บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หรือ Interim dividend 50% ของกำไรต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 (วันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2560) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 สิงหาคม 2560 และจะกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กันยายน 2560 นี้ ส่งสัญญาณผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องในอนาคต เผยผลประกอบการรอบ 6 เดือน โกยกำไร 1,316 ล้านบาท รายได้รวม 15,784 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 34,000 ล้านบาท แจงผลการดำเนินงานโดยเฉพาะไตรมาส 2 เติบโตโดดเด่น มีรายได้ 8,660 ล้านบาท โตขึ้นจากไตรมาสแรก 21.6% กำไร 804 ล้านบาท โตขึ้นจากไตรมาสแรก 57.2% ขณะที่ยอดขายรวมปัจจุบัน 18,700 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายล่าสุดที่ปรับใหม่เป็น 40,000 ล้านบาท เผยแผนธุรกิจเตรียมเปิดพรีเซลล์บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ ประชาชื่น 2 มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท วันที่ 30 ก.ย.นี้ พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ลุยโรดโชว์ สิงคโปร์ – มาเลเซีย ช่วงเดือนส.ค. – ก.ย. 60
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2560 เป็นที่น่าพอใจ มีกำไรสุทธิจำนวน 1,316 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผล 50% ของกำไรต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 8 กันยายน 2560 โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่ดีและผลประกอบการที่ดีในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,316 ล้านบาท มีรายได้รวมถึง 15,784 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 34,000 ล้านบาทจากการทยอยโอนส่งมอบคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม 98 Wireless (ไนน์ตี้เอทไวร์เลส), ดีคอนโด นิม รวมถึงการโอนที่อยู่อาศัยคุณภาพให้แก่ลูกค้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทยังจ่อคิวโอนโครงการ โมริ เฮาส์ (Mori HAUS) คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “HAUS” โครงการที่ 2 ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติกลางเมืองใหญ่ โดยกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ HAUS นั้น ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงรวมถึงทั้ง 2 โครงการที่เปิดขายยังมีชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจจำนวนมาก
“ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีผลประกอบการที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่มีกำไรสุทธิ 804 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 57.2% จากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 512 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวม 8,660 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21.6% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 7,124 ล้านบาท รายได้จากการขายเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 31.2% จาก 5,726 ล้านบาทในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นเป็น 7,512 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายปัจจุบัน ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2560 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 18,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายล่าสุดที่มีการปรับใหม่เป็น 40,000 ล้านบาทแล้ว” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในช่วงเดือนกันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดการขายโครงการ “taka HAUS” (ทากะ เฮาส์) มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ภายใต้การพัฒนาของ บริษัท สิริ ทีเค วัน (Siri TK One Company Limited) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ “เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ ประชาชื่น 2” มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท โดยเตรียมจัดงานพรีเซลล์ เปิดการขายอย่างเป็นทางการวันที่ 30 กันยายนนี้เพื่อตอบรับความต้องการบ้านเดี่ยวในทำเลกรุงเทพฯ โซนเหนืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนนี้ บริษัทยังมีแผนรุกเดินหน้าโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและประเทศในแถบเอเชีย ทั้งสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยจะเข้าร่วมงาน Thailand Focus ในวันที่ 31 สิงหาคม และโรดโชว์ที่สิงคโปร์วันที่ 20 – 22 สิงหาคม รวมทั้งโรดโชว์ที่มาเลเซียวันที่ 14 – 15 กันยายน 2560 เพื่อให้นักลงทุนทราบถึงแนวทางการทำธุรกิจ การสร้างแบรนด์และกลยุทธ์การทำการตลาดที่แข็งแกร่งเพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงการรุกการทำการตลาดในตลาดต่างประเทศเพื่อขยายฐานรายได้และสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นอีกในอนาคต