นสมัยใหม่ ขนาดสินค้ากระทัดรัด เน้นเอกลักษณ์การดีไซน์ในสไตล์ที่แตกต่าง และคงรักษาคุณภาพสินค้าตามแนวคอนเซปต์ความคุ้มค่ายิ่งกว่าราคาจ่าย  บริษัทมีความตั้งใจผลักดันแบรนด์ ริน่า เฮย์ ให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งแผนการตลาดและแผนการลงทุนที่แยกจากแบรนด์ ชิค รีพับบลิค เพื่อมุ่งสร้างแบรนด์ให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว โดยไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทจะปรับเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าแบรนด์ ริน่า เฮย์ ให้ครบทุกสาขาที่มีอยู่อีก 3 แห่ง ได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา), สาขาบางนา (บางนา-ตราด กม. 4) และสาขาพัทยา (เยื้องบิ๊กซีพัทยาใต้) และในอนาคตเตรียมแผนพัฒนาเพื่อเปิด Stand Alone Store เฉพาะแบรนด์ ริน่า เฮย์ เพิ่มขึ้นอีกในอีกหลายทำเล โดยมุ่งสู่พื้นที่หัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลัก

สำหรับการทำตลาดแบรนด์ RINA HEY  ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เกาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงมุ่งเน้นแผนการตลาดแบบดิจิตอล และการทำการตลาดแบบออนไลน์ โดยปัจจุบันได้เริ่มพัฒนาสื่อ Social Media อาทิ Facebook Instagram และ Line@ เป็นต้น และในเดือนกรกฎาคมนี้ มีแผนจะพัฒนาเว็บไซต์ และอีคอมเมิร์ซ  บริษัทจะบุกตลาดออนไลน์แบบเต็มตัวภายในปี 2560 นี้  ขณะที่แบรนด์ ชิค รีพับบลิค จะเดินหน้าบุกแผนการตลาดแบบ Digital Online ปัจจุบันได้เพิ่มช่องทางติดต่อกับกลุ่มลูกค้าทางสื่อ Facebook และ Social Media อื่นๆ เพื่อกระชับการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับบริษัทมากขึ้น และเดินหน้าพัฒนาสู่การทำสู่อีคอมเมิร์ซในเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งนี้บริษัทเตรียมจะขยายสาขาเพิ่มในกรุงเทพฯ อีก 1 สาขา และตั้งเป้าจะขยายสาขาในต่างประเทศให้ได้ตามแผนที่เคยกำหนดไว้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 300-400 ล้านบาท

นายกิจจา กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนท์เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในส่วนนี้อยู่ระดับประมาณ 25-30 % และลูกค้าส่วนค้าปลีกอยู่ที่ระดับประมาณ 75% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สนใจเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อตกแต่งห้องให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าโครงการแบรนด์ใหญ่มากมาย อาทิ โครงการทอสคาน่า เขาใหญ่, แสนสิริ, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเมนท์, เอพี, เอสซี แอสเสท และ โกลเด้น แลนด์ เป็นต้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
icon-yusabuy-titleRELATED ARTICLE
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก