L.P.N. DEVELOPMENT GROUP เปิดผลการดำเนินงานปี 61 เติบโต 20% ด้วยยอด pre-sale 15,526 ล้านบาท แต่เชื่อว่าปีนี้อสังหาฯ จะถดถอย พร้อมเตรียมรับมือโดยปรับโครงสร้างธุรกิจให้ครบวงจร ทั้ง Recurring Income และธุรกิจบริการ โดยตั้งเป้าปี 62 จะเติบโตได้รวม 10%
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า LPN คาดการณ์ล่วงหน้าว่าตลาดอสังหาฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จึงปรับโมเดลและวางแผนธุรกิจภายใต้แนวทาง Year of Shift และ Year of Change ในปี 60-61 ให้เกิด Recurring Income และรายได้จากธุรกิจบริการ ส่งผลให้ L.P.N. DEVELOPMENT GROUP สามารถทำธุรกิจอย่างครบวงจร โดยปี 61 มีการเติบโตของรายได้ 20% จากกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ได้แก่
กลยุทธ์การดำเนินงานปี 61
ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยัง segment บนมากขึ้น พัฒนาโครงการ BAAN 365 และขยายตลาดคอนโดซับแบรนด์ Lumpini Selected จับกลุ่มคน Gen Y โดยปรับภาพลักษณ์ของ LPN ใหม่
ขยายธุรกิจไปทำ Office Condo พร้อมบริการวางระบบ Office Smart นำร่องด้วย อาคาร ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี
การสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการบริหารโครงการของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด และรายได้จากการปล่อยเช่า รวมถึงการนำห้องชุดในโครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 อาคาร F มาปรับเปลี่ยนจากการขายมาเป็นการเช่า
โดยในปี 2561 ทาง LPN มียอดขาย Pre-sale 15,526 ล้านบาท เป็นยอดขายคอนโดมิเนียมประมาณ 11,000 ล้านบาท และยอดขายบ้านแนวราบประมาณ 5,000 ล้านบาท
แผนธุรกิจปี 2562 : ปีแห่งการฝ่าพายุ (Storm is coming)
L.P.N. มองว่าปี 62 จะเป็นปีที่ถดถอยชัดเจน จึงเตรียมแผนการต่างๆ เอาไว้รองรับ เพื่อให้สามารถเติบโตได้ โดยมีเป้าหมาย 10% ด้วยการเปิดตัวโครงการให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Value และ Standard เพื่อกระจายความเสี่ยง และใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก LPN Wisdom มาวิจัยมาพัฒนาโครงการ ซึ่ง L.P.N. ยังมีสภาพคล่องระดับสูง เนื่องจากสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมดมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ไม่มีภาระทางด้านการเงิน นอกจากนั้น L.P.N. ยังได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ในระดับ A- (Stable) โดย LPN ตั้งใจว่าจะมีการออกหุ้นกู้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
โดย LPN ตั้งเป้าจะเปิดโครงการในปี 2562 ประมาณ 20,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายประมาณ 16,500 ล้านบาท ซึ่งโครงการคอนโดที่จะเปิดในปีนี้จะไปทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2564 ซึ่งโครงการที่เปิดในปีนี้จะเน้นช่วงราคา 2-3 ล้านบาท เป็นหลัก และตั้งเป้ารักษาระดับรายได้จากคอนโดมิเนียมให้สม่ำเสมอประมาณปีละ 10,000 ล้านบาท
และในปี 62 นี้ทาง LPN ก็ยังหันมาเน้นทำรายได้จากการเช่ามากขึ้น โดยจะใช้สินค้าที่มี stock อยู่ในมืออยู่แล้ว มาปรับโมเดลจากการขายเป็นการเช่าแทน ซึ่ง LPN ยังมี Backlog อยู่ในมืออีกประมาณ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 9,000 ล้านบาท และบ้าแนวราบประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจในเครือ L.P.N. DEVELOPMENT GROUP
- LPN Wisdom วิเคราะห์วิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่เหมาะสมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยตาม Segment ของ Product Brand “ลุมพินี” และรับเป็นที่ปรึกษาด้านอาคารเขียวจากหน่วยงานราชการและเอกชน
- LPN Project Management เน้นการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อให้ลดต้นทุนการพัฒนาโครงการของ LPN
- LPP Property Management เป็นตัวนำในธุรกิจบริการ มีเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 20% มีรายได้หลัก 3 ทาง คือ การบริหารชุมชนทั้งภายในและภายนอกโครงการของ LPN, งานบริการด้านวิศวกรรม, ธุรกิจนายหน้า
- LPC Service & Care ดำเนินธุรกิจบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยในโครงการ เช่น งานบริการความสะอาด งานบริการต้อนรับ เป็นต้น
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากภาพรวมแนวทางของการดำเนินธุรกิจข้างต้นแล้ว ในปีนี้ บริษัทยังมีแนวทางในการจัดการ Zero Waste ในกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้ง Supply Chain เบื้องต้นนำร่องด้วยการเริ่มลดใช้ขวดและพลาสติกในสำนักงานขาย ซึ่งตั้งเป้าลดให้ได้มากกว่าปีละ 500,000 ชิ้น และจะดำเนินการต่อยอดไปในโครงการ “ลุมพินี” ที่บริษัทบริหารชุมชนอยู่ รวมถึงกิจกรรมบริจาคโลหิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยในปี 62 นี้ ตั้งเป้าหมายรับบริจาคให้ได้ 1,300,000 C.C.