เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 4 รายได้และกำไรลดลง ขณะที่ภาพรวมปี 2562 กำไรเพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท

· ~ 1 min read

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์ “คอตโต้” (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของ COTTO ในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,545 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน โดยมีผลขาดทุน 70 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 207 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 180 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากสถานการณ์ตลาดที่ชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำในส่วนของแผนการออกจากงานด้วยความเห็นชอบร่วมกันเป็นเงิน 85 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม11,074 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ร้อยละ 4 โดยมีกำไรสุทธิรวม 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 158 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ รวมถึงความสามารถในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ประกอบกับสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารการขายและการตลาดได้ตามเป้าหมาย และมีกำไรจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแคเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน

ในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออก 1,946 ล้านบาท และรายได้จากการขายในภูมิภาคอาเซียน 1,370 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 มีรายได้จากการส่งออก 466 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 ของยอดขายรวม ลดลงร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีปริมาณขายในภูมิภาคอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ของปริมาณขายรวม ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

นายนำพล เปิดเผยว่า ในส่วนของยอดขายตลาดต่างประเทศลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของสงครามการค้า รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อยอดขายกระเบื้องเซรามิกในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก กัมพูชา ลาว และ พม่า

ด้านสถานการณ์ตลาดเซรามิกในประเทศ ไตรมาสที่ผ่านมา ไม่มีการเติบโตและติดลบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยลบอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวประกอบกับความกังวลใจเรื่องภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของปี 2562 จากการที่รัฐบาลเร่งดำเนินโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economy Corridor หรือ EEC) ตลอดจนมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นตลาด และการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังเกิดภาวะน้ำท่วม ทำให้ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายกระเบื้องเซรามิกในประเทศใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

นายนำพล กล่าวเสริมว่า จากมาตรการของภาครัฐที่มุ่งเน้นช่วยผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% มาตรการสินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาทของธนาคารอาคารสงเคราะห์สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท การคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 2.5% ใน 3 ปีแรก และการผ่อนปรนมาตรการ Loan to Value (LTV) ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้สินค้ากระเบื้องเซรามิก บริษัทฯ จึงได้เร่งขยายสาขา “คลังเซรามิค” ร้านค้าปลีกจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกสำหรับตลาดระดับกลางลงมา ให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าผ่านช่องทางนี้

 

ล่าสุด เพื่อให้การขยายสาขาเป็นได้อย่างรวดเร็วตามแผนงานที่ตั้งเป้าหมายจะ ขยายสาขาให้ได้ถึง 100 สาขา ภายในปี 2023 บริษัทฯ จึงได้พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ “คลังเซรามิค แฟมิลี” ซึ่งเป็นการร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายที่มีศักยภาพเปิดสาขา “คลังเซรามิค” ร่วมกัน เนื่องจากทั้งสองฝ่าย คือ บริษัทฯ และผู้แทนจำหน่ายต่างมีจุดแข็ง คือ บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตสินค้าที่ครอบคลุมตลาดทุกระดับ ในขณะที่ผู้แทนจำหน่ายมีฐานลูกค้าและความสัมพันธ์กับผู้บริโภคในพื้นที่และมีทำเลที่ตั้งของร้านเหมาะสม เมื่อผนึกกำลังกันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าเพราะ “คลังเซรามิค” จะอยู่ในพื้นที่เดียวกับร้านผู้แทนจำหน่ายซึ่งเป็นทำเลที่ลูกค้าคุ้นเคยดีอยู่แล้ว สามารถเข้ามาใช้บริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วย

 

นายนำพล เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา “คลังเซรามิค” ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกกระเบื้องเซรามิกสำหรับตลาดระดับกลางลงมา มียอดขายและการเติบโตเป็นที่น่าพอใจมาก โดยมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงต้องการที่จะเร่งขยายสาขาครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายให้เร็วขึ้น โดยมองว่ามีโอกาสที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ มีพันธมิตรอยู่ในทุกพื้นที่คือ ร้านผู้แทนจำหน่ายที่มีศักยภาพสูง มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการขายสินค้าเซรามิกมายาวนาน ที่สำคัญ เป็นที่รู้จักของลูกค้าในพื้นที่ จึงได้มีการพูดคุยนำเสนอแผนธุรกิจและตกลงร่วมมือกันเปิดสาขา “คลังเซรามิค แฟมิลี” ในพื้นที่ของร้านผู้แทนจำหน่าย เพื่อเป็นการเร่งขยายเพิ่มจำนวนสาขาให้เร็วขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้สะดวกที่สุดและมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดีได้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ล่าสุดได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่าย คือ บริษัท ไถ่เชียงระนอง จำกัด เปิดคลังเซรามิค แฟมิลี สาขาแรกที่จังหวัดระนอง และอยู่ระหว่างการดำเนินการกับ บริษัท ชลบุรีอึ้งย่งล้ง จำกัด และ บริษัทนาบอน วัสดุภัณฑ์ จำกัด เพื่อเปิดสาขา “คลังเซรามิค” ภายใต้โมเดลธุรกิจนี้”

 

“ร้านผู้แทนจำหน่าย จะเน้นสินค้าตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปจนถึงระดับบน แล้วเสริมด้วย “คลังเซรามิค” ที่มีสินค้าตั้งแต่กลุ่มระดับกลางลงมา โมเดลนี้นอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับร้านผู้แทนจำหน่ายแล้ว ที่สำคัญ ผู้บริโภคยังจะได้รับประโยชน์ด้วยเพราะจะมีสินค้ากระเบื้องเซรามิกให้เลือกซื้อหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกทุกระดับภายใต้แบรนด์ที่เราผลิตและนำเข้า จึงนับได้ว่าเป็นความร่วมมือที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน” นายนำพล กล่าวสรุป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก