แสนสิริจุดพลุความสำเร็จส่งท้ายปี 60 ปิดการขายโครงการในเชียงใหม่และภูเก็ต ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ (D Condo Ping Changmai) มูลค่า 1,800 ล้านบาท ปิดการขายหลังเปิดขายเพียง 6 เดือน เดอะ เดค ป่าตอง (The Deck Patong) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ทำเลใจกลางป่าตอง ปิดการขายมูลค่า 1,500 ล้านบาท พร้อมจ่อปิดการขายอีก 2 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส ไฮท์- ภูเก็ต (The Base Height – Phuket) และโครงการ เดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต (The Base Uptown – Phuket)ในสิ้นปี 2560 โกยยอดขายสู่เป้าหมาย 40,000 ล้านบาท เผยล่าสุดกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน (D Condo Campus Kampangsaen) มูลค่า 1,200 ล้านบาท หลังรุกทำเลนครปฐมเป็นครั้งแรก จากการเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เปิดพรีเซลล์ 2 วัน โกยยอดขายแล้วกว่า 50% เล็งลุยเพิ่มแบรนด์ ดีคอนโด ต่อยอดความสำเร็จ ในปี 2561
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งปีที่แสนสิริ ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยล่าสุดบริษัทประสบความสำเร็จในการปิดการขายโครงการในจังหวัดหัวเมืองหลัก คือ เชียงใหม่และภูเก็ต ได้แก่ โครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ (D Condo Pink Changmai) จำนวน 687 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท หลังเปิดการขายเพียง 6 เดือน ทั้งนี้ แบรนด์ดีคอนโด นับเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะทำเล บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ติดเซ็นทรัล เฟสติวัล ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยโครงการดีคอนโดที่ปิดการขายแล้วจำนวนถึง 3 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด ซายน์, ดีคอนโด นิม และล่าสุด ดีคอนโด พิงค์ จำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 2,000 ยูนิต บนพื้นที่ติดกันกว่า 30 ไร่ ซึ่งเปรียบเสมือนพื้นที่คอมมูนิตี้ส่วนตัวของลูกบ้าน จากวิสัยทัศน์ของแสนสิริในการคัดสรรทำเลศักยภาพในการพัฒนาโครงการมาโดยตลอด
นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการปิดการขายโครงการในภูเก็ต ได้แก่ โครงการเดอะ เดค ป่าตอง (The Deck Patong) คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ทำเลใจกลางป่าตอง มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดที่พักอาศัยในรูปแบบฮอลิเดย์โฮมในทำเลท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งจากลูกค้า
ชาวไทยที่ซื้อเพื่อการลงทุนในตลาดปล่อยเช่าที่ให้ผลแทนสูงถึง 4-5% จากอัตราเช่าโครงการในทำเลติดหาดป่าตองในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 70,000 บาทต่อเดือน รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงานหรือเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่และพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จปิดการขายในที่สุด ด้วยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ 51:49% ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติสูงจนเต็มโควต้าการขายตลาดต่างชาติ นอกจากนี้บริษัทยังวางเป้าหมายในการปิดการขายอีก 2 โครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ได้แก่ เดอะ เบส ไฮท์- ภูเก็ต (The Base Height – Phuket) และโครงการเดอะ เบส อัพทาวน์-ภูเก็ต (The Base Height – Phuket) มูลค่า 2 โครงการรวม 2,100 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2560 นี้อีกด้วย
ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดการขายโครงการ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน (D Condo Campus Kampangsaen) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการรุกพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ กำแพงแสน จังหวัดนครปฐมเป็นครั้งแรก สามารถสร้างยอดขายโครงการได้แล้วถึง 50% ในช่วงเปิดพรีเซลล์เพียง 2 วัน ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากจำนวนทั้งสิ้น 767 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอีกครั้งในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด โดยเหตุผลหลักที่กลุ่มลูกค้าให้การตอบรับโครงการมาจากการเป็นคอนโดมิเนียมคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง ติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน รวมทั้งมีแผนที่จะขยายมหาวิทยาลัยฯ เพิ่มเติมในอนาคต ส่งผลให้โครงการได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพของโครงการ ให้ความสำคัญกับทำเลและคุณภาพโครงการและมีความพร้อมด้านการเงิน ประกอบกับการที่แสนสิริได้เจาะตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีในที่สุด
นอกจากนี้โครงการยังโดดเด่นในด้านความสะดวก ปลอดภัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด สวนส่วนกลางกว่า 1 ไร่ ที่จะทำให้กลุ่มผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถเรียนหนังสือหรือทำกิจกรรมได้เต็มที่มากกว่า พร้อมชุดเฟอร์นิเจอร์แต่งครบ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริงและสะดวกสบายมากขึ้นด้วย Home Automation ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดทุกอย่างในห้องพักได้เพียงใช้ Smart Phone หรือระบบสั่งการด้วยเสียงจาก Alexza โดยดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน มีราคาขายเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท
“ในปีนี้นับว่าบริษัทประสบความสำเร็จในตลาดต่างจังหวัดและได้รับการตอบรับที่ดีในคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ราคา 1 – 3 ล้านบาท จากการที่ทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน ประกอบกับการที่แสนสิริสามารถทำการตลาดที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนในการรุกพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดีคอนโด อย่างต่อเนื่องอีกหลายโครงการ รวมถึงแผนในการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต ในปี 2561 อีกด้วย จากความสำเร็จในการปิดการขายโครงการต่างๆ ในช่วงปลายปียังทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย 40,000 ล้านบาทที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายอุทัย กล่าว
ติดตามรายละเอียดข้อเสนอสุดพิเศษและข่าวสารที่น่าสนใจได้ที่ www.sansiri.com
บรรยากาศงานขายโครงการ D Condo กำแพงแสน