SENA ปล่อยแคมเปญกระตุ้นตลาด โกยรายได้ไตรมาส 3 ปี 2562 แตะ 1,160.6 ล้านบาท โต 7.6% พร้อมโชว์ Backlog ตุนเต็มกระเป๋า 12,860 ล้านบาท ปลื้มรายได้โซลาร์รูฟท็อปยังมาแรง ขณะที่มาตรการ LTV ยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของกำลังซื้อที่ยังชะลอการตัดสินใจ ชี้กลุ่มลูกค้า “เรียลดีมานด์” ยังเป็นทาเก็ทสำคัญในช่วงดอกเบี้ยขาลงล่าสุดขน 3 โครงการแนวราบ-แนวสูง เปิดตัวใหม่ส่งท้ายปลายปี 62 หวังดันยอดขายตามเป้า
นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการ สายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบและแนวสูง เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3 ปี 2562 มีการปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัย “เรียลดีมานด์” หรือ คนที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกด้วยปัจจัยอัตราดอกเบี้ยการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลง ประกอบกับการจัดแคมเปญของผู้พัฒนาโครงการเริ่มมีการกระตุ้นตลาดมากขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงของบริษัทเสนามีการจัดแคมเปญ “Made From Her พาเธอมาเจอดีลดี” ช่วยกระตุ้นการโอนในไตรมาส 3/2562 ทำให้มีรายได้อยู่ที่ 1,160.6 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.6% กำไรสุทธิอยู่ที่ 107.3 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวม 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.62) อยู่ที่ 3,503 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 381.7 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และมาตรการกำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยหรือมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการควบคุมการปล่อยสินเชื่อบ้านสัญญาที่ 2,3 อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทวางเป้าหมายเปิดโครงการใหม่รวม 11 โครงการรวม 3,315 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 10,172 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทางบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,195 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 12,860 ล้านบาท (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562) ซึ่งทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2565
สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2562 แบ่งเป็น รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย อยู่ที่ 785.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.8% และเมื่อรวมรายได้ 9 เดือน อยู่ที่ 2,321 .4 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 28.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังสามารถรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
- แบรนด์ “นิช” จำนวน 509 ยูนิต มูลค่า 1,151 ล้านบาท
- แบรนด์ “เดอะคิทท์” จำนวน 335 ยูนิต มูลค่า 558.4 ล้านบาท
ประเภทบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม, อาคารพาณิชย์
- แบรนด์ เสนาพาร์ควิลล์, เสนาพาร์คแกรนด์, เสนาวิลล์ และแพรมาพร จำนวน 52 ยูนิต มูลค่า 306.7 ล้านบาท
ช้อปเฮ้าส์และอเวนิว จำนวน 23 ยูนิต มูลค่า 187.7 ล้านบาท และมีการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการแนวราบในต่างจังหวัด ภายใต้บริษัท เสนา วณิช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 3 โครงการ 57 ยูนิต มูลค่า 116.1 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีการรับรู้รายได้จากค่าเช่าและบริการอยู่ที่ 324.2 ล้าน เพิ่มขึ้น 41.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจาก
- รายได้ค่าเช่าและบริการพาร์ทเม้นท์ 3.1 ล้านบาท
- รายได้การบริหารนิติบุคคล 10.4 ล้านบาท
- รายธุรกิจเช่าโกดัง 6.3 ล้านบาท
- รายได้จากธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์เสนาเฟสท์ 17.1 ล้านบาท
- รายได้จากสนามกอล์ฟ 20.6 ล้านบาท
- รายได้รับบริหารโครงการ 259.9 ล้านบาท
- รายได้จากการเช่าที่ดิน 0.9 ล้านบาท
- รายได้ค่านายหน้า-ค่าที่ปรึกษาขายอสังหาฯ 4.2 ล้านบาท
- รายได้รับเหมาก่อสร้าง 1.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นมาจากบริษัทมีรายได้จากการรับบริหารงานโครงการเพิ่มมากขึ้นในปี 2562 ส่งผลให้รายได้เช่าและบริการงวด 9 เดือน เท่ากับ 997.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489.7 ล้านบาท คิดเป็น 96.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ค่าเช่าและการบริการ 507.7 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจโซลาร์อยู่ที่ 16.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนขณะที่ช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.62 ) อยู่ที่ 79.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 114.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทยังคงรับรู้รายได้ธุรกิจโซลาร์อย่างต่อเนื่องและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการที่บริษัทลงทุนไว้คิดเป็น 73 ล้านบาท ซึ่งทิศทางของธุรกิจโซลาร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่ต้องการนำโซลาร์รูฟท็อปไปติดตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดต้นทุนค่าพลังงาน
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2562 มีแผนเปิดอีก 3 โครงการทั้งโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าโครงการราว 2,977 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ เสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม. 8, โครงการเสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6 และล่าสุด เปิดโครงการ เสนา- อาศุ พระราม 9 คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่
อย่างไรก็ตามปี 2562 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญความไม่แน่นอน รวมถึงปัจจัยภายในประเทศอย่างมาตรการ LTV และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการหดตัวลงของการอนุมัติสินเชื่อนับตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งกระทบกับบ้านหรือคอนโดมิเนียมในทุกระดับราคา คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่สามารถเติบโตได้เหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่เป็นโจทย์ยากและท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลกระทบจากหลายๆ ปัจจัยที่เกิดขึ้นที่ยังคาดว่าจะส่งผลกระทบทำให้ภาคอสังหาฯ ชะลอตัวต่อเนื่องไปถึงปี 2563