คุณอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือของกลุ่มบริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป ตั้งเป้าพร้อมลุยโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise และโรงแรม ยึดแนวใกล้รถไฟฟ้า โดยคอนโดมิเนียมอยู่ในระดับราคาที่เอื้อมถึง 3-5 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าคนทำงานในเมืองที่มองหาบ้านหลังที่สองและกลุ่มนักลงทุน ซึ่งในไตรมาส 3 เตรียมเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุด The Nest สุขุมวิท 71 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71) ตั้งเป้าสิ้นปี 2561 มียอดขายรวมทุกโครงการ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ยังเตรียมงบลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท รุกสร้างโรงแรมบูติกอีก 2 แห่ง ภายในปี 2566
คุณอุษณา เปิดเผยว่าแบรนด์ The Nest (เดอะเนสท์) ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโครงการแรก The Nest เพลินจิต (เดอะเนสท์ เพลินจิต) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ที่เปิดขายในปี 2556 จำนวน 64 ยูนิต ผลตอบรับดีมากและปิดการขายได้ตามเป้า ลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มนักลงทุนและผู้มีรายได้ในระดับกลางที่ทำงานย่านชิดลมและเพลินจิต ซึ่งอาจจะมีบ้านอยู่แล้วและต้องการคอนโดเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางหรือเพื่อการลงทุนในอนาคตสำหรับการซื้อไว้ปล่อยเช่า
โครงการที่สอง The Nest สุขุมวิท 22 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท 22) เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 316 ยูนิต ออกแบบโดย PAA มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เปิดขายช่วงปลายปี 2558 สร้างเสร็จเมื่อปลายปี 2560 โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักลงทุนและผู้มีรายได้ประมาณ 40,000 บาทขึ้นไป ปัจจุบันเหลืออีกประมาณ 10% เท่านั้น โดยคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2561
สำหรับโครงการที่สามอยู่ในทำเล Eastern Center Business District (ECBD) คือโครงการ The Nest สุขุมวิท 64 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท 64) เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น มี 3 อาคาร จำนวน 439 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ออกแบบโดย Tandem ตกแต่งภายในโดย Paradigm Shift และออกแบบ Landscape โดย Red Landscape ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ สามารถเข้าออกได้ทั้งจากซอยสุขุวิท 64 ซึ่งปากซอยเป็น BTS ปุณณวิถี และซอยสุขุมวิท 66/1 ที่ปากซอยเป็น BTS อุดมสุข โดยห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 600 เมตร โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้จะเป็นกลุ่มนักลงทุนหรือกลุ่ม first jobber พนักงานบริษัทที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป เปิดให้จองไปเมื่อปลายปี 2560 ปัจจุบันมียอดจองแล้วกว่า 80% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ก่อนสิ้นปีนี้ โครงการนี้คาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณปลายปี 2562
คุณอุษณา เพิ่มเติมว่า คอนโดมิเนียมในทำเลกรุงเทพชั้นในและเขตรอบกรุงเทพชั้นในที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าเป็นทำเลที่มาแรง มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นมาก ด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางถึงบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีเงื่อนไขของราคาเปรียบเทียบกับคุณภาพและความสะดวกในการเดินทาง ถือเป็น 3 ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อหรือลงทุน ลูกค้าของเดอะเนสท์ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองในสัดส่วนที่มากกว่า 50% จากยอดขายปัจจุบัน และ อีก 50% ซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยและต่างชาติ คิดเป็น 70 : 30 และลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนและฮ่องกง ล่าสุดทางบริษัท เดอะเนสท์ฯ ก็มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการที่สี่ของปีนี้ คือ The Nest สุขุมวิท 71 (เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71) ใกล้สถานีพระโขนง ราวเดือนสิงหาคมปีนี้ ยังคงเป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้นเช่นเดิม จำนวน 5 อาคาร มี 515 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะเน้นให้อาคารพักอาศัยล้อมพื้นที่สวนขนาดใหญ่ตรงกลาง
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปิดยอดขายรวมของทุกโครงการที่ 2,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังวางแผนสำหรับธุรกิจ Recurring Income รุกธุรกิจโรงแรมบูติค 2 แห่ง ภายใต้ชื้อแบรนด์ Penta Hotel อยู่ในซอยนายเลิศ ย่านเพลินจิต จำนวนห้องพัก 150 ห้อง และอีกแห่งอยู่ในซอยนานา อีก 350 ห้อง รวมกันทั้งหมด 400 ห้อง ราคาห้องพักจะอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท/คืน โครงการนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างราวปี 2563 และแล้วเสร็จในปี 2566