รัฐหนุนการลงทุนภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อน EEC เดินหน้าพื้นที่สู่ World-Class Economic Zone ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ด้าน “ออริจิ้น” จัดหนัก รุกลงทุนอสังหาฯครบวงจร คอนโดมิเนียม-โรงแรม-คอมมูนิตี้มอลล์ใน EEC รวมมูลค่าทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท หวังสนับสนุนรัฐกระตุ้นการลงทุนไทย-ต่างชาติ คาดศรีราชาทำเลทอง ขึ้นแท่น “โอซาก้าเมืองไทย” หลังเกิด “ดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์” แย้มพร้อมบุกตลาด EEC ต่อเนื่อง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” โดยรัฐจะเดินหน้าลงทุน 5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” อย่างไรก็ดี การจะดำเนินนโยบายให้ประสบผลสำเร็จสูงสุดได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่ด้วย
“นับเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการ EEC ของรัฐบาลในวันนี้ ไม่ได้มีเพียงรัฐบาลที่เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดนักลงทุน แต่ยังมีภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จนทำให้เกิดเมือง เกิดสังคม หรือคอมมูนิตี้ ขึ้นมารองรับการลงทุนคู่ขนานกันไปด้วย ต้องขอขอบคุณบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ถือเป็นบริษัทต้นแบบ เข้ามาช่วยสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ EEC อย่างจริงจังเป็นรายแรกๆ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดหวังว่า กลไกความร่วมมือทุกมิติระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ EEC จะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น ทำให้ EEC กลายเป็น “เมืองยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ” ที่เติบโตไปจนสร้างรายได้ สร้างการเจริญเติบโตให้แก่ประเทศได้ตามเป้าหมาย และช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น “ไทยแลนด์ 4.0” ต่อไป
สำหรับการลงทุนใน EEC คาดว่าระยะยาว จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยราว 5% ต่อปี สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 100,000 อัตราต่อปี สร้างฐานภาษีใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคนต่อปี และสร้างฐานรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาทต่อปี
ด้านนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า บริษัทในฐานะภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มองว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน บริษัทจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคนี้ กระตุ้นการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ EEC รวมมูลค่าโครงการกว่า 12,130 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใน ศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 10,130 ล้านบาท และใน จ.ระยองประมาณ 2,300 ล้านบาท
สำหรับโครงการในศรีราชา บริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการไปแล้ว 2 โครงการได้แก่
1.โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา” มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย คอนโดมิเนียมเคนซิงตัน แหลมฉบัง 1 เคนซิงตัน แหลมฉบัง 2 นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง โรงแรมฮออลิเดย์ อิน แอนด์ สวีทและคอมมมูนิตี้มอลล์ “พอร์โทเบลโล มอลล์” โดยโครงการคอนโดมิเนียม เคนชิงตัน แหลมฉบัง 1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่เคนชิงตัน แหลมฉบัง 2 และนอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
2.โครงการคอนโดมิเนียม “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา” (KnightsBridge The Ocean Sriracha) มูลค่า 2,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่ได้รับรางวัล Best Luxury Condo Development (Eastern Seaboard) จากงาน Thailand Property Awards 2017 ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ มียอดขายแล้วกว่า 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯที่ซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดเช่าของศรีราชามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม เพราะศรีราชาไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมทำให้การเดินทางสะดวก ส่งผลให้ศรีราชาเป็นตลาดเช่าที่สำคัญ ขณะที่อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูงคือประมาณกว่า 30,000 บาทต่อเดือน
“ปัจจุบัน ศรีราชาถือเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นเมืองท่าลำดับที่ 22 ของโลกเชื่อมโยงการขนส่งไทยเข้ากับประเทศต่างๆ มีการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถูกขนานนามว่าเป็นลิตเติ้ล โอซาก้า ในอนาคตหลังภาครัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการดิจิทัล พาร์คไทยแลนด์ในศรีราชาตามโครงการ EEC มีสัญญาณที่ดีว่าจะมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มขึ้น ศรีราชาจะไม่ใช่แค่ลิตเติ้ล โอซาก้า แต่จะกลายเป็น โอซาก้าเมืองไทย” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับโครงการที่จังหวัดระยอง บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2561 และเพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการในเขตพื้นที่ EEC บริษัทยังมองหาที่ดินแปลงอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและส่งเสริมการดำเนินนโยบายของภาครัฐ