บริษัท แสนสิริ  จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หรือ Interim dividend เป็นครั้งแรก 50% ของกำไรต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2559 (วันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2559) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 ส.ค. 2559 และจะกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ก.ย. 2559 นี้ ส่งสัญญาณผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องในอนาคต เผยผลประกอบการไตรมาส 2/59 กำไรเติบโตขึ้น 11.9% จาก 556 ล้านบาทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 622 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.2 % จากไตรมาสก่อน 7,686 ล้านบาท เป็น 8,238 ล้านบาท  โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3.8% จาก 7,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 7,311 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือน บริษัทมียอดขายรวมกว่า 14,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 42,000 มีรายได้รวม 15,924 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 36,000 ล้านบาท เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ ลุยโรดโชว์ประเทศในแถบเอเชีย สิงคโปร์ – ญี่ปุ่น – ฮ่องกง ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้

นายเศรษฐา  ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2559 เป็นที่น่าพอใจ มีกำไรสุทธิจำนวน 1,179 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท โดยมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 14,285,501,270 หุ้น เป็นเงินจำนวน  571.42  ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผล 50% ของกำไรต่อหุ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของ SIRI โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่ดีและผลประกอบการที่ดีในอนาคต

“ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล หรือ Interim dividend เป็นครั้งแรกของแสนสิริ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 29 สิงหาคม 2559 รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นโดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2559 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 9 กันยายน 2559” นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,179 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559  มียอดขายรวมกว่า 14,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 42,000 มีรายได้รวมถึง 15,924 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% ของเป้าหมายรายได้ รวมที่ตั้งไว้ในปีนี้ 36,000 ล้านบาทจากการทยอยโอนส่งมอบคอนโดมิเนียม โครงการเดอะเบส เซ็นทรัล พัทยา ( The Base Central Pattaya), ฮาสุ เฮาส์ (Hasu Haus), ดีคอนโค แคมปัส รังสิต (dCondo Campus Rangsit), ดีคอนโด อ่อนนุช-พระรามเก้า (dCondo Onnut-Rama9) และดีคอนโด นิม (dCondo Nim) จากเป้าการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม 6 โครงการใหม่ในปีนี้ ซึ่งจะทยอยโอนที่อยู่อาศัยคุณภาพให้แก่ลูกค้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง โดยจ่อคิวโอนโครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 (The Line Sukhumvit 71) ในต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้จากการโอนตามเป้าหมาย 36,000 ล้านบาทตามที่ตั้งไว้

ขณะที่ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาสที่ 2/2559 บริษัทมีกำไรเติบโตขึ้น 11.9% หรือกำไรสุทธิ 622 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 556 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวม 8,238 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.2% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 7,686 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3.8% จาก 7,041 ล้านบาท เป็น 7,311 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังมีแผนรุกเดินหน้าโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและประเทศในแถบเอเชีย ทั้งสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เพื่อให้นักลงทุนทราบถึงแนวทางการทำธุรกิจ การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์การทำการตลาดที่หลากหลายเพื่อตอบรับและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงการรุกการทำการตลาดในตลาดต่างประเทศเพื่อขยายฐานรายได้และสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นอีกในอนาคต