สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนครับ  รีวิวคอนโดฉบับนี้ผมพาไปกันที่ Rhythm Ekkamai Estate (ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท) คอนโดของทาง AP ที่ใช้คอนเซ็ปต์ “Feel Like Home” ในการออกแบบ  โดยพยายามสร้างสเปซและความรู้สึกให้เสมือนอยู่บ้านมากที่สุดเพื่อให้กลายเป็น The New Residential Experience ของการอยู่อาศัยในคอนโดครับ

โครงการนี้เป็นแบรนด์ Rhythm บนเส้นเอกมัยตัวที่สอง ที่ทำต่อยอดจากความสำเร็จของ Rhythm Ekkamai โครงการแรก ซึ่งสร้างเสร็จไปเมื่อปีก่อน และก็ได้รับการตอบรับดีทั้งจากคนที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนครับ  โดยที่ตั้งของ Rhythm Ekkamai Estate  อยู่ตรงซอยเอกมัย 1 เข้ามาจากทางแยกเอกมัยใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางนั้นนอกจากจะเข้าออกทางถนนสุขุมวิทและเพชรบุรีแล้ว  ก็ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นทองหล่อได้อย่างสะดวกและง่ายดายครับ  แล้วก็อย่างที่ทราบกันว่าเอกมัยจัดเป็นโซนที่เต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่ไม่หลับไหลทั้งกลางวันและกลางคืน

ตัวคอนโด Rhythm เอกมัย เอสเตท เป็นคอนโดสูง 32 ชั้น  มีขนาดห้องให้เลือกหลากหลายเริ่มตั้งแต่ 35 ตารางเมตร  ซึ่งถ้าใครอยากได้ห้องขนาดใหญ่แบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ 100 ตารางเมตรขึ้นไป  ที่นี่ก็สามารถซื้อห้อง Combined รวมกันได้เลย  ซึ่งเป็น option ที่โครงการคิดเตรียมเผื่อไว้ให้แล้วครับ

Rhythm Ekkamai Estate

( ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท )

• เจ้าของโครงการ >>> AP (Thailand) ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate
• ที่ตั้งโครงการ >>> สุขุมวิท 63 (เอกมัย ซอย 1)
• ขนาดที่ดิน >>> 2-0-84.1 ไร่
• จำนวนอาคาร >>> 1 อาคาร
• จำนวนชั้น >>> 32 ชั้น
• จำนวนยูนิต >>> 303 ยูนิต
• ประเภทห้อง >>>
  • 1 Bedroom 35 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Plus 39.5-40 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom  74.5-86.5 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom Duplex 64-129.5 ตารางเมตร
  • Sky Villa 109-121 ตารางเมตร
  • Penthouse 100-117 ตารางเมตร
• ที่จอดรถ >>> 202 คัน (ประมาณ 67%)
• ราคาขายเริ่มต้น  >>> 6.7 ล้านบาท ขนาด 35 ตร.ม. ได้ห้องแบบ Fully Fitted (ณ พฤษภาคม 2562)
• ราคาเฉลี่ย >>> ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 190,000 บาท/ตร.ม. (ณ พฤษภาคม 2562)
• พิกัดที่ตั้งคอนโด Rhythm Ekkamai Estate >>> 13.670113, 100.436874
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• โทร >>> 1623

Short Summary

จุดเด่นของคอนโด Rhythm Ekkamai Estate มีหลายประเด็นที่น่าสนใจครับ  ทั้งในเรื่องของทำเลที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเอกมัยเป็นทำเลแบบไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เป็นที่ต้องการมากในปัจจุบันสำหรับคนที่มีกำลังจ่ายสูง  ส่วนในเรื่องของโปรดักส์โครงการเองก็คงเป็นจุดเด่นในเรื่องของแปลนห้องที่มีแบบห้องขนาดใหญ่ให้เลือกได้หลากหลาย  ทั้งห้องแบบปกติและห้องที่เอามา combined กันสำหรับคนที่อยู่เป็นครอบครัว  ต้องการพื้นที่เยอะ  ต่างจากคอนโดส่วนใหญ่ที่มักจะมักจะมีให้เลือกเฉพาะห้องขนาดเล็กเป็นหลัก   ทำให้โปรดักส์นี้จึงมีความน่าสนใจในตัวมากทีเดียวครับ ส่วนอีกเรื่องก็คงเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่แบรนด์ Rhythm มักทำได้ดีเสมอมาอยู่แล้ว

• ทำเล และ ความอุดมสมบูรณ์  –  พื้นที่โซนเอกมัยสำหรับตลาดคอนโดคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมากว่าเป็นหนึ่งในทำเลที่ขายดี และเป็นที่ต้องการอย่างมากตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาครับ  เนื่องจากเป็นโซนที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งกลางวัน-กลางคืน  มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ  สามารถรองรับได้ทั้งตลาดคนที่อยู่อาศัยเอง  และการลงทุนปล่อยเช่าต่างชาติ  โดยที่เยอะมากๆ ก็เป็นตลาดคนญี่ปุ่นที่ก็จะวนๆ กันอยู่แค่ 3 สถานี อย่าง เอกมัย-ทองหล่อ-พร้อมพงษ์ นี่แหละ

• แปลนห้อง –  ห้องของ Rhythm Ekkamai Estate มีหลากหลายรูปแบบ โดยที่เน้นการออกแบบสเปซให้มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะใช้สอยได้จริงตามความต้องการของแต่ละคนครับ  ถ้าอยู่กัน 1-2 คน ก็สามารถเลือกห้อง 35-40 ตร.ม. ซึ่งขนาดไม่อึดอัด  ส่วนถ้าใครที่ชอบห้องขนาดใหญ่ ต้องการพื้นที่เยอะๆ แบบอยู่กันเป็นครอบครัว ต้องบอกว่าโปรดักส์ห้องใหญ่ที่นี่น่าสนใจมากครับ เพราะนอกจาก 2 ห้องนอนจะเริ่มที่ 74.5 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ เริ่มที่ 64 ตร.ม. แล้วแปลนห้องยังถูกออกแบบโดย “คิด” เผื่อเอาไว้ให้สามารถ Combined ห้องติดกันได้หลายแบบมากๆ โดยที่สเปซยังใช้งานได้  ไม่ดูแปลก  ใครที่ต้องการห้องใหญ่แบบพื้นที่เกิน 100 ตร.ม.+++ ขึ้นไป  ก็ถือว่ามีโปรดักส์รองรับตามความต้องการทีเดียวครับ  เดี๋ยวลองอ่านไปเรื่อยๆ ผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดครับ

• พื้นที่ส่วนกลาง  –  คอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางน่าสนใจมากเช่นกัน  โดยโครงการต้องการให้คนที่อยู่ในคอนโดรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน  ประมาณว่า “Feel Like Home” จึงให้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่มากและหลากหลาย  โดยสามารถเริ่มเดินขึ้นมาจากชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 7 ได้เลย เรียกว่า Floating Lobby  นอกจากนั้นก็ยังมีการแบ่งพื้นที่ตามการใช้งาน  อย่าง Social Zone กับ Quiet Zone แก้ปัญหาการลักษณะพฤติกรรมการใช้งานของผู้อยู่อาศัยที่แตกต่างกันได้ด้วยครับ  นอกจากนั้นในส่วนอื่นๆ ก็ยังมีดีเทลที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง  ที่เดี๋ยวผมจะเล่าเจาะลึกกันต่อไปครับ

เหมาะกับใคร ?? 

Rhythm Ekkamai Estate เหมาะกับคนที่ชอบอยู่คอนโดกลางเมืองแต่อยากได้พื้นที่ สเปซ และความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน  มีความเป็นไลฟ์สไตล์กิน-เที่ยว-ช้อปสูง  ซึ่งก็ต้องเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังจ่ายมากพอสมควรซึ่งแปรผันตามทำเลและขนาดของห้องที่ได้ครับ  ราคาเริ่มต้นแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร อยู่ที่ 6.8 ลบ. ราคาเฉลี่ยเริ่มต้นของโครงการประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม. ครับ

LOCATION

ที่ตั้งของโครงการ Rhythm Ekkamai Estate จะอยู่ห่างจากแยกเอกมัยใต้เข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตรครับ  ถ้าจะมารถไฟฟ้า BTS นั้น ระยะทางถือว่าเกินระยะเดินสบายไปหน่อย  แต่ถ้าใครไม่รีบเดินออกกำลังกายก็ใช้เวลาประมาณสัก 15 นาที แต่ถ้าเอาสะดวกใกล้ๆ โครงการก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์บริการ และมีรถแท็กซี่ผ่านอยู่ตลอด ไม่ได้ลำบากอะไร

แม้จะดูไกลรถไฟฟ้าไปหน่อย แต่ต้องบอกว่าตำแหน่งของที่ตั้งโครงการนั้นอยู่ในจุดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเอกมัยก็ว่าได้ครับ  เพราะอยู่ใกล้แยกเอกมัย 5 (เชื่อมไปทองหล่อ 10)  ซึ่งตรงนั้นก็เพิ่งมี Donki Mall Thonglor ที่ด้านในมีร้าน Don Don Donki มาเปิดให้บริการ  มีสินค้าของกินของใช้ Import หลากหลายมาจากญี่ปุ่นครับ  แล้วถ้าใครอยากซื้อของกินของใช้ทั่วไปก็มี Big C เอกมัย อยู่ในระยะที่เดินถึงสบายๆ  ฝั่งตรงข้ามโครงการก็มี Health Land สำหรับคนขี้เมื่อย  พื้นที่รอบๆ ในบริเวณนี้ก็มีร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ร้านขนมน่ารักๆ กระจายตัวอยู่โดยรอบ  ถ้าอยากใช้เวลานั่งชิลล์นอกบ้านทั้งวันก็ไปเส้นทองหล่อมีคอมมูนิตี้มอลล์สวยๆ เก๋ๆ ให้เลือกอีกหลายแห่งเลยครับ  นอกจากนั้นก็ยังอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายโรงเรียนไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนสิงคโปร์กรุงเทพฯ (SISB) หรือโรงเรียนนานาชาติแอ๊ดเวนตีส เอกมัย (Advantist Ekamai School) เป็นต้นครับ

ต้องบอกว่าในแง่ของมูลค่าทำเลนั้น  โซนเอกมัยจัดว่าเป็นหนึ่งในทำเลท็อปๆ ของตลาดคอนโดกลางเมืองมาโดยตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาครับ  เพราะว่าเป็นทำเลอยู่อาศัยที่ไม่เคยหลับไหล  มีความเป็นไลฟ์สไตล์สูง  มีร้านค้าและบริการระดับ High End มากมาย  เป็นโซนที่มีความหลากหลายของกลุ่มลูกค้า แต่ทั้งหมดก็จัดเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ  ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นการเติบโตของมูลค่าคอนโดในโซนนี้เพิ่มขึ้นโดยตลอดอย่างมีนัยยะสำคัญครับ

สำหรับพื้นที่รอบๆ โครงการ  ก็มีทั้งส่วนที่เป็นบ้านแนวราบและอาคารสูง  ซึ่งปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่าการอยู่คอนโดใจกลางเมืองนั้นถ้าจะให้วิวโล่งแบบไม่เห็นตึกตรงข้ามในระยะใกล้เลยก็คงยากครับ  แต่โดยรอบของที่ดิน Rhythm Ekkamai Estate ก็ไม่ได้มีอาคารสูงในระยะประชิด  พื้นที่รอบๆ ส่วนใหญ่สูงแค่ 1-3 ชั้นเท่านั้ครับ

.

เล่าสรุปเกี่ยวกับทำเลและที่ตั้งโครงการคร่าวๆ กันไปพอสมควรแล้ว  เรามาเริ่มกันที่หน้าโครงการกันเลย….

ที่ตั้งของ Rhythm เอกมัย เอสเตท จัดว่ามี Exposure ที่โดดเด่นมากทีเดียวแหละ  ตัว Sale gallery ใช้สีแดงอิฐมาตัดกับสีเขียวของต้นไม้บนริมทางเท้า และไม้พุ่มที่โครงการปลูกขึ้น ทำให้ดูโดดเด่นมาก

ทางเดินตลอดช่วงหน้าโครงการจัดว่าอยู่ในสภาพดี  ร่มรื่น น่าเดินครับ

ไหนๆ พูดเรื่องต้นไม้แล้ว  ต้องบอกว่าสิ่งหนึ่งที่พิเศษในโครงการนี้ที่ผมชอบมาก ก็คือการที่ AP เลือกจะเก็บรักษาต้นจามจุรีใหญ่เก่าแก่กว่า 50 ปี ของเดิมในโครงการไว้ครับ  โดยที่ลงทุนกันหลักล้าน ล้อมต้นไม้แล้วย้ายตำแหน่งมาอยู่ด้านหน้า  ซึ่งนอกจากจะกลายเป็นแลนด์มาร์คของโครงการแล้วก็ยังเป็นการเก็บรักษา “สีเขียว” และธรรมชาติ ที่หาได้ยากเต็มทีในพื้นที่ใจกลางเมืองในปัจจุบันครับ  ตำแหน่งของต้นไม้นี้นอกจากลูกบ้านในโครงการจะได้ใช้ประโยชน์แล้ว  คนทั่วไปที่เดินผ่านไปมาด้านหน้าก็ได้ประโยชน์จากกิ่งก้าน ร่มเงา และความร่มรื่นเช่นเดียวกันครับ

ถ้าดูจากในรูป  จะเห็นว่าเริ่มมีการแตกใบอ่อนมาใหม่แล้ว  ก็หวังว่าพอโครงการสร้างเสร็จ  เราก็จะได้เห็น “สีเขียว” ของต้นจามจุรีใหญ่ที่เป็นประวัติศาสตร์คู่กับที่ดินแปลงนี้มายาวนาน  ได้เติบโตอย่างสวยงามครับ

ส่วนนี่เป็นอีกต้นที่อายุร่วม 40 ปีครับ  เก่าแก่ไม่แพ้กันเลย

เปิดประตู ไปดูในโครงการ 

อย่ารอช้า ผมพาเข้ามาดูกันใน Sale Gallery ครับ  เดินเข้ามาจะรู้สึกต่างจากอิมเมจของที่อื่นที่ Rhythm เคยทำมาอย่างชัดเจนทีเดียว

ภายในตกแต่งโดยในสไตล์ Modern Tropical ครับ  เลือกใช้สีน้ำตาลไม้ให้ความอบอุ่น  ใช้หน้าต่างบานเกล็ดและบานเปิดทรงสูงแบบที่บ้านไทยใช้กัน  ซึ่งพอนำมาตัดกับกระจกสีดำและวัสดุหินบางส่วน  ก็ช่วยเพิ่มความทันสมัยและหรูหราไปพร้อมกัน

ภาพรวมจัดว่าดูโฮมมี่  อบอุ่น และเป็นกันเองมากทีเดียว  ซึ่งก็เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ Feel Like Home ที่โครงการวางเอาไว้นั่นเอง

แม้ว่าภายในจะใช้ฝ้าเพดานสูง  แต่เวลาอยู่ในสเปซจริงๆ แล้วไม่ได้รู้สึกเกร็งแต่อย่างไรครับ  ซึ่งก็มาจากการใช้ Mood & Tone ที่ดูเป็นมิตรนั่นเอง  โดยที่อิมเมจและกลิ่นอายของการตกแต่ง Sale Gallery จะถูกนำไปใช้ในการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางของ Rhythm เอกมัย เอสเตท ในหลายๆ จุดด้วยครับ  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไป

EXTERIOR & MODEL

ก่อนจะลงไปดูรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม  ผมจะเล่าเกี่ยวกับตัวอาคารกันก่อนครับ  จะได้เข้าใจและเห็นภาพรูปแบบงานดีไซน์ของ Rhythm Ekkamai Estate กันมากขึ้นครับ

ดีไซน์ของตัวคอนโดนั้นค่อนข้างโดดเด่นทีเดียว  ด้วยรูปแบบของตึกที่มีช่องหน้าต่างใหญ่โดยรอบครับ  โครงการเลือกใช้เส้นเฉียงที่ลดทอนรายละเอียดมาจากหน้าจั่วของบ้านมาใส่ไว้ในหลายจุดของคอนโดทั้งด้านหน้าที่เป็นมุมรับกับสายตาการมองจากภายนอก  ไปจนถึงลูกเล่นที่ยอดอาคารในส่วนของ Facilities ครับ

ที่ยอดตึกก็จะลดหลั่นไล่ระดับกันไปตามระยะถอยร่นจากแนวถนน  ห้องที่อยู่ตรงสเต็ปขั้นบันไดนี้ก็จะได้ Private garden ไปเป็นพื้นที่ส่วนตัวด้วยครับ

ด้านหน้ามุมนี้เป็นอีกส่วนที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ  ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Vertical Space ตั้งแต่ชั้น 1-7 โดยมี Floating Lobby อยู่ด้านบน  สามารถเดินออกกำลังกายขึ้นไปได้  หรือจะขึ้นลิฟต์ไปก็ได้เหมือนกันครับ

มาดูโมเดลหน่อย เพื่อให้เห็นภาพกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

บันไดตรงกลางนี้เท่มาก  เป็นจุดที่สามารถเดินขึ้นจากชั้นล่างได้อย่างที่เล่าไปแล้ว  พื้นที่ส่วนกลางจะแบ่งซ้าย-ขวา แยกออกจากกันตามการใช้งานครับ  ฝั่งหนึ่งเป็น Social zone สำหรับรับแขก พูดคุย พบปะสังสรรค์ ใช้เสียงเฮฮาได้เต็มที่  ส่วนอีกด้านเป็น Quiet zone  สำหรับใครที่ต้องการความเงียบ หรือต้องใช้สมาธิในการทำงาน  ก็สามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้เลย

ลองดูดีเทลของเส้นเฉียงบนตัวอาคารครับ  ตรงนี้ทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย

ที่ชั้น 7 เป็นส่วนของ Floating Lobby  ที่เดี๋ยวผมจะเล่าขยายให้ฟังต่อว่ามีอะไรบ้างนะครับ

สระว่ายน้ำแบบ 360 องศา ที่ชั้น 31  มี Observation Deck และช่องทางเดินไปจุดชมวิวฝั่งตรงข้ามด้วย

มุมมองแหงนขึ้นไป  จะเห็นว่าแนวผนังอาคารมี texture ที่น่าสนใจครับ  เพราะว่าเกือบทุกยูนิตในโครงการมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นเสมือนห้องมุม  ซึ่งก็ช่วยให้เรื่องของมุมมองของการอยู่อาศัย  และเรื่องของ effect มุมมองที่จะได้จากการมองภายนอกเข้าไปด้วย

FACILITIES

พื้นที่ส่วนกลางของ Rhythm Ekkamai Estate ออกแบบมาได้แปลกตาและน่าสนใจดีครับ  โดยปติแล้วคอนโดทั่วไป เมื่อเข้ามายังชั้น 1 เราก็จะเจอ Lobby ก่อน  แต่ที่นี่ใช้แนวคิดออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในแนวตั้ง (Vertical) สามารถเดินขึ้นไปได้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 7 เลย   โดยวางตัว Lobby เอาไว้เป็น Floating Lobby ที่ชั้น 7 นี้ครับ

ด้านหน้าเราจะเห็นเส้นเฉียงซึ่งเกิดจากการลดทอนหน้าจั่วของบ้าน  แล้วใช้วัสดุอย่างกระจกเพื่อให้ดูโมเดิร์นทันสมัย  โดยที่ยังคุมโทนสีของอาคารให้มีสีโทนอุ่น อย่างสีน้ำตาลเข้าและสีแดงอิฐเข้ามาเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายครับ

ด้านหน้าที่ติดถนนใหญ่ โครงการทำเป็นกำแพงทึบเพื่อกันความวุ่นวายจากภายนอก  และให้คนที่อยู่ในพื้นที่โครงการได้ความเป็นส่วนตัว  มี Sunken seat ลงไปสำหรับนั่งพักผ่อน  มีต้นจามจุรีใหญ่ที่ย้ายมาจากด้านหลังของโครงการยืนเด่นอยู่ตรงนี้เลย

พื้นที่ส่วนกลางก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปถึง Floating Lobby จะผ่านทั้งส่วนที่เป็น Social zone และ Quiet zone ครับ  ในภาพจำลองนี้เป็นส่วนของ Social zone ที่ลูกบ้านสามารถนัดเพื่อนมาพบปะสังสรรค์ พูดคุยกันได้บริเวณนี้  สเปซถูกออกแบบมาให้เป็น Triple volume space  ห้อยตกแต่งด้วยโคมไฟที่ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบของต้นจามจุรีครับ  อินทีเรียนั้นใช้สีน้ำตาลไม้และมี texture ลายไม้ เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่น  เป็นสีที่ดูแล้วสบายตา มองออกไปด้านนอกก็จะเห็นสีเขียวของสวนด้านหน้าครับ  บรรยากาศของจริงน่าจะดีทีเดียวแหละ

ส่วนรูปนี้จะเป็น Quiet zone ครับ  พื้นที่ตรงนี้จะแยกรูปแบบการใช้งานต่างจากตรง Social zone คือ ลูกบ้านที่มาใช้จะส่งเสียงดังไม่ได้  สำหรับคนที่ต้องการสมาธิในการทำงาน  หรือต้องการความเงียบสงบครับ  ซึ่งส่วนตัวแล้วจากประสบการณ์ตรง  ผมว่าตรงนี้ค่อนข้างจะตอบโจทย์การใช้งานส่วนกลางของคนยุคใหม่ที่อยู่คอนโดได้ดีครับ เพราะการทำงานบางประเภทต้องการความเงียบและสมาธิ  แต่งานบางประเภทต้องใช้การพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน  บางทีการมีส่วนกลางสำหรับนั่งทำงานเพียงจุดเดียวก็มักจะมีปัญหาตามมาเวลาใช้งานจริง

เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 7 (แต่ถ้าขี้เกียจก็ขึ้นลิฟต์มาก็ได้นะครับ :P) ก็จะเจอกับ Floating Lobby   ซึ่งจัดเป็นคอนเซ็ปต์แปลกใหม่เลยทีเดียว  สเปซตรงนี้ออกแบบมาโดยใช้แนวคิดของ “ชานบ้าน”  ที่จะมีทั้งส่วนที่เป็น indoor, semi-outdoor แล้วก็พื้นที่ outdoor เชื่อมต่อกัน  โดยในตัวอาคารจะมี Feature Lobby เป็นส่วนต้อนรับหลัก  และมี Flexible Lobby ที่เชื่อมต่อกับภายนอก  ส่วนห้องด้านในสุดของรูปเป็น Tea Pavilion ครับ

บริเวณนี้จะมีน้ำที่เป็น water feature ตกแต่ง และส่วนของ sunken seat เอาไว้ให้นั่งเล่นใต้ต้นไม้และริมสระ  จะเห็นว่าสเปซตรงนี้ถ้าดูผิวเผินเราอาจจะนึกว่าอยู่บนชั้น Ground floor เหมือนคอนโดทั่วไปนะครับ  แต่ที่ ริทึ่ม เอกมัย เอสเตท นี้ถูกทำไว้ที่ชั้น 7  เรียกว่าอยู่บนคอนโดก็ยังได้สัมผัสกับน้ำ, ต้นไม้, พื้นที่สีเขียว  ได้ฟิลลิ่งแบบอยู่บ้านมากทีเดียวแหละครับ

ส่วนของ Feature Lobby ครับ  งานอินทีเรียนั้นดูมีความอลังการ  แต่ก็อบอุ่นอยู่ด้วยการใช้โทนสีน้ำตาลเป็นหลัก

ในส่วนของ Flexible Lobby นั้นจะเชื่อมต่อกันตามคอนเซ็ปต์ของชานบ้านนั่นเอง

หลังจากดูในส่วนของ Facilities ด้านล่างตั้งแต่ชั้น 1-7 กันไปแล้ว  พาขึ้นมาดูไฮไลท์อีกจุดหนึ่งที่ชั้น 31-32 กันต่อครับ

ที่ชั้น 31 นั้นจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ 360 degree Infinity Edge ที่ดีไซน์ออกมาให้สามารถว่ายวนได้รอบทิศแบบ 360 องศาเลย  พื้นที่สระว่ายน้ำรวมทั้งหมด 93 ตารางเมตร โดยช่วงระยะที่สามารถว่ายสโตรคติดกันได้ยาวที่สุดประมาณ 28 เมตรครับ  แล้วก็มีส่วนของ Observation deck ที่เป็นพื้นกระจกยื่นออกไป  ให้ลองท้าความเสียวกันเล่นๆ  แบบเดียวกับที่ทำใน Rhythm Ekkamai ตัวแรกเลย

นอกจากสระที่สามารถว่ายวนได้ 360 องศาแล้ว  ก็แบ่งพื้นที่สระเด็กเพื่อความปลอดภัย  แล้วก็มีส่วน Jacuzzi ที่มีวารีบำบัดถึง 78 จุดครับ  ถ้าลองดูทางด้านซ้ายมือจะเห็นว่าด้านข้างสระว่ายน้ำทำเป็นที่นั่งชมวิวเมืองไว้ให้ด้วย

การเดินไปยังจุดที่นั่งเล่นชมวิวเมืองมีความเก๋อยู่ครับ  โดยจะต้องค่อยๆ เดินมุดลงด้านใต้สระว่ายน้ำไปโผล่อีกด้าน  ด้านบนเหนือศรีษะเราจะเป็นกระจกที่มองเห็นน้ำในสระด้านบนจริงๆ  ส่วนด้านข้างเป็นวัสดุมันเงาที่ช่วยสะท้อนน้ำในสระให้เกิดลูกเล่นของสเปซที่น่าสนใจมากกกกก

เดินลอดออกมาแล้วก็นั่งชิลล์ๆ ดูพระอาทิตย์ตกกันได้ตรงนี้ครับ

ส่วนนี่เป็นภาพจำลองของ Observation Deck พื้นกระจก  ใครอยากลองทดสอบตัวเองกับความหวิวๆ บนชั้น 31 😛 ก็ไปลองกันได้เมื่อตึกเสร็จแล้วนะ

ที่ชั้น 32 เราจะสามารถเดินขึ้นบันไดมาจากสระว่ายน้ำได้เลยนะครับ  หรือว่าจะกดลิฟต์ขึ้นมาจากชั้นล่างเลยก็ได้  ซึ่งถ้าขึ้นลิฟต์มาก็จะมาโผล่ตรง Sky lounge เลย

เมื่อออกลิฟต์มาจะเจอกัน Sky Lounge ครับ  ซึ่งก็จะเป็นกระจก Full Height เต็มบาน  ทำให้ดูโปร่ง โล่งมาก  การตกแต่งก็ยังใช้โทนสีน้ำตาลไม้เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นธรรมชาติครับ

ฟิตเนสจะเป็นกระจกโล่งทุกด้านเช่นกัน โดยฝั่งนี้จะหันหน้าไปทางทองหล่อ กลางคืนนี่น่าจะเห็นวิวเมืองสวยมากทีเดียว  ซึ่งฟิตเนสที่นี่จะแบ่งเป็น 2 โซนครับ คือโซน Fitness ปกติ และ Private Fitness ซึ่งต้องจองก่อน  อยากจะเอาเทรนเนอร์มาทำคลาสส่วนตัวกับเพื่อนๆ ก็ได้

มีส่วนของ Wellness Spa ที่แยกชาย-หญิงครับ  แต่ละห้องก็จะมี 2 บ่อ เป็นส่วนของ Whirlpool Massage และอ่างน้ำวน White ION Bath ซึ่งหลักการคือในอ่างจะสร้างฟองอากาศเล็กๆ มาช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ครับ  นอกจากนั้นในส่วนของผู้ชายจะมี Sauna room ให้  ส่วนผู้หญิงจะมี Stream room ให้ครับ

ปิดท้ายส่วนของ Facilities กันที่ชั้นดาดฟ้าครับ  ตรงนี้ก็จะมีพื้นที่สวนและพื้นที่นั่งเล่นช่วงเย็นๆ  ซึ่งจะเห็นว่าถึงจะเป็นบนสุดของอาคาร  แต่โครงการก็ยังใส่ต้นไม้ขนาดกลางมาให้  เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและให้ความรู้สึกเหมือนบ้านครับ

แปลนห้องดีไหม?

แปลนห้องของ Rhythm Ekkamai Estate มีแบบมาหลากหลายแล้วแต่ความต้องการครับ  เรียกว่าทำแปลนมาค่อนข้างยืดหยุ่นมาก  เพราะมีตั้งแต่ 1 ห้องนอนเริ่มต้น 35 ตารางเมตร  ไปจนถึง Penthouse 177 ตารางเมตร  มีทั้งห้องที่เป็นแบบปกติ (Simplex) และห้อง Duplex  เรียกว่าคิดมาเพื่อความต้องการของคนที่หลากหลายในทำเลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่แบบ 1-2 คน  หรือจะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่หลายคนก็ได้ครับ

• 1 Bedroom 35 ตารางเมตร
• 1 Bedroom Plus 39.5-40 ตารางเมตร
• 2 Bedroom  74.5-86.5 ตารางเมตร
• 2 Bedroom Duplex 64-129.5 ตารางเมตร
• Sky Villa 109-121 ตารางเมตร
• Penthouse 100-177 ตารางเมตร

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของแปลนที่นี่คือ  การที่มีโปรดักส์ห้องขนาดใหญ่เอาไว้รองรับดีมานด์สำหรับลูกค้าคนที่มีกำลังจ่ายสูงครับ  ดูง่ายๆ อย่าง Penthouse นั้นขายหมดไปตั้งแต่เปิดขายรอบแรกเลย  แล้วก็ยังมีลูกค้าหาห้องกันอยู่เรื่อยๆ  เพราะว่าภาพรวมของตลาดคอนโดใหม่ในเอกมัยทำห้องใหญ่ออกมาน้อยมาก

ความน่าสนใจของแปลน Rhythm Ekkamai Estate ที่แตกต่างจากคอนโดอื่นในเอกมัยก็เพราะว่าออกแบบโดย “คิด” มารองรับความต้องการของคนที่อยากได้โปรดักส์ห้องใหญ่ 3 ห้องนอนโดยเฉพาะครับ โดยสามารถซื้อแบบ 2 ห้องนอนและ 1 ห้องนอนมา Combined กันได้ในราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเท่าเดิม (200,000-210,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งราคาเรทนี้เมื่อเปรียบเทียบกับคอนโดใน Luxury segment ใจกลางเมืองก็ถือว่าจับต้องได้ง่ายทีเดียวครับ 

โดยห้องที่ Combined กันแล้วสเปซก็ยังลงตัว  ไม่ได้รู้สึกว่ามีส่วนที่ประหลาดแปลกปลอมมาเหมือนกับการ combined ห้องแบบปกติที่ไม่ได้คิดเผื่อไว้ล่วงหน้า  เรียกว่าไม่ต้องทำเอง  แล้วก็เป็นไซส์ที่อยู่กันเป็นครอบครัวได้สบายมาก  แล้วก็ห้องที่ Combined กันนี้จะได้สิทธิ์ที่จอดรถ 2 คันด้วยนะครับ  ไม่ได้ว่ารวมกันแล้วให้คันเดียวแต่อย่างใด

ผมยกตัวอย่างแปลนห้อง Combined ที่น่าสนใจมาให้ดูกันสักแบบครับ

3 Bedroom (Combined)  121.5  ตร.ม.  (81.5+40)

ห้องแบบ 3 ห้องนอนนี้เป็นการ Combined ระหว่าง 2 ห้องนอน 81.5 ตารางเมตร กับ 1 ห้องนอน 40 ตารางเมตรครับ  เมื่อรวมกันแล้วจะทำให้ได้พื้นที่รวมถึง 121.5 ตารางเมตร  ซึ่งเป็นขนาดพื้นที่ใช้สอยเทียบเท่าการอยู่ทาวน์โฮมขนาดกลางๆ  หรือบ้านเดี่ยวขนาดเล็กๆ เลยทีเดียวเลยแหละ  เป็นห้องที่อยู่กัน 6-7 คน ได้อย่างสบายครับ

เรามาดูกันว่าเค้า Combined ยังไงครับ

ห้องทั้ง 2 ห้องนั้นถูกสถาปนิกวางตำแหน่งไว้อย่างดีตั้งแต่ต้นครับ  ทำให้เวลา Combined แล้วแค่ไม่ก่อผนังด้านเดียว  ก็จะได้ห้องที่ Complete สมบูรณ์เลย

เรามาดูฟังก์ชั่นหลังจากที่ Combined เรียบร้อยแล้วครับ  จะเห็นว่าข้อดีของการ Combined แบบนี้คือจะได้ส่วนกลางที่กว้างขวางมาก  ลักษณะของสเปซก็เหมือนกับการอยู่อาศัยในบ้านจริงๆ มี Foyer ที่สามารถวางโต๊ะข้างหรือทำชั้นวางของโชว์ได้สบาย ตรงนี้เอาเก้าอี้สตูลเล็กๆ มาวางไว้สำหรับนั่งใส่รองเท้าเวลาจะออกจากห้องก็ยังได้ครับ

พื้นที่ตรงส่วนของ Living area จะเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่กว้างมาก เสมือนเป็นสเปซศูนย์กลางของบ้านที่เชื่อมต่อกับห้องต่างๆ ให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนนั่งเล่นที่สามารถวางโซฟาใหญ่ 3-4 ที่นั่ง กับโต๊ะทำงานด้านหลังแบบในแปลนก็ได้  หรือจะว่างเป็นโซฟา Big size แบบ 8-10 ที่นั่งตามแบบที่บ้านหรูๆ ทำกันก็ได้ครับ  นอกจากนั้นก็ยังสามารถตั้งโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่งได้แบบหลวมๆ ไม่อึดอัดด้วย

ห้องแบบนี้เราจะได้ห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่แบบมีห้องน้ำในตัวถึง 2 ห้องครับ  แล้วก็ยังมีห้องอเนกประสงค์ซึ่งอาจจะดัดแปลงเป็นห้องอะไรก็ได้ตามความต้องการเลย  จะทำเป็นห้องนอนก็ได้  หรือจะให้เป็นห้องทำงานเพียงพอเช่นกันครับ  เวลาสมาชิกคนอื่นในบ้านดูหนัง เฮฮาปาร์ตี้อยู่ด้านนอก  แล้วมีใครที่อยากทำงานใช้สมาธิเงียบๆ ก็สามารถแยกออกมาได้เลย ซึ่งห้องนี้ได้กระจกเข้ามุมด้วยด้วยนะครับ

อ่อ .. แล้วก็จะเห็นว่า  เวลาที่ Combined ห้องเสร็จแล้ว ทุกห้องก็ยังได้แสงธรรมชาติเข้ามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสเปซห้องนอน, ห้องอเนกประสงค์ หรือแม้แต่พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ก็ตามครับ

SHOW UNIT

ห้องตัวอย่างที่โครงการทำไว้ให้ดูใน Sale Gallery  เป็นแบบ 2 ห้องนอน 81.5 ตารางเมตรครับ  ซึ่งห้องแบบนี้ถ้าใครคิดว่าสเปซพอเพียงแล้ว  ก็สามารถเลือกขนาดนี้ได้เลยเพราะแปลนทำออกมาได้ลงตัวมากทีเดียว  แต่อย่างที่เล่าไปว่าโซนนี้ลูกค้ากลุ่ม Family ที่ต้องการห้องใหญ่พื้นที่เยอะมีมากครับ  ถ้าพื้นที่ใช้สอยที่ต้องการไม่พอก็สามารถซื้อห้อง 1 ห้องนอนติดกันมา Combined เพิ่มเติมได้อย่างที่เล่าไปแล้วเลย  สามารถแจ้งโครงการให้ทำให้ได้เลย  เดี๋ยวผมพาดูในส่วนที่ห้องตัวอย่างที่มีกันก่อนนะครับ

ส่วนห้องส่งมอบของ ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท จะเป็นแบบ Fully Fitted ครับ  ได้ Pantry ครัว ที่ AP ออกแบบ  โดยอุปกรณ์เตา และ Hob & Hood ของ Franke, ห้องน้ำวัสดุตามห้องตัวอย่าง นอกนั้นก็ต้องเอามาตกแต่งเพิ่มเติมเองตามชอบใจ

ห้องตัวอย่างคอนโด RHYTHM EKKAMAI ESTATE

ขนาด 81.5 ตารางเมตร

(2 ห้องนอน แบบที่นำมา Combined room ได้)

เข้ามาส่วนแรกจะเป็น Foyer ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราเข้าบ้านครับ  ไม่ได้เปิดประตูไปแล้วเจอห้องที่มีฟังก์ชั่นทุกอย่างเลยแบบที่เห็นกันในคอนโดขนาดเล็กทั่วไป  นอกจากตกแต่งให้สวยงามแล้ว  พื้นที่ตรงนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำตู้หรือชั้นเก็บของต่างๆ ก็ได้ครับ  เวลามองผ่านเข้าไปในห้องก็จะเห็นลูกเล่นการเข้าถึงที่มีมุมมองต่างๆ น่าสนใจกว่าคอนโดทั่วไป

เมื่อเดินเข้ามาในสเปซส่วนกลางเราจะเจอมุมนี้ครับ  เป็นส่วนที่ใช้งานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น Living area, Dining area และส่วนของ Pantry

ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วสเปซส่วนนี้กว้างขวางกว่าในทาวน์โฮมหรือบ้านเดียวขนาดเล็กหลายโครงการอีกครับ  ก็น่าจะตรงตามคอนเซ็ปต์ที่โครงการเค้าวางเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าอยากให้การอยู่คอนโด Rhythm เอกมัย เอสเตท ยังได้ความรู้สึกไม่ต่างกับการอยู่บ้าน

มุมมองเข้าไปจากตรงระเบียงครับ  ถ้าหากเราซื้อเป็นห้อง Combined ก็จะเจาะช่องทางซ้ายมือของ Pantry ทำเป็นทางเข้าห้องนอนและห้องอเนกประสงค์เพิ่มได้  ซึ่งก็ยังทำให้สเปซทั้งหมดดูเป็นสัดเป็นส่วนอยู่

อ้อ..  ลืมบอกไปว่าระเบียงห้องที่ผมยืนถ่ายรูปก็จะได้กระจกเป็น Double Balcony เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกครับ

เข้ามาดูในห้องนอนใหญ่กันครับ  สเปซโดยรวมก็กว้างขวาง  วางเตียง King size แล้วยังสามารถเดินได้รอบแบบสะดวก  ในห้องส่วนใหญ่ของโครงการก็จะได้กระจกบานใหญ่  ทำให้สามารถเห็นวิวได้กว้าง  และก็ได้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะครับ  (ด้านนอกของห้องตัวอย่าง  แอบเห็นต้นจามจุรีที่โครงการอนุรักษ์เอาไว้ด้วยนะ)

อีกมุมนึงมองย้อนกลับเข้ามาครับ  มีพื้นที่ที่สามารถกั้นเป็นส่วนของ Closet หรือจะกั้นเป็นห้อง Walk-in closet เลยก็ได้เหมือนกัน

ภายในห้องน้ำครับ  ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว  ดูสะอาดตา

เข้ามาในห้องนอนเล็กครับ  แม้จะเป็นห้องนอนเล็ก  แต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรมาก  เนื่องจากโครงการให้กระจกบานใหญ่เช่นกัน

ห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก และส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันก็จะเป็นโทนสีขาวแบบเดียวกันเลยครับ  รูปแบบของอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นโถสุขภัณฑ์, ก็อกน้ำ, ฝักบัว, Rain Shower ก็เลือกดีไซน์แบบโมเดิร์นเรียบๆ คลีนๆ ครับ  สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และก็อกน้ำเป็น Kolher ส่วนส่วนอ่างอาบน้ำเป็นของ Kasch (มีเฉพาะห้องน้ำในห้องนอนใหญ่)

HOW MUCH ?

ราคา ณ เดือนพฤษภาคม 2562*

*ราคาที่ลงไว้เป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเยี่ยมชมเก็บข้อมูลทำบทความ (4 พฤษภาคม 2562)  ราคาขายอัปเดตสามารถสอบถามได้กับทางโครงการโดยตรง

ราคาเริ่มต้น :

• แบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.7 ล้านบาท
• แบบ 2 ห้องนอน ขนาดประมาณ 81.5 ตร.ม.  ราคาเริ่มต้น 15.7 ล้านบาท

เงื่อนไขการจอง :

เงินจอง

• 1 ห้องนอน จอง 50,000 บาท
• 2 ห้องนอน จอง 100,000 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

• ค่าจดจำนอง 1% (กรณีขอสินเชื่อ)
• ค่าธรรมเนียมโอน 1%  (ส่วนของลูกค้า)
• ค่ามิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า
• ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
• ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

Overview Summary

ด้านการเดินทาง และ สภาพแวดล้อม

การเดินทางในโซนเอกมัยคงไม่ต้องพูดกันมากครับ  อย่างที่รู้กันว่าเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสุขุมวิทได้สะดวก  จากโครงการเลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวก็ถึงทองหล่อ  ถ้าจะออกนอกเมืองก็สามารถตรงไปอย่างเดียวเข้าเส้นเลียบด่วน เอกมัย-รามอินทราได้เลย  ส่วนถ้าจะใช้รถไฟฟ้าเดินทางระยะห่างจากโครงการถึงปากซอยประมาณ 1 กิโลเมตร  เรียกวินมอเตอร์ไซต์ไปก็ได้ เพราะมีอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการเลย  พื้นที่รอบๆ ก็แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในระยะเดินถึงครับ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

เอกมัยเป็นทำเลที่จัดว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบอยู่แล้วครับ  ไม่ได้ขาดแคลนอะไร มูลค่าของทำเลก็จะเพิ่มตามเศรษฐกิจภาพรวมและคุณภาพของ Property นั้นๆ  ว่าสามารถทำมาตอบโจทย์คนที่เป็น Demand จริงๆ ได้ขนาดไหนครับ  ส่วนบริเวณใกล้เคียงในอนาคตเส้นทองหล่อมีแผนงานของรถไฟฟ้าสายสีเทาที่พูดกันมาสักระยะแล้ว  แต่ก็อาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก  เพราะตัวโครงการก็ไปใช้ BTS เอกมัย ซึ่งเป็นสายสีเขียวเส้นหลักได้สะดวกกว่าอยู่แล้ว

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

โดยปกติคอนโดของ AP ก็มักจะมีการพัฒนาเรื่องของสเปซใหม่ๆ ที่น่าสนใจออกมาสู่ตลาดคอนโดกันโดยตลอดครับ  ในส่วนของ Rhythm Ekkamai Estate ก็เช่นกัน  โดยพื้นฐานแนวคิดเริ่มต้นของโปรเจคนี้มาจากการตีความคำว่า “Feel Like Home” ว่าจะออกแบบยังไงให้คนที่อยู่รู้สึกเสมือนว่า “อยู่บ้าน” ให้มากที่สุด  จึงเห็นการคุม Mood & Tone ของส่วน Facilities ต่างๆ ในโครงการให้ออกไปในทิศทางเดียวกัน  ดูแล้วอบอุ่น มีความโฮมมี่มากทีเดียว  ซึ่งภาพรวมก็ต้องถือว่าจัดเต็มมากทีเดียครับ

ส่วนกลางด้านล่างกินพื้นที่ด้านหน้าตั้งแต่ชั้น 1-7 มีบันไดเชื่อมแยกเป็น 2 ฝั่ง คือ Social zone และ Quiet zone ที่แยกรูปแบบและการใช้งานออกจากกัน  ซึ่งเมื่อเดินขึ้นไปจนสุดที่ชั้น 7 ก็จะเป็นส่วนของ Floating Lobby ที่ดึงเอารูปแบบของ “ชานบ้าน” มาตีความเป็นสเปซแบบใหม่ที่เข้ากับการใช้งานในปัจจุบันครับ  ส่วนยอดอาคารที่ชั้น 31-32 ก็จะมีทั้ง 360 degree Infinity Edge Pool ที่แยกสระเด็ก และมีส่วนของ Jacuzzi, Sky Lounge, Sky Library, Wellness Spa, Steam room (ผู้หญิง), Sauna room (ผู้ชาย), Fitness, Private Fitness โดยที่มีที่จอดรถ 202 คัน  เป็นสัดส่วนประมาณ 67% ครับ

แปลนของ ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท จัดว่ามีความหลากหลายมากครับ มีขนาดตั้งแต่ 35-177 ตารางเมตร  สามารถเลือกได้ตามความต้องการ  ไม่ว่าจะอยู่แค่ 1-2 คน  หรือจะอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ก็ได้ครับ  นอกจากแปลนแบบ 1 ห้องนอน หรือ 2 ห้องนอนแล้ว  แปลนของริธึ่ม เอกมัย ยังสามารถรองรับดีมานด์ของแบบ 3 ห้องนอน สำหรับคนที่ต้องการสเปซเยอะๆ ในระดับ 100 ตารางเมตรขึ้นไปได้โดยการ Combined ห้องครับ  ซึ่งตำแหน่งการวางแปลนต่างๆ ได้ถูกคิดเผื่อมาตั้งแต่ต้นแล้ว  ทำให้หลังจาก combined แล้ว  ก็ยังสามารถจัดแปลนออกมาได้สวยงาม  และมีสัดส่วนที่ลงตัวอยู่ครับ  ซึ่งห้องที่ได้มาจะเป็นแบบ Fully Fitted ในห้องได้พื้นไม้ Hybrid Engineers, มีครัว Built-in ให้อุปกรณ์ของ Franke และห้องน้ำที่ให้อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์ Kohler และ Kasch ครับ

ใครสนใจก็แวะเข้าไปชม Sale Gallery กันได้ตลอดทุกวันครับ

กดตามพี่กูเกิ้ลไปได้เลย >>  คลิกเส้นทางไป Sale Gallery

รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม >> เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะครับ ^_____^