“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิเฉียด 1,000 ล้าน โตเป็นประวัติการณ์ทะลุ 202% เทียบกับปี 2559 และ ยังคงมีความสามารถในอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงถึง 46.6% ซึ่งสูงขึ้นกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 3 ปี 2559 ที่อยู่ที่ 43.9% พร้อมโกยรายได้โตเท่าตัวรับแบ็กล็อกทยอยรับรู้แข็งแกร่ง ตะลุยงานไตรมาส 4 พร้อมสร้างรากฐานสู่แผนปี 2561
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, ไนท์บริดจ์, และพาร์ค เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,959.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.6% (%QoQ) จากไตรมาส 2 ปี 2560 และ เพิ่มขึ้นถึง 121.5% (%YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 อยู่ที่ 4,014.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.3% (%YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ มาจากโครงการใหม่ 6 โครงการ ที่สามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามแผน ขณะเดียวกันยังมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติความสาเร็จและประสบการณ์ทางธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ทั้งในเอเชีย และ หลายประเทศทั่วโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดที่อยู่อาศัยสูงเป็นอันดับ 1 ใน 3 รวมทั้งมีแบรนด์อาคารชุดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับกลุ่มบริษัทในการขยายการพัฒนาโครงการและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
ขณะที่มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 779.3 ล้านบาท เติบโตขึ้น 45.4% (%QoQ) จากไตรมาส 2 ปี 2560 และ เติบโตขึ้น 107.2% (%YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 46.8% ซึ่งสูงขึ้นกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาส 3 ปี 2559 ที่อยู่ที่ 42.9% และสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,718.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 109.5% (%YoY) คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 46.6% ซึ่งสูงขึ้นกว่าอัตรากำไรขั้นต้นงวดเก้าเดือนปี 2559 ที่อยู่ที่ 43.9% โดยความสามารถในการทำกำไรที่ดีมาจากกลยุทธ์ในการจัดหาที่ดิน และ การบริหารต้นทุนโครงการได้ดีอย่างต่อเนื่องตามแผน
ขณะเดียวกันไตรมาส 3 ปี 2560 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 556.1 ล้านบาท เติบโตขึ้น 132.9% (%QoQ) จากไตรมาส 2 ปี 2560 และ เติบโตขึ้นถึง 251.5% (%YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 28.4% ซึ่งสูงขึ้นกว่าอัตรากำไรสุทธิของไตรมาส 2 ปี 2560 ที่อยู่ที่ 20.3% และ ไตรมาส 3 ปี 2559 ที่อยู่ที่ 17.9%และสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 966.7 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 202.5% (%YoY) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 24.1% ซึ่งสูงขึ้นกว่าอัตรากำไรสุทธิของงวดเก้าเดือนปี 2559 ที่อยู่ที่ 16.8% เนื่องจาก โครงการใหม่แล้วเสร็จรับรู้ได้ตามแผนเพิ่มขึ้น และ ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น รวมถึงจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด จากญี่ปุ่น ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
“สำหรับช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 จะเป็นช่วงที่บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานเพื่อก้าวไปสู่ปีต่อๆ ไป ควบคู่กับการพัฒนาและเปิดขายโครงการใหม่ไปตามแผนงาน โดยจะมีการจัดแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้อยู่อาศัย เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายด้วย” นายพีระพงศ์ กล่าว