Sena Development เปิดแผนธุรกิจปี 2561 เตรียมโตแบบก้าวกระโดด ผ่านแนวคิด “Growth Hormone” เปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ เป็นแนวราบ 3 โครงการ และคอนโด 15 โครงการ ขยับเข้าสู่ในเมือง ลงตลาด Premium Condo มากขึ้น ตั้งเป้าเปิดโครงการมูลค่ารวมทั้งหมด 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2560 และตั้งเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท และวางเป้ารายได้ 5,200 ล้านบาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เผยถึงมุมมองแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 เชื่อมีแนวโน้มดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเพราะต่างก็มีการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาค่อนข้างมาก ประกอบกับทิศทางภาพรวมตลาดอสังหาฯปีนี้ปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยการส่งออกและการท่องเที่ยว อัตราดอกเบี้ยทรงตัว และรวมถึงโครงการของภาครัฐที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและเริ่มกลับมาตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่ม high end เชื่อว่าในปีนี้จะมีการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัยให้มากที่สุด
ปัจจุบันเทรนด์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนได้แก่
- สังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผุ้สูงอายุ ซึ่งจะเห็นผู้สูงอายุเริ่มมีการซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น มีการปรับพฤติกรรมการอยู่อาศัย
- ดีเวลลอปเปอร์เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวน้อยลง ส่วนทาวน์โฮมมากขึ้นนิดหน่อย ในขณะที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นนัยยะสำคัญ
- จำนวนคนที่อยู่อาศัยในแต่ละครอบครัวมีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน
สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ของบริษัทเสนาฯ ในปี 2561 นี้ ว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต โดยใช้แนวคิด “Growth Hormone” ประกอบด้วย 5 แนวทางหลัก
1. เปิดตัว 18 โครงการใหม่ในปีนี้ แบ่งเป็นบ้านจัดสรรแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขาย 10,300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 66% และเป้ารายได้ 5,200 ล้านบาท ทั้งนี้ได้วางงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ตั้งแต่อดีตมา ทาง Sena Development พัฒนาโครงการบ้านและคอนโดในตลาดระดับกลาง (Mid Market) เป็นหลัก ซึ่งจะดำเนินต่อไป แต่จะได้มีการเพิ่มสัดส่วนของโครงการ Premium Condominium ให้มากขึ้น โดยมีสัดส่วนประมาณ 21% ของพอร์ท นอกจากนี้ทางเสนาฯ ยังจะเปิดโครงการที่ร่วมทุนกับทาง Hankyu Realty ประมาณปีละ 3 โครงการ มูลค่าประมาณปีละ 10,000 ล้านบาท
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ ทางเสนาฯ จะรุกตลาดในเมืองมากขึ้น โดยตามแผนงานจะทำให้มีสัดส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม 61% ของพอร์ท ณ สิ้นปี 2561
2. นำพลังงานไฟฟ้าจากแผง Solar Cell มาติดตั้งในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง รวมถึงการทำแอพพลิเคชั่น SENA 360º SERVICE ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหลังการขายได้โดยง่าย ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของ application ให้มีบริการที่ครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งทางเสนาได้เตรียมพร้อมเรื่อง After Sale Service ไว้ 3 ด้าน คือ
- Application Sena We Care
- บริหารนิติบุคคลโดยบุคคลากรของเสนาฯ เอง (Victory Property Management)
- มี Living Agent สำหรับดูแลด้านการซื้อขาย ปล่อยเช่า ให้กับลูกบ้าน
ทางเสนาฯ ร่วมกับ Startup Liluna ในการทำ Car Sharing ของลูกบ้านในโครงการ
สามารถจองรถ Shuttle Service ของเสนาฯ ได้ผ่านทาง application โดยเช็คตำแหน่ง GPS ได้ ซึ่งรถจะใช้คนขับของทางเสนาฯ ที่เป็นผู้หญิงเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจกับลูกบ้านสุภาพสตรี และยังสามารถสแกน QR Code รถ จากนั้นค่าใช้จ่ายจะถูกเก็บพร้อมกับการจ่ายค่าส่วนกลาง เพื่ออำนวยความสะดวก
3. เสนาฯ ตั้งเป้าเป็น “The First EV ready” จับกลุ่มลูกค้าบ้าน Segment 5-10 ล้านบาทเจ้าแรกของไทย ติดตั้ง EV Charger และ Solar Cell นำร่อง 2 โครงการ ประกอบด้วย เสนา พาร์คแกรนด์ รามอินทรา–วงแหวน และโครงการ เสนา พาร์ค วิลล์ รามอินทรา–วงแหวน โดยลูกค้าสามารถเลือกคำนวนขนาดกำลังไฟฟ้าของ Solar Cell ที่ติดตั้งในบ้านได้แบบรายหลัง และตามความต้องการ ผ่าน Application ของทางเสนาฯ ที่เตรียมไว้
4. บริษัทมีการวางแผนการบริหารจัดการภายในองค์กร (Enterprise Resource Planning = ERP) ที่ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ และในปีนี้จึงได้การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเสนา เพื่อรวบรวมข้อมูลการวิจัยต่าง ๆ
5. เตรียมเคลื่อนภาพลักษณ์ของเสนาให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจัดทำ Corporate Campaigns และเตรียมปรากฎตัวตามสื่อต่างๆ เร็วๆ นี้
ทางเสนาฯ เชื่อว่ากลยุทธ์ทั้ง 5 แนวทาง จะสามารถทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ได้