นายสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาดและการขาย บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เข้ามาร่วมทำงานกับเจ.เอส.พี. เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมองว่าเป็นโอกาสที่ท้าทายในบทบาทใหม่และมีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์สานต่อความสำเร็จจากการที่เจ.เอส.พี. ก้าวแตะท็อป 10 แบรนด์อสังหาฯ ไทย ที่สามารถทำรายได้สูงในช่วงสองปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีเป้าหมายรุกธุรกิจในกลุ่มตลาดแนวราบอย่างจริงจัง โดยเบื้องต้นหลังจากเข้ามาร่วมทำงานกับ เจ.เอส.พี. นั้น ได้เริ่มศึกษายุทธศาสตร์โครงสร้างของการดำเนินงานที่ผ่านมา และได้วางแผนต่อยอดพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งระดับกลาง-ล่าง พร้อมกับรีแบรนด์ปรับโฉม เจ.เอส.พี. ใหม่ ภายใต้แนวความคิด “มอบความสุขและบริการที่ดีแก่ลูกค้า” อีกทั้งมีการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น เทียบชั้นแบรนด์ไฮเอนด์ โดยตั้งเป้าจับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานใหม่ ในช่วงระหว่างอายุ 30-40 ปี พร้อมตั้งเป้าภายใน 3 ปี สามารถทำยอดขายรวมแตะ 1.9 หมื่นล้านบาท
“สำหรับแนวทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 นี้ ได้วางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ประเภทบ้านแฝดก่อน 1 โครงการ ทำเลย่านบางบัวทอง มูลค่าโครงการกว่า 800 ล้านบาท และต้นปี 2563 เตรียมเปิดแนวราบเพิ่มอีก 7 โครงการ ได้แก่ ทำเลโครงการบางพระ, โครงการแพรกษา, โครงการบางใหญ่จำนวน 2 โครงการ, โครงการบางใหญ่ (2), โครงการติวานนท์, และโครงการบางบัวทอง ซึ่งมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท”
ส่วนแนวทางสำหรับการพัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ ยังคงใช้จุดแข็งและข้อได้เปรียบของ เจ.เอส.พี. ที่มีมาต่อยอดเพื่อให้เกิดความสำเร็จอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
1) Best Locations โครงการทำเลดีติดถนนใหญ่ อยู่ใจกลางแหล่งชุมชน
2) Best Community เดินทางสะดวก มีการคมนาคมที่ดี ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ใกล้ทางยกระดับ
3) Best Function เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่มากยิ่งขึ้นอย่างสร้างสรรค์ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์
4) Best Price ราคาสำหรับคนรุ่นใหม่เอื้อมถึง จับต้องและสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายๆ ส่วนการสร้างจุดเด่นของโครงการในภาพรวม เน้นผสมผสานความโมเดิร์นความหรูหราและความทันสมัยอย่างลงตัว
นอกจากนี้ยังทำพื้นที่ใช้สอย ให้มากขึ้นและมีหลากหลายแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยยกเอารูปแบบและฟังก์ชั่นบ้านราคาแพงมาใส่ ด้วยการออกแบบให้ตัวบ้านเป็นแบบ Space Plus ซึ่งเพดานมีความสูงถึง 3 เมตร ทำให้บ้านมีความโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด ได้คุณภาพที่เหนือกว่าในราคาไม่สูง พร้อมทั้งยังมีการดูแลและบริการหลังการขายที่ดี ด้วยระบบ J Care ที่ลูกบ้านสามารถแจ้งซ่อม ดูแลระบบรักษาความปลอดภัย และให้บริการในเวลาอันรวดเร็วทันใจ เพื่อแสดงถึงความใส่ใจดูแลเสมือนครอบครัวเดียวกัน
ภาพรวมของบริษัทฯ ที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างใหม่สำหรับการดำเนินงานในหลายทางเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เช่น ด้านโครงสร้างทางการเงิน ปรับใช้แหล่งเงินทุนระยะยาวมากขึ้นจากเดิมที่เป็นแหล่งทุนระยะสั้น ด้านการบริหารงานและพัฒนาสินค้า มีการปรับโฉมโปรดักส์ใหม่ จับกลุ่มเซ็กเม้นต์ระดับพรีเมี่ยม ในราคา 7-10 ล้านบาท บนพื้นที่ในเมือง เช่น กัลปพฤกษ์ และเปิดโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มเติมอีกด้วย
“บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2562 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 วางเป้ารายได้รวมแตะกว่า 4,500 ล้านบาท โดยหวังโตเพิ่มขึ้นอีกราว 15% ในทุกปีจากการเร่งดันโครงการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อีกทั้งในแต่ละช่วงของไตรมาส เจ.เอส.พี. ยังมีการจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายและเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมทั้งการจัดแคมเปญพิเศษเข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโดทั้งในช่วงของทุกต้นปี-ปลายปี ก็คาดว่าน่าจะเป็นแรงส่งให้ยอดรายได้ทะลุเป้า” นายสงกรานต์ กล่าวสรุป