สำหรับใครที่มองหาบ้านหรือคอนโด ต่างก็ต้องเข้าไปดูห้องตัวอย่างหรือบ้านตัวอย่างจากทางโครงการ เพื่อให้ได้สัมผัสถึงสเปซ และวัสดุที่จะใช้จริง แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักวัสดุต่างๆ ว่ามีคุณสมบัติหรือข้อดีข้อเสียอย่างไร บางคนอาจดูแค่หน้าตาเพียงผิวเผินว่าสวยหรือไม่ วันนี้ YUSABUY จะพาไปทำความรู้จัก‘วัสดุปูพื้น’ที่พบเห็นได้บ่อยในโครงการบ้านและคอนโดกันครับ หรือใครที่กำลังจะ Renovate เปลี่ยนพื้นที่อยู่อาศัย ก็สามารถศึกษาไว้เป็นทางเลือกได้เช่นกัน เพื่อให้ได้วัสดุปูพื้นที่ถูกใจที่สุดครับ
“พื้น” เป็นส่วนประกอบสำคัญของที่อยู่อาศัย เป็นส่วนที่ผู้ใช้งานจะต้องสัมผัสอยู่แทบตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมบรรยากาศ เพิ่มสีสันให้กับห้องได้ ปัจจุบันวัสดุปูพื้นก็มีให้เลือกมากมายเหลือเกิน ถ้าดูผิวเผินอาจจะคล้ายกัน แต่จริงแล้วอาจจะมีคุณสมบัติต่างกัน การดูแลรักษาก็ย่อมต่างกันด้วย ดังนั้น จึงควรทำความรู้จักวัสดุปูพื้นให้มากขึ้น เพื่อให้พื้นสวยๆ อยู่คู่กับที่อยู่อาศัยของเราไปได้นานๆครับ
YUSABUY ขอแบ่งวัสดุปูพื้นที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในโครงการต่างๆ ออกเป็น 6 ประเถท ดังนี้ครับ
ไม้พื้นลามิเนต
ไม้ลามิเนต (Laminate) คือ ไม้ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยมีไม้เป็นส่วนประกอบ ผลิตจากรรมวิธีการบีบอัดไม้ด้วยความแรงสูง ร่วมกับความร้อน ส่วนลวดลายนั้นมาจากการใช้ภาพถ่ายลายไม้เสมือนจริง หรือออกแบบโดยคอมพิวเตอร์ และนำไปเคลือบทับด้วยเมลามีนลามิเนต ความหนาที่พบได้บ่อยในท้องตลาด คือ 8 มม. และ 12 มม. ติดตั้งโดยวิธีเข้าลิ้น ซึ่งไม้ที่มีความหนามากกว่า เวลาเดินจะให้ความรู้สึกแน่นกว่า และไม่มีเสียงดังให้รู้สึกรำคาญเวลาเดินด้วยครับ
- ข้อดี : สวย น้ำหนักเบา หาซื้อง่าย ติดตั้งง่าย ซ่อมแซมง่ายเปลี่ยนแค่บางแผ่นได้
- ข้อเสีย : ปลวกกินได้ ต้องระวังเรื่องความชื้นให้ดี หากเปียกน้ำควรเช็ดออกทันที
- พื้นที่ใช้งาน : เป็นวัสดุที่พบได้บ่อยที่สุดตามโครงการต่างๆ โดยเฉพาะห้องนั่งเล่นและห้องนอน แต่ไม่เหมาะกับห้องครัว หรือพื้นชั้นล่าง เนื่องจากไม่ทนต่อความชื้น
ไวนิลหรือกระเบื้องยาง
ไวนิลหรือกระเบื้องยาง (Vinyl) คือ วัสดุที่ผลิตจากพลาสติกชนิดพิเศษ มีส่วนผสมระหว่างพลาสติกคุณภาพสูงรวมกับสารเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ เช่น สารเพิ่มความทนทานต่อสภาวะอากาศ แสงแดดและความร้อน ไวนิลจึงทนทานต่อแสงแดดรังสียูวีและสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่มีส่วนผสมของไม้ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องปลวก การผุกร่อน บิดงอ และไม่บวมน้ำ แถมปัจจุบันยังมีลวดลายให้เลือกมากมายและผิวสัมผัสใกล้เคียงไม้จริงมากด้วย ในท้องตลาดตอนนี้มีทั้งแบบรุ่น Click Lock (วางเข้าลิ้นกัน) และแบบติดตั้งด้วยกาวยาง พบได้บ่อยในหลายๆโครงการเช่นกัน
- ข้อดี : ทนปลวก ไม่หด ไม่บวมน้ำ ทำความสะอาดง่าย
- ข้อเสีย : ติดตั้งยุ่งยาก ต้องเทปรับระดับพื้นให้เรียบสุด ๆ ไม่เช่นนั้นไม้จะงอได้ เนื่องจากแผ่นไม้หนาเพียง 3-5 มม. เท่านั้น
- พื้นที่ใช้งาน : เหมาะกับการใช้งานในส่วนของห้องนอน และห้องนั่งเล่น
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Hardwood) คือ การนำไม้จริงมาสไลต์ให้มีความหนาประมาณ 3 มม. แล้วนำมาประกบกับไม้เนื้อแข็ง หรือไม้ยางพารา ที่ชุบสารกันแมลง เพื่อให้มีความคงทน และมีการยืดหดขยายตัวต่ำ ก่อนที่จะไปทำร่องลิ้น และเคลือบผิวหน้าด้วยยูวี รวมถึงกระบวนการอื่นๆ ก่อนที่จะออกมาเป็นพื้นไม้เอ้นจิเนียร์สำเร็จรูปสำหรับปูพื้นบ้าน ดังนั้นหน้าตาจึงเหมือนไม้จริงมาก ติดตั้งเสร็จรวดเร็ว มีความทนทาน และไม่ต้องขัดผิวไม้ที่หน้างานเหมือนปาเก้ หมดปัญหาเรื่องฝุ่น
- ข้อดี : ทนทาน หน้าตาและผิวสัมผัสเหมือนไม้จริงมาก ติดตั้งง่าย
- ข้อเสีย : ถึงแม้จะทำจากไม้จริงแต่ไม่สามารถขัดผิวหน้าทำสีใหม่ได้เหมือนไม้จริง หากต้องการซ่อมแซมต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งมีราคาสูง
- พื้นที่ใช้งาน : ส่วนใหญ่พบในโครงการระดับ Hi-End เนื่องจากมีราคาที่สูง สามารถใช้ได้ทั้งในห้องนอนและห้องนั่งเล่น
กระเบื้องเซรามิก
กระเบื้องเซรามิก (Ceramic) กระเบื้องเซรามิคก็คือกระเบื้องดินเผา หรือบางคนก็จะเรียกว่ากระเบื้องเคลือบก็ได้ เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่อาจไม่ทนต่อแรงกระแทก พื้นผิวแข็งแต่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ วัสดุประเภทนี้มีให้เลือกหลากหลายสีและขนาด ติดตั้งบนพื้นคอนกรีตโดยใช้ปูนกาวยึดติดกระเบื้อง
- ข้อดี : แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย ทนต่อรอยขีดข่วน มีขนาดและลวดลายที่หลากหลาย
- ข้อเสีย : แบบเคลือบเวลาเปียกน้ำมักมีความลื่น (ถ้านำมาใช้ในห้องน้ำแนะนำให้เลือกแบบผิวด้าน) และถ้าหากรื้อถอนแล้วไม่สามารถนำมาปูใหม่ได้ แถมยังไม่เหมาะกับพื้นที่ๆต้องรับน้ำหนักเยอะ
- พื้นที่ใช้งาน : ส่วนใหญ่มักใช้ในส่วนของห้องน้ำ ห้องครัว รวมไปถึงระเบียง แต่ไม่นิยมใช้ในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน เนื่องจากเกิดสิ่งสกปรกที่ร่องยาแนวได้ง่าย และผิวสัมผัสไม่ค่อยสบาย
แกรนิตโต้
แกรนิตโต้ หรือ กระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito) คือกระเบื้องชนิดหนึ่งที่มีเนื้อเป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แข็งแรงเทียบเท่าหินแกรนิต และถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่นๆ มีทั้งลักษณะพื้นผิวมันวาวและด้าน แกรนิโต้เป็นกระเบื้องที่ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดังนั้นเมื่อถูกกระเทาะ จะสังเกตได้ว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในจะเป็นสีเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เช่น 60×60 cm หรือ 60×120 cm การติดตั้งเหมือนกับกระเบื้องเซรามิค คือ ใช้ปูนกาวยึดกับพื้นคอนกรีต
- ข้อดี : แข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำมาก เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติการรับน้ำหนักได้สูง
- ข้อเสีย : น้ำหนักมาก แบบผิวมันเมื่อโดนน้ำแล้วค่อนข้างลื่น
- พื้นที่ใช้งาน : เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรทั่วไป เช่น บริเวณชั้น 1 ของบ้าน เนื่องจากทนการขูดขีดได้ดี
หินอ่อน
หินอ่อน (Marble) คือ วัสดุที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งก็คือหินปูนชนิดหนึ่ง มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้เกิดผลึกขึ้นมาและมีลวยลายสีสันขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา มีจุดเด่นเรื่องความสวยงาม แข็งแกร่ง ทนรอยขีดข่วน ให้ลวดลายที่หรูหราแบบธรรมชาติ อายุการใช้งานยาวนาน เป็นหินที่ดูดซับความเย็นไม่ดูดความร้อน ทำความสะอาดได้ง่าย สามารถเลือกตัดได้ตามขนาดที่ต้องการ
- ข้อดี : สวยงาม หรูหรา ดูเป็นธรรมชาติ ทนรอยขีดข่วน
- ข้อเสีย : ราคาสูง พื้นที่ปูด้วยหินอ่อนจะค่อนข้างเย็นทำให้เดินไม่สบายเท้า ดูแลรักษายาก ต้องหมั่นขัดทำความสะอาดเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ
- พื้นที่ใช้งาน : ส่วนใหญ่พบในโครงการระดับ Luxury เหมาะกับพื้นชั้นล่าง หรือห้องรับแขก แต่ไม่เหมาะกับห้องนอนเนื่องจากเป็นพื้นที่เย็น และไม่เหมาะกับห้องครัว เพราะเนื้อหินอ่อนมีความพรุน ดูดซับคราบสกปรกได้อย่างรวดเร็ว