ฮาบิแทท กรุ๊ป ประเดิมศักราชใหม่ เจาะตลาดไฮเอนด์ โซนซีบีดี กรุงเทพฯ เตรียมเปิดตัวโครงการเลอรอย ร่วมฤดี (LEROY Ruamrudee) Ultra Luxury Residences ในซอยร่วมฤดี และคอนโดมิเนียมหรูภายใต้แบรนด์วาลเด้น อีก 3 แห่ง ย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ พร้อมเดินหน้ายึดหัวหาดพัทยาเหนือ ขยายการลงทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 4 พันล้านบาท ในปี 2561 พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโต 3,000 ล้านบาท ตอกย้ำมั่นใจตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในปี 2561 มีทิศทางเป็นบวก ทั้งนี้ เตรียมโรดโชว์ต่างประเทศเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติในพอร์ต 30%
แผนธุรกิจและการลงทุนในปี 2561
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยแผนธุรกิจและการลงทุนในปี 2561 ว่า “ฮาบิแทท กรุ๊ป ตั้งงบลงทุนในปี 2561 รวมทั้งสิ้น 4 พันล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการในปีนี้ โดยฮาบิแทท กรุ๊ป เตรียมเปิดตลาดไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ โซนซีบีดี (Central Business District – CBC) เป็นครั้งแรก หลังจากยึดทำเลศักยภาพในพื้นที่พัทยามานานกว่า 5 ปี ทั้งนี้ ประเดิมโครงการแรกเป็นโครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตรา ลักชัวรี่ ภายใต้ชื่อ “เลอรอย” (LEROY Ruamrudee) ในซอยร่วมฤดี ซึ่งเป็นทำเลทองที่กล่าวได้ว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีราคาที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย ประมาณตารางวาละกว่า 1.9 ล้านบาท รวมถึงยังเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด และหาทำเลที่ดีเช่นนี้ได้ยากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ เตรียมพัฒนาเป็นบ้านพักอาศัยจำนวน 2 หลัง ขนาดพื้นที่ใช้สอยกว่า 2,160 ตารางเมตร มูลค่าโครงการรวม 250 ล้านบาท ซึ่งพร้อมเปิดตัวโครงการภายในไตรมาสแรกของปีนี้”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมในโซนสุขุมวิทอีก 3 โครงการ ภายใต้ชื่อโครงการ “วาลเด้น” (Walden) อยู่ในทำเลสุขุมวิท-ทองหล่อ ใกล้กับย่านธุรกิจ โรงเรียน และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และยังซึ่งเป็นถนนเส้นเอกลักษณ์พิเศษของกรุงเทพฯ ที่มีแนวรถไฟฟ้าวิ่งเกาะกลางตลอดความยาวของถนนตั้งแต่หัวถนนช่วงทางด่วนเพลินจิตไปจนสุดเขตกรุงเทพมหานคร ทำให้เป็นย่านที่ดินราคาสูง โดยราคาคอนโดมิเนียมในย่านสุขุมวิทเฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละกว่า 2 แสนบาทขึ้นไป ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมพัฒนาโครงการในโซนซีบีดีสุขุมวิท โดยมีงบลงทุนรวมกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งเตรียมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะมีโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากพัทยาเล็กน้อย โดยมีทั้งรูปแบบซื้อเพื่อลงทุนและซื้อเพื่อพักอาศัย แต่จะเน้นที่รูปแบบของการลงทุนเป็นหลัก โดยบริษัทฯ จะมีการบริหารจัดการการเช่าและอำนวยความสะดวกเรื่องการบำรุงรักษาห้องให้ผ่านบริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีทีมงานมืออาชีพและมีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการการเช่าเป็นผู้ดูแล และอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน
สำหรับการลงทุนในพัทยานั้น ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังคงยึดทำเลหลักพัทยาอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในทำเลพัทยาเหนือ ในช่วงปลายปี 2561 โดยยังยึดโมเดลการลงทุนแบบการันตีการเช่า โดยมีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับระดับโลกเป็นผู้บริหารและจัดการการเช่า โดยตั้งงบลงทุนโครงการในพัทยารวม 1,250 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของปี 2560
สำหรับผลการดำเนินงานของฮาบิแทท กรุ๊ป ในปี 2560 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในทำเลพัทยา จำนวน 6 โครงการ ได้แก่
- โครงการเดอะวิลล์ จอมเทียน
- โครงการครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ (X2 Vibe Pattaya Seaphere)
- โครงการครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere)
- โครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Bayphere Pattaya)
- โครงการบลูเฟียร์ พัทยา แมเนจบาย เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น (Bluphere Pattaya Managed by BW Premier Collection)
- โครงการวินด์แฮม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya)
โดยมีมูลค่ารวมแล้วกว่า 3,700 ล้านบาท มียอดขายในปี 2560 รวมกว่า 1,300 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 700 ล้านบาท โดยปัจจุบัน มีโครงการเดอะวิลล์ จอมเทียน และโครงการครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ ที่เปิดให้บริการแก่ลูกค้าและมอบผลตอบแทนจากการลงทุนให้แก่นักลงทุนในโครงการฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2561
ฮาบิแทท กรุ๊ป มั่นใจในศักยภาพและทำเลของโครงการ รวมถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2561 จะยังคงเติบโตในทิศทางบวกมากขึ้น จากปัจจัยเสริมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่บริษัทฯ เลือกลงทุนทั้งในพัทยา และโซน CBD กรุงเทพฯ มีการเติบโตและมีดีมานด์สูงต่อเนื่อง รวมถึง นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐที่ยังคงดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและผู้ประกอบการต่างๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า หรือโครงการส่งเสริมการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นประเทศเป้าหมายของบริษัทฯ ในการเตรียมโรดโชว์โครงการของบริษัทฯ ในประเทศดังกล่าว ตลอดจนเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติในพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 30% อีกด้วย
ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป ตั้งเป้ายอดขายในปี 2561 เติบโต 3,000 ล้านบาท และสามารถมีรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น 20% ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ชื้อตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอน
I like to know the new project info in pataya that pre sale in 2018.