“พงษ์พิทยา พร็อพเพอร์ตี้” ยักษ์ใหญ่อสังหาฯบุรีรัมย์ ขยายฐานลูกค้า บุกเมืองพัทยา ซุ่มจองทำเลทองเปิดโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA บ้านพักตากอากาศบนพื้นที่ส่วนตัว ปั้มยอดขายแล้วกว่า 50% พร้อมเร่งเปิดเฟส 2 เพิ่มฟังก์ชั่นแห่งการพักผ่อน ยิ้มรับอานิสงค์โครงการภาครัฐ ทำที่ดินราคาขยับ
นางปารดา พิทยาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พงษ์พิทยา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ภายใต้กลุ่มห้างหุ้นส่วนจำกัด เค.เอ.พี.เพาเวอร์ ( KAP Group ) เปิดเผยถึงแผนพัฒนาโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA บ้านพักตากอากาศ บนทำเลแห่งอนาคต ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า บริษัทได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ปี 2556 เพื่อจัดทำโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA ด้วยมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ของเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนและท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวปีละกว่า 9 ล้านคน และด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการที่อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองพัทยา แต่เป็นโซนที่มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน และที่สำคัญอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาเพียง 20 นาที
จากศักยภาพด้านทำเล และการออกแบบบ้านพักตากอากาศของ GRAND VALLEY PATTAYA ที่มอบพื้นที่การพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว ด้วยการจัดสรรพื้นที่ของห้องนอนในแต่ละห้องให้แยกส่วนกันอย่างชัดเจน แต่เชื่อมต่อบ้านด้วยห้องพักผ่อนและห้องอาหารที่ทำให้สมาชิกทุกคนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ในวันพักผ่อนได้อย่างลงตัว พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวให้กับบ้านทุกยูนิต ภายใต้แนวคิด“Privately Your Own Space บ้านพักตากอากาศบนพื้นที่ส่วนตัวของคุณ” ที่จะเติมเต็มวันพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว ให้เป็นวันแห่งความสุข สนุก และอบอุ่น ที่ให้คุณมากกว่าบ้านพักตากอากาศ ภายใต้สโลแกน MORE THAN YOUR RELAXED MIND มากกว่าสุนทรีย์แห่งการพักผ่อนของคุณ ด้วยทำเลที่สะดวกสบายกว่า …มากกว่าด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่า…มากกว่าด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นกว่า…มากกว่าด้วยความคุ้มค่าของพื้นที่ในอนาคต ทำให้ล่าสุดสามารถปิดการขายไปได้แล้วถึง 50% ของจำนวนบ้านทั้งหมด 43 ยูนิต หลังจากเริ่มเปิดขายบ้านในโครงการตั้งแต่ไตรมาสมี่ 4 ของปี 2558
ล่าสุด GRAND VALLEY PATTAYA ได้เปิดบ้านเฟส 2 เพื่อนำเสนอแบบบ้านใหม่ 2 แบบ ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นภายในบ้าน เพิ่มเติมพื้นที่แห่งการพักผ่อน และเติมเต็มความเป็นส่วนตัวให้ก้บสมาชิกในครอบครัว โดยแบบบ้านใหม่แบบแรก คือ
- แบบ Lake View A Plus บ้านเดี่ยว 2 ชั้น วิวทะเลสาบส่วนตัว : โดยฟังก์ชั่นการใช้งาน ได้มีการขยายและปรับส่วนพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ด้วยการเพิ่มโถงให้ดูโปร่งโอ่โถงขึ้น และขยายพื้นที่ส่วนห้องรับแขกให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องครัว สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 40 ตรม.พื้นที่ Party รอบสระว่ายน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน
- แบบบ้านที่ 2 คือ แบบ Grand Hill C Plus บ้านเดี่ยว 1 ชั้น วิวเขาชีจรรย์ : บนพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 314 ตารางเมตร ปรับให้สไตล์บ้านดูกว้างขวางและทันสมัยมากขึ้น พื้นที่ใช้สอยสะดวกเชื่อมหากันอย่างลงตัว เสริมด้วยพื้นที่ปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ด้วยฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องครัว สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 40 ตรม.พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งจากแบบบ้านที่ตอบโจทย์การพักผ่อนรวมถึงทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพและเป็นทำเลแห่งอนาคต ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในปี 2563
ทำเลที่ตั้งของโครงการถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก เพราะนอกจากจะใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองพัทยา อาทิ เขาชีจรรย์ ไร่องุ่นซิลเวอร์แลค สวนน้ำรามายาณะ สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค และสวนนงนุช แล้ว ยังสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายทางทั้งถนนสุขุมวิท และทางหลวงหมายเลข 331 เลี่ยงเมืองพัทยาเชื่อมต่อถนนมอเตอร์เวย์ได้อย่างสะดวกสบาย ประกอบกับล่าสุดรัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเบื้องต้นประกาศให้พื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาเป็นเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ เมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ยิ่งทำให้ที่ตั้งของโครงการมีศักยภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น” นางปารดา กล่าว